เป็นอีกหนึ่งดาวดวงใหม่ที่กำลังจะเข้ามาเจิดจรัสในวงการบันเทิงไทย สำหรับ อ๋อ-ญาดา เทพนม วัย 21 ปี สาวสิงห์ดำจากรั้วจามจุรี ผู้มีความมั่นใจอยู่ล้นตัว บวกกับความรู้ความสามารถที่พูดได้อย่างคล่องแคล่วถึง 3 ภาษา (ไทย อังกฤษ และเยอรมัน) แถมยังสวยเฉี่ยวพราวเสน่ห์ด้วยรอยยิ้มสะกดใจใครหลายคนให้ติดหนึบจนไม่อยากละสายตา
ไม่น่าแปลกใจ ที่เธอจะถูกเลือกให้เป็นมิส แกรนด์ ไทยแลนด์ คนแรกของประเทศไทย ทั้งยังพ่วงด้วยตำแหน่งมิส แกรนด์ ไรซิ่ง สตาร์ ซึ่งเป็นรางวัลพิเศษที่พร้อมได้แจ้งเกิดในฐานะนักแสดงสังกัดช่อง 7 สีอีกด้วย ซึ่งนับว่าเป็นนางงามหน้าใหม่ที่น่าจับตามองอย่างมากในตอนนี้
หลังปิดฉากการประกวด มิส แกรนด์ ไทยแลนด์ 2013 ไปอย่างสุดหรู M-Lite มีนัดส่วนตัวกับ "น้องอ๋อ" ที่สถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 แรกพบสบตา เธอยกมือไหว้ และส่งยิ้มหวานๆ ในชุดสีชมพูพร้อมด้วยสายสะพายและมงกุฎเพชรมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท ซึ่งบ่งบอกได้ถึงคุณค่าที่คู่ควรในฐานะหญิงไทยที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติตามที่กองประกวดฯ ต้องการ นั่นก็คือความสวย ความสามารถ และเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคม
"อ๋อ" ชื่อนี้ ได้แต่ใดมา
M-Lite เริ่มเปิดบทสนทนาด้วยที่มาของชื่อเล่น สำหรับชื่อนี้ นางงามผู้มีรอยยิ้มสะกดใจ เผยถึงที่มาของชื่อ "อ๋อ" ว่า เป็นชื่อที่คุณแม่ (รุ่งรตี เทพนม) ตั้งให้ เพราะอยากให้ติดหูคนฟัง และสามารถจดจำได้ไม่ลืม นอกจากนั้นยังตั้งเพื่อให้สอดคล้องกับชื่อของคุณแม่ซึ่งมีชื่อเล่นว่า "อ้อย" ด้วย
"ครอบครัวหนูชื่อนำหน้าด้วยอ.อ่างหมดเลยค่ะ ทีแรกจะตั้งให้ชื่อออย หรืออ.อื่น ๆ ก็ดูธรรมดาไป สุดท้ายมาลงที่ชื่อ อ๋อ เพราะคุณแม่เห็นว่าเป็นชื่อที่แปลก และน่าจะติดหูคนฟัง คุณแม่บอกว่า หากใครได้ยินชื่อนี้ก็อ๋อทันที เข้าใจเลย อีกอย่าง คุณแม่คงไม่อยากให้ลูกสาวเป็นเด็กโง่ ชื่ออ๋อนี่แหละ น่าจะทำให้เกิดอาการอ๋อได้ทุกเรื่อง เข้าใจอะไรง่าย คิดอะไรออก ไม่ติดขัด (หัวเราะ)" น้องอ๋อขยายความถึงที่มาของชื่อเล่น
ส่วนชื่อจริง "ญาดา" ก็นับได้ว่าเป็นชื่อมงคล และมีความหมายดีมาก ซึ่งแปลว่า ผู้รู้ หรือนักปราชญ์ สอดรับกับนิสัยส่วนตัวที่ชอบศึกษาหาความรู้ทั้งใน และนอกห้องเรียน ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะรัฐศาสตร์ สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งยังเคยได้ทุนโครงการแลกเปลี่ยนไปเรียนที่ประเทศเยอรมันนี 1 ปีด้วย
ไม่สวยมาก แต่พัฒนาได้
เมื่อพูดถึงตัวตน หลายคนมักแสดงตนว่า สวย เท่ เก๋ ฉลาดสุดๆ ตรงกันข้ามกับนางงามท่านนี้ เธอปลดปล่อยคำนิยามความเป็นตัวเองออกมาว่า ไม่ได้เกิดมาสวยดูดีสมบูรณ์แบบ แต่เกิดมาพร้อมที่จะเรียนรู้และพัฒนาตัวเองให้เป็นคนดูดี และสมบูรณ์แบบ นี่คือคำอธิบายตัวตนของเธอ
"อ๋อเป็นคนประจวบคีรีขันธ์ค่ะ อ๋อไม่ได้เกิดมาสวยมาก ไม่ได้สมบูรณ์แบบทุกอย่าง แต่ที่เป็นอ๋อทุกวันนี้ได้ก็เพราะว่าการพัฒนา คนเราต้องรู้จักพัฒนาตัวเองให้ดูดี ดังนั้น สำหรับอ๋อแล้ว อ๋อพัฒนาได้ค่ะ และเชื่อว่า ทุกคนก็พัฒนาได้เช่นกัน อยู่ที่ว่าใครจะตั้งใจมาก ตั้งใจน้อยก็เท่านั้น"
"หลายคนบอกว่าอ๋อมีความมั่นใจในตัวเอง ใช่ค่ะ ถ้าให้ออกไปไหนคนเดียว อ๋อทำได้ มีความกล้าพูดกล้าทำ แต่ลึกๆ แล้ว อ๋อเป็นคนคุยง่ายค่ะ ตลกโปกฮาด้วยนะ (ยิ้ม) เพราะอ๋อจะมีมุกแป้ก ซึ่งเพื่อนๆ ก็รู้กันดี และไม่ใช่คนที่โกรธใครง่าย แต่ในขณะเดียวกัน อ๋อเป็นคนมีอิสระสูง มีความคิดเป็นของตัวเองสูงมาก (ลากเสียงยาว) ไม่ชอบกฎเกณฑ์อะไรมากมาย แต่แน่นอนค่ะ เราก็ต้องมีความนอบน้อม มีสัมมาคารวะ รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่" สาวตาคมจากประจวบคีรีขันธ์เผย
ชีวิตที่ไร้เสาหลักของบ้าน
ปฏิเสธไม่ได้ว่า บ้านคือสถานที่ที่มีรัก ความสวยของบ้านไม่ได้ขึ้นอยู่กับขนาดใหญ่หรือเล็ก แต่ขึ้นอยู่กับปริมาณความรักที่คนในบ้านมอบให้แก่กัน และบ้านก็ไม่จำเป็นต้องประกอบด้วยพ่อแม่ลูก เช่นเดียวกับบ้านของ "อ๋อ" แม้ว่าจะขาดพ่อ แต่ก็ไม่ทำให้เธอเป็นเด็กมีปัญหา เพราะยังมีคุณแม่เป็นทั้งพ่อและแม่คอยให้ความรัก และความเอาใจใส่เป็นอย่างดี
"อ๋อเติบโตในครอบครัวซิงเกิลมัมค่ะ มีคุณแม่เลี้ยงลูกคนเดียว เป็นเสาหลักให้ทุกคนในบ้าน เพราะคุณพ่อเลิกกับคุณแม่ตั้งแต่อ๋ออายุได้ 2 ขวบ ตั้งแต่นั้นมา อ๋ออยู่กับคุณแม่มาตลอด พออายุได้ 6 ขวบคุณแม่อ๋อก็แต่งงานใหม่ มีน้องชายที่เกิดจากคุณพ่อใหม่ 1 คน จากนั้นท่านก็ป่วยและจากอ๋อกับน้องไป ซึ่งตอนนั้นอ๋ออายุได้เพียง 11 ขวบ ทำให้คุณแม่ต้องเลี้ยงดูอ๋อและน้องชาย โดยมีคุณยายคอยช่วยเลี้ยงดูด้วย"
"ถามว่าคุณแม่เคยเล่าอะไรเกี่ยวกับพ่อแท้ ๆ ให้ฟังไหม ไม่เคยค่ะ และอ๋อก็ไม่เคยเจอหน้าคุณพ่อเลยด้วย แต่ว่าเคยเจอคุณลุงที่เป็นพี่ชายคุณพ่อ ซึ่งอ๋อไม่เคยถามคุณแม่ด้วยว่า ทำไมคุณพ่อกับคุณแม่ต้องเลิกกัน พอโตขึ้นมาก็ได้รู้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ซึ่งขอไม่กล่าวถึงละกันค่ะ (ยิ้มๆ) แต่อ๋อก็เข้าใจคุณแม่ และเชื่อว่าสิ่งที่ท่านตัดสินใจลงไป คือท่านได้คิดดีที่สุดแล้ว ทุกวันนี้อ๋อไม่รู้สึกว่าตัวเองขาดนะ เพราะอ๋อมีคุณแม่คอยโอบอุ้ม คุ้มกันอ๋อและน้องชายเป็นอย่างดี อ๋อชื่นชมคุณแม่มากค่ะ คุณแม่เป็นผู้หญิงเก่ง และแกร่งมากๆ ค่ะ" อ๋อเผยความรู้สึก
บ้านนี้..รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี
ด้วยความเป็นคนค่อนข้างหัวดื้อ มีบ้างที่จะถูกคุณแม่ลงโทษ ซึ่งบ้านนี้ยังคงสุภาษิตที่ว่า "รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี" อยู่ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังเลี้ยงลูกบนพื้นฐานความรัก และความเข้าใจ แม้ว่าการแสดงความรักของคนในครอบครัวนี้จะไม่หวาน แต่ก็สามารถสัมผัสได้
"คุณแม่เป็นครูสอนวิทยาศาสตร์ และมีความเป็นครูค่อนข้างสูงค่ะ ค่อนข้างเคร่งครัดกว่าครอบครัวอื่น ถามว่าคุณแม่เป็นครู ท่านบังคับเราไหม บังคับบ้างค่ะ แต่บางเรื่องก็ต้องยอมหนู และบางเรื่องหนูก็ต้องยอมคุณแม่เหมือนกัน (หัวเราะ) แต่คุณแม่จะคอยบอกตลอดว่า ทุกครั้งที่แม่ดุลูก แม่ยินดีให้ลูกเสียใจที่แม่ดุลูก ดีกว่าลูกต้องมานั่งเสียใจที่คนอื่นดุ หรือด่าลูกต่อหน้าแม่ ดังนั้น คุณแม่อ๋อ เป็นคุณแม่ที่ตีค่ะ คุณยายยิ่งหนักกว่า ดุมาก เพราะเป็นผู้หญิงต้องรู้จักทำงานบ้าน ถ้าใช้แล้วไม่ทำ ถูกตีทันทีค่ะ ดังนั้นอ๋อมีชีวิตที่กึ่งเป็นลูกศิษย์คุณแม่ เป็นลูก แล้วก็เป็นเพื่อนของคุณแม่" เธอเผย
มีวันนี้เพราะ "แม่" ดัน
สำหรับเส้นทางนางงาม หากล้วงลึกลงไปแล้ว ไม่ได้เริ่มต้นที่มิส แกรนด์ ไทยแลนด์ 2013 เธอเคยผ่านเวทีนางงามระดับอำเภอมามากมาย และผู้ที่อยู่เบื้องหลังคนสำคัญ ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคุณแม่ของเธอนั่นเอง
"ตั้งแต่อ๋อลืมตาเกิดมา พอเดินได้ พูดได้ เข้าอนุบาล 1 คุณแม่ก็จับอ๋อแต่งหน้า ทำผมแล้ว (หัวเราะ) และตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา อ๋อเข้าร่วมกิจกรรมทุกสิ่งอย่าง เต้น รำไทย เดินดัมเมเยอร์ ขอให้บอก ญาดาสู้ค่ะ แม่นางดันหมดค่ะ และที่มีวันนี้ได้ เพราะแม่ดันจริง ๆ ค่ะ (หัวเราะ)"
ดังนั้น ไม่ว่าเวทีนางสงกรานต์ นางนพมาศ หรือเวที่ระดับอำเภอ เธอก็เคยผ่านมาหมดแล้ว
"อ๋อเคยประกวดนางสงกรานต์ งานลอยกระทงก็ด้วยค่ะ เทศบาลเป็นคนส่ง หาคนไม่ได้ ก็บอกเอาน้องอ๋อแล้วกัน เพราะเป็นลูกครู ใครๆ ก็รู้จักแม่อ๋อ พอเห็นเราหน้าตาพอใช้ได้ก็ส่งเข้าประกวด สำหรับตำแหน่งที่ภาคภูมิใจมาก ๆ เป็นตำแหน่งมิส บางสะพาน เป็นงานประจำปีของอำเภอในปี 2553 ส่วนเวทีอื่น ๆ ก็ได้บ้างไม่ได้บ้าง หลักๆ แล้วจะเดินสายในอำเภอนี่แหละค่ะ ไม่ได้ไปไหนไกล ถ้ามีคนส่งเข้าประกวดก็เอา ถ้าไม่มีก็ไม่เอา (หัวเราะ)"
ส่วนเวทีการประกวดมิส แกรนด์ ไทยแลนด์ 2013 หลังจากทราบข่าวการประกวด เธอตัดสินใจเข้ามาประกวดทันที เพราะมั่นใจว่าเวทีนี้ให้อะไรมากกว่าที่คนอื่นคิด
"อ๋อเลือกที่จะมาประกวดเวทีนี้ เพราะเป็นเวทีที่ทรงคุณค่า ได้แสดงความสามารถพร้อมความงามอย่างเต็มที่ ที่สำคัญคือได้ทำหน้าที่ทูตเพื่อสันติภาพให้มูลนิธิต่างๆ ทางด้านสาธารณประโยชน์ ถือว่ามีความท้าทายและแตกต่างจากเวทีอื่นจริงๆ และการที่ได้เป็นมิส แกรนด์ ไทยแลนด์คนแรกก็ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ เราสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงคนอื่นได้ จึงรู้สึกภูมิใจมาก" มิส แกรนด์ ไทยแลนด์คนแรกของประเทศเผย
หลังจากได้รับตำแหน่ง มิส แกรนด์ ไทยแลนด์คนแรกของประเทศไทย สิ่งที่เธอทำทันที่คือ ขอบคุณคุณแม่ทั้งน้ำตา เพราะคุณแม่ในความหมายของเธอ เป็นทั้งแม่ ครู และเพื่อนที่คุยกันได้เกือบทุกเรื่อง
"ก่อนหน้าที่จะมาเก็บตัวมิส แกรนด์ ไทยแลนด์ คุณแม่ก็มานอนด้วย คืนนั้นพระจันทร์เต็มดวง อ๋อก็นอนตักคุณแม่ แล้วคุณแม่ก็บอกว่า พระจันทร์สวยดีนะลูก จากนั้นร้องเพลงจันทร์เจ้าให้ฟังว่า จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้า ขอมงกุฎแกรนด์ ขอรถแพง ๆ ให้ลูกข้าขี่ (หัวเราะ) ตอนนั้นอ๋อนอน อ๋อก็ขำคุณแม่หนูนะ ปรากฏว่าสิ่งที่คุณแม่ขอจากพระจันทร์ มาหมดเลยค่ะ (หัวเราะยาว)"
"อ๋ออยากขอบคุณ อยากกอด อยากไหว้คุณแม่มาก ๆ เพราะอยู่กับคุณแม่ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลมัมมาตั้งแต่เล็ก คุณแม่เป็นคนที่แข็งแกร่งเลี้ยงดูอ๋อทำให้เติบโตขึ้นมาได้ สามารถยืนหยัดบนลำแข้งของตัวเองและสามารถเดินไปด้วยขาของตัวเอง จริง ๆ ไม่ได้อยากเป็นนางงามแต่การเข้ามาประกวดครั้งนี้คุณแม่คอยเป็นแรงบันดาลใจให้ เพราะคุณแม่บอกเสมอว่า ในเมื่อคนเราเกิดมาแล้วมีสิ่งที่มีค่าอยู่กับตัวเองทำไมต้องปฏิเสธโอกาส เมื่อโอกาสอยู่ตรงหน้าก็ต้องคว้าเอาไว้ รวมถึงคอยเป็นกำลังใจให้ทุกครั้ง" เธอเผยหลังได้รับตำแหน่ง
สำหรับภารกิจหลังได้รับตำแหน่ง มิส แกรนด์ ไทยแลนด์ 2013 น้องอ๋อจะต้องปฏิบัติภารกิจทูตให้กับองค์กรต่าง ๆ คือ ทูตมูลนิธิ ๕ ธันวามหาราช ทูตสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทูตกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมกับเป็นตัวแทนสาวไทยไปประกวดในเวทีประกวด มิส แกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพครั้งแรกของโลกในปลายปีนี้ด้วย
ไอดอลของคนรุ่นใหม่
หากย้อนกลับไปก่อนหน้าที่จะมาประกวดมิส แกรนด์ ไทยแลนด์ เธอเคยได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 TO BE NUMBER ONE IDOL ปี 2011 รุ่นที่ 1 เวทีค้นหาเยาวชนต้นแบบที่เก่งและดีจากทั่วประเทศ โดยการประกวดนี้จะคัดเลือกตัวแทนแต่ละคนเข้าไปเก็บตัวในบ้านพร้อมกัน จนน้องอ๋อสามารถผ่านรอบสุดท้ายมาได้ และได้รับรางวัลดังกล่าว จากนั้นจึงมีการจัดทัวร์คอนเสิร์ตทั่วไปประเทศ ในโครงการ TO BE NUMBER ONE ซึ่ง อ๋อ ได้ฉายแววความสามารถออกมามากมาย ทั้งร้องทั้งเต้นได้อย่างสนุกสนาน เป็นที่ถูกอกถูกใจของผู้ที่รับชม
"สมัยเรียนอยู่ชั้นม.1 ในโรงเรียนที่คุณแม่สอนอยู่ คุณแม่อ๋อเป็นครูที่อยู่ฝ่ายปกครอง และทำงานเรื่องยาเสพติด ซึ่งคุณแม่ทำโครงการ TO BE NUMBER ONE ด้วย อ๋อเริ่มเข้าร่วมโครงการนี้จากการแข่งขันเต้น นอกจากนั้นก็จะมีเดินขบวนรณรงค์เรื่องยาเสพติดด้วย อ๋อมีหน้าที่หลักๆ คือ เป็นคณะกรรมการคอยคิดกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียน ไม่ว่าจะวันกีฬาสี วันต่อต้านยาเสพติด อ๋อทำหมด รวมไปถึงการทำหน้าที่ในศูนย์เพื่อนใจวัยรุ่นที่คอยให้คำปรึกษาวัยรุ่น วัยเรียน พอจบม.5 มีโครงการ TO BE NUMBER ONE IDOL ซึ่งการคัดเลือกคล้ายๆ กับเดอะสตาร์ มีร้อง เต้น ต่างกันก็ตรงที่คัดคนที่มีผลงานด้านสังคมมาก่อน และอ๋อก็ผ่านเข้าไป สุดท้ายอ๋อก็ได้ที่ 3 ในฝ่ายหญิง มีหน้าที่ตามเสร็จทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญาฯ ตามโรงเรียนต่างๆ โดยจะร้องเพลงให้น้อง ๆ ฟัง และก็เป็นแดนเซอร์ให้ท่านด้วยค่ะ" อ๋อเล่า
นี่เอง อาจเป็นคุณสมบัติเด่นที่สอดรับกับแนวคิดของการประกวดที่ชูว่า มิส แกรนด์ ไทยแลนด์จะต้องเป็นผู้หญิงที่ไม่เพียงแต่สวย และฉลาดอย่างเดียว ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในสังคม และนำตำแหน่งอันทรงเกียรติที่ได้รับไปช่วยรณรงค์สร้างสรรค์และช่วยเหลือสังคมต่อไปด้วย
ทั้งนี้ ในฐานะเยาวชนคนต้นแบบ เธอบอกว่า เป้าหมายคือความฝันบนโลกความจริง ถ้าตั้งใจอย่างแน่วแน่ ฝันนั้นจะเป็นจริงในไม่ช้า
"อยากให้คนรุ่นใหม่มีเป้าหมายในชีวิตตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะถ้าเคว้ง เราอาจเสียเวลา และทำอะไรไม่ถูก แต่ถ้าเรามีเป้าหมายว่าจะทำอะไร อยากเป็นอะไร ให้มุ่งไปเลย และให้คิดเสมอว่า เรามีคุณค่าในตัวเอง เราอาจจะเรียนไม่เก่งนะ ไม่ได้สวยนะ แต่เราสามารถแสวงหาคุณค่าด้านอื่นให้กับตัวเราได้ เราอาจจะเก่งเรื่องการกีฬาก็ได้ เก่งเรื่องงานฝีมือก็ได้ อ๋อเชื่อนะว่า ถ้าคนเราเห็นคุณค่าของตัวเอง คนคนนั้นจะอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข ส่วนคนที่ไม่มีความสุขคือคนไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง คอยแต่มองว่าคนนั้นดี คนนี้ดี คือมอง ก็มองได้ แต่มองแล้วไม่ใช่มองแบบดูถูกตัวเอง แต่มองแล้วนำมาพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น นั่นถึงเรียกว่าเป็นการมองที่ไม่ทำร้ายตัวเอง"
วีรกรรมสุดเปิ่นในต่างแดน
อย่างที่บอกไปตอนต้นว่า เธอเคยได้รับทุนในโครงการแลกเปลี่ยน YFU ไทย-เยอรมนี ซึ่งแน่นอนว่า การมีชีวิตที่โหด มันส์ ฮา ดราม่าในต่างแดน เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับนักเรียนไทยทุกคน เช่นเดียวกับน้องอ๋อ สมัยที่เธอไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศเยอรมนีเป็นเวลา 1 ปี มีเรื่องต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย และหนึ่งในเหตุการณ์ที่ไม่รู้ลืมเลยก็คือ ความเปิ่นโก๊ะของเธอกับจักรยานคู่ใจบนรถประจำทาง
"ตอนไปเรียนแลกเปลี่ยนที่เยอรมัน อ๋อก็ไปปั่นจักรยานเล่นคนเดียว ที่นี้ตอนกลับ บ้านอ๋ออยู่บนเขา อ๋อต้องปั่นขึ้นเขา ซึ่งตอนนั้นเหนื่อยมาก ก็เลยตัดสินใจขึ้นรถประจำทาง เพราะสามารถนำจักรยานขึ้นมาได้ ปรากฎว่า มีคนเดินมาเรียก เป็นภาษาเยอรมันนะคะว่า เธอ ๆ มีบัตรหรือเปล่า โดยปกติ เวลาขึ้นประจำทางก็จะมีบัตรนักเรียน (Student Card) ไว้แสดงเพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่าโดยสาร ส่วนจักรยานก็ต้องมีบัตรด้วยเหมือนกัน แต่อ๋อไม่รู้ค่ะ และที่ซวยยิ่งไปกว่านั้น ดันลืมเอาบัตรนักเรียนไปด้วย สุดท้ายก็โดนไป 5 ยูโร (ประมาณ 192 บาทไทย)"
"เหตุการณ์ในลักษณะนี้ โดยปกติแล้ว เขาจะไล่ลง และทำการติดแบล็กลิสต์เราทันทีค่ะ ส่วนเอกสารปรับเงินจำนวนหลายสิบยูโรก็จะถูกส่งไปให้ที่บ้านในภายหลัง แต่ด้วยความเป็นเด็กเอเชีย ไม่ค่อยรู้อะไร เขาเลยไม่เอาเรื่อง ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ในต่างแดนที่พออ๋อนึกขึ้นทีไร รู้สึกอายตัวเองทุกที เพราะว่าคนเต็มรถ แล้วก็มองมาที่อ๋อคนเดียว อายมากๆ ค่ะ" เล่าจบเธอก็เอามือปิดหน้าด้วยอาการเขินอาย
ขอสานฝันนักแสดง-นักการเมือง
สำหรับความตั้งใจของนางงามท่านนี้ เธอบอกว่า มี 2 ความฝันที่ต้องการด้วยกันคือ เป็นนักแสดง และนักการเมือง เช่น ปลัดอำเภอ ตามที่เรียนอยู่ขณะนี้ โดยเธอให้เหตุผลว่า อยากเป็นนักการเมืองที่ดีที่ เห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตนและสามารถทำประโยชน์ให้แก่สังคมได้
"ส่วนตัวแล้ว อ๋ออยากทำอาชีพที่ค่อนข้างมั่นคง แต่ไม่ใช่ครูนะ (หัวเราะ) เห็นคุณแม่เป็นครูแล้วเหนื่อย แต่สิ่งที่ตั้งใจคือ นักปกครองในสายอาชีพปลัดอำเภอ เพราะมองว่าเป็นงานที่ผู้หญิงทำแล้วก็มีเกียรติ อีกทั้งยังเป็นงานที่ได้ทำเพื่อสังคมด้วย และที่สำคัญเลยก็คือ ได้กลับบ้าน (ประจวบคีรีขันธ์) เพราะอ๋ออยากทำงานที่บ้านเกิด อยากอยู่กับครอบครัว" เธอบอก
ส่วนงานในวงการบันเทิง ก็เป็นอีกหนึ่งงานที่สนใจ และเมื่อมีโอกาสก็อยากจะลองทำดู
"เมื่อโอกาสมาแล้ว อ๋อก็อยากจะลองดู ถ้ามันรุ่งก็เตรียมพุ่งค่ะ (หัวเราะ) สำหรับบทที่อยากเล่น ถ้าสมมุติได้เป็นนางเอก อ๋อไม่อยากเป็นนางเอกแนวหวาน แต่อยากเป็นสาวมั่น ทำงานเก่ง อารมณ์แบบเวิร์กกิงวูแมน เป็นนักธุรกิจ เพราะนี่คือตัวอ๋อเลยค่ะ เพราะอ๋อไม่ใช่คนหวาน อ๋อชอบทำงาน ส่วนอีกบทที่อยากเล่นคือ บทสู้ชีวิต คืออ๋ออยู่กับคุณแม่มาตลอด คุณแม่เป็นไอดอลคนแรกของอ๋อเลย อ๋อเห็นคุณแม่เลี้ยงอ๋อ เลี้ยงน้อง เลี้ยงคุณยายตัวคนเดียว อ๋อชื่นชมคุณแม่มากๆ คุณแม่แข็งแกร่งมากๆ คุณแม่เป็นแค่ครู เงินเดือนไม่ได้มาก แต่หาเลี้ยงคนทั้งครอบครัวได้ นับว่าสุดยอดมากๆ ค่ะ"
เมื่อถามไปถึงพระเอกหนุ่มที่อยากเล่นคู่ด้วย เธอเคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้กับสื่อว่า อยากเล่นคู่กับ "วีรภาพ สุภาพไพบูลย์" พอทีมงานถามถึงประเด็นนี้ เธอยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะชี้แจงว่า
"ตอนให้สัมภาษณ์ว่า อยากเล่นละครคู่กับพี่วีรภาพ ตอนนั้นอ๋อไม่ได้ตั้งใจเจาะจงไปที่พี่เขาคนเดียวค่ะ อ๋อก็พูดแซวเล่น เพราะพี่เขามาเป็นกรรมการ อ๋อก็เลยให้เกียรติพี่เขา แต่จริงๆ แล้ว อ๋อเล่นกับใครก็ได้ค่ะ แล้วแต่ทางช่องจะพิจารณาตามความเหมาะสม อ๋อก็ยินดี"
"สำหรับนักแสดงที่เป็นไอดอล อ๋อมีอยู่ในใจ 1 คน คือ คุณ ดวงดาว จารุจินดา ค่ะ คือไม่ว่าจะเล่นละครบทใดก็ตาม ไม่ว่าจะบทแม่ บทร้าย หรือบทแสนดี คุณดวงดาวตีบทได้แตกมากๆ อ๋อดูแล้ว อ๋อเชื่อทุกบทที่คุณดวงดาวเล่น นั่นคือสิ่งที่อ๋อคิดว่า เธอคือนักแสดงที่มีจิตวิญญาณอย่างแท้จริง สามารถทำให้คนดูเชื่อได้ อีกอย่างคือ ความสามารถด้านการพากย์ ซึ่งอ๋อว่า คุณดวงดาว เป็นผู้หญิงที่มากความสามารถจริง ๆ" อ๋อเผยถึงไอดอลด้านการแสดงของเธอ
แน่นอนว่า การทำงานในวงการ เหมือนเหรียญสองด้าน รุ่งหรือร่วง อยู่ที่ตัวเรา และนี่คือทัศนะของเธอ
"หากได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิง แน่นอนว่า มีทั้งข้อดี และข้อเสีย เราอาจต้องเสียสละความเป็นส่วนตัวไป แต่ผลตอบแทนมันก็คุ้มค่า ส่วนตัวคิดว่า วงการนี้น่ากลัวนะ ถ้าเราเป็นคนไม่ดี แต่ถ้าเราเป็นคนดีจริง ไม่หลอกลวง ไม่เสแสร้ง มีความเคารพผู้ใหญ่ ให้เกียรติคนรอบข้าง และสังคมรอบตัวเรา อ๋อว่า อ๋ออยู่ได้นะ อีกอย่าง การที่เราอยู่ได้นาน ความสามารถต้องมี ต่อให้ดีแทบตาย แต่ไม่มีความสามารถ เราก็ไม่มีวันเกิดหรอก ฟังดูเหมือนง่ายนะ แต่อ๋อว่ามันยากนะ ซึ่งคงต้องลองดูกันต่อไป ตัวอ๋อเองก็ไม่รู้อนาคตเนอะ ทำทุกวันนี้ และพัฒนาตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ"
อีกอย่าง การเป็นคนของประชาชน สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับคือ มีทั้งคนที่ชอบ และไม่ชอบ สำหรับคนที่ไม่ชอบ เธอยินดีที่จะรับฟังคำวิจารณ์ และพร้อมจะนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น
"คนเราเกิดมา ก็ต้องมีทั้งคนชอบ และคนไม่ชอบ อ๋อคิดแค่ว่า วันนี้เขาอาจไม่ชอบเรา แต่วันหน้าก็ไม่แน่นะ อยู่ที่เราจะพิสูจน์ตัวเองให้พวกเขาเห็น ส่วนตัว อ๋อพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองให้สังคมได้รู้ว่า อ๋อไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด ฉลาดที่สุด ดีที่สุด หรือว่าสวยที่สุด แต่อ๋อเป็นคนที่สามารถพัฒนาได้ ณ จุดนี้อยากคอมเมนต์ คอมเมนต์เลย อ๋อรับฟังได้หมด และพร้อมจะนำไปปรับปรุงตัวเองค่ะ" อ๋อเผยพร้อมกับฝากไว้ว่า เวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์
เป้าหมายเพิ่ม แต่ไม่ลืมเป้าหมายหลัก
อย่างไรก็ดี แม้จะมีโอกาสดี ๆ เข้ามา ซึ่งแน่นอนว่าใคร ๆ ก็ต้องคว้าเอาไว้ แต่เธอก็ไม่ลืมเป้าหมายหลักที่ตั้งเอาไว้
"คนเราเกิดมาเพื่อเรียนรู้ และเพื่อมีชีวิตอยู่ สุดท้ายต้องไม่ลืมที่จะพุ่งไปที่เป้าหมายของตัวเอง นี่คือหลักคิดของหนู คนเราไม่ต้องสมบูรณ์แบบ หรือเก่งไปเสียทุกเรื่อง เพราะมันพัฒนากันได้ แต่เป้าหมายอยู่ข้างหน้า เราต้องไปให้ถึง ตอนนี้อ๋อมีเป้าหมายเพิ่มขึ้นมาโดยที่ไม่ได้คาดคิด ถามว่าตอนนี้เปลี่ยนเป้าหมายไหม ก็ต้องบอกว่าเปลี่ยน เพราะโอกาสมาแล้วค่ะ ถ้าอ๋อจะได้เป็นดาราอยู่แล้ว แต่ยังอยากจะเป็นปลัดอำเภออยู่ อ๋อว่าอ๋อก็ไม่ฉลาดนะ แต่ในขณะเดียวกัน เป้าหมายที่แท้จริงของหนูก็ยังอยู่ แต่เพียงแต่ระหว่างทางมีอะไรให้ทำมากขึ้น"
"สำหรับความฝันจริง ๆ ของอ๋อ ถ้าเป็นไปได้ อ๋ออยากเป็นนักการทูต หรือทำงานในกระทรวงการต่างประเทศ อ๋ออยากทำงานในกระทรวง โดยส่วนตัวคิดว่ามันยากมาก แต่ถ้าไม่ได้ตามฝันก็เอาแค่การเมืองท้องถิ่นก็พอค่ะ ถามว่ากลัวไหมกับสภาพแวดล้อมการทำงาน อ๋อคิดว่า อยู่ที่การวางตัวมากกว่าค่ะ ถ้าวางตัวดี ผู้ใหญ่ที่คิดไม่ดีกับเราก็จะไม่กล้าทำอะไร ยิ่งเป็นคนของประชาชนด้วยแล้ว คงไม่มีใครกล้า (หัวเราะ)" เธอบอก
ส่วนอีกหนึ่งความตั้งใจของสาวอ๋อ คือการเป็นเสาหลักที่มั่นคงของครอบครัวแทนคุณแม่
"คุณแม่เป็นเสาหลักในชีวิตหนูค่ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีปัญหาอะไร คุณแม่จะเป็นที่พึ่งของหนูตลอด ดังนั้น ตั้งแต่เล็กจนโต อ๋อตั้งมั่นมาตลอดว่า หนูจะต้องเลี้ยงแม่ให้อยู่อย่างสบายที่สุด คือหนูรู้ว่าหนูไม่มีพ่อ หนูมีแม่และยายที่เป็นทุกสิ่งของหนู ตอนนี้ 21 แต่ถ้าหลัง 25 เมื่อไร ฉันต้องมั่นคงพอควรแล้วล่ะ มีบ้าน มีเงินให้แม่ใช้ อยากให้แม่พัก และไม่ต้องหางานเพิ่ม เพราะบางทีคุณแม่ต้องสอนพิเศษด้วย ปีนี้คุณแม่อ๋อก็ 50 ปีแล้ว ไม่ใช่น้อยๆ แล้ว ไหนจะน้องชายอีกคนที่ตอนนี้กำลังขึ้นม.3 ต่อจากนี้คงต้องจริงจังมากขึ้นค่ะ" อ๋อเผยด้วยความมุ่งมั่น
อยู่ง่าย กินง่าย ชอบทำบุญ
แม้จะเป็นสาวเก่งและมั่นใจแบบสุด ๆ แต่น้องอ๋อกลับมีชีวิตเรียบง่าย ชอบกินข้าวกะเพราไข่ดาว และชอบตื่นเช้าขึ้นมาตักบาตรเป็นประจำด้วย
"อ๋อเหมือนเด็กธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ใช่คุณหนูเลยนะ กินง่าย เข้ากับคนง่าย วัน ๆ ก็เรียน เล่นตามประสา อ๋อเป็นคนตื่นเช้าโดยเนื้อแท้เลยค่ะ ตื่นขึ้นมาตักบาตร กินข้าวเช้า ก่อนนอน 5-10 นาที อ๋อจะชอบสวดมนต์ และนั่งสมาธิ สิ่งเหล่านี้ได้มาจากตอนเข้าค่ายธรรมะตอนช่วงม.ต้น อ๋อมีพระอาจารย์ที่เคารพท่านหนึ่งคอยสอน และดึงอ๋อเข้าหาธรรมะ ตอนนั้นอ๋อไปวัดบวชชีปีละ 5 วัน ตัดโลกไปเลย ไม่กินเนื้อสัตว์ เป็นมังสวิรัติ คุณแม่ก็สนับสนุน ขับรถไปส่ง พอขึ้นม.ปลายก็ไม่ค่อยได้ไปแล้วค่ะ เนื่องจากเปลี่ยนโรงเรียนด้วยค่ะ แต่สิ่งที่ได้รับในปฏิบัติดังกล่าว ทำให้อ๋อมีสมาธิ และมีสติอยู่กับตัว"
นอกจากนี้ เธอยังเป็นคนรุ่นใหม่ที่เชื่อในเรื่องบุญ เรื่องกรรมมากคนหนึ่งอีกด้วย
"ถ้าหากว่าเราหมั่นสร้างบุญเยอะ ๆ ไม่กินแต่บุญเก่า มีความพยายามในการสร้างบุญอยู่เรื่อย ๆ อ๋อเชื่อว่า ผลบุญจะคุ้มครองเรา อ๋อเชื่อเรื่องนี้มากค่ะ" เธอบอก
มากไปกว่านั้น เธอยังให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การออกกำลังกาย
"เกือบทุกวันก่อนหน้านี้จะออกกำลังกายค่ะ มีวิ่ง เล่นบอดีเวตด้วย ซึ่งมีหลายท่ามาก ในหนึ่งวันอ๋อจะเล่นประมาณชั่วโมงกว่าๆ ถ้าวันไหนไม่ว่างก็ไม่ไป นอกจากนั้นก็ดูหนัง ฟังเพลงตามประสาเด็กวัยรุ่น วัยเรียน ส่วนหนังสือก็มีบ้าง แต่ยิ่งโตยิ่งไม่ค่อยได้อ่านเลย (หัวเราะ) นี่ก็ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว หนังสือนี่ต้องอ่าน เป็นภาคบังคับเลย เพราะคณะ สาขาที่เรียนค่อนข้างยากมากค่ะ ซึ่งอ๋อคิดว่า คงต้องแบ่งเวลาให้มากขึ้น"
"ยิ่งพอได้รับตำแหน่งด้วยแล้ว อ๋อคงมีเวลาว่างให้คนรอบข้างน้อยลง เพราะต้องอยู่กับการเรียน แล้วก็การทำงาน หนูว่าเอาอยู่ค่ะ ถ้าเราจัดเวลาเป็น แต่ที่แน่ ๆ คือ ไม่ทิ้งการเรียนแน่นอน ซึ่งต้องคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษา แต่เท่าที่เคยคุยกับรุ่นพี่ดารา ส่วนใหญ่อาจารย์ไม่ค่อยยอม รุ่นพี่คนหนึ่งที่เป็นนางแบบก็บอกว่า ทำใจนะ เกียรตินิยมก็ไม่ต้องลุ้นแล้ว แต่ตัวอ๋อเอง จะพยายามให้ดีที่สุด และให้กระทบกับการเรียนน้อยที่สุดค่ะ" เธอเผย
ผู้ชายมีกล้าม..นี่แหละใช่เลย
ไม่ถามไม่ได้สำหรับผู้ชายในสเปกของ "น้องอ๋อ" เธอแย้มว่า ไม่มีสเปกตรงตัว แต่ถ้ามีกล้าม คุณคือผู้ชายที่ได้ไปต่อ
"ส่วนตัวแล้วเป็นคนไม่มีสเปกผู้ชายค่ะ (ยิ้ม) คนที่มาจีบอ๋อส่วนใหญ่ จีบไม่ค่อยติดหรอกค่ะ เพราะหนูจะมีความรักกับคนที่ต้องเข้ามาสัมผัส คือรู้จักกันในระยะเวลาหนึ่งที่นานพอ อ๋อถึงจะยอมเขยิบความสัมพันธ์ ตอนนี้ก็เลยโสดค่ะ เนื่องจากต้องทุ่มให้กับการเรียน กลับมาที่สเปก บอกได้เลยว่า ที่ผ่านๆ มาก็ไม่เคยซ้ำกันเลยนะคะ (หัวเราะ) ขาวบ้าง ดำบ้าง แต่เอาเข้าจริงแล้ว อ๋อหลงใหลผู้ชายที่มีกล้ามค่ะ เพราะอ๋อเชื่อว่า เขาแข็งแรง และพร้อมจะปกป้องเราได้ อย่างเวลาดูพระเอกละคร ไม่ชอบดูพระเอกที่ลีบๆ นะคะ แต่ชอบคนที่มีกล้ามโตๆ"
ไม่แอนตี้มีดหมอ แต่ต้องมีลิมิต
ปฏิเสธไม่ได้ว่า การทำศัลยกรรมได้เข้ามามีอิทธิพลกับสาวไทยมากขึ้น ซึ่งมีทั้งคนที่ต่อต้าน และไม่ต่อต้าน แต่สำหรับน้องอ๋อ ส่วนตัวคิดว่าไม่ใช้เรื่องผิด แต่ต้องมีขีดจำกัดในการทำ
"อ๋อคิดว่าการศัลยกรรมเป็นเรื่องส่วนบุคคลมาก ๆ และคิดว่า ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้าย ถ้าคนคนนั้นทำอย่างมีลิมิต ถามว่าคนเราทำศัลยกรรมเพื่ออะไร แน่นอนว่า อยากสวย อยากดูดี แต่ต้องทำอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ทำเยอะจนดูผิดรูป ผิดร่าง เพราะฉะนั้นอ๋อไม่ต่อต้านในเรื่องนี้ ถ้าหนูจะสวยขึ้น แค่ไปอัปโน่นนี่นั่นมาแล้วสวยขึ้น ดูดีขึ้น หนูทำนะ ถ้ามันไม่กระทบต่อเรื่องเงินทอง แต่หนูมีขีดจำกัดนะ"
"ถามว่าตอนนี้มีส่วนไหนที่ศัลยกรรมหรือไม่ อ๋อมีดัดฟันค่ะ ซึ่งก็เป็นศัลยกรรมอย่างหนึ่ง ทำให้หน้าบาน ๆ ของอ๋อหุบเข้ามา เพราะต้องถอนฟันไปทั้งสิ้น 8 ซี่ ก่อนหน้านี้มีคนบอกว่า ไปฉีดหน้ามาอย่างโน้นอย่างนี้ เปล่าค่ะ อ๋อดัดฟันจริง ๆ ถอนฟัน 8 ซี่ หน้าไม่เล็กก็ให้มันรู้กันไป ส่วนเรื่องรูปร่าง อ๋อเน้นควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย แค่นั้นเองค่ะ ส่วนอนาคตถ้าจำเป็นต่อการทำงานในวงการ ก็อาจจะมีทำนะ แต่ยังไม่รู้ว่าจะทำในส่วนไหนบ้าง คงต้องปรึกษาคุณหมอก่อน ถ้าเป็นไปได้อยากทำให้น้อยที่สุดค่ะ เพราะอยากเป็นคนธรรมดาที่หน้าตาเป็นมนุษย์อ่ะค่ะ" อ๋อเผย
ไม่เพียงแต่ความสดใส น่ารัก และรอยยิ้มสะกดใจให้ติดหนึบอยู่กับที่แล้ว เธอยังมีหัวใจที่พร้อมจะทำประโยชน์เพื่อมวลชนอีกด้วย เห็นได้จากหนึ่งในความตั้งใจที่อยากจะกลับไป จ.ปัตตานี เพราะคิดว่าปัตตานียังต้องการความใส่ใจจากคนภายในประเทศอีกมาก
"อยากกลับไปหาคนปัตตานี ไปช่วยพัฒนา ทำให้คนไทยและชาวต่างประเทศหันกลับมาสนใจและมองจังหวัดนี้ในแง่บวกมากขึ้น ถามว่ากลัวไหม ไม่กลัวค่ะ ถ้าเราทำดี คิดดี ตั้งใจไปให้กำลังพวกเขาจริง ๆ อ๋อเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะคุ้มครองเรา" นี่คือคำพูดปิดท้ายของน้องอ๋อ มิส แกรนด์ ไทยแลนด์ คนแรกของประเทศไทย
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Lite
ภาพโดย วารี น้อยใหญ่
////////////////////
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-นามสกุล : ญาดา เทพนม
ชื่อเล่น : อ๋อ
อายุ : 21 ปี
วัน/เดือน/ปีเกิด : 10 มกราคม พ.ศ. 2535
น้ำหนัก 53 กิโลกรัม ส่วนสูง 169 เซนติเมตร
สัดส่วน 33-25-37
พี่น้อง : มีน้องชายต่างพ่อ 1 คน
การศึกษา :
มัธยมศึกษาตอนต้น
- ร.ร.บางสะพานวิทยา จ.ประจวบคีรีขันธ์
มัธยมศึกษาตอนปลาย
- โรงเรียนศรียาภัย จ.ชุมพร
- โรงเรียนบางสะพานวิทยา จ.ประจวบคีรีขันธ์
- โรงเรียนราชาธิวาส กรุงเทพมหานคร
ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผลงาน : รองชนะเลิศอันดับ 2 TO BE NUMBER ONE IDOL ปี 2011รุ่นที่ 1 และผู้พิชิตมงกุฎมิส แกรนด์ ไทยแลนด์ 2013