xs
xsm
sm
md
lg

ธิดาพญายม ตอนที่ 1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ธิดาพญายม ตอนที่ 1

กรุงเทพมหานครยามราตรี แลเห็นแสงไฟส่องสีสวยงามจากตึกสูงตระหง่านมากมาย แต่แล้วทันใดนั้นบนท้องฟ้าเหนือตึกสูงเหล่านั้น ก็มีแสงแลบแปลบปลาบขึ้นเหมือนพายุจะมา แสงแปลบปลาบรุนแรงถี่ยิบขึ้น มีร่างสองร่างปรากฏขึ้นมาบนท้องฟ้า กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ทั้งคู่พุ่งเข้าใส่กัน ปะทะกัน ด้วยชั้นเชิงและฝีมืออันสูสี ลีลาการต่อสู้บอกให้รู้ว่า นี่มิใช่มนุษย์ธรรมดา!

ทุกครั้งที่ฝ่ามือกระทบกันก็ปรากฏเป็นพลังแสงขึ้นมา ร่างหนึ่งเป็นหญิงสาวสวยใส่ชุดหนังสีแดงเข้มรัดกุม ทะมัดทะแมง ที่เอวของหล่อนมีมีดสั้นพกอยู่ คู่ต่อสู้เป็นชายหน้าตาดีแต่แฝงความโหดร้าย สวมใส่ชุดสูทขาว ทั้งสองจู่โจมกันอย่างดุเดือด และเมื่อปะทะฝ่ามือกันก็กระเด็นห่างกันออกมา
สาวชุดแดงตีลังกาหมุนตัวแล้วพุ่งเข้าใส่ ร่างของทั้งคู่ต่างปะทะฝ่ามือกันลอยลิ่วตกลงมาจากท้องฟ้าผ่านตึกสูงจนตกลงมาที่พื้นดินตรงลานจอดรถโครม อาคารสั่นสะเทือน ร่างของทั้งสองต่างกระเด็นออกจากกัน แต่แล้วก็ดีดตัวขึ้นมาประจันหน้ากัน
“ท่านชายอาคิน มอบตัวซะดีๆ ท่านหนีเราไม่พ้นหรอก” ณัชชาบอก อาคินหัวเราะก้อง
“ธิดาเทพปราบมาร นึกไม่ถึงว่าองค์หญิงจะมาไกลถึงแดนมนุษย์”
“ไกลแค่ไหน เรานำเทพชั่วอย่างท่านกลับไปได้แน่นอน เป็นหรือตายท่านเลือกเอา” อาคินหัวเราะก้อง ทันใดนั้นร่างของเทพซ้ายขวาของอาคินปรากฎยืนข้างๆ เขา
ณัชชาสีหน้าเคร่ง “นึกว่าผู้ใด เป็นเทพซ้ายขวานี่เอง แค่นี้ไม่พอมือเราหรอก”
“ยังมีอีก”
ทันใดนั้นเสียงคำรามดุดันดังขึ้นมา ร่างของภูตดำปรากฏขึ้น 9 คน ล้อมณัชชาไว้ตรงกลาง ณัชชาขยับตัวคาดไม่ถึง
“เก้าภูตสังหาร”
“เชิญสนุกให้เต็มที่ธิดาพญายม”
อาคินหัวเราะก้อง ณัชชากระชากมีดสั้นออกมา
“ดาบพิชิตมาร”
ณัชชาตวัดวูบมีดสั้นกลายเป็นดาบเรืองแสงสีแดงจ้า เก้าภูตสังหารบุกเข้าจู่โจม ณัชชาทันที ทันใดนั้นณัชชาดีดตัวขึ้นตีลังกาข้ามหัวภูตสังหารทั้งเก้าเหยียบที่บ่าของตัวหนึ่งแล้วพุ่งตัวเข้าใส่อาคิน มีดดาบดิ่งตรงเข้าหัวใจของอาคิน แต่แล้วเสียงดังสนั่นฝ่ามือของเทพซ้ายขวาต่างประสานกันปล่อยพลังเข้าสกัดดาบของณัชชาไว้ได้ ร่างของณัชชาปลิวออกไป ร่างของเทพซ้ายขวากระเด็นถอยไปเช่นกันเก้าภูตสังหารดีดตัวเข้ามารุมล้อมณัชชาเอาไว้ ณัชชาดีดตัว ฟันดาบเข้าใส่ภูตสังหารซึ่งมีกรงเล็บคมแข็งราวกับมีดดาบปะทะกับกรงเล็บเสียงดังสนั่น พวกภูตสังหารบุกเข้าจู่โจม ณัชชาต่อสู้กันได้พักหนึ่ง ณัชชาเริ่มเสียเปรียบถูกพลังมือกระแทกเซไปสองสามครั้ง ณัชชาดีดตัวถอย ตวัดดาบไปมา
“ดูท่าองค์หญิงจะได้ไปเมืองนรกแทนสวรรค์ซะแล้ว”
ทันใดนั้นละอองผงสีชมพูลอยลงมาจากด้านบนเข้าใส่พวกเก้าภูตสังหารเต็มไปหมดจนมองอะไรไม่เห็น เก้าภูตสังหารคำรามก้อง อาคินกับเทพซ้ายขวาต่างหันหน้าขึ้นมอง ทันใดนั้นร่างของนาชะ (กามเทพหญิง) กระพือปีกบินลงมา
“องค์หญิงเร็วเพคะ”
ณัชชากระโดดขึ้นมาคว้ามือของนาชะที่ยื่นออกมาให้จับไว้ได้ นาชะบินหายไปอย่างรวดเร็ว
“ตามล่าองค์หญิงให้ได้” อาคินสั่ง เก้าภูตสังหารคำราม แล้วกลายเป็นควันดำหายวูบตามไปอย่างรวดเร็ว เหลือแต่เทพซ้ายขวายืนระวังอยู่ “ธิดาเทพปราบมารตามเรามาถึงแดนมนุษย์เราต้องรีบหากุญแจให้เร็วที่สุด”

ดินฟ้าอากาศแปรปรวนมีรังสีสว่างแผ่จนสว่างไสว ร่างของ หญิงสาวสองคนปรากฏ คนหนึ่งวัยประมาณ 20-21 สวยน่ารักในชุดหนังสีดำที่เอวมีมีดสั้นพกอยู่ คือณัชชา อีกคนหนึ่ง 14-16 ปีหน้าตาสะสวยท่าทางซนแต่งชุดขาวมีปีกสีขาวโผล่มาทั้งสองข้าง แขวนหน้าไม้เล็กๆ สีขาว ขนาดคืบหนึ่งไว้ที่เอวซึ่งสามารถกลายเป็นหน้าไม้ขนาดจริงได้เมื่อใช้งาน
“ฟิ้ว...เกือบไป องค์หญิงเป็นอะไรหรือเปล่าเพคะ”
“เราไม่เป็นไร เจ้าขัดคำสั่งเรา ตามเรามาจนได้” ณัชชาแกล้งดุ นาชะเหล่มอง
“นาชะว่า เปลี่ยนเป็นขอบใจนาชะ ที่มาช่วยได้ทันเวลา น่าจะดีกว่านะเพคะ” ณัชชายิ้ม
“ขอบใจ ที่มาช่วยได้ทันเวลา เจ้าพอใจหรือยัง”
นาชะยิ้มชอบใจ ทันใดนั้นทั้งสองได้ยินเสียงเอี๊ยด จึงหันไปดูมีรถคันหนึ่งเลี้ยวเข้ามาในซอย แล้วจอด มีวัยรุ่นลงมาจากรถ สามสี่คนมีคนหนึ่งไปยืนที่มุมตึกโก่งคออ้วกด้วยความเมา พวกที่เหลือต่างหัวเราะกัน อีกคนหนึ่งไปยืนมุมตึกปลดซิปออกฉี่หน้าตาเฉย แต่แล้วไอ้คนหนึ่งหันมาเห็นนาชะกับณัชชายืนอยู่
“พวกมนุษย์ กำลังเมาด้วยเพคะ” นาชะบอกณัชชา
“เฮ้ย มีสาวเว้ยเพื่อน” วัยรุ่นบอกเพื่อน
“ให้นาชะจัดการเองนะคะองค์หญิง”
ณัชชาพยักหน้า พวกวัยรุ่นต่างกรูกันเข้ามาหา นาชะก้าวมารับหน้า
“โห อะไรเนี่ยมีปีกด้วย นางฟ้าเหรอ”
“กามเทพย่ะ”
“ว้าว...กามเทพ ที่ทำให้คนรักกันน่ะเหรอ”
“ใช่”
“มิน่า เห็นปุ๊บรักปั๊บ”
ทั้งหมดต่างหัวเราะกัน นาชะสะบัดมือมีผงสีชมพูปลิวว่อนมายังวัยรุ่นทั้งสามคน
“ช่วยพาไปส่งหน่อยดี้”
“ได้เลยครับ”
นาชะหันมาขยิบตาให้ณัชชา ณัชชายิ้ม

ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ประตูห้องพักในโรงแรมเปิด ร่างของนาชะกับณัชชาก้าวเข้ามา
“คืนนี้ เราพักที่นี่ก่อน แล้วนาชะจะจัดที่ประทับให้ใหม่นะเพคะ”
“ไม่เป็นไร ที่นี่ดีแล้วเราไม่อยากเป็นเป้าสายตาของใคร” ณัชชาดีดตัวไปบนเตียง หลังพิงหัวเตียง “ที่นี่ที่ไหน”
“มนุษย์เรียกว่าโรงแรมจิ้งหรีดค่ะ”
“อืม...ชื่อแปลกมาก เจ้านี่เก่งนะรู้เรื่องมนุษย์ทุกอย่าง”
“แหม...องค์หญิงก็ วันหนึ่งมนุษย์อธิษฐานขอความรักเป็นล้าน ถ้าไม่รู้เรื่องจะจับคู่ถูกเหรอเพคะ”
นาชะขึ้นมานั่งข้างณัชชา
“องค์หญิงมีแผนที่จะหากุญแจยังไงเพคะ”
“ก่อนอื่นเราต้องหาทายาททั้งสี่ให้พบ ทายาททั้งสี่มีแผนที่ที่จะนำเราไปสู่ที่ซ่อนของกุญแจ”
“อ๋อ...ง่ายแบบนี้นี่เองพรุ่งนี้เช้านาชะจะบินไปตามมาให้”
“นี่ไม่ต้องมากวน เรารู้ว่าตามหาทายาททั้งสี่เป็นเรื่องยากแต่ทายาททั้งสี่ เป็นครึ่งเทพครึ่งมนุษย์มีพลังเทพอยู่ในตัวช้าหรือเร็วเราต้องสัมผัสได้”
“อย่างนั้น อาคินก็ต้องสัมผัสได้เหมือนกันน่ะซิเพคะ”
“ใช่ เราต้องสังหารอาคินหรือไม่ก็ต้องถึงตัวทายาทก่อน”

นาชะได้แต่มองหน้าณัชชาพูดอะไรไม่ออก

ภายในห้องโถงห้องหนึ่งอาคินในชุดสูทสีขาวจัดเก้าอี้ตัวใหญ่เป็นบัลลังก์ของมันนั่งอยู่คนเดียว มีเทพซ้ายขวาเดินเข้ามารายงาน

“พลังเทพขององค์หญิงอยู่ๆ ก็หายไป ภูตสังหารสัมผัสไม่ได้”
“ต้องเป็นฝีมือของกามเทพนาชะ” นายอำนาจ ซึ่งเป็นหัวหน้ามาเฟียเดินเข้ามา “พวกมันยอมก้มหัวให้องค์กรของเราหรือยัง”
อาคินถามอำนาจ อำนาจยิ้มเยาะ
“ท่านคุกคามพวกมันมาก จนพวกมันไปร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ถ้ามันเปิดโปงเราพรุ่งนี้ องค์กรของเราจะพบจุดจบทันที”
“แค่กำจัดมันซะก็หมดเรื่อง”
“พูดง่ายแต่ทำยาก ผู้กองเอกภพเป็นหัวหน้าหน่วยคุ้มกันเป็นยอดฝีมือของทางการ ไม่มีใครผ่านได้”
อาคินหัวเราะก้อง
“ท่านเตรียมคนให้พร้อม ชีวิตของมันต้องจบคืนนี้”
อาคินยิ้มสีหน้าเยือกเย็น

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นที่โกดังเก็บของแห่งหนึ่ง รถตู้สองคันวิ่งเข้ามาจอดเทียบ ร่างของเจ้าหน้าที่ในชุดปฏิบัติการลงมา 3-4 คน รถตู้เปิด ร่างของชายคนหนึ่งดูเหมือนนักธุรกิจก้าวลงมา ส่วนอีกคันหนึ่งเจ้าหน้าที่นับสิบลงมา
“โรงเก็บของ” มาเฟียกวาดตามองอย่างเสียอารมณ์ รถอีกคันหนึ่งเข้ามาจอดร่างของเอกภพก้าวลงมา “คุณพาผมมาโรงเก็บของ ผมระดับไหนคุณไม่รู้เหรอ”
“ผมรู้แต่ว่าคุณเป็นมาเฟีย แค่จะให้การโค่นพวกเดียวกันไม่ทำให้คุณเป็นคนสำคัญสำหรับผม ผมหวังว่าพวกมันคงคาดไม่ถึงว่าผมจะพาคุณมาซ่อนตัวที่นี่” มาเฟียเงียบไป แล้วพยักหน้าเป็นเชิงเห็นด้วย“จัดกำลังเจ้าหน้าที่ระวังรอบนอก ห้ามคนผ่านเข้ามา”
เจ้าหน้าที่กระจายกำลังออกไป เหลือเอกภพ มาเฟียและเจ้าหน้าที่ 3-4 คน เจ้าหน้าที่ที่เหลือเข้ามา
“เชิญด้านในครับ”
ทั้งหมดก้าวเข้าไปข้างในก็เห็นห้องขังตั้งอยู่ตรงกลางห้อง ภายในห้องขังมีเตียงนอน โต๊ะทำงาน ทีวีและมีห้องกระจกใสขนาด 4 คูณ 4 เมตร ตั้งอยู่ตรงกลางสูงเกินศีรษะคน
“ห้องขังเหรอ”
“คุณจะอยู่ในห้องขัง กุญแจล็อคอย่างแน่นหนาไม่มีใครมาเอาตัวคุณไปได้ ตู้กระจกที่คุณเห็นเป็นตู้กันกระสุน ในกรณีที่พวกมันหรือพวกผมบางคนอยากจะยิงคุณ”
“ตลกมาก”
มาเฟียแกล้งหัวเราะ ทันใดนั้นเสียงปืนดังสนั่นมาจากด้านนอก เจ้าหน้าที่วิ่งเข้ามา
“มีกำลังบุกเข้ามาประมาณได้เกือบยี่สิบคน”
“ไหนคุณบอกว่าไม่มีใครรู้ไง”
“คุณยังหักหลังพวกคุณได้ ผมเชื่อว่าต้องมีคนหักหลังคุณเหมือนกัน”
“เข้าไปในตู้กระจกดีกว่าครับ”
มาเฟียรีบไปที่ห้องขัง เจ้าหน้าที่เปิดประตูให้เข้าไปแล้วล็อคกุญแจ มาเฟียรีบเข้าไปในตู้กระจกกันกระสุน
“กุญแจ” เจ้าหน้าที่เอากุญแจมาส่งให้เอกภพ “ยิงทุกคนที่ผ่านเข้ามา”
เอกภพสั่งแล้วออกไป เจ้าหน้าที่กระจายกำลังกันรอบห้องขัง

เอกภพออกมาสมทบกับเจ้าหน้าที่ที่ยิงต้านพวกคนร้ายอยู่หลังลังคอนเทนเนอร์ต่างๆ เงาของพวกคนร้ายวูบวาบเข้ามานับสิบๆ เอกภพดีดตัวข้ามคอนเทนเนอร์ออกไปหาพวกมัน เงาของพวกมันโผล่ออกมา เอกภพยิงใส่พวกมันล้มคว่ำไปหนึ่ง หันไปยิงอีกสองตวัดกลับมายิงพวกมันไปอีกหนึ่ง เดินลุยเข้าไปสาดพวกมันอีกสาม หันไปยิงอีกหนึ่ง ตบแม็กออกจากปืน แล้วใส่อันใหม่เข้าไป แล้วหันไปยิงสาดพวกมันอีกสอง หันไปอีกด้าน ยิงพวกมันอีกหนึ่ง เสียงพวกมันร้องกันระงม
ทันใดนั้น เสียงประหลาดดังก้องมาทางด้านหลัง เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวถี่ยิบ และเสียงร้องโหยหวนของมาเฟียดังออกมา เอกภพหันขวับหน้าเครียด

เอกภพพรวดเข้ามาในห้องแล้วต้องหยุดชะงัก เมื่อตรงหน้าที่เห็นคือร่างของเจ้าหน้าที่ทั้งหมดที่คุมห้องขัง ตายหมด ห้องขังตรงส่วนประตูพังไปแถบหนึ่งประตูห้อยร่องแร่ง แต่ห้องกระจกอยู่เหมือนเดิมไม่มีเสียหาย ยกเว้นแต่ร่างของมาเฟียในห้องนอนตายสนิท เอกภพยืนอยู่ใกล้กับห้องกระจกหน้าเครียด เจ้าหน้าที่จากด้านนอกเพิ่งวิ่งเข้ามาถึงเอกภพ

ที่โรงแรมจิ้งหรีด ณัชชาดีดตัวขึ้นมาจากการนอน ทำให้นาชะดีดตัวตื่นขึ้นมาด้วย
“เกิดอะไรขึ้นคะองค์หญิง”
“เรารู้สึกถึงพลังของภูตสังหาร” ณัชชาลุกขึ้นจากเตียงเดินไปเดินมา “แปลก”
“มีอะไรแปลกหรือเพคะ”
ณัชชาหลับตาทบทวนความฝันเห็นภาพภูตสังหารปรากฏตัวขึ้นหน้าห้องขัง เอามือตวัดโครมห้องขังพังทลาย แล้วภูตสังหารก็เข้าไปที่ตู้กระจกซึ่งมาเฟียอยู่ข้างใน แล้วกลายเป็นควันดำลอยเข้าไปในตู้กระจกจนควันดำปกคลุมจนเต็มตู้เสียงมาเฟียร้อง จากนั้นควันดำก็สลายตัวแล้วก็มีร่างของเอกภพพรวดเข้ามาที่ตู้กระจกมองร่างของมาเฟียที่นอนตายอยู่
“พลังภูตสังหารกลับทำให้เราเห็นมนุษย์คนหนึ่ง”
“หรือว่าจะเป็นทายาทที่องค์หญิงตามหา”
“เรายังไม่แน่ใจเหมือนกัน”
“นาชะนอนต่อดีกว่า” นาชิขยับตัวนอนลง ณัชชาเดินครุ่นคิด
“อาคินส่งเก้าภูตมาสังหารมนุษย์ มันมีแผนอะไรกันแน่”
ณัชชาถอนหายใจมองออกไปนอกหน้าต่างโรงแรม สีหน้าเคร่งเครียด

ภายในห้องประชุมที่องค์กรของอาคิน อาคินนั่งอยู่ที่โต๊ะประชุม ตรงหน้ามีอาหารว่างพร้อมไวน์ เทพซ้ายขวายืนอยู่ทางด้านหลัง อำนาจเดินเข้ามารายงาน
“ภูตของท่านทำงานสำเร็จ แต่คนของเราถูกผู้กองเอกภพฆ่าตายนับสิบ”
“สงครามก็ย่อมมีคนตาย”
อำนาจไม่พอใจแต่ก็จำต้องพยักหน้ารับ

วันต่อมาที่กองบัญชาการกรมตำรวจ เอกภพอยู่ที่ห้องของผู้บัญชาการสีหน้าเคร่งเครียด
“ผมเป็นคนถือกุญแจห้องขัง”
เอกภพยืนอยู่หน้าโต๊ะของ ผ.บ. สิทธิชัย บนโต๊ะมีกุญแจวางอยู่
“แปลกมาก มีพวกหัวหน้ามาเฟียแก๊งเล็กๆ ตายไปแล้ว 3 คนภายในหนึ่งอาทิตย์ ผมต้องการจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด”
“ครับผม”
“อ้อ บ่ายนี้ศาลจะตัดสินคดีนายประสิทธิ์ ผมเชื่อว่านายประสิทธิ์มีศัตรูคอยต้อนรับอยู่แน่ๆ คุณช่วยแวะไปดูหน่อย อย่าให้เกิดเรื่อง”
“ครับผม”
เอกภพทำความเคารพแล้วเดินออกไป

สิทธิชัยสีหน้าเคร่ง หยิบกุญแจขึ้นมาเดาะในมือ แล้วโยนทิ้งลงถังขยะ

ร่างของณัชชากับนาชะปรากฏตัวขึ้นที่มุมหนึ่งหน้าศาล

“เจ้าแน่ใจนะว่าพลังของเจ้าจะพรางพลังของเราได้”
“รับรองได้ พลังแห่งความรักเหนือกว่าพลังทุกอย่างเพคะ ว่าแต่องค์หญิงจะมาที่นี่ทำไม”
“มีพลังบางอย่างดึงเรามาที่นี่”
ณัชชากราดสายตาไปทางด้านหน้า เห็นรถของนักการเมืองออกมาจอดที่หน้าศาล รุมล้อมด้วยนักข่าว นักการเมืองออกมาจากรถและหยุดให้นักข่าวถามโดยมีคนคุ้มกันคอยกันให้นักข่าวถอยห่างพอประมาณ
“เราเข้าไปดูใกล้ๆ ดีกว่า”
ณัชชากับนาชะก้าวออกไป

นักการเมืองที่ถูกนักข่าวรุมล้อมก็คือนายประสิทธิ์
“ท่านมั่นใจแค่ไหนเกี่ยวกับคดีนี้ครับ” นักข่าวยิงคำถาม
“หลุดแน่นอน ไม่มีหลักฐานที่บ่งบอกว่าผมคอรัปชั่น เป็นการสร้างข่าวเพื่อลดความน่าเชื่อถือของผม”
“แล้วเรื่องที่ว่าท่านฟอกเงินให้พวกมาเฟียปีละเป็นพันล้านเท็จจริงแค่ไหน”
“ไม่มีหลักฐาน ไม่มีเงินในบัญชีผม เรื่องไร้สาระครับ”
ทันใดนั้นเสียงดังฟุบ นายประสิทธิ์ผงะทรุดลง กระสุนเข้าที่หน้าผาก ทุกคนส่งเสียงกรีดร้อง วิ่งกันกระจาย
พวกบอดี้การ์ดต่างกระชากปืนพรวดเข้ามาล้อมตัวนายประสิทธิ์ไว้ตรงกลาง ต่างกราดปืนไปมาหาเป้าหมาย ณัชชาหันควับไปทางด้านตึกตรงข้าม
“คนยิงอยู่ตึกตรงข้าม”
ณัชชาขยับตัว นาชะรีบห้าม
“โน โน โน องค์หญิงยุ่งไม่ได้ ขืนยุ่งจะทำให้เหตุการณ์ในโลกมนุษย์แปรปรวน นรกสับสน ไม่ดีหรอกเพคะ”
ณัชชาหยุด แต่สายตายังจ้องอยู่ ทันใดนั้นมีรถตำรวจเข้ามาจอดพรืดตรงหน้าของพวกนายประสิทธิ์
ประตูเปิดผลัวะออก ร่างของเอกภพก้าวออกมา
“เจนศักดิ์เคลียพื้นที่”
“ครับผม”
ณัชชาเห็นหน้าเอกภพก็จำได้
“เอ๊ะ ใช่นี่...”
“หา ใครใช่ ใช่ใคร” เอกภพหันไปที่ตึกฝั่งตรงข้ามกราดสายตามองแล้ววิ่งพรวดออกไป ณัชชาดีดตัวตามไป
“เดี๋ยว โธ่เอ๊ย”

เอกภพวิ่งไปยังอีกตึก ณัชชาดีดตัวตามอย่างรวดเร็วเช่นกัน เอกภพดีดตัวเข้าไปในตึกตรงข้ามพรวดไปดักที่หน้าลิฟต์ ลิฟต์เปิดมีนักธุรกิจออกมาจากลิฟต์ 4 คนต่างถือกระเป๋าเอกสารที่เหมือนกัน พร้อมกับหญิงนักธุรกิจคนหนึ่ง
“ใครขยับเจอลูกปืนก่อน” เอกภพยกปืนจ้องที่ทั้ง 4 เสียงคนที่อยู่นอกลิฟต์ใกล้ๆ ร้องกรี๊ดกร๊าดวิ่งหนีกันออกไป อึดใจคนที่อยู่ในลิฟต์ต่างยืนเฉย ไม่มีใครกล้าขยับ“จะยืนอยู่นี่ทั้งวันก็ได้”
ทันใดนั้นมือปืนคว้านักธุรกิจหญิงเข้ามาแนบตัว ปืนจ่อทางด้านหลัง สายตามองมายังเอกภพ ณัชชากับนาชะตามมาทันค่อยๆ ก้าวมาทางด้านหลังของเอกภพ
“ที่เหลือช่วยรีบออกไปก็ดีครับ”
เอกภพบอก ทุกคนออกไปเหลือแต่คนร้ายคนเดียวที่เอาปืนจ่อหญิงสาวอยู่ นักธุรกิจทั้งสามต่างรีบเดินผ่านเอกภพออกทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งมาทางที่ณัชชากับนาชะยืนดู แต่แล้วทันใดนั้นสามนักธุรกิจก็ตวัดปืนออกมา คนหนึ่งหันใส่ทางด้านหลังของเอกภพ อีกสองคนอยู่ทางด้านข้างซ้ายขวา กำลังตวัดปืนใส่เอกภพเช่นกัน ณัชชาเห็น
“ปืน”
ณัชชาดีดตัวโดดเข้ากระแทกคนที่อยู่ใกล้คว่ำไป ปืนของมันกระเด็นหลุดจากมือ เอกภพหมุนตัวกลับคนร้ายทางซ้ายยิงมา เอกภพเอี้ยวตัวหลบลูกปืนวิ่งผ่านไป เอกภพยิงสวนคนร้ายล้มคว่ำแล้วหมุนมาหลบลูกปืนที่มาจากทางขวาวิ่งผ่านไปอย่างหวุดหวิด แล้วยิงสวนคนร้ายคว่ำไป ผู้คนแตกตื่น วิ่งกันวุ่น เอกภพหันมาทางคนร้ายที่ถูกณัชชาชนคว่ำอยู่ มันรีบพุ่งไปที่ปืนคว้าขึ้นมา หันกลับหมายยิงเอกภพ แต่ถูกเอกภพยิงคว่ำไปเสียก่อน เอกภพหันกลับหาไอ้มือปืนที่คุมหญิงอยู่ มันหายไปแล้วเหลือแต่หญิงสาวยืนตัวสั่นอยู่ เอกภพกราดสายตามองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นคนร้ายแล้ว เอกภพยัดปืนใส่ซองหน้าเครียด
เอกภพเดินเข้ามาหาณัชชาที่แกล้งทำเป็นตื่นเต้นนั่งอยู่พื้นข้างๆ ร่างของคนร้าย เอกภพค่อยๆ ทรุดตัวลงประคองณัชชาให้ลุกขึ้นมา ทั้งสองประสานสายตากัน
“คุณไม่เป็นไรนะ”
ณัชชาส่ายหน้า ไม่พูด สายตาได้แต่ประสานจ้อง

อาคินนั่งอยู่ที่บัลลังก์ เทพซ้ายขวาเดินเข้ามารายงาน
“เราสัมผัสได้ถึงพลังเทพแต่หายไปซะก่อนที่จะได้ตำแหน่ง”
“เราเชื่อว่าอาจเป็นทายาทของเทพกับมนุษย์ที่เราตามหา”
“คอยเฝ้าระวังให้ดี”
อำนาจเดินเข้ามารายงาน
“งานสำเร็จ แต่คนของเรารอดกลับมาได้คนเดียว”
“อย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือของผู้กองอะไรนั่น” อำนาจพยักหน้า “ถ้ายังงั้นเราน่าจะกำจัดคนๆ นี้เสีย เป็นการย้ำให้พวกมาเฟียทั้งหลายรู้ว่า แม้แต่ทางการยังไม่สามารถต้านเราได้”
“แต่ว่า...”
อาคินจ้องสีหน้าไม่พอใจ อำนาจพยักหน้าโค้งแล้วออกไป

อาคินมีสีหน้าเยือกเย็น

ทางด้านณัชชาจ้องมองเอกภพอย่างตื่นเต้น มือของเอกภพที่ประคองณัชชามีพลังจางๆ ออกมา ณัชชารู้ได้ทันทีว่ามีพลังเทพออกมาจากตัวของเอกภพ

“คราวหลังคุณไม่ควรทำอีก อันตราย” ณัชชาตาโต แต่ทำแค่พยักหน้าช้าๆ “แต่ก็ขอบคุณครับ” ณัชชายิ้มออกมาได้ “ผมต้องขอชื่อและที่อยู่ของคุณเพื่อติดต่อให้เป็นพยาน” ณัชชาตาโตแต่ก็พยักหน้าอีก เอกภพจ้องสบตาณัชชานิ่งสายตาอ่อนโยน “ขอโทษผมไม่ทราบว่าคุณ เอ้อ...พูดไม่ได้”
ณัชชาตายิ่งโตไปกว่าเดิม พร้อมที่จะโวย
“พี่สาวหนูพูดได้ค่ะ แต่คงช็อกไปเท่านั้นเอง”..
นาชะมาพอดีแก้สถานการณ์ไว้ได้ เอกภพพยักหน้ารับ แล้วถอยปล่อยณัชชาออก เจนศักดิ์มาพอดี
“เจนศักดิ์ ช่วยเท็คแคร์พยานหน่อยนะครับ”
“ครับผม เดี๋ยวผมกลับมาจัดการให้ครับ ผู้กอง”
เจนศักดิ์รับคำแล้วเดินไปยังกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่กำลังตรวจทุกอย่าง เสียงโทรศัพท์เอกภพดังขึ้นมา
“ขอโทษนะครับ” ณัชชาพยักหน้า นาชะยิ้มให้ณัชชาแล้วพยักพเยิดไปทางเอกภพแบบว่าโหหล่อนะ ณัชชาเหล่ใส่นาชะ เอกภพรับสาย “พี่จำได้จ้ะ บ๊ายบาย” เอกภพวางสาย “ผมต้องขอตัวไปตรวจทางด้านโน้นก่อนนะครับ”
เอกภพขอตัวจากไป ณัชชามองตามอย่างพิจารณา นาชะมองณัชชาแล้วพูดทำเสียงหล่อ
“พี่จำได้จ้ะ...แบบนี้มนุษย์พูดกับแฟนค่ะองค์หญิง”
“คิดมากน่านาชะ ฉันแค่รู้สึกถึงพลังเทพในตัวเค้าเท่านั้นเอง”
นาชะตาโตตื่นเต้น ณัชชาพยักหน้า

ในโรงยิมของสถาบันแห่งหนึ่ง นักศึกษาชายสองคนกำลังซ้อมเทควนโด้กัน นักศึกษาคนหนึ่งหมุนตัวจระเข้ฟาดหางถูกอีกคนหนึ่งหมุนลงไปกองที่พื้นดังโครม ตรงหน้าของนาฬิกาพอดี ซึ่งนั่งเป็นแถวกับนักศึกษาคนอื่นๆ อยู่ประมาณ 10 คน นักศึกษาลุกขึ้นแล้วโค้งคนที่เตะ แล้วทั้งสองออกไปนั่งในแถว
“นาฬิกา”
นาฬิกา ซึ่งคาดสายสีเหลือง ลุกขึ้นมาประจำที่ครูชี้ไปที่นักเรียนชายอีกคนหนึ่งสายสีเหลืองเช่นเดียวกัน ทั้งสองต่างโค้งกันแล้วเริ่มต่อสู้กันผ่านไปสองสามท่านาฬิกาไซด์คิก คู่ต่อสู้ลอยลงไปบนเบาะ นักศึกษาลุกขึ้นมาต่างโค้งกัน แล้วกลับไปนั่งในแถว
“ตั้งแถว” นักศึกษาทุกคนตั้งแถว “เอาล่ะ ขอให้ทุกคนโชคดีในการแข่งขันเลิกแถว”
นักศึกษาต่างส่งเสียงดัง แล้วแยกย้ายกันไป นาฬิกาเดินแยกออกมา นักศึกษาคู่ซ้อมวิ่งเข้ามา
“นาฬิกา” นาฬิกาหยุดหันมารอ “ไซด์คิกสุดยอด เอาถ้วยมาให้ได้นะ”
“โอเค”
คู่ซ้อมเดินออกไป นาฬิกายิ้ม เดินตาม

ณัชชานั่งรอเจนศักดิ์อยู่ตรงเก้าอี้ที่จัดให้ สายตากราดไปมาเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอยู่ เอกภพยืนสั่งการอยู่ห่างๆ ณัชชาเพ่งมองอย่างพิจารณา เอกภพเดินไปตรวจร่องรอยแล้วหันมาสั่งการอีก ณัชชาได้ยินเสียงฝีเท้าหันไป
เจนศักดิ์เดินเข้ามา นั่งลงที่เก้าอี้ว่าง
“ขอโทษนะครับที่ทำให้รอนาน” ณัชชาพยักหน้ายิ้มให้ “เอาล่ะครับ ก่อนอื่น คุณชื่อ”
“ณัชชา”
“ที่อยู่” ณัชชาไม่รู้จึงมองหานาชะ แต่ไม่เห็นแม้แต่เงา “ที่อยู่ครับ”
“โรงแรมจิ้งหรีด”
เจนศักดิ์ยิ้มขำ ณัชชาคิ้วขมวดมองหน้าเจนศักดิ์เหมือนจะถามว่าขำทำไม
“ผมจัดการเองคุณเจนศักดิ์” เอกภพบอก เจนศักดิ์รีบลุกขึ้นออกไป เอกภพนั่งลงที่เก้าอี้ว่าง ส่งแก้วน้ำให้ ณัชชารับมาถือไว้ในมือ “หายตกใจหรือยังครับ” ณัชชายิ้มขำ แต่พยักหน้า จ้องเอกภพอย่างพิจารณา เอกภพจ้องสังเกตเช่นกัน “โรงแรมจิ้งหรีดที่คุณว่าอยู่แถวไหนครับ”
“เอ้อ...ก็...”
“มาแล้วค่ะ” ณัชชากับเอกภพหันไปเห็นนาชะยืนยิ้มอยู่ ในมือมีกระดาษอยู่แผ่นหนึ่ง นาชะยื่นกระดาษให้เอกภพ “นี่ค่ะรายละเอียดทุกอย่าง ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร สารพัด”
ณัชชามองนาชะอย่างสงสัย เอกภพรับกระดาษไว้ พับใส่กระเป๋า
“ดีครับ ทางเราจะได้ติดต่อให้คุณมาลงบันทึกคำให้การ ขอบคุณครับ สวัสดีครับ”
เอกภพลุกขึ้น ณัชชาลุกตาม นาชะยิ้มรีบยื่นมือให้จับ
“แล้วเจอกันค่ะ”
เอกภพจับมือนาชะ นาชะแกล้งไม่ปล่อยมือ เห็นพลังจางออกมา นาชะยอมปล่อยมือ เอกภพยิ้มให้แล้วหันหลังเดินจากไป ณัชชายังจ้องเอกภพอยู่
“จ้องแบบนี้มนุษย์เค้าถือว่าเสียมารยาท”
“รู้แล้วน่า แต่เรามั่นใจว่ามนุษย์คนนี้มีสายเลือดเทพอย่างแน่นอน”
“นาชะก็สัมผัสได้เหมือนกัน”

ณัชชาจ้องตามเอกภพจนพ้นสายตา

อ่านต่อหน้า 2

ธิดาพญายม ตอนที่ 1 (ต่อ)

รถของเอกภพแล่นเข้ามาจอดที่หน้าโรงยิม เอกภพลงจากรถรีบเข้าไปในยิม พบแต่ความว่างเปล่า เอกภพหันกลับมาก็พบนาฬิกายืนอยู่ ในชุดเทควนโดถือถ้วยรางวัลที่หนึ่งตีหน้ามุ่ยอยู่ เอกภพเดินเข้าไปหา

“พี่ขอโทษครับ บังเอิญมีเรื่อง”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่แข่งกันเองระหว่างคณะเท่านั้นเอง”
“พี่พาคุณนาฬิกาไปเลี้ยง พิซซ่า เป็นการฉลอง”
“เย้ จริงนะ”
“ครับ”
เสียงโทรศัพท์ดัง นาฬิการับสาย
“เฮ้...ว่าไงจ๊ะ เดี๋ยวนะ” นาฬิกาหันมาถามเอกภพ “พาเพื่อนไปด้วยนะคะพี่เอก”
“ได้ครับ”
“พิซซ่า ร้านเดิม” นาฬิกาบอกแล้ววางสาย
“กี่คน”
“แค่ 10 กว่าคนเอง”
“หา”
นาฬิกาขำวิ่งไปที่รถเปิดประตูขึ้นไป เอกภพสั่นหน้าแต่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี

ร่างของณัชชากับนาชะปรากฏที่คอนโดหรูแห่งหนึ่ง
“นับตั้งแต่บัดนี้ไปองค์หญิงจะประทับที่นี่เพคะ”
“ดูไม่เหมือนโรงแรมจิ้งหรีดนี่”
“เปล่าเพคะ นี่เป็นสมบัติของนักการเมืองที่ถูกยิงเมื่อตอนบ่ายนี้เพคะ”
“เราไม่เข้าใจ เจ้าคิดยึดสมบัติของคนตาย”
“เปล่าเพคะ” นาชะดึงณัชชามานั่งที่โซฟาแล้วตวัดมือมีไอแพดติดมา “ นาชะตรวจดูจากบันทึกสวรรค์นักการเมืองที่ถูกยิงเป็นนักการเมืองฉ้อราษฏร์บังหลวงแถมยังฟอกเงินให้พวกมาเฟีย มีสมบัติที่โกงซ่อนไว้หลายร้อยล้านไม่มีใครรู้”
“เจ้าก็เลยโกงเอามาใช้”
“เปล่าเพคะ เรามาช่วยโลกมนุษย์ ถือว่าเป็นเงินงบประมาณในการปราบปรามก็แล้วกันนะคะ” ณัชชาขำพยักหน้า “ไปค่ะ นาชะหิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันดีกว่าเพคะ”

นาชะขับรถมาบนถนนสายหนึ่งโดยมีณัชชานั่งข้างๆ
“นาชะอยากให้องค์หญิงตั้งสมาธิให้ดี เพราะองค์หญิงต้องขับรถของมนุษย์เพื่อไปไหนมาไหน แทนการใช้พลังเทพ”
ณัชชายกมือวนตรงหน้า
“เรียบร้อย เราจำได้แล้ว”
“ในเมื่อเราไม่สามารถใช้พลังเทพได้เต็มที่นัก เพื่อหลบเลี่ยงเก้าภูตสังหาร เราต้องใช้พลังของมนุษย์นี่ล่ะเพคะ”
“พลังมนุษย์มีด้วยเหรอ เจ้าอย่าล้อเราเล่น”
“มีซิคะองค์หญิง เค้าเรียกว่า เงิน ชื่อเสียงและตำแหน่งเพคะ มนุษย์เคารพคนพวกนี้แม้ว่าบางคนจะเลวสุดสุด”
“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะ”
“ไม่ทราบเพคะ คงเป็นเพราะคนส่วนหนึ่งเกิดมาไม่ฉลาดหรือไม่ก็ขาดการพัฒนาทางด้านความคิดหรือไม่ก็
ขาดอุดมการณ์เห็นแก่เงินอย่างเดียวเพคะ”
นาชะยิ้มอย่างภูมิใจในความรอบรู้
“มิน่าเจ้าสวรรค์ถึงคิดจะให้น้ำท่วมโลก”

นาชะเลี้ยวรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของร้านพิซซ่า ทั้งสองลงจากรถ นาชะพาณัชชาเดินมาหยุดลงที่หน้าร้านพิซซ่า
“นาชะจะให้องค์หญิงชิมอาหารมนุษย์ นี่เค้าเรียกว่า พิซซ่า”
ณัชชาทำสีหน้าเบื่อ นาชะลากณัชชาเข้าไปในร้าน

นาชะเดินพาณัชชาผ่านกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มหนึ่งกำลังส่งเสียงเฮกันอยู่ คือกลุ่มของนาฬิกานั่นเอง นาชะพาณัชชาไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่งห่างออกไป นาชะนั่งหันไปทางกลุ่มของนาฬิกาพอดีจึงเห็นเอกภพอยู่ในกลุ่มวัยรุ่น
“องค์หญิง” นาชะพยักหน้าไปทางด้านเอกภพ ณัชชาหันไปมอง
“ผู้กองเอกภพ”
“โห อะไรกันจะบังเอิญขนาดนี้”
“เจ้าทำได้ยังไง”
“นาชะ จับมือกับคุณเอกภพ เอาลายมือคุณเอกภพเข้าเครื่องบันทึกสวรรค์ของนาชะกดปุ่มค้นหา ง่ายๆ แค่นี้เอง”
“เจ้าควรจะถูกลงโทษซะบ้าง”
“เฮ่...องค์หญิงบอกว่าต้องคอยตามดูอย่างใกล้ชิดไม่ใช่เหรอเพคะ”
นาชะพูดแล้วโบกมือให้เอกภพ เอกภพโบกตอบ นาฬิกามองตามแล้วถามอย่างแปลกใจ
“ใครคะ”

ที่องค์กรของอาคิน อาคินนั่งอยู่บนบัลลังก์ มีเทพซ้ายขวายืนประกบคนละด้าน อำนาจเดินเข้ามากับนายตือเฮง มีสมุนของตือเฮงตามมาด้วย 3 คน ตือเฮงเดินวางก้ามไม่กลัวใคร
“นี่คือคุณ ตือเฮง หนึ่งในหัวหน้ามาเฟีย” อำนาจบอกอาคิน
“คุณอำนาจบอกว่าคุณอยากคุยด้วย มีอะไรว่ามา”
“ท่านไม่ยอมให้คำตอบที่เราถามไป”
“ฮะ อย่าหวังว่าพวกข้าจะยอมก้มหัวให้เอ็ง”
“งั้นท่านก็คงไม่ได้กลับออกไป”
ตือเฮงจ้องมองอาคินนิ่ง อาคินมองสายตาเยือกเย็น ทันใดนั้นตือเฮงตวัดปืนจากอกเสื้อในขณะที่สมุนของ
ตือเฮงสามคนก็ตวัดปืนออกมาเช่นกัน
“แต่ท่านได้กลับแน่ กลับบ้านเก่า”
ตือเฮงกับสมุนเหนี่ยวไกใส่อาคินถี่ยิบ อาคินยิ้มสะบัดมือใส่ปล่อยพลังจากนั้นก็มีเสียงร้องของตือเฮงกับมือปืนดังโหยหวน
“ส่งชิ้นส่วนของพวกมันให้พวกมาเฟียที่เหลือดู”
อาคินบอก ร่างของตือเฮงและมือปืนนอนตายอยู่ตรงบหน้าอำนวจ อำนาจพยักหน้าหงึกๆ ซับเหงื่อตัวเองที่หน้าผาก

อาคินหัวเราะเสียงดังกึกก้อง

ที่ร้านพิซซ่า ณัชชานั่งอยู่กับนาชะ ณัชชารู้สึกถึงพลังของอาคินตอนที่ปล่อยพลังจัดการกับตือเฮง

“มาแล้วเพคะ”
นาชะบอก ณัชชารู้ตัว ขาดคำของนาชะร่างของเอกภพกับนาฬิกาก็มาถึงที่โต๊ะพอดี
“สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้ว”
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีค่ะ”
“นี่น้องสาวผม คุณนาฬิกาครับ” เอกภพแนะนำ
“สวัสดีค่ะ” นาฬิกายกมือไหว้สองสาวแล้วมองณัชชาอย่างสนใจ ณัชชาได้แต่ยิ้มให้โดยไม่ได้เชิญนั่ง เอกภพเห็นรู้สึกว่าณัชชาคงไม่ต้องการคุยต่อ
“เชิญตามสบายครับ”
“ค่ะ”
เอกภพพยักหน้าให้นาฬิกา นาฬิกามองณัชชายิ้มให้ แล้วออกเดินตามเอกภพกลับไปที่โต๊ะ
“แค่เนี๊ยะ ทำไมไม่ชวนนั่ง อุตส่าห์จัดให้แทบแย่” นาชะบอก
“เราต้องรีบไป เราจับพลังของอาคินได้”
นาชะหน้าตาตื่น

รถของเอกภพแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน นาฬิกาลงมาจากรถด้านหนึ่ง เอกภพลงมาอีกด้านหนึ่ง ลุงสมคนทำสวนเข้ามาหาเพื่อช่วยถือของ
“มีของมั้ยครับ”
เอกภพส่งเป้ของนาฬิกาให้
“มีแต่เป้ของคุณนาฬิกา”
ลุงสมรับเป้มา
“ลุงสม” นาฬิกายกถ้วยให้ดู “ที่หนึ่งด้วย”
นาฬิกาถือถ้วยเดินยิ้มเข้าไปในบ้าน ลุงสมสมยิ้ม
“จอดรถไว้ข้างนอกก็ได้นะลุงสม เผื่อถูกเรียกตัวฉุกเฉิน”
“ครับ”
เอกภพเดินเข้าบ้านไป

นาฬิกาเดินเข้ามาในบ้านก็พบกับป้าอรกำลังยกน้ำตะไคร้มาให้
“ป้าอร” นาฬิกายกถ้วยโชว์ “เจ๋งม่า”
“เจ๋งมากจ้ะ”
นาฬิกาเอาถ้วยวางบนโต๊ะทานข้าว หันไปที่ซิงก์ล้างมือแล้วนั่งลงที่โต๊ะ ป้าอรวางน้ำตะไคร้ลงตรงหน้า
“ขอบคุณค่ะ”
ป้าอรวางอีกแก้วหนึ่งตรงที่ของเอกภพ เอกภพเดินเข้ามาพอดี
“เห็นถ้วยคนเก่งหรือยังป้าอร”
“เห็นแล้วค่ะ เฮ้อ จะเป็นผู้ชายอีกคนละมั๊ง”
“ผู้หญิงเก่งไม่ได้หรอจ๊ะป้าอร” ป้าอรยิ้ม เสียงโทรศัพท์ของนาฬิกาดัง นาฬิการับสาย “คุณแม่ เมื่อไหร่จะกลับคะ โห...คราวที่แล้วคุณแม่ก็บอกว่าสองอาทิตย์ ค่ะค่ะ นาได้ถ้วยด้วยค่ะ ค่ะ ค่ะ” นาฬิกาวางสายแล้วหันมาบอกเอกภพ “คุณแม่ฝากหวัดดีพี่เอกด้วย แล้วสั่งว่าให้ดูแล นาดีๆ โอเคะ”
“ตกลงอีกสองอาทิตย์คุณแม่ถึงจะกลับ”
“เยส แล้วก็เลื่อนอีกเหมือนเดิม”
ป้าอรเอาน้ำมาเสิร์ฟ
“ก็คุณแม่งานเยอะนี่คะ”
นาฬิกายกแก้วน้ำขึ้นดื่ม เอกภพมองน้องสาวอย่างเห็นใจ

ร่างของนาชะกับณัชชาค่อยๆ ปรากฏที่องค์กรของอาคินซึ่งด้านนอกเป็นตึกสำนักงานใหญ่โต
“พลังของอาคินมาจากที่นี่”
“กลับเถอะองค์หญิง ก่อนที่ภูตสังหารจะมา”
“ไหนเจ้าบอกว่าพวกมันสัมผัสพลังแห่งความรักไม่ได้ไง”
“งานนี้ชักไม่แน่ใจแล้วเพคะ”
“เจ้ารออยู่ที่นี่ เราสังหารอาคินได้ พวกภูตสังหารก็หมดฤทธิ์”
“โอเคเพคะ นี่เพคะผงแห่งความรัก” นาชะโบกมือผงสีชมพูคลุมร่างของณัชชาจนเต็มร่าง “องค์หญิงมีเวลาแค่หนึ่งนาทีนะเพคะ”
“อะไร ทำไมเร็วจัง คนจะรักกันทันเหรอ”
“แค่นี้ล่ะเพคะ นาทีเดียวถ้าไม่ปิ๊งกันก็ถือว่าจบ”
“ระวังตัวด้วย” ณัชชาบอกนาชิแล้วแวบหายไป

นาชะถอนหายใจลุ้นมองไปมองมาตื่นเต้น

อาคินนั่งอยู่ที่บัลลังก์ เทพซ้ายขวาเข้ามารายงาน

“พวกมันต่างได้รับชิ้นส่วนของนายตือเฮง มีบางคนยอมก้มหัวให้เราแล้ว”
“ดีมาก พวกเจ้าไปพักได้”
เทพซ้ายขวาเดินออกไป อาคินยิ้มลำพอง ค่อยๆ ก้าวลงมาจากบัลลังก์ ทันใดนั้นร่างของณัชชาที่ครอบคลุมด้วยผมสีชมพูพุ่งเข้าใส่กระแทกร่างอาคินจนกระเด็นไปกลิ้งอยู่กับพื้น อาคินยังไม่ทันตั้งตัว ณัชชาก็ใช้ฝ่ามือกระแทกร่างอาคินกระเด็นออกไปอีก อาคินทรุดลุกไม่ขึ้น ณัชชาดีดตัวเข้ามามีมีดสั้นอยู่ในมือ
“ดาบพิชิตมาร” ทันใดนั้นมีดสั้นกลายเป็นดาบสีแดงมีรังสี “ตัดหัวประหาร”
ณัชชาตวัดดาบลงมาที่คอของอาคิน แต่แล้วก็ประทะเข้ากับดาบสองเล่มเสียงดังสนั่น ร่างของณัชชากระเด็นออกไป ที่แท้เป็นเทพซ้ายขวา สกัดเอาไว้ ทั้งสองก้าวมาบังร่างของอาคิน อาคินลุกขึ้นมา แหวกร่างของเทพซ้ายขวาออกมองณัชชาอย่างแค้นใจ
“ฉลาดมาก ใช้ผงแห่งความรักพรางพลังเทพ”
“มอบหัวมาให้เรา”
ณัชชาดีดตัวเข้าหาอาคิน แต่อาคินตวัดมือออกมาตรงหน้า
“เก้าภูตสังหาร”
ควันดำก่อตัวเป็นเก้าภูตสังหารเก้าตัวปรากฏยืนขวางอาคินกับณัชชา ณัชชาดีดตัวพุ่งเข้าใส่ด่านภูตสังหาร ดาบในมือตวัดไปรอบๆ ภูตสังหารตบผิดตบถูกเพราะณัชชามีพลังความรักครอบคลุมอยู่ ทั้งเก้าถูกดาบกระจายออกไป
ณัชชาฝ่าด่านภูตสังหารเข้ามาจนใกล้อาคิน
อาคินเห็นท่าไม่ดีขยับตัวถอย เทพซ้ายขวาเข้ามาคุมเชิง ณัชชาฝ่าภูตสังหารเข้ามาจนได้
“จุดจบของเจ้ามาถึงแล้ว”
อาคินหน้าเสีย แต่แล้วผงสีชมพูก็ค่อยหมดไปจากร่างของณัชชา อาคิมยิ้มออกมา
“โอ๊ะ โอ”
ทันใดนั้นณัชชาได้ยินเสียงนาชะ
“องค์หญิง หนีเร็ว”
ณัชชารู้ตัว ในขณะที่ภูตสังหารจู่โจมเข้ามา ร่างของณัชชาหายแวบไป
“จับตัวองค์หญิงมา”
ภูตสังหารกลายเป็นควันดำหายแวบตามไป

ร่างของณัชชาแวบขึ้นมาบนยอดตึก แต่ไม่เห็นร่างของนาชะ
“นาชะ เจ้าอยู่ไหน”
ทันใดนั้นร่างของภูตสังหารปรากฏ พุ่งเข้าใส่ณัชชา ณัชชาตวัดดาบไปมาสกัดการจู่โจมจากกรงเล็บของพวกภูตสังหารเสียงดังสนั่น
“ทางนี้เพคะ องค์หญิง”
ณัชชาหันไปก็ร่างของนาชะปรากฏยืนอยู่บนขอบตึกอีกด้านหนึ่งมีปีกพร้อม แต่ณัชชาถูกภูตสังหารล้อมไว้ เก้าภูตสังหารเข้าจู่โจมณัชชาด้วยกรงเล็บ ณัชชาดีดตัวข้ามหัวพวกภูตสังหารแล้วพุ่งเข้าหานาชะ กระโดดเกาะร่างของนาชะลอยจากตึกบินแวบหายไปอย่างทันท่วงที
ภูตสังหารได้แต่ร้องคำรามก้องมองท้องฟ้าที่ว่างเปล่าแล้วกลายเป็นควันดำจางหายไป

เช้าวันต่อมา ณัชชานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร นาชะนั่งอยู่ตรงข้าม ตรงหน้ามีถ้วยกาแฟและแก้วน้ำส้ม
“ขอบใจเจ้าอีกครั้งที่ช่วยข้าเมื่อคืนนี้”
“ครั้งสุดท้ายแล้วนะเพคะ วู้...หวาดเสียว”
“ต่อไปนี้คงยากที่จะเข้าถึงอาคิน” ณัชชาถอนใจ “เราต้องหาทางพบผู้กองเอกภพให้เร็วที่สุด”
“ใจเย็นๆ ซิเพคะองค์หญิง เดี๋ยวเค้าก็ติดต่อมาเอง”
“เราต้องตามดูอย่างใกล้ชิดช้าหรือเร็วอาคินจะต้องรู้”
“ถ้าใกล้ชิดก็ต้องเป็นแฟนกันซิเพคะ ใกล้ชิดแน่”
“เจ้าอย่าเหลวไหล”
“นาชะล้อเล่นน่ะเพคะ แต่นาชะคิดว่าเรามีเรื่องสำคัญเร่งด่วนที่จะต้องทำ”
“อะไรคือเรื่องเร่งด่วนกว่าการติดตามทายาท”
“สอนองค์หญิงให้ทำตัวเหมือนมนุษย์ไงเพคะ”
ณัชชาหน้ามุ่ย ในขณะที่นาชะยิ้ม

ณัชชากับนาชะเดินซื้อของที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง
“ที่นี่เป็นศูนย์รวมทุกอย่าง องค์หญิงอยากได้อะไรบอกนะคะ”
“ท่าทางเจ้าคงมาที่นี่บ่อยซินะ”
“ก็บ่อยเพคะ มาจับคู่ให้คนหนุ่มสาว”
“จริงเหรอ”
“เพคะ”
พูดจบนาชะก็หันไปชี้ที่วัยรุ่นสาวคนหนึ่ง ที่อยู่ในกลุ่มเพื่อน 2-3 คน เห็นเป็นลูกธนูสีชมพูวิ่งไปยังสาววัยรุ่นคนนั้น แล้วชี้ไปยังวัยรุ่นชายคนหนึ่งที่ยืนรวมกลุ่มวัยรุ่นชายถัดไป
“สองคนนั่นเป็นคู่กันเพคะ”
วัยรุ่นสาวกับหนุ่ม ต่างหันมา แล้วเดินมาคุยกัน..
“เจ้าเคยชี้ผิดตัวมั้ย”
“กามเทพไม่เคยชี้ผิดตัวเพคะ”
“เอ้าแล้วที่รักกันแล้วเลิกกันล่ะ เพราะอะไร”
“อ๋อ...นั่นเป็นเพราะมนุษย์หลงผิดกันเองคิดว่าตัณหาเป็นความรัก คิดแต่สนุก เลยสัมผัสความรักที่แท้จริงไม่ได้คิดได้เมื่อไหร่ถึงจะได้คู่แท้เพคะ”
“อืม แล้วคนที่ไม่มีคู่ล่ะ”
“เป็นกรรมเก่าเพคะ ชาติก่อนเคยไปแย่งคู่ผู้อื่น ชาตินี้ต้องใช้กรรมไม่มีคู่ที่แท้จริงเพคะ”
นาชะพูดไป ชี้ไปที่วัยรุ่นคนนี้ที คนโน้นที เป็นสีชมพูกระจายเต็มไปหมด ณัชชายิ้มอย่างสนุก แต่แล้วก็ชนกับร่างหนึ่งเข้า
“ขอโทษค่ะ” ปิงปองบอกแล้ววิ่งออกไป ณัชชามีสีหน้าตื่นเต้น
“เดี๋ยว” ณัชชาวิ่งตามออกไป
“เดี๋ยว” นาชิวิ่งตามไปอีกคน ณัชชายืนกราดสายตาอยู่ที่ลานจอดรถ “อะไรเพคะองค์หญิง”
“เราสัมผัสพลังเทพได้ จากเด็กหญิงคนนั้น”

นาชะมองหาแต่ไม่เห็นอะไร ณัชชามีสีหน้าผิดหวัง

ที่กองบัญชาการตำรวจ สิทธิชัยนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เอกภพยืนรายงานตัวอยู่ตรงหน้า

“คุณพลาดได้ยังไง”
“ผมขออภัยครับท่าน คนร้ายวางแผนมาอย่างดีมีการรุกและถอยอย่างมีระบบ มีตัวตายตัวแทน”
“ระยะนี้มีการเคลื่อนไหวผิดปรกติของกลุ่มพวกมาเฟียเหมือนกับฆ่าล้างกัน มันเรื่องอะไรกันแน่”
“มีสายรายงานว่า มาเฟียกำลังผิดใจกันเองครับ ประมาณว่ามีใครซักคนต้องการอยู่เหนือมาเฟียทั้งหมด ใครขัดขืนก็ถูกเก็บ”
“ความจริงผมก็ชอบนะที่พวกมันกัดกันเอง ยิ่งตายกันให้หมดยิ่งดีแต่ถ้าเราอยู่เฉยพวกมันจะได้ใจ คุณหาเวลาไปเตือนพวกมันหน่อยก็ดี ขอย้ำว่าเตือนเท่านั้น”
“ครับผม” เอกภพหันตัวเดินออกไป
“เดี๋ยวก่อน” เอกภพหันมา “ผมจะไม่ย้ำให้คุณระวังตัวหรอกนะ เซ็งแล้ว”
เอกภพยิ้มแล้วเดินออกไป

ณัชชากับนาชะก้าวเข้ามาในห้อง หอบหิ้วถุงเสื้อผ้ากันเข้ามาคนละหลายถุงแล้วกองไว้ตรงหน้าโซฟา ทั้งสองนั่งลงที่โซฟา
“น่าเสียดายทายาทเทพ ไม่น่าปล่อยให้หลุดไปได้”
“ใจเย็นๆ เพคะ เราต้องหาพบจนได้”
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นของนาชะ นาชะรับสาย
“นาชะพูดค่ะ”
“ผมนักสืบเจนศักดิ์ครับ”
นาชะตาโตทำท่าทำทางกับณัชชาว่า ตำรวจติดต่อมาแล้ว ณัชชาอ่านท่าทางไม่ออก สีหน้าหงุดหงิด นาชะดีดมือ กลายเป็นเสียงดังออกมาข้างนอกทำให้ณัชชาได้ยินด้วย
“ผู้กองเอกภพให้ผมโทรมาเชิญคุณณัชชามาให้ปากคำหน่อยครับ”
ณัชชาได้ยินรีบพยักหน้าให้นาชะว่าไปได้เลย
“ได้ค่ะ ตอนนี้เลยได้มั้ยคะ กำลังว่างค่ะ”
“ไม่ได้ครับ เพราะผู้กองติดประชุมซักบ่าย ๆ หน่อยนะครับ”
ณัชชาพยักหน้าอย่างเร็ว
“ได้ค่ะ แล้วเจอกันนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
นาชะวางสาย
“เรียบร้อย”
ณัชชายิ้มอย่างพอใจ

ห้องทำงานของเอกภพเปิดออก ณัชชากับนาชะก้าวออกมา ตามด้วยเอกภพ
“ขอบคุณที่เสียสละเวลามาให้การนะครับ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
“พี่เอก” ทั้งหมดหันไปก็เห็นนาฬิกาเดินเข้ามาหา สายตาจ้องที่ณัชชายิ้มอย่างพอใจที่ได้เจออีก นาฬิการีบแนะนำตัวอีกครั้ง “หนูชื่อ นาฬิกา น้องพี่เอกจำได้มั้ยคะ ร้านพิซซ่า”
นาฬิกายื่นมือให้จับ ณัชชาส่งมือให้จับเช่นกัน พอจับมือนาฬิกาก็เกิดเป็นพลังวาบขึ้นที่มือ ณัชชาถึงกับคาดไม่ถึงจ้องนาฬิกาตาไม่กะพริบ
“น้องนาฬิกา เดี๋ยวนี้ไหว้ไม่เป็นแล้วเหรอครับ”
นาฬิกายิ้มเขินปล่อยมือจากณัชชาแล้วยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ ขอโทษค่ะ ดีใจที่เจออีกค่ะ” ณัชชารับไหว้
“ค่ะ จำนาชะได้นะคะ น้องสาวพี่”
นาชะยื่นมือมาให้นาฬิกา
“เราเด็กเหมือนกันจับมือกันได้”
นาฬิกายิ้มยื่นมือไปจับกับนาชะ พลันนาชะก็รู้สึกถึงพลังเทพ นาชะลอบสบตากับณัชชา
“พี่เอกจะเลี้ยงไอติมนาฬิกา ไปด้วยกันนะคะ”
“คือว่า เอ้อ...”
นาฬิกาส่งสายตาดุให้เอกภพ เอกภพรู้ตัวรีบชวนทันที
“คือว่าเราต้องเลี้ยงไอศกรีมพยานทุกคนที่ให้การครับ เป็นกฎของที่นี่ครับ” ณัชชายิ้มขำ
“เย้...ตกลงค่ะนาชะชอบไอติม”

ทั้งหมดนั่งกันอยู่ที่โต๊ะ พนักงานเอาไอศครีมมาเสิร์ฟ
“ตอนแรกที่เห็นพี่ณัชชา นึกว่าเป็นดาราซะอีก”
“น่าจะลองนะพี่ณัชชา เอาบทตัวอิจฉาก็ได้ มนุษย์ เอ๊ย คนดูชอบ อยู่คู่ฟ้ามาเกือบ 50 ปีแล้ว” เอกภพยิ้ม ณัชชาเหล่นาชะ “นาฬิกา เรียนอะไรอยู่จ๊ะ”
“เรียนรัฐศาสตร์ค่ะ แล้วจะต่อด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ตบท้ายด้วยบริหารธุรกิจ คิดว่าจะเป็นนายกหญิงหรือไม่ก็ตำรวจเหมือนพี่เอก”
“ตำรวจเหรอคะ”
“น้องสาวผมเค้าชอบบู๊ครับ เรียนเทควนโด้ด้วยได้สายเหลืองแล้ว”
“เก่งมากเลยจ้ะ”
ณัชชามองนาฬิกาอย่างชื่นชมถูกชะตาอย่างที่สุด

เอกภพสังเกตเห็น รู้สึกพอใจณัชชาที่ดีกับน้องสาวตน

อ่านต่อหน้า 3

ธิดาพญายม ตอนที่ 1 (ต่อ)

หลังจากทานไอศกรีมเสร็จ ทั้งหมดเดินกลับมาที่รถของเอกภพ

“พี่ณัชชามีเพื่อนมั้ยคะ พามาให้พี่เอกจีบหน่อยซิคะ พี่เอกยังไม่มีแฟนซะที เอาแต่ลุยจับผู้ร้าย”
นาชะยิ้มชอบใจที่นาฬิกามาเชิงสูงบอกทางอ้อมว่าเอกภพไม่มีแฟน นาชะกับนาฬิกาต่างยิ้มให้กัน
“นาฬิกากลัวว่าผมจะขึ้นคานนะครับ”
ทุกคนต่างยิ้มขำกัน
“พี่ณัชชาไม่ได้ทำงานแต่ก็ ยังไม่มีแฟนเหมือนกันค่ะ” นาชะบอก
“น้องดิฉันก็พอกันค่ะ คิดว่าตัวเองเป็นกามเทพชอบจับคู่” ณัชชาบอก นาชะเหล่ ทั้งหมดต่างขำกันอีก
ทันใดนั้นณัชชาหันควับไปด้านหนึ่ง เห็นรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งตรงเข้ามา เอกภพหันมองตาม มือตวัดไปข้างหลังปืนติดมือขึ้นมา รถจอดตรงหน้ารถของเอกภพ ประตูรถทั้ง 4 เปิดออก ชายสี่คนพรวดออกมาพร้อมกันจากประตูรถต่างถือปืนอยู่ในมือส่องมาที่ร่างของเอกภพ
ณัชชาเอาตัวเข้าบังร่างของนาฬิกากับนาชะ คนร้ายสาดกระสุนเข้าใส่ ณัชชาเด้งลงพื้น ในขณะที่เอกภพสาดกระสุนเข้าใส่ร่างของคนร้ายทั้ง 4 ผงะไปจนล้มฟุบไปกับพื้น
“ทุกคนปลอดภัย”
เอกภพหันมาถามทุกคน
“ค่ะ โชคดีคนร้ายยิงไม่ถูก”
“พี่ณัชชาบังนาฬิกากับนาชะไว้พอดีค่ะ”
เอกภพจ้องณัชชานิ่ง ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน

เอกภพขับรถมาบนถนน นาฬิกานั่งอยู่ข้างๆ
“จะให้พี่ไปส่งที่ไหนครับ”
“นัดเพื่อนไว้ที่สยามค่ะ”
“โอเค”
“เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ พี่ณัชชาเอาตัวบังนาฬิกา นาฬิกาซึ้งมากเลย ไม่รู้ล่ะพี่เอกต้องจีบพี่ณัชชาให้ได้”
“งั้นพี่ก็ต้องหาเรื่องทะเลาะกับคุณณัชชาน่ะซิ”
ไโห...นั่นมันละครน้ำเน่า นาฬิกาทะเลาะกับใครหน้ายังไม่อยากมองด้วยซ้ำแล้วจะเป็นแฟนกันได้ไง แหวะ...มุขนี้เซ็งสุดๆ”
“อืม แปลกมาก”
“โธ่พี่เอก มีอะไรต้องแปลกอีก ทั้งสวยทั้งกล้า”
“พี่สาบานได้เลยว่า คุณณัชชาหันไปทางพวกมือปืนก่อนที่พี่จะรู้ตัวซะอีก”
นาฬิกามองหน้าเอกภพที่มีสีหน้าครุ่นคิดสงสัย

ณัชชานั่งสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ที่โซฟาในห้อง นาชะเดินเข้ามาส่งน้ำผลไม้ให้
“อย่าคิดมากเพคะองค์หญิง คุณเอกภพคงไม่ทันสังเกตหรอกว่าพี่ณัชชาสัมผัสคนร้ายได้ก่อน”
“พี่ไม่ห่วงเรื่องนั้น พี่คาดไม่ถึงว่าตอนนี้เราเจอทายาทเทพถึงสองคนแล้ว”
“อีกสองคนที่เหลือคงไม่เจอง่ายๆ แบบนี้”
“พี่กำลังคิดหาวิธีคุยกับคุณเอกภพเกี่ยวกับกุญแจ”
“นาชะว่าใจเย็นๆ ก่อนดีกว่า ถ้าบุ่มบ่ามคุยตอนนี้คุณเอกภพอาจจะคิดว่าพี่ณัชชาเหวอหรือบ้าก็ได้”
“ก็จริง แต่ถ้ารอช้าไป อาคินอาจถึงตัวสองคนนี่ซะก่อน”
ณัชชามีสีหน้ากังวล
“นาชะว่าเราลองคุยกับนาฬิกาน่าจะง่ายกว่า ดูท่าปลื้มพี่ณัชชาอยู่แล้ว เผื่อจะได้ข้อมูลอะไรบ้าง”
ณัชชาพยักหน้าเห็นด้วยสีหน้าครุ่นคิด

อีกด้านหนึ่งที่องค์กรของอาคิน อำนาจกำลังรายงานอาคินเรื่องกำจัดเอกภพ
“หมายความว่ายังไง พวกมือปืนตายหมด”
“ผมบอกแล้วผู้กองเอกภพมีฝีมือ”
“ส่งไปอีก ถ้าพลาดอีกเจ้าจะต้องรับโทษ”
“ทำไมท่านไม่ส่งภูตของท่าน”
“ไม่ต้องพูดมาก ไปทำตามที่เราสั่ง”
อำนาจออกไป
“เราคิดว่าภูตสังหารจะทำให้งานง่ายเข้า” เทพขวาบอก
“เจ้าอย่าทำอวดรู้ดี. ข้ามีแผนที่ยิ่งใหญ่ที่จะต้องทำก่อน”
“ขออภัยที่บังอาจ”
“ยังมีพวกมาเฟียอีกหลายคนที่ยังแข็งกร้าวอยู่”
“เห็นทีข้าจะต้องจัดการด้วยตัวเอง”

เทพซ้ายขวาถอยตัวออกไป

เย็นวันนี้นาฬิกาซ้อมเทควนโด้อยู่ที่โรงยิมไกรยุทธ์เดินเข้ามาหยุดมองแล้วหาที่นั่งดูอยู่ห่างๆ แต่แล้วก็มีกลุ่มเพื่อนๆ มานั่งด้วย 3-4 คน

“ไอ้ยุทธ์ เอ็งคิดจะเรียนเทควนโด้หรือไงวะ”
“หรือว่ามาดูรุ่นน้อง กะจีบเป็นแฟน”
เพื่อนๆ พากันหัวเราะ ไกรยุทธ์ไม่พูดอะไร
“ความจริงก็ดีนะ จะได้ช่วยนายเวลานายถูกพวกเราอัด”
ทุกคนหัวเราะต่างแกล้งผลักไกรยุทธ์ ไกรยุทธ์รำคาญลุกเดินออกไป พวกเพื่อนๆ ต่างหัวเราะ
“เฮ้ยดูนั่นซิ ฟิ้ว...น่ารักว่ะ”
ทุกคนหันไปเห็นนาชะเดินเข้ามา โบกมือให้นาฬิกา นาฬิกาโบกมือตอบด้วยความดีใจ วิ่งเข้ามาหา
“นาชะ มาได้ยังไง”
“เหาะมา เอ๊ย...พี่ณัชชากับนาชะผ่านมาแถวนี้ก็เลยจะชวนนาฬิกาไปกินหนม”
“ได้เลย รอแป๊บนะเดี๋ยวก็เลิกแล้ว”
“โอเค”
นาฬิกาวิ่งกลับไปซ้อมต่อ นาชะเดินมานั่งห่างจากกลุ่มวัยรุ่นนิดหน่อย
“ไปกันดีกว่าเพื่อน”
“เดี๋ยวเด้ อยู่จีบก่อน”
“เชื่อน่า อั๊วมีแผน ตามมาเว้ย”
เพื่อนวัยรุ่นคนหนึ่งวิ่งผ่านนาชะออกไป ที่เหลือวิ่งตาม

นาชะกับนาฬิกาเดินออกมาตามทางเพื่อจะไปที่ร้านกาแฟข้างๆ สถาบันซึ่งณัชชารออยู่ แต่แล้วก็มีพวกเพื่อน 4 คนของไกรยุทธ์เดินมาขวาง
“สวัสดีครับ ขอไปด้วยคนได้มั้ยครับ”
“เอาไว้วันหลังก็แล้วกันนะ”
“งั้นขอเบอร์ก็ได้”
“นี่...พวกเราจะรีบไป”
“จะไปส่ง”
“จะถอยหรือไม่ถอย”
“เฮ้ยระวังนะเพื่อน เดี๋ยวเจอไซด์คิกเอาจะยุ่ง”
ทั้งหมดต่างหัวเราะกัน นาฬิกามองหน้านาชะ
“นาชะฝากเป้หน่อย” นาชะรับเป้มามองนาฬิกาอย่างสนใจ นาฬิกาเดินเข้าไปหาพวกนั้น “ไหนใครจะเอาเบอร์”
“ผมเองครับ”
นาฬิกาแบมือออกไป เพื่อนไกรยุทธ์ยิ้มแล้วส่งโทรศัพท์มือถือให้. แต่ก่อนที่โทรศัพท์จะถึงมือ นาฬิกาก็ตวัดเท้าขวาปาดหน้าเข้าให้เพื่อนไกรยุทธ์กระเด็นออกไป พวกที่เหลือถึงกับคาดไม่ถึง
“ใครอยากได้เบอร์อีก ยังเหลืออีกข้างนึง”
พวกนั้นต่างมองหน้ากัน แล้วยักไหล่ เข้าประคองเพื่อนเดินออกไป นาชะเอาเป้เข้ามาส่งให้นาฬิกา
“โห...สุดยอดเลย”
“พูดดีๆ ไม่ฟัง ชอบเจ็บตัว”
ทั้งสองต่างยิ้มให้กัน แล้วเดินออกไป

ร้านกาแฟข้างสถาบัน ณัชชานั่งรออยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่ง ณัชชายิ้มพร้อมโบกมือ นาชะกับนาฬิกาเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะ
“ดีใจจังเจอพี่ณัชชาอีก กำลังคิดถึง”
“พี่ก็คิดถึงนาฬิกาเหมือนกัน”
“โห อะไรกันนักกันหนา”
ทั้งหมดต่างหัวเราะกัน
“นาฬิกาอยู่กับผู้กองสองคนเองเหรอจ๊ะ”
“ค่ะ คุณแม่ไปธุรกิจต่างประเทศ ไม่ค่อยอยู่บ้าน มีแต่ลุงสมแล้วก็ป้าอร คุณพ่ออยู่สวรรค์”
นาชะกับณัชชาต่างลอบสบตากันอีก
“งั้นนาฬิกาก็ไม่เคยเห็นหน้าคุณพ่อ”
“อย่าว่าแต่นาฬิกาเลย พี่เอกภพก็ไม่เคยเห็น”
“อ้าวทำไมล่ะจ๊ะ”
“พอคุณแม่มีพี่เอกคุณพ่อก็ถูกย้ายไปต่างประเทศ มีแต่คุณแม่ที่บินไปบินมา ปีนึงพอกลับมาก็มีนาฬิกา หลังจากนั้น 3 เดือน คุณแม่ก็บอกว่าคุณพ่ออยู่สวรรค์แล้ว”
พอดีพนักงานเอาขนมกับกาแฟมาเสิร์ฟ
“ชนค่ะ เฟรน”
ทั้งหมดต่างชนแก้วกันแล้วจิบกาแฟ นาชะกับณัชชาต่างลอบสบตากันสีหน้าเศร้าหดหู่ใจ

นาชะขับรถมาบนถนนโดยมีณัชชานั่งข้างๆ
“องค์หญิงคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเทพองครักษ์คุณพ่อของคุณเอกภพกับคุณนาฬิกาเพคะ”
“พี่คิดว่าเทพองค์รักษ์จำเป็นต้องหายสาบสูญไปเพราะถ้าพลังเทพของตนถูกพบเห็น”
“พวกทายาทก็จะตกอยู่ในอันตราย”
“ถูกต้อง เราต้องรีบหากุญแจให้ได้เร็วที่สุด”

รถของนาชะวิ่งตะบึงไปข้างหน้า

รถของนาชะแล่นเข้ามาจอดที่ลานจอดรถหน้าบาร์แห่งหนึ่งแถวชานเมือง ทั้งสองลงมาจากรถ

“แน่ใจเหรอว่าที่นี่”
“เชื่อนาชะซิ รุ่นนี้แล้ว”
ณัชชายิ้ม ทั้งสองเดินเข้าไปในบาร์
ภายในบาร์มีโต๊ะสนุ้กอยู่ด้านหนึ่งชายกลุ่มหนึ่งเล่นกันอยู่ ท่าทางเป็นนักเลง และมีบาร์อยู่ด้านหนึ่ง ณัชชากับนาชะเดินเข้าไปก็ถูกมองจากสายตาของชายทุกคนที่อยู่ในบาร์ ทั้งสองเดินมานั่งที่บาร์ บาร์เทนเดอร์ท่าทางดุดันเดินเข้ามา
“ดื่มอะไรครับ”
“ปืนแล้วก็กระสุน”
ชายมองอย่างสงสัย นาชะวางเงินลงบนบาร์ปึกหนึ่ง ชายพยักหน้า
“เอาเท่าไหร่”
“มีเท่าไหร่เหมาหมด”
ชายกราดสายตาไปมา นาชะยื่นแบงก์พันให้สองใบ ชายยิ้ม นาชะยิ้ม
ทันใดนั้นมีขี้เมาร่างใหญ่เดินมายืนตรงกลางระหว่างณัชชากับนาชะ เอาแขนโอบทั้งสองคน
“ไงน้องสาว”
ณัชชากับนาชะต่างมองหน้ากันสีหน้าเบื่อ
พนักงานสองคนเปิดประตูหน้าบาร์อย่างเร่งรีบ อึดใจร่างของขี้เมาตัวใหญ่พุ่งลอยออกมาจากประตูหน้าบาร์ลงมากองอยู่ที่พื้น ร่างของณัชชากับนาชะเดินออกมา ทั้งคู่เดินผ่านชายขี้เมาไปที่ลานจอดรถ แล้วขึ้นรถขับออกไป

รถของณัชชาวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าโกดังแห่งหนึ่ง ณัชชากับนาชะลงมาจากรถ ชายฉกรรจ์สองสามคนเดินเข้ามา ณัชชากับนาชะยืนประจันหน้า
“น้องสาวเหรอที่สั่งของ”
“ถ้าพี่ขายน้องก็สั่ง”
ชายหัวเราะกัน
“เจ๋งมากน้อง ตามมา”
ชายเดินนำทั้งหมดเข้าไปด้านใน

ภายในโกดัง กระเป๋าใบเขื่อง 2 ใบที่ถูกเอามาวางบนลังที่ต่อกันเป็นโต๊ะด้วยชายฉกรรจ์สองคน ชายฉกรรจ์เปิดประเป๋าให้ณัชชากับนาชะที่ยืนมองอยู่ ของในกระเป๋าเป็นปืนสั้นหลากหลายชนิดพร้อมกล่องกระสุน
“มีครบทุกขนาดทุกชนิด ตามสั่งกระสุนพร้อม”
“เงิน”
“เราต้องขอยึดอาวุธพวกนี้ จากพวกนายเพื่อความปลอดภัยของประชาชน” ณัชชาบอก
“อ้าว อย่างนี้ก็สวยเด้”
นาชะดีดตัวถอยไป พวกมันพุ่งเข้าหาณัชชา ณัชชาหมุนตัวเข้าหาโชว์ลวดลาย ต่อย เตะ ถีบ พวกมันสลบลุกไม่ขึ้นใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที
“เฮ้อ มนุษย์ สวรรค์มีไม่ชอบอยากอยู่นรก” นาชะยกนิ้วทำเป็นโทรศัพท์แนบหู “เหรอคะ มีพวกซื้อขายอาวุธที่โกดัง เฮงการค้าค่ะ”
นาชะขยับนิ้วเป็นเสียงวางสาย ยิ้มให้ณัชชา ณัชชายิ้มมองดูพวกอาวุธปืนอย่างตื่นเต้น

ปืนหลายชนิดหลายกระบอกวางเรียงกันอยู่บนโต๊ะกินข้าวพร้อมกล่องกระสุน/ บาแรตต้า/ .38 /ลูกซอง 9 ม.ม.
“พี่ไม่ชอบเลยไปยึดมาจากพวกนักเลงรู้สึกเหมือนเป็นโจรทำไมไม่ซื้อเอามีเงินเยอะไม่ใช่เหรอ”
“ถ้าซื้อต้องผ่านขั้นตอนยุ่งยาก ทางการมนุษย์จะสงสัยองค์หญิงอย่างนี้ดีกว่าได้ทั้งปืน ได้ทั้งปราบคนชั่ว องค์หญิงได้ออกกำลังอีกตะหาก”
นาชะยิ้มชอบใจ ณัชชาได้แต่ยิ้มหมั่นไส้

ณัชชานั่งมองอาวุธที่อยู่บนโต๊ะ เพ่งมองอย่างครุ่นคิด อึดใจ ณัชชาหลับตาแล้วใช้มือขวาวนเป็นวงกลมตรงหน้าของตนเกิดเป็นม่านจางๆ อยู่ตรงหน้า ทันใดนั้นอาวุธต่างๆ เริ่มลอยขึ้นจากโต๊ะแล้วลอยเข้าสู่ม่านจางๆ ตรงหน้า สุดท้ายก็หายเข้าไปในม่านจางๆ จนหมด ณัชชาผลักมือใส่ม่านกลมทันใดนั้นม่านกลมหายแวบไป ณัชชายิ้มอย่างพอใจ
ณัชชาสะบัดมือปืนสั้นติดมือมากระบอกหนึ่ง สะบัดมือซ้ายเป็นปืน ออกมาอีกกระบอกหนึ่ง สะบัดมือขวาอีกครั้งกลายเป็นปืนลูกซองอยู่ในมือ สะบัดมือซ้ายอีกครั้งกลายเป็นปืน 375 อยู่ในมือ

ณัชชาสะบัดมือพร้อมกัน อาวุธแวบหายไป หล่อนยิ้มอย่างพอใจ

เช้าวันต่อมาที่สนามยิงปืน ณัชชาก้าวเข้ามาตรงจุดที่ซ้อมยิงปืน ปืนในมือยกขึ้น แล้วเหนี่ยวไก เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวติดกันถี่ยิบ เป้าถูกดึงเข้ามาเห็นว่าลูกเข้าเป้าตรงกลางหมดทุกลูก ณัชชาวางปืนลงตรงที่วางปืนด้านหน้า

“โห...พี่ณัชชาทำได้ยังไง” นาชะถามอย่างตื่นเต้น
“ก็เหมือนกับดาบ ต้องตั้งสมาธิ ง่ายกว่าอีกแค่เหนี่ยวไก”
“โม้น่าดู ไหนขอดูอีกทีว่า แม่นจริงหรือเปล่า”
ณัชชายิ้มแต่แทนที่จะหยิบปืนกับสะบัดมือ ปรากฏว่ามีปืนอยู่ในมือเรียบร้อย ณัชชาเหนี่ยวไกอย่างรวดเร็ว เสียงปืนรัวถี่ยิบ เป้าถูกดึงกลับมา ลูกเข้าเป้าหมดทุกลูก ณัชชาสะบัดมืออีกครั้งปืนหายแวบไป นาชะตาโต
“องค์หญิงทำยังไงเพคะ”
“เราใช้มนต์เสกอาวุธโดยใช้ของจริงเป็นต้นแบบ เก็บเอาไว้รอบตัวไม่มีใครเห็นใช้เมื่อไหร่ได้ตามใจนึก”
“โห...สุดยอด”
“ครับ สุดยอดจริงๆ ถูกเป้าทุกนัดเลยครับ”
ทั้งสองหันมาก็พบเอกภพ
“คุณเอกภพ บังเอิญอีกแล้วที่เจอคุณเอกภพที่นี่”
ณัชชาเหล่นาชะ นาชะยิ้มทะเล้นใส่
“คาดไม่ถึงว่าคุณณัชชาชอบปืน ยิงแม่นด้วย”
“คุณพ่อเคยสอนไว้ หลังจากเกิดเรื่องที่ร้านไอศกรีมก็เลยคิดว่าควรซ้อมไว้หน่อยค่ะ”
“ดีครับ ผมว่าผมชิ่งก่อนดีกว่า ก่อนที่คุณณัชชาจะโมโห” เอกภพบอกยิ้มๆ ณัชชายิ้ม
“ต้องไปแล้วเหรอคะ”
“ครับ มีประชุมครับ”
“เชิญค่ะ”
เอกภพยิ้มให้แล้วเดินออกไป ณัชชามองตาม
“อะแฮ้ม” นาชะแกล้งกระแอ้ม ณัชชาหันมาหน้าตุ่ย
“บังเอิญเหรอ”
“เฮ่”
ณัชชาเหล่ส่ายหน้าอย่างหมั่นใส้

เอกภพขับรถอยู่บนถนนสายหนึ่ง เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เอกภพรับสาย
“ว่าไงเจนศักดิ์”
“สายรายงานแหล่งพวกมาเฟียกำลังขนถ่ายยาเสพติดครับ”
“ที่ไหน ดี จัดกำลังเตรียมพร้อมรอไว้อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว คุณไปรอผมที่นั่น เราจะบุกกันเข้าไปก่อน”
เอกภพวางสายแล้วบึ่งรถไป

ร่างของเอกภพกับเจนศักดิ์ ปรากฏที่ข้างๆ โกดังเก็บของแห่งหนึ่ง ไม่มีใครอยู่ในพื้นที่
“คุณแน่ใจนะว่าที่นี่”
“สายรายงานมาว่าที่นี่แน่นอนครับ”
“อืม แปลก คุ้มกันผมก่อน”
เอกภพดีดตัวไปทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว เจนศักดิ์ยกมือกราดคอยคุมเชิงให้ จนเห็นเอกภพไปถึงด้านหน้า เอกภพส่งสัญญาณให้เจนศักดิ์ตามไป ตัวเองยกปืนกราดไปรอบๆ คุ้มกันจนเจนศักดิ์วิ่งไปถึงหน้าประตู เอกภพค่อยๆดันประตูเลื่อนออกแล้วแทรกตัวเข้าไป
ด้านในเต็มไปด้วยสินค้าสองข้าง มีทางเดินตรงกลางเป็นทางแคบเข้าไป ทั้งสองเคลื่อนตัวไปตามลังเก็บของอย่างช้าๆ ทุกอย่างเงียบสนิท
“เงียบมาก” เจนศักดิ์บอก
“เงียบเกินไป”
ทันใดนั้นเอกภพพุ่งร่างเข้าชนร่างของเจนศักดิ์ล้มลงไปพร้อมกันเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ปรากฏว่ามีร่างของมือปืนนับสิบโผล่มาจากลังทั้งสองข้างทาง สาดกระสุนเข้าใส่ทั้งสองอย่างถี่ยิบ เอกภพหมุนตัวกับพื้นยิงสาดพวกมันร่วงลงมา สองสามคน เจนศักดิ์เองก็เหนี่ยวไกอย่างถี่ยิบ แต่แล้วก็ถูกกระสุนปลิว เข้าใส่เต็มร่าง เจนศักดิ์เซ เอกภพคว้าร่างเจนศักดิ์ไว้ มือหนึ่งยิงใส่พวกมัน
“กำลังเสริม บุกได้ กำลังเสริม”
ทันใดนั้นกระสุนปลิวมาถูกร่างของเอกภพและเจนศักดิ์เต็มไปหมด ทั้งสองทรุดลงกับพื้นสายตาพร่าพรายทันใดนั้นประตูโกดังเปิดออกผลัวะ กำลังเสริมของเจ้าหน้าที่พรวดเข้ามานับสิบ กราดเข้าใส่พวกมือปืนเสียงปืนดังสนั่น
หวั่นไหว ขณะที่เอกภพและเจนศักดิ์นอนฟุบอยู่ท่ามกลางเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว เจ้าหน้าที่คนหนึ่งวิ่งเข้ามาตรวจร่างของทั้งสอง
“ขอรถพยาบาลด่วน”

แต่แล้วเจ้าหน้าที่ก็ถูกกระสุน ทรุดลงไปใกล้ๆ กับเอกภพและเจนศักดิ์นั่นเอง

อ่านต่อหน้า 4

ธิดาพญายม ตอนที่ 1 (ต่อ)

ขณะเดียวกันนั้น ที่คอนโดหรูของณัชชา ถ้วยกาแฟหล่นลงสู่พื้นแตกกระจาย ณัชชายืนอยู่ตรงโต๊ะทานข้าว นาชะวิ่งเข้ามา

“มีอะไรเหรอเพคะองค์หญิง”
ณัชชาส่ายหน้า
“ไม่รู้ มีพลังบางอย่างรบกวนข้า”
นาชะมองณัชชาอย่างเป็นกังวล

ที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่เข็นเตียงพยาบาลสองเตียงตรงไปที่ห้องผ่าตัดอย่างรวดเร็ว พยาบาลและแพทย์ยกร่างของเจนศักดิ์วางลงบนเตียงผ่าตัด พยาบาลและแพทย์ยกร่างของเอกภพขึ้นไปวางบนเตียงผ่าตัดเช่นกัน
ณัชชาเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ เสียงโทรศัพท์ของณัชชาดังขึ้น ณัชชาดีดนิ้วก็สามารถคุยโทรศัพท์ได้เลยโดยไม่ต้องรับโทรศัพท์ได้ยินเสียงเหมือนออกสปีคเกอร์
“มีอะไรจ๊ะนาฬิกา”
“พี่ณัชชาพี่เอกภพถูกยิงกำลังมีข่าวทางทีวี”
นาชะปราดไปที่ทีวีดีดนิ้ว ทีวีเปิดขึ้น นักข่าวหญิงกำลังประกาศข่าวอยู่
“ผู้กองเอกภพ ยอดตำรวจมือปราบถูกยิงอาการสาหัส นับว่าเป็นครั้งแรกของการปฏิบัติงาน ที่ยาวนานเกือบสิบปี”
นาชะดีดนิ้วทีวีดับ
“พี่เห็นข่าวแล้วจ้ะ พี่กับนาชะกำลังจะไปที่โรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
“ค่ะ”
ณัชชาดีดมือวางสาย
“เป็นไปได้ยังไงทายาทต้องมีพลังคุ้มกัน”
“หรือว่าผู้กองเอกภพไม่ใช่ทายาทเทพอย่างที่เราคิด”
“รีบไปกันดีกว่า”
นาชะขยับตัวปีกพรึบขึ้นมาอีกครั้ง นาชะเดินเข้ามาคล้องแขนณัชชา แล้วกระพือปีกร่างทั้งสองค่อยๆ ลอยขึ้นแล้ว แวบหายไป

นาฬิกาเดินไปมารออยู่บริเวณจุดรอพร้อมกับลุงสมและป้าอร สิทธิชัยเดินเข้ามาหา นาฬิกายกมือไหว้ เช่นเดียวกับลุงสมและป้าอร
“หมอพยายามช่วยเต็มที่อยู่แล้ว”
“ค่ะ”
“อาต้องไปก่อนนะ อาจะจัดการกับพวกมันให้ได้”
นาฬิกากับลุงสมและป้าอร ยกมือไหว้ สิทธิชัยเดินจากไป
“ใจดีไว้นะคะคุณนาฬิกา ป้าเชื่อว่าคุณเอกภพต้องไม่เป็นอะไร”
ป้าอรลอบสบตากับลุงสมต่างพยายามไม่แสดงพิรุธ
“นาฬิกา”
นาฬิกากับทุกคนหันไปก็เห็นณัชชากับนาชะเดินเข้ามา นาฬิกาเข้าไปกอดณัชชาอย่างสนิทสนมก่อนจะถอยออกมา
“นี่ลุงสมกับป้าอรค่ะ”
ณัชชามองลุงสมกับป้าอรอย่างพิจารณา ป้าอรกับลุงสมยกมือไหว้ ต่างมองณัชชากับนาชะอย่างพิจารณาเช่นกัน

ภายในห้องโถงที่องค์กรของอาคิน อำนาจกำลังคุยกับอาคินเรื่องเอกภพ
“เรียบร้อย คิดว่าพวกมันคงไม่รอด”
“ดีมาก ทำได้ดี ไม่มีมนุษย์หน้าไหนที่จะต้านเราได้”
อาคินนั่งที่บัลลังก์ เทพซ้ายขวายืนอยู่ด้านหลัง ตรงหน้าคืออำนาจ
“แต่เราสูญเสียคนไปมาก ตอนนี้กำลังเราแถบจะไม่เหลือ”
“ท่านไม่ต้องห่วง เราจัดการเอง”
อาคินหัวเราะอย่างชอบใจ

นาฬิกา ณัชชา นาชะนั่งรอฟังข่าวอาการของเอกภพอยู่ โดยมีลุงสมยืนระวังอยู่ข้างๆ ป้าอรยกถาดน้ำเข้ามาวางไว้ที่โต๊ะกลาง หยิบสองแก้วออกไปให้ลุงสมแก้วนึง ทั้งหมดหยิบแก้วดื่มแล้ววางลงบนถาดอย่างเดิม
“คุณหมอมาแล้ว”
ทุกคนยืนขึ้นขณะที่คุณหมอเดินเข้ามาถึง
“คนเจ็บอาการหนักมากยังไม่ฟื้นต้องรอดูอีกระยะหนึ่ง” ทั้งหมดสีหน้าไม่ดีต่างมองหน้ากัน ณัชชาเข้ามาโอบปลอบใจนาฬิกา “อีกคนหนึ่งปลอดภัยไม่เป็นอะไรมากเข้าเยี่ยมได้”

ทุกคนต่างมองหน้ากันคาดไม่ถึง

ประตูห้องคนป่วยถูกเปิดออกนาฬิกา ณัชชา นาชะ ก้าวเข้ามาหยุดมองที่เตียง แล้วนาฬิกาก็วิ่งเข้าไปที่เตียงณัชชากับนาชะต่างมองหน้ากัน นาฬิกาซบที่อกของเอกภพ

“พี่ไม่เป็นไรจ้ะ คุณเจนศักดิ์”
“คุณเจนศักดิ์ยังไม่ฟื้นค่ะ”
เอกภพถอนใจ นาฬิกาถอยออกมา ณัชชากับนาชะเดินเข้ามาที่เตียง ณัชชาจ้องสำรวจเอกภพ สีหน้าคิดคาดเดา
“คุณเอกภพไม่เป็นอะไรนี่คะ” นาชะบอก
“ขอบคุณครับ แต่ดูว่าคุณณัชชาออกจะผิดหวัง”
ณัชชารู้ตัวรีบยิ้มให้
“ดีใจที่คุณเอกภพปลอดภัย”
“ทำไมข่าวบอกว่าอาการสาหัสทั้งสองคนล่ะคะ”
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้ว่าถูกล้อมยิงพอรู้ตัวอีกทีก็ฟื้นขึ้นมาอยู่ห้องนี้แล้ว”
ณัชชากับนาชะต่างลอบสบตากัน
“งั้นณัชชากลับก่อนนะคะคุณจะได้พักผ่อน” ณัชชายื่นมือให้ นาฬิกายิ้มชอบใจ
“ขอบคุณครับ”
เอกภพยื่นมือมาจับมือณัชชา พลันณัชชาก็เห็นภาพที่เกิดขึ้น ทันใดนั้นกระสุนปลิวมาถูกร่างของเอกภพและเจนศักดิ์เต็มไปหมด ทั้งสองทรุดลงกับพื้น สายตาพร่าพรายทันใดนั้นประตูโกดังเปิดออกผลัวะ กำลังเสริมของเจ้าหน้าที่พรวดเข้ามานับสิบ กราดเข้าใส่พวกมือปืนเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว ร่างของเอกภพและเจนศักดิ์ นอนฟุบอยู่ ท่ามกลางเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหว เจ้าหน้าที่คนหนึ่งวิ่งเข้ามาตรวจร่างของทั้งสอง
“ขอรถพยาบาลด่วน”
แต่แล้วเจ้าหน้าที่ก็ถูกกระสุนทรุดลงไปใกล้ๆ กัน
ณัชชายิ้มปล่อยมือจากเอกภพ
“แล้วเจอกันค่ะ”

ณัชชา นาชะ นาฬิกา ยืนอยู่ที่จุดนัดพบของโรงพยาบาล
“ขอบคุณพี่ณัชชากับนาชะนะคะที่อุตส่าห์รีบมา”
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
“คุณนาฬิกาครับ” ทั้งหมดหันไปก็เห็นไกรยุทธ์ถือกระเช้าดอกไม้ยืนอยู่ “ผมได้ข่าวพี่ชายคุณนาฬิกาเลยแวะมาเยี่ยมครับ”
ณัชชากับนาชะต่างสังเกต ไกรยุทธ์ส่งกระเช้าดอกไม้ให้
“ขอบคุณค่ะ แต่นาฬิกานึกไม่ออกว่าคุณเป็นใคร”
“อ๋อ...ผมเป็นรุ่นพี่อยู่สถาบันเดียวกัน ไปดูคุณซ้อมเทควนโด้ บ่อยๆ ครับ ดูคุณแข่งด้วยแต่คุณนาฬิกาคงจำผมไม่ได้”
“ค่ะ เอ้อ...นี่พี่ณัชชากับนาชะค่ะ”
นาฬิกาแนะนำ ไกรยุทธ์ยกมือไหว้ ณัชชารับไหว้ มองอย่างพิจารณา นาชะรีบยื่นมือออกมาให้จับ
“นาชะค่ะ เด็กด้วยกันไม่ต้องไหว้ดีกว่าค่ะ”
ไกรยุทธ์ยิ้มยื่นมือออกมาจับ
“ยินดีครับ”
มือของนาชะกับไกรยุทธ์มีรังสีจางๆ ออกมา นาชะมีสีหน้าคาดไม่ถึง หันมองณัชชาซึ่งเห็นเหมือนกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

นาชะกับณัชชาต่างลอบสบตากันอย่างตื่นเต้น

เมื่อกลับถึงคอนโด นาชะกับณัชชาจึงคุยกันถึงเรื่องนี้

“ไม่น่าเชื่อเลย ว่าเราจะเจอทายาทอีกหนึ่งคน”
“คงเป็นเพราะพลังเทพสื่อถึงกันได้ คุณไกรยุทธ์เลยตามดูคุณนาฬิกาโดยไม่รู้ตัว”
“องค์หญิงจะทำยังไงต่อคะ”
“ช้าหรือเร็ว อาคินจะต้องรู้ เราจะต้องหาโอกาสบอกเรื่องกุญแจให้ได้ ถ้าคุณเอกภพเชื่อและให้ความร่วมมือ ทุกอย่างก็จบ”
“มนุษย์มักจะยอมร่วมมือกับคนรักเสมอ”
“เจ้าอย่าคิดเหลวไหล”
ทันใดนั้นทีวีเปิดขึ้นมาเอง ทั้งสองหันไปดูข่าวทีวี
“รายงานข่าวความคืบหน้าอาการบาดเจ็บของเจ้าหน้าที่ ผู้กองเอกภพอาการปลอดภัย แต่คู่หูนักสืบเจนศักดิ์อาการยังไม่ดีขึ้นแพทย์คิดว่าคงจะต้องใช้เวลาเกินกว่า 6 เดือน”
ทีวีปิดด้วยตัวเองอีกครั้ง ณัชชามีสีหน้าครุ่นคิด
“พี่รู้แล้ว ว่าจะทำยังไง” ณัชชามองขึ้นด้านบน “ขอบคุณค่ะท่านพ่อ”
นาชะมองอย่างสงสัย

วันต่อมารถของเอกภพแล่นเข้ามาจอดที่หน้าตึกแห่งหนึ่ง เอกภพก้าวออกมาจากรถเดินเข้าไปตรงหน้าตึก
มือปืนมาเฟีย สองสามคนก้าวเข้ามาขวาง
“ขอคุยกับนายแกหน่อย”
มือปืนถอยออกไป เอกภพเดินผ่านเข้าไป

เอกภพเดินเข้ามาในห้องทำงานของนายกำจร
“ไม่น่าเชื่อว่าผู้กองจะรอดมาได้”
“คุณอาจจะเป็นคนต่อไปก็ได้ ถ้ามีอะไรก็รีบบอกมาก่อนที่ผมจะเค้นคอคุณ”
“กลุ่มนายอำนาจส่งข้อความไปตามกลุ่มต่างๆ เรียกร้องให้มาเฟียทุกแก๊งไปรวมตัวกัน”
“นายอำนาจเป็นกลุ่มขนาดกลาง ทำไมถึงกล้า”
“เห็นว่ามีผู้บริหารคนใหม่ไฟแรง”
ทันใดนั้นมีมือปืนพรวดเข้ามารายงาน
“พวกนายอำนาจมาขอพบ”
“พูดถึงก็มาเลย”

อำนาจเดินนำหน้าอาคินและเทพซ้ายขวาเข้ามาพร้อมมือปืนอีก 3-4 คน ในห้องตอนนี้เหลือแต่กำจรและมือปืน 5 คนยืนเรียงหน้ากันอย่างระมัดระวัง ไม่มีเงาของเอกภพ
“คุณอำนาจมาเยี่ยมด้วยตัวเอง คงมีเรื่องสำคัญ”
“ก็แค่จะมาแนะนำผู้บริหารใหม่ให้รู้จัก นี่คือท่านอาคินและก็มือปืนของท่าน”
อาคินจ้องกำจรเขม็ง
“ยินดีที่ได้รู้จัก หวังว่าเราคงไม่ข้ามล้ำเส้นของกันและกัน”
“ท่านยังไม่ได้ตอบรับการเข้าร่วมองค์กรกับเรา”
“อืม วันๆ ผมมีงานเยอะไม่มีเวลาสนใจเรื่องไร้สาระ”
“มีหลายคนที่เคยพูดเหมือนท่าน แต่ตายไปแล้ว”
“คิดจะขู่เหรอ”
ทันใดนั้นพวกมือปืนของกำจรตวัดปืนเข้าใส่ พวกอำนาจต่างตวัดปืนเข้าหาเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างจ้องปืนใส่กัน
“หวังว่าพวกที่ตาย คงไม่ใช่ฝีมือของพวกคุณ”
ทั้งหมดหันไปก็เห็นเอกภพเดินเข้ามา เอกภพเดินเข้ามายืนด้านหน้ากำจร ประจันหน้ากับพวกอำนาจกับอาคิน
“เพราะถ้าใช่ มีปัญหาแน่”
อาคินจ้องเอกภพอย่างตื่นเต้น สายตาเป็นประกาย เทพซ้ายขวาขยับตัว อาคินถลึงตาสั่นหน้าห้ามไว้
“คุณอำนาจ เรากลับ”
อำนาจโบกมือให้ลูกน้องแล้วก็นำลูกน้องออกไป เหลือแต่อาคินกับเทพซ้ายขวายืนประจันหน้ากับเอกภพ ครู่หนึ่งอาคินก็หันหลังกลับพร้อมเทพซ้ายขวาเดินออกไป
“แล้วผมจะไปเยี่ยม” เอกภพบอก กำจรเดินเข้ามาหาเอกภพ
“ดีที่ผู้กองอยู่ด้วย ไม่ยังงั้นคงเละกันไปแล้ว”
“น่าเสียดาย”

เอกภพเดินออกไป กำจรมองตามไป

รถของเอกภพขับเข้ามาจอดที่กองบัญชาการกรมตำรวจ เอกภพก้าวลงจากรถเข้าไปในตัวอาคาร

สิทธิชัยนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะในห้องประชุมมีซองเอกสารอยู่ตรงหน้า ประตูเปิดร่างของเอกภพก้าวเข้ามา
“อ้า คุณเอกภพ เชิญนั่ง” เอกภพเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ด้านหนึ่ง “คุณเพิ่งออกจากโรงพยาบาลได้วันเดียว คุณ
ไปลุยพวกมันแล้วเหรอ”
“ผมต้องให้พวกมันรู้ว่าเราไม่เกรงพวกมันครับ”
“ผมเสียใจด้วยเรื่องคุณเจนศักดิ์”
“ครับ อีกหกเดือนก็คงหายดีครับ”
“ในระหว่างนี้ทางผู้ใหญ่ส่งคนมาให้ทำงานร่วมกับคุณ ผมดูเอกสารแล้วมีฝีมือดี ประสบการณ์เยอะเกินคาด”
“ทำไมครับ ผมคิดว่าผมทำงานคนเดียวจะดีกว่า”
“ผมไม่ได้เป็นคนตัดสินใจ ส่งมาจากเบื้องบน ชอบไม่ชอบก็ต้องชอบ ผมอยากให้คุณต้อนรับและร่วมมือเต็มที่”
เอกภพพยักหน้าอย่างอ่อนใจ สิทธิชัยยกโทรศัพท์ขึ้น “เชิญคนเข้ามาได้”
ประตูเปิดออกร่างของณัชชาก้าวเข้ามา
“คุณณัชชา”

ร่างของเอกภพเดินมาที่รถ ตามด้วยณัชชาก้าวตามมา
“คุณเอกภพ ขออธิบายหน่อยได้มั้ยคะ”
เอกภพหยุดที่หน้ารถ
“ทำไมคุณต้องโกหกผมด้วย เรื่องคุณเป็นตำรวจ”
“ไม่ได้โกหก แต่ไม่มีโอกาสที่จะบอก”
“ไม่มีโอกาสที่จะบอกเหรอ ตอนที่เจอผมครั้งแรกคุณก็บอกได้ เจอผมครั้งที่สองคุณก็บอกได้ ผมอยู่โรงพยาบาลคุณก็น่าจะบอกได้ สวัสดีค่ะดิฉันชื่อณัชชา เป็นตำรวจ ง่ายๆ ไม่เห็นยากเลย”
“ตอนนั้นไม่ทันคิด ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม” เอกภพถอนใจ เดินไปเดินมาพูดไม่ออกได้แต่เสียอารมณ์ “ดิฉันขอโทษจริงๆ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นความต้องการของเบื้องบน”
เอกภพพยักหน้า
“เอาล่ะ แล้วไปแล้ว แต่ต่อไปนี้ทุกอย่างต้องเคลียร์ไม่มีอุ๊บอิ๊บ โอเคมั้ย”
“โอเคค่ะ”
“แล้วอยู่ๆ คุณกลายมาเป็นตำรวจได้ยังไง”
เอกภพจ้องจริงจัง ณัชชาถึงกับตอบไม่ถูก
“พ่อฉันเป็นมือปราบขั้นเทพ”
“อ๋อเหรอ ชื่ออะไร ผมน่าจะรู้จัก”
“ไม่รู้จักหรอกพ่อฉันอยู่สวรรค์นานแล้ว”
“เอ้อ...ผมเสียใจด้วยครับ”

ณัชชาพยักหน้าไม่ตอบ

อ่านต่อตอนที่ 2
กำลังโหลดความคิดเห็น