ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เหยื่อโจรชั่วอ้วน-ผอมโผล่อีก 2 ราย เจ้าของปั๊มน้ำมันหลอด อ.ดอยหล่อ ถูกช็อตด้วยไฟฟ้าก่อนตีซ้ำคิ้วแตกเย็บ 5 เข็ม โชคดีพลเมืองดีผ่านมาเจอ อีกรายหญิงวัย 56 ปี โดนหินทุบ ฉกสร้อยคอ แต่พอรู้ว่าเป็นทองปลอม โมโหทุบอีกรอบจนฟันหัก ด้านบก.ภ.จว.เต้น 4 รายแล้ว สั่งชุดฉก.ออกไล่ล่า
วานนี้ (28 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.เชียงใหม่ ว่าหลังมีการนำเสนอข่าวโจรอ้วน-ผอม ออกอาละวาดทำร้ายร่างกายเหยื่อที่เป็นผู้หญิงสูงอายุในเชียงใหม่ โดยกระหน่ำชก ทุบตีก่อนชิงทรัพย์ แล้วหนีไปอย่างลอยนวลนั้น ล่าสุดพบมีผู้ตกเป็นเหยื่อโจรชั่วอีก 2 ราย รวมเป็น 4 รายแล้ว
รายแรก คือ น.ส.ภาณีภัค รุ่งตรานนท์ เจ้าของปั้มหลอด เลขที่ 14 หมู่ 5 บ้านสันนกแก้ว ต.สันติสุข อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ที่เปิดร้านขายของชำด้วย กล่าวว่า ถูกปล้นทรัพย์เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยคนร้ายแต่งกายชุดชาวสวน สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงขายาว สวมรองเท้าบู๊ต และสวมหมวกไนล่อนแบบปิดบังใบหน้า เจาะส่วนตาไว้ โดยช่วงเที่ยงวันที่ 31 มกราคม คนร้ายได้มาเติมน้ำมันที่ร้านแล้วบอกว่ามาทำสวน แต่ตนรู้สึกแปลกใจ เพราะตอนทอนเงินให้สังเกตเห็นนิ้วมือเรียวยาว ไม่มีรอยแตกกร้านเหมือนคนทำงานหนัก
จากนั้น เวลา 12.10 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ชายคนดังกล่าวก็มาเติมน้ำมันอีกรอบ แต่มีลูกค้ามาเติมน้ำมันหลายคน ชายคนดังกล่าวจึงออกไป แล้วกลับมาอีกรอบตอนที่ปั๊มไม่มีคนแล้ว คราวนี้มาทำทีซื้อไอศกรีม ขณะที่ตนกำลังหันหลังให้คนร้าย ก็รู้สึกตัวว่าไฟดูดอย่างแรงที่บริเวณไหล่ขวาจนร่างกระตุก เมื่อหันหน้าไปดูตอนแรกคิดว่าไฟรั่ว แต่กลับถูกขวดเครื่องดื่มชูกำลังตีที่บริเวณคิ้วขวาจนเหลืออาบหน้า คิดว่าถูกทำร้ายแล้วจึงรีบกระโดดออกไปนอกร้าน ระหว่างนั้นมีพลเมืองดีขับรถจักรยานยนต์ผ่านมา จึงลงมาสอบถาม คนร้ายเห็นท่าไม่ดี จึงขับรถจักรยานยนต์หนีไป
"ดิฉันต้องเย็บแผลถึง 5 เข็ม ส่วนจุดที่ไฟช็อตไม่มีบาดแผล แพทย์บอกว่าหากถูกช็อตบริเวณลำตัวอาจจะสลบ โดยคนร้ายเป็นชายรูปร่างลักษณะเหมือนคนที่ปรากฏในคลิปที่ก่อเหตุกับป้าเจ้าของร้านขายของชำที่อ.สันป่าตอง แต่ตอนที่พูดคุยกันพยายามดัดเสียงเป็นผู้หญิง แต่รูปร่างสูงใหญ่เหมือนผู้ชาย"
อีกรายเป็นข่าวขึ้นเมื่อร.ต.ท.ภัทรพล วงศ์จันตา ร้อยเวรสภ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ เรียกตัวนางบาง แก้วแสง อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97/2 ต.สองแคว อ.ดอยหล่อ มาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยมีพ.ต.ท.ศุภชัย วังลัยคำ สว.กก.สส.บก.ภ.จว.เชียงใหม่ ร.ต.อ.ศักดิ์ชาย สิทธิชมภู รองสว.กก.สส.บก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมตำรวจชุดเฉพาะกิจจากตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมสอบปากคำเพื่อหาข้อมูลติดตามตัวคนร้าย หลังถูกทำร้ายร่างกายและชิงทรัพย์
นางบางให้การว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ขณะเปิดร้านขายของชำที่บ้าน มีชายสองคน คนหนึ่งผอม คนหนึ่งอ้วน โดยคนผอมขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่นดรีม สีแดง ไม่ติดป้ายทะเบียน นั่งรออยู่ที่รถซึ่งติดเครื่องไว้ ส่วนคนซ้อนท้ายซึ่งเป็นคนอ้วน สวมหมวกกันน๊อคสีดำ เข้ามาทำทีซื้อบุหรี่และน้ำ พอตนเผลอก็เอาแขนล็อคคอแล้วใช้หินทุบเข้าที่หน้าผาก 1 ครั้งจนแตก จากนั้นจึงกระชากสร้อยคอ แต่พอคนร้ายดูแล้วบอกว่า "ไม่ใช่" แล้วเอาสร้อยขว้างใส่หน้าตน พร้อมแสดงอาการโกรธแค้น ก่อนที่จะเอาหินทุบเข้าที่หน้าอีกครั้ง จนทรุดลงกับพื้น ฟันหักไป 1 ซี่ แล้วขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป โดยที่ไม่ได้ทรัพย์สินไปด้วย
ต่อมา ตำรวจได้ให้นางบางดูภาพวงจรปิดที่จับภาพคนร้ายขณะก่อเหตุในอ.สันป่าตอง ซึ่งพอเห็นภาพ นางบางยืนยันว่าเป็นคนเดียวกับที่ทำร้ายตนแน่นอน
ล่าสุด ตำรวจชุดเฉพาะกิจจากตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว พร้อมนำภาพจากกล้องวงจรปิดไปให้พยานในหลายพื้นที่ดูเพื่อยืนยัน โดยจะไล่ล่าคนร้ายทั้ง 2 คนมาดำเนินคดีให้ได้
ทั้งนี้ เรื่องราวของ 2 โจรชั่วถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เมื่อนางสำรวย จินามา อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 147/1 หมูที่ 1 ต.น้ำบ่อหลวง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ชี้ให้ผู้สื่อดูร่องรอยฟกช้ำ และยังมีอาการบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายทั้งที่บริเวณโหนกแก้ม เบ้าตา หน้าอก และบริเวณไหปลาร้าเขียวช้ำบวม หลังจากที่ถูกโจรอ้วน-ผอมทำร้ายร่างกายอย่างโหดเหี้ยม และปล้นทรัพย์ขณะเฝ้าร้านขายของชำอยู่ตามลำพัง เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ได้ แต่จนถึงขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า จึงเข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน
ต่อมา วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางพรรณาหรือเอ๋ วงศ์พาณิชย์ อายุ 46 ปี เจ้าของปั๊มน้ำมันหลอด เลขที่ 16 หมู่ 9 บ้านป่าสัก ต.บ้านกลาง อ.สันป่าตอง ว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ก่อนที่โจรอ้วน-ผอมจะไปปล้นนางสำรวยประมาณ 10 นาที ได้ปล้นตนขณะที่เฝ้าปั๊มน้ำมันอยู่คนเดียวเช่นกัน โดยทั้งสองคนทำทีขอเติมน้ำมัน ก่อนที่จะสวมวิญญาณโหดคว้าท่อนไม้ไผ่ยาวกว่า 1 ฟุต ตีเข้าที่ศีรษะขณะกำลังจะเก็บหัวจ่ายจนลมล้ม คนผอมเข้ามาต่อยและเตะ และพยายามกระชากกระเป๋าเงินที่คาดเอวไว้ รวมทั้งสร้อยข้อมือทองคำ แต่ตนพยายามต่อสู้ แล้ววิ่งหนีสุดชีวิตไปขอความช่วยเหลือจากญาติ คนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงขับจักรยานยนต์หนีไป โดยยืนยันว่าทั้ง 2 คน เป็นคนเดียวกันกับในภาพวงจรปิด
วานนี้ (28 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.เชียงใหม่ ว่าหลังมีการนำเสนอข่าวโจรอ้วน-ผอม ออกอาละวาดทำร้ายร่างกายเหยื่อที่เป็นผู้หญิงสูงอายุในเชียงใหม่ โดยกระหน่ำชก ทุบตีก่อนชิงทรัพย์ แล้วหนีไปอย่างลอยนวลนั้น ล่าสุดพบมีผู้ตกเป็นเหยื่อโจรชั่วอีก 2 ราย รวมเป็น 4 รายแล้ว
รายแรก คือ น.ส.ภาณีภัค รุ่งตรานนท์ เจ้าของปั้มหลอด เลขที่ 14 หมู่ 5 บ้านสันนกแก้ว ต.สันติสุข อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ที่เปิดร้านขายของชำด้วย กล่าวว่า ถูกปล้นทรัพย์เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยคนร้ายแต่งกายชุดชาวสวน สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาว กางเกงขายาว สวมรองเท้าบู๊ต และสวมหมวกไนล่อนแบบปิดบังใบหน้า เจาะส่วนตาไว้ โดยช่วงเที่ยงวันที่ 31 มกราคม คนร้ายได้มาเติมน้ำมันที่ร้านแล้วบอกว่ามาทำสวน แต่ตนรู้สึกแปลกใจ เพราะตอนทอนเงินให้สังเกตเห็นนิ้วมือเรียวยาว ไม่มีรอยแตกกร้านเหมือนคนทำงานหนัก
จากนั้น เวลา 12.10 น. วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ชายคนดังกล่าวก็มาเติมน้ำมันอีกรอบ แต่มีลูกค้ามาเติมน้ำมันหลายคน ชายคนดังกล่าวจึงออกไป แล้วกลับมาอีกรอบตอนที่ปั๊มไม่มีคนแล้ว คราวนี้มาทำทีซื้อไอศกรีม ขณะที่ตนกำลังหันหลังให้คนร้าย ก็รู้สึกตัวว่าไฟดูดอย่างแรงที่บริเวณไหล่ขวาจนร่างกระตุก เมื่อหันหน้าไปดูตอนแรกคิดว่าไฟรั่ว แต่กลับถูกขวดเครื่องดื่มชูกำลังตีที่บริเวณคิ้วขวาจนเหลืออาบหน้า คิดว่าถูกทำร้ายแล้วจึงรีบกระโดดออกไปนอกร้าน ระหว่างนั้นมีพลเมืองดีขับรถจักรยานยนต์ผ่านมา จึงลงมาสอบถาม คนร้ายเห็นท่าไม่ดี จึงขับรถจักรยานยนต์หนีไป
"ดิฉันต้องเย็บแผลถึง 5 เข็ม ส่วนจุดที่ไฟช็อตไม่มีบาดแผล แพทย์บอกว่าหากถูกช็อตบริเวณลำตัวอาจจะสลบ โดยคนร้ายเป็นชายรูปร่างลักษณะเหมือนคนที่ปรากฏในคลิปที่ก่อเหตุกับป้าเจ้าของร้านขายของชำที่อ.สันป่าตอง แต่ตอนที่พูดคุยกันพยายามดัดเสียงเป็นผู้หญิง แต่รูปร่างสูงใหญ่เหมือนผู้ชาย"
อีกรายเป็นข่าวขึ้นเมื่อร.ต.ท.ภัทรพล วงศ์จันตา ร้อยเวรสภ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ เรียกตัวนางบาง แก้วแสง อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97/2 ต.สองแคว อ.ดอยหล่อ มาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยมีพ.ต.ท.ศุภชัย วังลัยคำ สว.กก.สส.บก.ภ.จว.เชียงใหม่ ร.ต.อ.ศักดิ์ชาย สิทธิชมภู รองสว.กก.สส.บก.ภ.จว.เชียงใหม่ พร้อมตำรวจชุดเฉพาะกิจจากตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมสอบปากคำเพื่อหาข้อมูลติดตามตัวคนร้าย หลังถูกทำร้ายร่างกายและชิงทรัพย์
นางบางให้การว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 15 กุมภาพันธ์ ขณะเปิดร้านขายของชำที่บ้าน มีชายสองคน คนหนึ่งผอม คนหนึ่งอ้วน โดยคนผอมขับรถจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่นดรีม สีแดง ไม่ติดป้ายทะเบียน นั่งรออยู่ที่รถซึ่งติดเครื่องไว้ ส่วนคนซ้อนท้ายซึ่งเป็นคนอ้วน สวมหมวกกันน๊อคสีดำ เข้ามาทำทีซื้อบุหรี่และน้ำ พอตนเผลอก็เอาแขนล็อคคอแล้วใช้หินทุบเข้าที่หน้าผาก 1 ครั้งจนแตก จากนั้นจึงกระชากสร้อยคอ แต่พอคนร้ายดูแล้วบอกว่า "ไม่ใช่" แล้วเอาสร้อยขว้างใส่หน้าตน พร้อมแสดงอาการโกรธแค้น ก่อนที่จะเอาหินทุบเข้าที่หน้าอีกครั้ง จนทรุดลงกับพื้น ฟันหักไป 1 ซี่ แล้วขึ้นรถจักรยานยนต์หลบหนีไป โดยที่ไม่ได้ทรัพย์สินไปด้วย
ต่อมา ตำรวจได้ให้นางบางดูภาพวงจรปิดที่จับภาพคนร้ายขณะก่อเหตุในอ.สันป่าตอง ซึ่งพอเห็นภาพ นางบางยืนยันว่าเป็นคนเดียวกับที่ทำร้ายตนแน่นอน
ล่าสุด ตำรวจชุดเฉพาะกิจจากตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่หาข่าว พร้อมนำภาพจากกล้องวงจรปิดไปให้พยานในหลายพื้นที่ดูเพื่อยืนยัน โดยจะไล่ล่าคนร้ายทั้ง 2 คนมาดำเนินคดีให้ได้
ทั้งนี้ เรื่องราวของ 2 โจรชั่วถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ เมื่อนางสำรวย จินามา อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 147/1 หมูที่ 1 ต.น้ำบ่อหลวง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ชี้ให้ผู้สื่อดูร่องรอยฟกช้ำ และยังมีอาการบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายทั้งที่บริเวณโหนกแก้ม เบ้าตา หน้าอก และบริเวณไหปลาร้าเขียวช้ำบวม หลังจากที่ถูกโจรอ้วน-ผอมทำร้ายร่างกายอย่างโหดเหี้ยม และปล้นทรัพย์ขณะเฝ้าร้านขายของชำอยู่ตามลำพัง เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งกล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมดไว้ได้ แต่จนถึงขณะนี้คดียังไม่มีความคืบหน้า จึงเข้าร้องเรียนกับสื่อมวลชน
ต่อมา วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางพรรณาหรือเอ๋ วงศ์พาณิชย์ อายุ 46 ปี เจ้าของปั๊มน้ำมันหลอด เลขที่ 16 หมู่ 9 บ้านป่าสัก ต.บ้านกลาง อ.สันป่าตอง ว่าวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ก่อนที่โจรอ้วน-ผอมจะไปปล้นนางสำรวยประมาณ 10 นาที ได้ปล้นตนขณะที่เฝ้าปั๊มน้ำมันอยู่คนเดียวเช่นกัน โดยทั้งสองคนทำทีขอเติมน้ำมัน ก่อนที่จะสวมวิญญาณโหดคว้าท่อนไม้ไผ่ยาวกว่า 1 ฟุต ตีเข้าที่ศีรษะขณะกำลังจะเก็บหัวจ่ายจนลมล้ม คนผอมเข้ามาต่อยและเตะ และพยายามกระชากกระเป๋าเงินที่คาดเอวไว้ รวมทั้งสร้อยข้อมือทองคำ แต่ตนพยายามต่อสู้ แล้ววิ่งหนีสุดชีวิตไปขอความช่วยเหลือจากญาติ คนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงขับจักรยานยนต์หนีไป โดยยืนยันว่าทั้ง 2 คน เป็นคนเดียวกันกับในภาพวงจรปิด