ยะลา - ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เชื่อไม่เกิดพฤติกรรมเลียนแบบปล้นร้านทอง หลังมีกลุ่มคนร้ายนำประทัดยักษ์วางบึ้มปล้นร้านทองซังเต้ง 2 เผยออกหมายจับบุคคลก่อเหตุที่ปรากฏในภาพวงจรปิดแล้ว
วันนี้ (9 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีคนร้ายก่อเหตุอุกอาจใช้ประทัดยักษ์บุกปล้นร้านทองซังเต้ง 2 ที่ จ.ยะลา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมตัวผู้ร่วมก่อเหตุไว้ได้แล้ว 2 ราย คือ นายบาฮารง หะมะ อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 118/10 ม.4 ต.ปะโด อ.มายอ จ.ปัตตานี และนายดำ (นามสมติ) อายุ 17 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121/4 ม.4 ต.ปะโด อ.มายอ จ.ยะลา พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีแดง หมายเลขทะเบียน ขงว 692 นราธิวาส (รถที่ใช้ก่อเหตุ) รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีดำ ทะเบียน กวง 815 ยะลา (รถที่เกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ) เสื้อยืดลายขวางสีดำสลับเทา และเสื้อยืดคอกลมสีดำไว้ได้ เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่บ้านเลขที่ 118/15 ม.4 ต.ปะโด อ.มายอ จ.ปัตตานี
จากการสอบสวน นายบาฮารงได้ให้การรับสารภาพว่า เป็นเจ้าของรถคันที่ใช้ก่อเหตุ และนายดำ (นามสมมติ) ยอมรับว่า เป็นคนขับขี่จักรยานยนต์ ทะเบียน ขงว 692 นราธิวาส โดยมี นายบาฮารง เป็นผู้ซ้อนท้าย และมีการนัดหมาย นายมะอัสมีน อาแว ซึ่งขณะนี้ยังหลบหนี โดยนายมะอัสมีน เป็นบุคคลในภาพจากกล้องวงจรปิด โดยได้นำเอาระเบิดไปวางไว้ในร้านดังกล่าว และก่อเหตุชิงทรัพย์ทองคำรูปพรรณไปได้บางส่วน ก่อนจะหลบหนีไป
สำหรับนายมะอัสมีน อาแว อายุ 21 ปี ซึ่งปรากฏอยู่ในภาพจากกล้องวงจรปิด อยู่บ้านเลขที่ 118/15 หมู่ 4 ต.ปะโด อ.มายอ จ.ปัตตานี เป็นลูกชายของกำนันใน อ.มายอ จ.ปัตตานี โดยเมื่อวานนิ้ (8 มี.ค.) ทางเจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติศาลจังหวัดยะลา ออกหมายจับเลขที่ 47/2556 ลงวันที่ 6 มี.ค.2556 ในข้อหากระทำความผิดฐานร่วมกันชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อการกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไปเพื่อให้พ้นการจับกุม โดยมีและใช้วัตถุระเบิด ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีและใช้วัตถุระเบิดโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน
และจากการสอบถามความคืบหน้าทางด้านคดีไปยัง พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดยะลา ก็ได้ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องหาที่ก่อเหตุอีกคน คือ นายมะอัสมีน อาแว อายุ 21 ปี ซึ่งเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ และยังหลบหนีอยู่ โดยการก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองยังคงพุ่งประเด็นไปในเรื่องของการชิงทรัพย์ ก่อเหตุปล้นทรัพย์ เป็นคดีอาชญากรรมทั่วไป แต่จะชัดเจนมากขึ้นหากมีการจับกุมตัวของนายมะอัสมีน อาแว ได้
พล.ต.ต.พีระ บุญเลี้ยง กล่าวเพิ่มเติมว่า การลอกเลียนพฤติกรรมในการก่อเหตุคงเป็นไปได้ยาก หากจะมีการประกอบระเบิด และนำเข้าไปใช้ก่อเหตุ เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงมากกว่าการใช้มีด หรืออาวุธปืนในการก่อเหตุ ซึ่งเชื่อว่า กลุ่มคนร้ายที่ประสงค์ต่อทรัพย์คงจะไม่มีพฤติกรรมเลียนแบบเหมือนในครั้งนี้ แต่อย่างไรตาม ได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่เพิ่มมาตรการเข้มในการเฝ้าระวังป้องกันเหตุ และประสานไปยังกำลังภาคประชาชนในเขตพื้นที่ต่างๆ ให้เพิ่มการดูแลร้านทอง อีกทั้งประสานขอความร่วมมือไปยังร้านทองให้มีการสอดส่องกลุ่มบุคคล รวมทั้งลูกค้าที่เข้ามาในร้าน และเพิ่มการติดตั้งกล้องวงจรปิดเพื่อเป็นการป้องกันเหตุในเบื้องต้นด้วย ทั้งนี้ เหตุการณ์ครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้น คนร้ายสามารถจะชิงทองคำไปได้ประมาณ 30 บาท
