xs
xsm
sm
md
lg

สมาชิกสหกรณ์คลองจั่นรวมตัว! กางแผนฟื้นฟูโต้กลับศิษย์เอกธรรมกาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กลายเป็นกรณียักยอกเงินครั้งใหญ่จากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสหกรณ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอย่าง สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น สร้างความเดือดร้อนไปทุกหย่อมย่านกับความเสียหายที่มีมูลค่านับหมื่นล้าน!
 
จากความเดือดร้อนที่มีมาอย่างต่อเนื่องกับสภาพการณ์ที่สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ ไม่สามารถเบิกถอนเงินให้สมาชิกได้ พร้อมทั้งกระแสข่าวปัญหาระหว่าง ศุภชัย ศรีศุภอักษร กับมณฑล กันล้อม 2 ผู้ร่วมก่อตั้งที่ท้ายสุดปมเฉลยของปัญหาก็กลับเป็นฝ่ายศุภชัย ศรีศุภอักษรที่ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์เอกธรรมกายมีการอนุมัติออกเงินกู้โดยมิชอบเป็นเงินกว่า หมื่นล้านบาท

ความเดือดร้อนกินเวลามานานหลายเดือน โดยศุภชัยยังคงอยู่ในตำแหน่งประธานคนใหม่ และยังคงบ่ายเบี่ยงต่อการจ่ายเงินออกพร้อมทั้งอ้างว่า สหกรณ์ยังคงดำเนินการได้ตามปกติ ทว่าสมาชิกกลับยังคงมีการรวมตัวชุมนุมแบบรายวันเพื่อขอเงินของตนเองคืน

กระทั่งในที่สุดเมื่อวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมาก็เกิดการรวมตัวของสมาชิกผู้เดือดร้อนที่ครั้งนี้มีมากกว่า 800 คน พร้อมตัวแทนจากภาคกฎหมายอย่างสภาทนายความ และเจ้าหน้าที่สืบสวนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เพื่อหาทางออกจัดการและโต้กลับการทุจริตครั้งร้ายแรงครั้งนี้

สมาชิกรวมตัวโต้กลับ

หลังจากช่วงที่สมาชิกไม่สามารถเบิกถอนเงินได้ผ่านพ้นมานานหลายเดือน กระทั่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดำเนินการยึดทรัพย์ ศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ จากกรณียักยอกทรัพย์กว่า 12,000 ล้านบาท

จนต่อมาเกิดเป็นปัญหาต่อสมาชิกที่ไม่สามารถดำเนินการเบิกถอนเงินจากสหกรณ์ได้เป็นเวลานาน การประชุมและแถลงการณ์ในหลายครั้งของศุภชัยมีการให้คำมั่นสัญญาว่า สหกรณ์จะกลับมาดำเนินการตามปกติได้ในเร็ววัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือนสมาชิกก็ยังคงไม่สามารถเบิกเงินอย่างที่ตนเองต้องการออกมาได้ จึงเกิดเป็นการรวมตัวของกลุ่มสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ ที่ประสบปัญหาจัดขึ้นที่โรงเรียนบ้านบางกะปิ โดยกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า “เพื่อนช่วยเพื่อน สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น”

ภายในงานมีการแจกใบประกาศถึงสิ่งที่ศุภชัยประธานสหกรณ์ คนปัจจุบันให้สัญญาแล้วไม่เป็นความจริง ตั้งแต่การที่สหกรณ์จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ การเบิกถอนเงินที่ผลัดผ่อนไปหลายครั้ง จนถึงจะได้เงินจากพันธมิตรต่างแดน

ในเวทีดังกล่าวนั้นมีการประชุมถึงรายละเอียดของการดำเนินการต่างๆ เพื่อหาทางออกจากปัญหา เผด็จ มุ่งธัญญา ประธานเครือข่ายสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นที่ประสบปัญหา เล่าถึงการรวมกลุ่มที่มีการจัดมาแล้ว 2 ครั้งโดยได้รับความสนใจมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ทั้งหมด ทั้งนี้ เบื้องต้นได้มีการประสานงานในทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ซึ่งก็ได้รับเรื่องและมีการดำเนินการส่งคนมาดูเรื่องนี้โดยตรงเพื่อแก้ไขปัญหาแล้ว

เขาเผยว่า โอฬาร พิทักษ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คือคนที่ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานในการแก้ไขวิกฤติครั้งนี้

“หลังจากหารือก็ได้ความว่า หลังจากคณะบริหารของคุณศุภชัยออกไปไม่ว่าจะถูกปลดหรือลาออกหรือหนีไป เราจำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการมาดำเนินการขึ้นมาจัดการเป็นการชั่วคราวมีอายุ 180 วัน ซึ่งก็ไม่มีคณะกรรมการผู้ใดในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อยากจะมาบริหารงานนี้ ดังนั้นจะมีการตั้งกรรมการโดยเร็ว หากว่ากลุ่มเราไม่พร้อม ประธาน 1 คน กรรมการดำเนินการ 14 คน ผู้ตรวจสอบ 5 คนคือหัวใจของสมาชิก ถ้าปลดแล้วเราพร้อมหรือเปล่า...ถ้าไม่เกิดจะปัญหามาก ช่องว่างมากและปัญหาจะตามมา”

ฟ้องรัฐ ฐานปล่อยปละละเลย

สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการทุจริตมาอย่างยาวนานจนมูลค่าความเสียหายพุ่งสูงถึงหลักหมื่นล้านคงหนีไม่พ้นการตรวจสอบที่ไม่มีประสิทธิภาพของภาครัฐซึ่งก็คือ กรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจสอบบัญชีสหกรณ์

ทั้งนี้ ในทางกลับกันมาตรการของภาครัฐดังกล่าวยิ่งกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนมั่นใจจนนำเงินมาฝากไว้ที่สหกรณ์แห่งนี้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย คำถามหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ กลุ่มสมาชิกสหกรณ์ที่ได้รับความเสียหายจะฟ้องร้องเอาผิดกับหน่วยงานรัฐทั้ง 2 เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายได้หรือไม่?

สุนทร พยัคฆ์ ผู้รับผิดชอบโครงการช่วยเหลือประชาชน สภาทนายความ เผยถึงการให้ความช่วยเหลือต่อกรณียักยอกครั้งนี้ซึ่งถือเป็นความเสียหายระดับประเทศ เป็นไปตามเงื่อนไขของสภาทนายความที่ต้องให้ความช่วยเหลือประชาชน ทั้งนี้ ต่อคำถามถึงการฟ้องร้องต่อหน่วยงานรัฐ เขาอธิบายว่า หากประชาชนได้รับความเสียหายจากการที่หน่วยงานของรัฐได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สมาชิกก็สามารถฟ้องร้องเอาความได้

“กรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์มีหน้าที่อยู่ในพ.ร.บ.สหกรณ์พ.ศ. 2542 ที่ต้องปฏิบัติเช่น มาตรา17 เป็นเรื่องนายทะเบียนสหกรณ์ ผู้ตรวจสอบสหกรณ์ ดังนั้นถ้ามีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่ามีการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัต้หน้าที่โดยมิชอบก็สามารถดำเนินคดีได้ ”

เมื่อทราบดังนั้น กลุ่มสมาชิกสหกรณ์จึงมีมติในการส่งตัวแทนมอบหลักฐานเพื่อให้สภาทนายความตรวจสอบว่า หลักฐานนั้นสามารถพิสูจน์ความผิดของหน่วยงานรัฐก่อนเพื่อนำไปสู่การดำเนินงานต่อไป

อย่างไรก็ตาม จากความเสียหายที่เกิดขึ้น สมาชิกบางรายได้รับผลกระทบเป็นหลักล้าน จึงได้มีการดำเนินการฟ้องร้องด้วยตัวเอง ตัวแทนจากสภาทนายความระบุว่า สามารถทำได้แต่หากรวมกันฟ้องจะมีพลังมากกว่า

“ข้อเท็จจริงของแต่ละคนค่าเสียหายที่เป็นทุนทรัพย์มันจะแยกกันอยู่แล้ว เป็นไปตามส่วนที่ได้รับความเสียหาย ทั้งนี้การจะได้เงินคืนก่อนหรือไม่นั้น มันจะเดินไปพร้อมกัน”

ขณะที่การฟ้องล้มละลายที่หลายคนมองว่าเร็วกว่าและอาจเป็นทางออกเพื่อให้ได้เงินออกมาเร็วที่สุด สุนทรชี้ว่า การฟ้องล้มละลายไม่ใช่เรื่องง่าย

“การจะให้นิติบุคคลล้มละลายต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า เขามีหนี้สินล้นพ้นตัวซึ่งตอนนี้ยังไม่ปรากฏ มีแค่ภาวะยังไม่ได้จ่าย จ่ายยังไม่เสร็จยังมีทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี ยังมีทุนเรือนหุ้นอยู่สามารถเรียกกลับมาเป็นทุนได้ แม้แต่ฟ้องล้มละลายก็ยังต้องต่อสู้อยู่ดี”

อย่างไรก็ตาม การฟ้องร้องทั้งหมดสภาทนายความจะดำเนินการให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และจะฟ้องในฐานคดีผู้บริโภคซึ่งจะได้รับการงดเว้นค่าทำเนียมศาลอีกด้วย

ยังมีคำถามประเด็นร้อนที่มีการเผยว่า มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่า ประธานสหกรณ์คนหนึ่งได้นำเงินของสหกรณ์ไปให้วัดธรรมกายตั้งแต่ปี 2551 - 2555 รวมทั้งหมด 930 ล้านโดยที่อาจจะมีเงินของสมาชิก สหกรณ์จะฟ้องเอาเงินจากวัดธรรมกายคืนได้หรือไม่?

“ขึ้นอยู่กับการสอบสวนของพนักงานสอบสวนว่าไปถึงเหตุดังกล่าวหรือไม่ ถ้าสอบสวนพบว่าเงินได้เอาไปให้วัดก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องฟ้องร้องเอาเงินคืนมา มันต้องมีหลักฐานที่ชัดเจนว่าเป็นเงินของสมาชิกด้วย”

งานชิ้นที่ท้าทายของดีเอสไอ

แม้จะเป็นหน่วยงานที่หลายคนครหา หากแต่ในกรณีนี้ดีเอสไอดูจะเป็นความหวังหนึ่งของกลุ่มสมาชิกสหกรณ์ จากการร่วมงานกับปปง.ยึดทรัพย์ศุภชัยและตั้งข้อกล่าวหาเพิ่มแก่ผู้เกี่ยวข้อง กิตติก้อง คณาจันทร์ ผอ.ศูนย์ปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติด กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เล่าถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่าทั้งหมดยังคงอยู่ระหว่างการดำเนินการสืบสวนสอบสวน โดยเขาสามารถพูดถึงคดีได้แต่ไม่สามารถลงถึงรายละเอียด

“เราแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 4 รายแล้ว ในทางคดีเราอยู่ระหว่างการสอบสวนหลายท่านอาจจะมองว่า เงียบไม่มีข่าว แต่เราจะแถลงข่าวตลอดไม่ได้ มันจะทำให้เราสืบสวนไม่ได้แต่มีความคืบหน้าแน่นอน”

ทั้งนี้ กิตติก้องเผยว่า การยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มีรายละเอียดรวมไปถึงการนำทรัพย์ไปให้ใคร เจตนาของผู้ให้เป็นอย่างไร และผู้รับได้รับรู้หรือไม่ว่าเงินนั้นมาจากการยักยอก และรับด้วยจุดประสงค์ใด

ในการดำเนินการทางคดีดีเอสไอร่วมมือกับปปง. ใช้อำนาจของปปง. ยึดทรัพย์จากผู้ต้องหาไปหลายพันล้าน แม้ล่าสุดจะมีการเพิกถอนทำให้มูลค่าลดลง แต่ก็ยังคงเดินหน้ายึดทรัพย์เพิ่มเท่าที่ทำได้

“ทรัพย์สินที่เพิ่งถอนนั้นผู้ต้องการได้มาตั้งแต่ปี 2540 ซึ่งไม่เกี่ยวกับคดี มันเป็นไปตามกฎหมายไม่มีนัยใดๆ ทั้งสิ้นที่สำคัญคือตอนนี้มีการยึดอายัดเพิ่มกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งก็เป็นไปตามกฎหมายและเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ”

อย่างไรก็ตามคดีที่เกิดขึ้นนี้ เขายอมรับว่าเป็นงานยาก เพราะทรัพย์สินที่ถูกยักยอกออกไปตามข้อกล่าวหามีมาก และได้ถูกนำไปลงทุนในกิจกรรมต่างๆ

“มันได้ถูกละลายออกไปแล้ว ฉะนั้นต้องยอมรับว่าเป็นคดีที่ยาก มันเกี่ยวข้องกับนิติบุคคล บุคคลมากมาย ในการยึดอายัดทรัพย์สินเราก็พยายามทำเต็มที่”

….

ในช่วงท้ายของการประชุมดังกล่าว เผด็จ มุ่งธัญญาประธานกลุ่มพร้อมทั้งคณะสมาชิกยังมองว่า สมาชิกจำเป็นต้องช่วยเหลือตัวเองก่อน ทั้งการจัดตั้งคัดสรรคณะกรรมการเพื่อสามารถนำไปรองรับหากมีการเปลี่ยนแปลงจนคณะกรรมการชุดของศุภชัยต้องออกจากการบริหาร หากไม่แล้วอาจมีนอมินีจากศุภชัยมาลงบริหารอีก

ทั้งนี้สมาชิกที่ต้องการติดตามข่าวสารสามารถเสิร์ชได้ทางเพจเฟซบุ๊ก “เพื่อนช่วยเพื่อน สหกรณ์เครดิต ยูเนี่ยน คลองจั่น” หรือ www.facebook.com/sahakornconnect

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดสำนักข่าว thaipublica ได้เปิดเผยข้อมูลศุภชัย ศุภศรีอักษรได้ใช้เงินสหกรณ์ เบิกจ่ายให้กับตัวเองเป็นเงินกว่า 4,000 ล้านบาท ทั้งยังบริจาคเข้าวัดธรรมกายมากถึง 814 ล้านบาทอีกด้วย




กำลังโหลดความคิดเห็น