xs
xsm
sm
md
lg

สมาชิกสหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่นหอบเอกสาร 2 ลัง แห่ร้องทุกข์ดีเอสไอ กรณีโดนโกงเงินกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

สมาชิก สหกรณ์ยูเนี่ยน เข้าร้องทุกข์ดีเอสไอ
สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น หอบเอกสาร 2 ลัง เข้าร้องทุกข์ดีเอสไอให้ดำเนินคดีผู้บริหารสหกรณ์ต้นสังกัด ฐานยักยอกทรัพย์หรือฉ้อโกง อ้างเบิกเงินสหกรณ์ไปใช้ผิดระเบียบกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 30 พ.ค.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายปฏิพันธ์ จันทรภูติ อดีตที่ปรึกษาสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น และเป็นสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 1 ซอยเสรีไทย 7 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.พร้อมสมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ประมาณ 10 คน นำเอกสารที่เกี่ยวข้อง 2 ลังกระดาษ เข้ายื่นหนังสือต่อนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ ผ่านนายเพิ่มพูน พึ่งประสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษผู้บริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ ให้ดีเอสไอสอบสวนคดียักยอกทรัพย์หรือฉ้อโกงทรัพย์ โดยอ้างได้ร่วมกันเบิกเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ ออกไปโดยไม่ถูกระเบียบข้อบังคับของสหกรณ์กว่า 12,481,166,996 บาท เบื้องต้นดีเอสไอรับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีความวุ่นวายเกิดขึ้นระหว่างการยื่นเอกสารเล็กน้อย เมื่อมีพนักงานของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ 3 คน ได้ปะปนเข้ามากับกลุ่มช่างภาพสื่อมวลชน เพื่อถ่ายรูปการยื่นเรื่องร้องเรียนต่อดีเอสไอ จนฝ่ายผู้ร้องโวยวายให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ ดีเอสไอ รีบนำตัวพนักงานของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ ออกจากห้องประชุม เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย พร้อมขอร้องให้ลบรูปที่ถ่ายไปทั้งหมด

นายปฏิพันธ์ กล่าวว่า สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ ก่อตั้งเมื่อ ธ.ค.2526 มีผู้ร่วมก่อตั้ง 3 คน จากสมาชิกเริ่มต้นเพียง 22 คน ทุนเรือนหุ้น 1,260 บาท กระทั่งปัจจุบันรวมเวลา 30 ปี จนมีสมาชิก 52,000 คน มีสินทรัพย์มากกว่า 20,000,000,000 บาท ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้ทำงานร่วมกันด้วยความไว้เนื้อเชื้อใจ โดยได้มอบหมายให้นาย ศ.(ขอสงวนชื่อสกุล) เป็นผู้บริหารจัดการด้านการเงินมาตลอด กระทั่งปี 2552-2555 มีการเบิกจ่ายเงินสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ ที่ผิดกฎหมาย ข้อบังคับ ระเบียบของสหกรณ์ฯ นายทะเบียนจึงมีมติให้ยื่นฟ้องคดีอาญากับนาย ศ.กับพวก ฐานได้ปฏิบัติผิดหน้าที่โดยมีเจตนาทุจริตยักยอกทรัพย์

นายปฏิพันธ์ กล่าวต่อว่า แยกเป็นคดีการเบิกถอนเงินสด จำนวน 1,921,740 บาท เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.1240/2556 และคดีการเบิกเงินสดด้วยเช็ค จำนวนเงิน 10,481,166,996 บาท เป็นคดีหมายเลขที่ อ.1241/2556 ซึ่งศาลอาญาได้รับฟ้องไว้เพื่อไต่สวนมูลฟ้อง เมื่อวันที่ 29 มี.ค.2556 นอกจากนั้นทางสหกรณ์ได้ยื่นฟ้องคดีแพ่งเพื่อเรียกเงินคืนจากนาย ศ.กับพวก ในคดีหมายเลขดำที่ 1260/2556 จำนวนเงิน 12,481,166,996 บาท และได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม เพื่อให้ดำเนินคดีในข้อหาหรือฐานความผิดยักยอกทรัพย์หรือฉ้อโกงประชาชน

อดีตที่ปรึกษาสกรณ์ยูเนี่ยนฯ คลองจั่น กล่าวต่อว่า ตนเป็นตัวแทนสมาชิกในระดับรากหญ้าที่มีความทุกข์ที่เบิกเงินคืนได้ครั้งละ 1-2 หมื่นบาท มีความเดือดร้อนมาก จึงมาขอความเป็นธรรมต่อดีเอสไอ พร้อมมีหลักฐานของกรมตรวจบัญชี เรื่องแจ้งผลการกำกับดูและการปฏิบัติของสหกรณ์ เมื่อวันที่ 7 ก.พ.2556 มาประกอบให้ดีเอสไอไว้ตรวจสอบต่อไป

นายพิษณุ ชีวะสิทธิ์ อายุ 71 ปี สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ กล่าวว่า ตนเคยเป็นอาจารย์ตอนเกษียณได้เงินบำเหน็จมาประมาณ 1 ล้านบาท จึงนำมาซื้อหุ้นกับสหกรณ์และฝากเงินสำรองเผื่อฉุกเฉิน เอาดอกเบี้ย 10 เปอร์เซ็นต์ต่อปี เพื่อเป็นทุนดำเนินชีวิตหลังแก่ชรา แต่ตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถถอนเงินต้นที่ฝากคืนไว้ได้ จึงเข้าขอความเป็นธรรมต่อดีเอสไอ

ต่อมามีสมาชิกและพนักงานของสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ ประมาณ 10 คน ซึ่งเป็นฝ่ายของผู้บริหารที่ถูกร้อง ได้เข้ายื่นเอกสารยื่นยันความถูกต้องในการบริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ โดยนำสำเนาหนังสือของกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ ยธ (อสพ) 0800/069 ลงวันที่ 16 เม.ย.2556 เรื่องแจ้งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการร้องเรียนสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ว่าจากการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวแล้วไม่พบการกระทำความผิดตามที่ได้การร้องเรียนแต่อย่างใด จากนั้นตัวแทนฝ่ายผู้บริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนฯ ฝ่ายที่ถูกร้อง ได้ขอความเป็นธรรมต่อดีเอสไอให้ตรวจสอบการร้องเรียนอีกครั้งให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว รวมทั้งขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชนให้เสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา

ด้านนายเพิ่มพูน พึ่งประสิทธิ์ รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจากอธิบดีเอสไอมารับเรื่องโดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

นายกิติก้อง คณาจันทร์ ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ดีเอสไอ กล่าวว่า จะตรวจสอบพฤติกรรมทั้งหมดว่าเข้าข่ายความผิดกฎหมายหรือไม่ มีพยานหลักฐานเกี่ยวข้องอะไรบ้าง เบื้องต้นเสนอให้สืบสวนและตามเส้นทางการเงินว่าไปทำอะไรบ้าง ดูว่าการกระทำลักษณะดังกล่าวอยู่ในอำนาจดำเนินคดีของดีเอสไอหรือไม่ เมื่อวันนี้มีผู้เสียหายมาร้องต่อดีเอสไอและเปิดเผยตัว เบื้องต้นดีเอสไอต้องสืบสวนข้อมูลว่าเป็นคดีพิเศษตามบัญชีท้าย พ.ร.บ.สอบสวนคดีพิเศษ หรือไม่ ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน จากนั้นจะทำความเห็นเสนออธิบดีดีเอสไอ หากพบเป็นการกระทำความผิดเข้าข่าย พ.ร.บ.สอบสวนคดีพิเศษ ก็จะนำเข้าเป็นคดีพิเศษต่อไป หากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงไม่พบการกระทำผิดก็ยุติเรื่องดังกล่าว






กำลังโหลดความคิดเห็น