xs
xsm
sm
md
lg

สืบ บช.น.รวบแก๊งโจ๋ปล้นแฟมิลี่มาร์ท 7 แห่ง

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

สืบ บช.น.แถลงจับกุมแก๊งวัยรุ่นปล้นแฟมิลี่มาร์ท
ตำรวจชุดสืบสวนนครบาลจับกุมตัว 5 ผู้ต้องหาแก๊งปล้นแฟมิลี่มาร์ท 7 แห่งอย่างต่อเนื่อง รับเลือกปล้นแฟมิลี่ฯ เพราะลูกค้าน้อยง่ายต่อการปล้น อ้างพ่อเป็นอัลไซเมอร์จึงหาเพื่อนร่วมก่อเหตุ ระบุแผนต่อไปปล้นมินิบิ๊กซี ลาดพร้าว 101 วันที่ 1 เม.ย.นี้ หวังนำเงินไปเที่ยวเตร่สงกรานต์ปีนี้ แต่ถูกจับกุมได้ก่อน

วันนี้ (25 มี.ค.) เวลา 13.00 น. ที่ บก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ธัมรงศ์ วงศ์แป้น พ.ต.อ.วรนิตย์ สวนคร้ามดี พ.ต.อ.ทีฆโชติ สุวรรณาคม พ.ต.อ.พันธุ์เทพ ธรรมจารี พ.ต.อ.ชาญแสงเสียงฟ้า พ.ต.อ.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผกก.สส.3 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.สส.บช.น. ร่วมกันแถงผลการจับกุมผู้ต้องหาแก๊งปล้นทรัพย์ร้านแฟมิลี่มาร์ทอย่างต่อเนื่องหลายคดี ประกอบด้วย นายสุรศักดิ์ หรือโจ้ ครึ้มกลาง อายุ 18 ปี, นายวุฒิชัย หรือบ่าว อารีวงศ์ อายุ 21 ปี, น.ส.ชลธาร หรือตะวัน สุรภัฎ อายุ 18 ปี, นายพงศ์พันธ์ หรือบิ๊ก ประยูรพงษ์ อายุ 19 ปี และนายคิว (นามสมมติ) อายุ 17 ปี พร้อมด้วยของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ 4 เครื่อง จักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ 5 คัน อาวุธปืนปลอม 1 กระบอก และมีดสปาต้า 1 เล่ม จับกุมตัวทั้งหมดได้บริเวณซอยลาดพร้าว 102 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ

พล.ต.ต.ประยนต์เปิดเผยว่า การจับกุมดังกล่าวสืบเนื่องจาก บก.สส.บช.น.ได้รับการร้องเรียนจากบริษัทและพนักงานร้านสะดวกซื้อแฟมิลี่มาร์ท หลังถูกคนร้ายก่อเหตุปล้นทรัพย์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มคนร้ายมีประมาณ 4-5 คนได้ใช้อาวุธปืน หรือมีดเข้ามาภายในร้านแล้วข่มขู่พนักงานแคชเชียร์ บังคับเอาเงินสดในลิ้นชัก และทรัพย์สินของพนักงาน โดยใช้จักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ เหตุเกิดต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงปัจจุบันก่อนจะมีการจับกุมรวม 7 คดี แบ่งเป็นท้องที่ สน.ลาดพร้าว 1 คดี สน.โชคชัย 3 คดี สน.พหลโยธิน 1 คดี สน.โคกคราม 1 คดี และล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ก่อเหตุในท้องที่ สน.คลองตัน อีก 1 คดี ซึ่งการก่อเหตุลักษณะดังกล่าวถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ที่กระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพราะกลุ่มคนร้ายได้ก่อเหตุอย่างต่อเนื่องไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง

พล.ต.ต.ประยนต์กล่าวอีกว่า ภายหลังรับเรื่องร้องเรียน บก.สส.บช.น.ได้เร่งสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมกลุ่มคนร้าย ซึ่งจากข้อมูลพฤติการณ์การก่อเหตุของคนร้ายมาวิเคราะห์แล้วพบว่าน่าจะมีการรวมตัวเป็นกลุ่มแก๊ง และเลือกเวลาก่อเหตุช่วงกลางคืน เวลาประมาณ 00.30-03.00 น. โดยมีการเฝ้าดูเป้าหมายว่าร้านสะดวกซื้อสาขาไหนมีลูกค้าน้อยก็จะถือโอกาสนั้นก่อเหตุ ระหว่างที่ก่อเหตุก็จะใช้เสื้อคลุมตัวใหญ่มีหมวกฮูดคลุมศีรษะ หรือสวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า ประกอบกับการวิเคราะห์ภาพจากกล้องวงจรปิดที่ได้จากร้านสะดวกซื้อแฟมมิลี่มาร์ท 7 แห่ง ก็น่าเชื่อว่าเป็นกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากอาวุธที่ใช้ก่อเหตุที่เป็นปืนและมีดเป็นแบบเดียวกัน รวมทั้งลักษณะการแต่งกายก็เหมือนกัน อีกทั้งหนึ่งในคนร้ายจะสวมรองเท้ายี่ห้อ Gambol สีดำ หัวรองเท้าขาว และเชือกผูกรองเท้าสีขาวทุกครั้งที่ก่อเหตุ กระทั่งสืบทราบว่าหนึ่งในแก๊งคนร้ายคือนายสุรศักดิ์ หรือโจ้

ด้าน พ.ต.อ.นพศิลป์ กล่าวว่า ภายหลังสืบสวนหาข้อมูลและทราบตัวหนึ่งในผู้ก่อเหตุ ชุดสืบสวนจึงจัดกำลังเฝ้าติดตาม กระทั่งวันที่ 24 มี.ค.เวลา 17.00 น. ได้ติดตามและควบคุมตัวนายสุรศักดิ์ ที่บริเวณกลางซอยลาดพร้าว 102 แขวงและเขตวังทองหลาง กทม. ก่อนที่นายสุรศักดิ์จะสารภาพว่าได้ร่วมกับพวก 7 คน สลับกันก่อเหตุมาแล้ว 7 ครั้ง โดยนายสุรศักดิ์เป็นหัวหน้าแก๊ง เป็นคนวางแผน รวบรวมคนที่จะไปก่อเหตุ และเตรียมยานพาหนะในการก่อเหตุและหลบหนี

จากการสอบสวนนายสุรศักดิ์ หัวหน้าแก๊งพร้อมพวกให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันก่อเหตุร้านสะดวกซื้อแฟมมิลี่มาร์ทจริง โดยสาเหตุที่เลือกปล้นร้านสะดวกซื้อแฟมิลี่มาร์ทในช่วงเวลากลางคืนตั้งแต่หลังเที่ยงคืนเป็นต้นไปเพราะมีลูกค้าน้อย ซึ่งตนและนายบ่าวจะเป็นคนลงมือเข้าไปก่อเหตุโดยใช้ปืนปลอมและมีดเข้าไปขู่บังคับเอาทรัพย์สินแต่ไม่เคยทำร้ายเหยื่อ โดย น.ส.ชลธาร และนายบิ๊กจะทำหน้าที่ไปหาซื้อปืนปลอมมาจากห้างบิ๊กซี สาขาลาดพร้าว คอยชี้เป้าและจะเลือกช่วงเวลาที่มีลูกค้ามาใช้บริการน้อย และพนักงานประจำร้านมีน้อย ซึ่งง่ายต่อการก่อเหตุ ด้านนายสุรศักดิ์รับว่าทำไปเพราะต้องการหาเงินเนื่องจากพ่อเป็นอัลไซเมอร์จึงคิดชักชวนหาเพื่อนร่วมแก๊งมาก่อเหตุ สำหรับนายวุฒิชัย หรือบ่าวมีลูกเล็กและเมียต้องดูแลเนื่องจากทำงานคาร์แคร์ ย่านลาดพร้าว เงินไม่พอใช้ กระทั่งนายสุรศักดิ์ หรือโจ้ หัวหน้าแก๊งมาชวนจึงตัดสินใจทำ

ที่ผ่านมาก่อเหตุทั้งหมดยังไม่เคยถูกจับกุม หลังจากก่อเหตุแล้วจะไปเปิดห้องเช่ารายวันเพื่อแบ่งเงินจำนวนเท่ากันก่อนจะแยกย้ายกันไป สำหรับเงินที่ได้ต่อครั้งมากสุดจำนวนแค่หมื่นกว่าบาทเท่านั้น แต่ไม่ได้หลบหนี และเมื่อจะก่อเหตุใหม่จะนัดวางแผนกันอีกครั้ง นอกจากนี้ยังรับอีกว่า ได้เตรียมวางแผนก่อเหตุปล้นมินิบิ๊กซี สาขาซอยโพธิ์แก้ว ลาดพร้าว 101 ในวันที่ 1 เมษายนนี้ เพื่อนำเงินไปเที่ยวเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ แต่มาถูกจับกุมได้ก่อน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยมีอาวุธและใช้อาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกในการพาทรัพย์สินนั้นไป ก่อนจะควบคุมตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ซึ่งเป็นท้องที่ล่าสุดที่คนร้ายก่อเหตุดำเนินคดี และประสานให้แต่ละท้องที่ที่แก๊งคนร้ายก่อเหตุมาแจ้งข้อหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น