หลังจากได้เห็นภาพสุดเซ็กซี่ของ กระแต-อาร์สยาม (นิภาพร แปงอ้วน) ในท่วงท่าอิริยาบถต่างๆ บนอินสตาแกรม ที่เธอคอยอัปวันละรูป สองรูป ช่วยเรียกน้ำย่อยหนุ่มๆ ให้มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที จากสาวนักมวย เคยขึ้นสังเวียนชกมานักต่อนัก ได้เปลี่ยนลุคเป็นสาวเปรี้ยว สุดเซ็กซี่ ดูมีน้ำมีนวลอย่างผิดหูผิดตา ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าเธอโตเป็นสาวขนาดนี้แล้วเชียวเหรอ!
ใครจะรู้ว่าฉีกแนวเซ็กซี่แล้วนักร้องคนสวย นักมวยคนเก่งจะน่ามองขนาดนี้ จากงานเพลง “เปิดใจสาวแต” ที่ทำให้เธอแจ้งเกิดโด่งดังระดับประเทศในลุคใสๆ จนมาถึงอัลบั้ม รักนะฉึก ฉึก ที่ใส่ความเซ็กซี่ ทั้งเสื้อผ้าและท่าเต้นเข้ามาทีละน้อยๆ และอัลบั้มต่อไปเธอบอกว่าขอเพิ่มลิมิตความเซ็กซี่ให้แฟนๆ ได้เซอร์ไพรส์อีกครั้ง...อูวว์
เซ็กซี่ลงอินสตาแกรม
แม้เธอจะบอกไม่ค่อยลงรูปลงอินสตาแกรม แต่ก็มีคนติดตามเธออยู่ไม่น้อย ราวๆ 2 หมื่นคน และระยะนี้คงมีคนfollow เพิ่มขึ้นอีกหลายพัน เพราะแต่ละรูปมาแบบจัดเต็ม โชว์นั่นนิดโชว์นี่หน่อย จนนิตยสารบันเทิงหลายหัวชวนไปขึ้นปกสะบัดความเซ็กซี่ให้ร้อนฉ่าวงการ และเห็นทีต้องต้อนรับเซ็กซี่สตาร์คนใหม่กันแล้ว
“หนูชอบนะ แต่อยากให้ทุกคนมองว่ามันเป็นอีกมุมหนึ่งที่ยังไม่เคยให้ได้ชมกัน ก็โตแล้วด้วย ปีนี้ อายุ 25 แล้วนะ บรรลุนิติภาวะ (หัวเราะ) มันเหมือนเป็นสีสันให้กับวงการมากกว่านะคะ จริงๆ อยู่ที่คนมอง หนูว่าผู้หญิงมีความเซ็กซี่อยู่ในตัวเอง แต่ละคนจะมากน้อยแบบไหน ก็อยู่ที่อารมณ์ของแต่ละภาพด้วย แต่ตัวหนู จริงๆ ก็ไม่ได้เซ็กซี่มากหรอก ก็อาจเป็นอารมณ์เราโตขึ้นด้วย จริงๆ หนูก็ใส่เอวลอย โชว์สะดือ อะไรอย่างนี้มาตั้งแต่อัลบั้มแรกแล้วนะ แต่ตอนนี้อาจจะโตขึ้น มีสัดส่วนที่ชัดเจนขึ้น
ภาพของคนเรามันมีหลายความคิด บางคนบอกว่ายังดูเด็กจังเลย ทำไมแต่งตัวเซ็กซี่จังเลยอย่างนี้ ที่แอ๊บแบ๊วนั่นคือผลงาน เพราะว่าเพลงแต่ละเพลงของหนูก็แบบ ฮักนะฉึก ฉึก ก็ใจมันเต้นตึก ตึก (ร้องเพลง) มันเด็ก คนก็จะมองว่าเราเป็นเด็ก หนูก็รู้สึกดีนะ อายุเยอะ แต่ดูเป็นเด็ก
บางคนมองว่าจากแอ๊บแบ๊ว แล้วเปลี่ยนเป็นเซ็กซี่ ไม่ใช่นะคะ จริงๆ หนูเป็นคนมีบุคลิกที่หลากหลายมาก แล้วแต่วันด้วย บางวันแต่งตัวทอมบอยมาเลย บางวันก็เท่ บางวันก็เปรี๊ยวเปรี้ยว เราเป็นคนหลากอารมณ์มากกว่า ไม่ชอบอยู่นิ่งๆ อะเลิร์ทมาก”
“ถามว่าเป็นจุดขายไหม มองว่ามันเป็นพื้นที่ส่วนตัวที่ใครเขาชอบเราก็ติดตามเรามากกว่า ไม่ได้มาขายอะไรในอินสตาแกรม เราก็ดีใจที่คนมาชอบ มาเมนต์ โอ้โฮ! สวยจังเลย โตแล้ว เซ็กซี่นะ น่ารัก แบบนี้มันเป็นคำชมที่เราโอเค เขาชอบ เขามาตาม follow เราก็โอเค แต่ส่วนมากไม่มีใครว่านะคะ ผู้หญิงนะคะ พอโตแล้วก็อยากมีโฟโต้ที่ขอเซ็กซี่ถ่ายไว้สักช็อตหนึ่ง”
ไม่นานมานี้เพื่อนสนิทสาวใบเตย นักร้องร่วมค่ายก็ออกมาโชว์ความเซ็กซี่ให้วงการได้ตะลึงมาแล้ว หลายคนจึงมองว่ากระแตออกมาโชว์เซ็กซี่เรียกคะแนนตามเพื่อนใบเตย เรื่องนี้เธอขอกังขาว่า “คนเห็นเราเซ็กซี่แบบชัดเจนไง จริงๆ แล้วหนูมาก่อนใบเตยนะ หนูอยู่อาร์เอสมา9 ปีแล้ว สมัยอาร์สยามมีศิลปินแค่ 5 คน ตอนนี้มีเป็น 100 คน (หัวเราะ) แต่ก็ไม่ได้ตามใบเตยนะ เราเซ็กซี่แบบคนละแนวกัน ใบเตยเขาขาสวย แต่เขาไม่ได้โชว์เอว โชว์สะดือเหมือนหนู เราจะเป็นแนวสปอร์ตเกิร์ล เป็นภาพเซ็กซี่แบบทะมัดทะแมง ไม่ได้เปรี้ยวแบบโชว์ขาสั้นจู๋อะไรอย่างนั้น”
นักร้องคนสวย นักมวยคนเก่ง
เส้นทางของนักร้องสาวลำปาง กว่าจะโด่งดังระดับประเทศอย่างที่เห็น ต้องผ่านสังเวียนมวยมาแล้วหลายเวที เคยขึ้นชกระดับประเทศไกลถึงญี่ปุ่น หากไม่เอาดีทางมวยไทย วันนี้คงไม่มีใครรู้จักเธอ
“มีแต่คนถามว่าทำไมถึงชกมวยไทย หนูยังงงเลย คือชอบกีฬาบู๊ๆ แม่ห้ามตลอด แต่พ่อชอบ พ่อชอบมวยมาก แต่ไม่ได้เป็นนักมวยนะคะ ตอนเด็กหนูจะซนหน่อย ติดพ่อ ชอบเล่นกีฬาผู้ชายหมด ตะกร้อ อุ้มไก่ไปชน แล้วก็ชกมวยเป็นอะไรที่มันมาก ซึ่งตอนนั้นอายุ 12 เอง”
“มันเริ่มจากข้างบ้านเป็นค่ายมวย เห็นเขาซ้อมก็ไปเตะกับเขา ครูมวยเห็นบอกว่าลีลาดี ตอนนั้นมวยหญิงยังไม่ค่อยมีใครด้วย หนูเกิดจากมวยหญิงนี่แหละ ทุกวันนี้คนจะจำหนูได้ก็เพราะเป็นนักมวย ซึ่งตอนนั้นเราชกอย่างจริงจังด้วย ชกชิงแชมป์แบบนักมวยอาชีพเลย
แต่พอชก 4-5 ไฟต์ เรามีชื่อเสียง คนเริ่มพูดถึง พ่อเลยทำค่ายมวยเองเลย (หัวเราะ) เพราะพ่อชอบอยู่แล้ว จนหนูแทบจะเป็นทอมอยู่แล้ว ถ้าไม่ใส่ชุดสีชมพูขึ้นไปคนนึกว่าทอมเลยนะ ถักเปียสองข้าง ทาลิปสีชมพูด้วย”
ก่อนขึ้นชก เธอจะร้องเพลงโชว์ก่อนทุกครั้ง ทำให้ได้ฉายา “นักร้อง นักมวย” จนมีรายการโทรทัศน์มาสัมภาษณ์ เพราะว่าเห็นในความแปลก
“ด้วยความที่ลุคของเราแบบนี้ มีคาแร็กเตอร์ ในภาคเหนือเขาพูดถึงกันว่ามีนักมวยใหม่น้องผู้หญิง น่าตาจิ้มลิ้ม ใส่เสื้อผ้าสีชมพู คนเขาก็จะพูดถึงแล้วทุกเวทีหนูก็จะร้องเพลงโชว์ด้วย เป็นจุดเกิดมาก คนอื่นไม่เป็นนะ จึงมีฉายานักร้องนักมวย จนได้มาออกรายการโทรทัศน์ แล้วโชคดีทางผู้ใหญ่อาร์สยามสนใจ เลยบอกให้ทีมงานติดต่อไป ก็ได้เข้ามาทำอัลบั้มแรก เปิดใจสาวแต”
ความฝัน โอกาส และเป้าหมาย
“ตอนเด็กฝันว่าอยากเป็นนักร้อง เพราะว่าสิ่งแรกที่คิดคืออยากได้ตังค์มาช่วยแม่” นี่เป็นความคิดของเด็กคนหนึ่งที่อยากให้พ่อแม่ได้สบาย และสิ่งเดียวที่เธอชอบนอกจากการชกมวย คือการร้องเพลง จึงเดินตามฝันสู่เส้นทางสายนี้
“ตอนเด็กเห็นนักร้องได้ตังค์เยอะ คิดเลยว่าหนูจะได้เป็นนักร้องแบบนี้ไหมแม่ ได้ตังค์เยอะจังเลย งานเดียวเอง ได้เป็นหมื่นเป็นแสนเลยเหรอ บางคนทำงานได้เดือนละหมื่นสองหมื่นเอง ทำแทบตายทั้งเดือน แต่นักร้องขึ้นเวทีแป๊บเดียวได้ตั้งเยอะ เลยคิดในใจเลยว่าหนูต้องเป็นนักร้องให้ได้ เพื่อให้แม่ได้สบาย
ตอนเด็กๆ หนูออกแนวดื้อเงียบ ถ้าจะทำต้องได้ทำ แต่ไม่บอก ถ้ามีปัญหาอย่างทะเลาะกัน จะเป็นคนไม่พูดเลย ปล่อยให้เวลามันผ่านเลยไป ใจเย็น แถวบ้านเรียกว่ากวนตีน (หัวเราะ) ใครทะเลาะกับหนูนี่โคตรโชคร้ายเลย เป็นคนโกรธ แต่เก็บ ไม่ชอบพูดถึงใครในทางที่ไม่ดี เพราะเราพูดถึงเขาก็สะท้อนถึงเรา ฉะนั้นถ้ามีอะไรก็จะเงียบๆ ถ้าไม่จำเป็นจะไม่พูด”
แม้ว่าตอนนี้กระแตไม่ได้ชกมวยชิงแชมป์เหมือนสมัยยังเด็กแล้ว แต่ก็ยังซ้อมเพื่อเอามาใช้ในการแสดงอยู่ เพราะเธอคิดว่าเมื่อมีโอกาสต้องไขว่คว้าไว้เป็นประสบการณ์เพื่อเป้าหมายในอนาคต
“หนูมาถึงจุดนี้ก็ดีใจแล้วนะค่ะ รู้สึกว่าเมื่อเรามองย้อนกลับไป น้องๆ หลายคนที่เก่งกว่าเรา แต่ไม่มีโอกาส เราถือว่าโชคดีมากที่ได้อยู่ตรงนี้แล้ว บางคนหน้าตาดี ร้องเพลงก็เพราะ แต่ไม่มีโอกาสสักที พอหลายๆ อย่างมารวมกัน เลยรู้สึกว่าเราโชคดี และต่อจากนี้ไปเป้าหมายของหนู ไม่ได้คิดจะเป็นซูเปอร์สตาร์ลูกทุ่ง ไม่ได้คิดขนาดนั้น แค่ขอทำทุกอย่างให้ดีที่สุด และให้คนรักเราไปนานๆ
ถ้าให้ย้อนกลับไป หากไม่ได้เป็นนักร้อง ที่เรียนมาคือด้านสถาปัตย์ เพราะชื่นชอบงานศิลปะ อาจต้องไปเป็นอินทีเรีย ดีไซเนอร์ อาจจะเปิดร้านอาหารส่วนตัวเล็กๆ อยู่กับครอบครัว เพราะเป็นคนชอบเรื่องเกี่ยวกับการออกแบบ ทุกอัลบั้มจะมีสิ่งที่ดีไซน์เองด้วย ไม่ว่าจะเป็นออกแบบเสื้อผ้า ออกแบบห้อง เพราะเราเป็นคนชอบคิด ไม่อยู่นิ่ง จึงเรียนเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ตอนนี้คิดว่าจะเรียนออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าด้วย เพราะอยากเปิดร้าน ถ้าว่างปุ๊บจะตั้งใจทำเป็นธุรกิจจริงจังเลย”
“เปิดใจสาวแต” อัลบั้มปลดหนี้
“เหนื่อยก่อน สบายทีหลัง” ประโยคนี้ช่างตรงกับชีวิตของกระแต ขณะที่เธอชกมวย ก็ต้องตระเวนร้องเพลงช่วยครอบครัวไปด้วย เพราะที่บ้านทำวงดนตรี แต่ก็ยังไม่มีเงินเก็บเป็นหลักเป็นฐาน เธอเล่าให้ฟังว่า “เราไม่ใช่คนมีตังค์มาตั้งแต่เกิด ต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน หนูก็ร้องเพลง หาเช้ากินค่ำ”
“เราร้องเพลงคู่กับน้องมา กระต่าย (น้องสาว) เป็นคนสู้ชีวิต ก่อนที่จะมาออกอัลบั้ม น้องก็ยังทำวงดนตรีอยู่ที่บ้าน มีแดนเซอร์ รับงานเอง ทำเอง พอช่วงที่เข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯ หนูก็มากับแม่สองคน พ่อกับน้องก็อยู่ที่นู่น บางทีรับงานแยกกัน พ่อต้องเอาวงดนตรีไป น้องเอาแดนเซอร์ไป บางวันมีงานซ้อนกัน เขาก็จะเป็นคนดูแล เพราะหนูกับแม่อยู่ที่กรุงเทพฯ
ตอนนั้นนอกจากจะทำวงดนตรีด้วย หนูก็มีชกมวยไปด้วย น้องโทรศัพท์มาบอกว่า “เหนื่อยมากเลย” เป็นช่วงตอนที่ยังไม่มีอัลบั้ม มาทำเพลงอยู่ เราก็บอกน้องว่า “รอพี่หน่อยนะ ถ้าเรามีบุญขอให้เพลงพี่ดังก็แล้วกัน” พอทำอัลบั้มแรก เปิดใจสาวแต ก็ดังจริงๆ หนูถือเลยว่าเป็นอัลบั้มปลดหนี้ เพราะเป็นอัลบั้มที่ทำชื่อเสียงมาก ในระดับที่หนูดีใจมาก ไม่คิดว่าเพลงจะฮิตขนาดนี้ มีงานเข้ามาเยอะมาก พ่อแม่ก็เดินสายรับงาน แล้วมาเก็บตังค์ในอัลบั้ม 2 3 4 ก็เริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวได้ ให้แม่สบายได้ ก็ดีใจมาก”
“ชีวิตแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว แม่จะสอนหนูตลอดว่า เราเคยเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น เราก็ยังเป็นกระแตคนเดิม ไม่ว่าเราจะเดินมาถึงจุดไหนก็ยังเหมือนเดิม แถมงกกว่าเดิมด้วย (หัวเราะ) ให้แม่ทุกบาทเลย ไม่เคยเก็บตังค์เอง รับเงินมาให้แม่หมดเลย พอจะใช้ก็ขอแม่ ทุกวันนี้ก็ไม่เคยมีกระเป๋าตังค์ด้วย และไม่เคยพกบัตรประชาชนด้วย เพราะชอบทำหาย แม่จะคอยดูแลตลอด หนูว่ามันไม่ดีนะ เสียนิสัยด้วย เพราะว่าเราโตแล้ว เดี๋ยวพออายุ 30 หรือ 40 แม่จะมาตามอย่างนี้ก็ไม่ได้แล้วนะ ตอนนี้อายุ 25 แล้วแม่ก็ยังบอกเลยว่าโตแล้วนะ ไม่เคยพกตังค์เองเลย”
เต็มที่ทุกเวที
เมื่อได้เป็นนักร้องอย่างที่เคยฝันไว้ กระแตจึงทุ่มเททุกอย่างเพื่อการร้องเพลง เพื่อแฟนเพลงที่ติดตามเธอ เธอไม่เคยหวั่นแม้ตอนขึ้นเวทีคนดูจะมากหรือน้อย ฝนจะตกหรือไม่ แค่ขอทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ ในฐานะนักร้องอาชีพคนหนึ่ง
“ทุกครั้งที่ทำงานหนูประทับใจตลอด หนูโชคดีที่ได้มาอยู่บริษัทดีๆ เหมือนอยู่ในครอบครัว มีพี่ทีมงานดีๆ ดูแลเราด้วยรัก และแต่ละคน แต่ละทีมก็ทำงานเพื่อเรา ต้องขอบคุณพี่ๆ ที่เขาเห็นความน่ารัก และเมตตาเราด้วยความรักจริงๆ แบบนี้ เพราะว่าแต่ละคนเหนื่อยนะคะ กว่าจะมีเพลงออกมาแบบนี้
ฉะนั้นไม่ว่าจะออกงานเวทีเล็กหรือใหญ่ หนูจะเล่นเต็มที่ทุกครั้ง หรือมีคนดูแค่ 30คน ฝนตก ก็เต็มที่ แถมเล่นดีกว่าเดิมด้วย เพราะหนูคิดว่านี่แหละเขาตั้งใจมาดูเราจริงๆ เขาไม่กางร่ม หนูก็ไม่กาง แต่หลังๆ มา แม่สั่งแล้วว่ามันคุ้มไหมลูก (หัวเราะ) พอเสร็จงานนั้นเป็นหวัด อดร้องไปอีก 4-5 งาน”
“เราเกิดมาแล้วตั้งใจทำตามความฝัน และต้องทำให้ดีที่สุด ถ้าวันนี้เราทำดี วันข้างหน้ามันต้องดีอยู่แล้ว ถ้าบางวันเราร้องเพลง แต่ไม่ตั้งใจร้อง คนเขาต้องพูดกันอยู่แล้วว่าร้องไม่ดีเลย งานต่อไปก็จะไม่มีมา ดังนั้นเวลาหนูทำอะไรก็จะเต็มที่กับงานมาก บางคนบอกว่าหนูขยันเวอร์ อย่างการเต้นก็หาเรียนเพิ่ม เขาถามว่าเต้นขนาดนี้ยังเรียนอีกเหรอ หนูต้องเรียนค่ะ ต้องทำให้ดีที่สุด
อย่างอัลบั้มใหม่ หนูตั้งใจไว้แล้วว่าจะเต้นให้เยอะกว่าเดิม ทุกอย่างมันต้องพัฒนาขึ้น อัลบั้มแรกจะเห็นว่าเต้นง่องแง่ง อัลบั้มใหม่ก็ต้องดีขึ้น เป๊ะขึ้น จึงกดดันหน่อย เพราะต้องดีขึ้นกว่าอัลบั้มเดิมที่ผ่านมา เหนื่อยหน่อย เราต้องยอมรับว่าอยู่ตรงนี้ก็ต้องพัฒนาตัวเอง เพราะว่าเดี๋ยวนี้ศิลปินเยอะ จึงต้องทำงานของเราให้ดีที่สุด”
เคยคิดอยากลองเปลี่ยนแนวเพลงเป็นสตริงไหม? “เคยค่ะ แต่ไม่คิดเปลี่ยนเป็นแนวกามิกกาเซ่ อะไรแบบนั้นนะคะ หนูแค่อยากลองดูบ้าง แต่ลึกๆ แล้วหนูมีหัวใจลูกทุ่ง 100 เปอร์เซ็นต์เลยล่ะ เพราะหนูเกิดมาจากเพลงแม่ผึ้ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ ซึ่งเป็นไอดอลของหนู แต่ด้วยความที่เราเป็นคนที่ร้องได้หมดทุกแนว สตริง สากล ตอนนี้เพลงที่ร้องออกมาก็ไม่ได้เป็นลูกทุ่งจ๋าขนาดนั้น เราเป็นลูกทุ่งยุคใหม่ที่มีความหลากหลาย ไม่ได้ใส่กระโปรงยาวร้องลูกทุ่งเหมือนสมัยก่อน อยากให้มองเป็นสีสันใหม่ๆ อย่างนี้มากกว่า”
กระแต-กระต่าย คู่หูคู่ฮา
จะเห็นว่าทุกครั้งที่กระแตออกทัวร์คอนเสิร์ตจะมีคู่หูน้องรัก “กระต่าย” ไปด้วยเสมอ เพราะที่ไหนมีกระต่าย ที่นั่นจะมีแต่เสียงหัวเราะ และเรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมได้พอๆ กับพี่สาว จึงเป็นน้องที่สนิทที่สุด เพราะแทบทุกกิจกรรมจะทำด้วยกันตลอด ไม่ว่าจะนอน กิน เที่ยว เล่น ร้องเพลง และยังเรียนที่เดียวกันอีกด้วย
“เวลาออกคอนเสิร์ตกระต่ายก็ไปด้วยทุกงานเลย กระต่ายนี่ตัวจี๊ดเลยนะคะ ตัวฮาเลย ทุกคนเขาจะชอบน้องมากเลย เจ้าภาพจะขอเลยว่ากระต่ายมาด้วยนะ เพราะว่าคนดูรักเขามากเลย กระต่ายเหมือนเป็นคนที่ไม่ได้ตลกด้วยมุก แต่เขาตลกจากตัวของเขาเอง แค่เขาหัวเราะ เสียงหัวเราะก็ทำให้ขำกันทั้งงานแล้ว คุยอะไรก็ตลก แซวคนนู้นคนนี้ก็ขำ คือให้คนอื่นมาเล่นแบบกระต่าย มันก็ไม่ขำนะ มีหลายคนแล้ว พอเอามุกกระต่ายไปเล่นก็ไม่ขำ เพราะมันเป็นบุคลิกของเขา
เราทั้งคู่จะเป็นคนตลกมาตั้งแต่เด็ก แต่หนูนี่จะแอ๊บๆ หน่อย คือจะตลกมากก็ไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้ไม่แล้วแหละ เคยมีผู้ใหญ่บอกว่ากระแตแอ๊บสวยหน่อย แต่ไม่ไหวแล้วพี่ จริงๆ เราเป็นคนยังไงก็น่าจะเปิดเผยไปเลยดีกว่า ขี้เกียจแอ๊บแล้ว ก็ขำ เป็นคนรั่วๆ ฮาๆ พออยู่บนเวทีก็ทำหน้าท่าทางเป็นน้องทราย ทำท่าเต้น ตับๆๆๆ อะไรอย่างนี้ หนูรู้สึกว่าคนเขาชอบ เราจะอายทำไม ยิ่งคนดูชอบ เขาขำ หนูก็ยิ่งเล่นนานเลย สนุก
เวลาเข้าเพลง เข้าโชว์ โอเคเราต้องสวย พอจบเพลงคือการเอนเตอร์เทน จะเป็นการพูดคุย นี่ก็รั่วเลย แต่ละงานเล่นมุกไม่เหมือนกันนะ มีแซวคนดู บางงานก็มีติดทะลึ่ง คนชอบมุกแบบนี้อยู่แล้ว อย่างเช่น “ถึงหนูไม่สวย แต่ก็เป็นนางฟ้า พาขึ้นสวรรค์ได้” (หัวเราะ) คือต้องดูแต่ละงานด้วย”
การได้ไปออกคอนเสิร์ตทั่วประเทศ ขึ้นเหนือล่องใต้อยู่เป็นประจำ ทั้งต่างจังหวัด และในกรุงเทพฯ งานบวช งานบุญ งานอีเวนต์ โชว์ตัว ไปหมดทุกที่ จึงต้องเคยเจอประสบการณ์ลามปามที่เชื่อว่านักร้องลูกทุ่งทุกคนต้องเคยมีประสบการณ์เหล่านี้อยู่ในหัวเหมือนกัน
“คนลวนลาม เราต้องพยายามหลบหลีกตัวเองให้ได้มากที่สุด เวลาลงเวทีเขาจะกรูเข้ามา แล้วมันจะมีคนที่คิดไม่ดี เขาก็จะเข้ามาจับของเราอะไรอย่างนี้ พอแม่เห็นก็จะตีเลย “อะไรนี่! ทำไมทำน้องอย่างนี้” เขาก็จะอายไป คุณแม่จะไปด้วยทุกงานค่ะ เหมือนเป็นผู้จัดการส่วนตัวด้วย ส่วนใหญ่แม่จะไปดูแลเองเลย แทบทุกงานเลย น้อยมากที่แม่จะไม่ไป ถ้าไม่ได้ติดธุระจริงๆ
ทุกคนในครอบครัว เราสนิทเท่ากันหมดค่ะ แม่ น้อง เราจะอยู่ด้วยกันตลอด ไปไหนไปด้วยกัน กระแตเป็นลูกคนที่ 2 มีพี่สาวคนโต และก็มีน้องกระต่าย และน้องชายคนสุดท้อง แต่เท่าที่หลายคนเห็นจะสนิทกับกระต่ายมากที่สุด เพราะเราออกคอนเสิร์ตด้วยกันแทบทุกวัน เรียนด้วยกัน อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ส่วนน้องชายก็จะเกร็งๆ เราหน่อย ไม่สนิทเท่ากระต่าย
ตอนนี้ซื้อบ้านอยู่ที่กรุงเทพฯ แล้ว เพราะเรียนที่นี่ และทำงานไปด้วย ก็เลยย้ายครอบครัวมาอยู่นี่กันเลย หนูทำงานเพื่อครอบครัว คิดว่าทำอะไรก็ได้ให้บิดามารดา ให้พระในบ้านเราสบาย ถือว่าได้บุญที่สุดแล้วในโลกนี้ ก่อนขึ้นเวทีหนูจะไหว้แม่ตลอด ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ แม่ต้องสบายที่สุด คือเราจะเหนื่อยตายก็ไม่เป็นไร ขอให้แม่สบายก็พอ
แฟนคลับขวบกว่าๆ
ด้วยเนื้อเรื่องที่ฟังง่าย ติดหู ประกอบท่าเต้นแอ๊บแบ๊ว บวกลีลาโยกย้ายส่ายสะโพกน่ารักๆ ทำให้เด็กๆ ร้อง เล่น เต้นตามได้ไม่ยาก จึงไม่แปลกที่แฟนคลับของกระแต ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กน้อย และวัยรุ่น
“แฟนคลับของหนู วัยรุ่นเยอะ ส่วนใหญ่จะเด็กมาก เขาจะชอบเต้นเพลงเรา เด็กที่สุดนี่ประมาณขวบกว่าๆ คุณแม่อุ้มมาเลยนะคะ ขวบกว่าร้องเพลงรักนะฉึก ฉึก แม่เขาบอกว่าถ้าไม่เปิดไม่หลับเลย บางคนก็จะบอกว่าทั้งวันมันก็กลับไปเปิดแต่เพลงเดิม พอเปลี่ยนเพลงอื่นก็ร้องไห้ หนูก็โอ้โฮ! จริงเหรอค่ะ แม่ก็บอกน้องชอบมาก หนูก็ดีใจค่ะ เวลาเขาเดินเข้ามาคุยแบบนี้ เราก็จะมีความสุข เขาชอบเราก็โอเค
นอกจากนี้หนูยังมีแฟนคลับที่ญี่ปุ่นด้วย เพราะหนูเคยไปชกมวยที่ญี่ปุ่นมากว่า 4 ปีแล้ว เขามาทำงานที่นี่แล้วเขาก็ตามเรา หากไปร้องเพลงในเขตปริมณฑลหรือใกล้ๆ เขาก็จะไปดู มีประมาณ 7-8 คนหรือบางทีจะไปกันเป็นกลุ่มใหญ่ก็มี บางทีก็ไป 2-3 คน แต่ก็จะตามตลอด น่ารักมาก มีของมาฝากตลอด หนูชอบคิตตี้ เขาก็จะเอาคิตตี้มาให้ หมวก ชุดกิโมโนคิตตี้ ขนม น่ารักมากคนญี่ปุ่น
หนูชอบคิตตี้ ชอบสีชมพู ชอบเกือบทุกอย่างที่เป็นสีชมพู เมื่อก่อนนี้บ้ามาก พอโตขึ้นก็เพลาๆ ลงบ้างแล้ว เมื่อก่อนชุด หรือการแต่งตัวเป็นสีชมพูหมด หวานมากๆ อายชาวบ้าน (หัวเราะ) นวมต่อยมวยยังเป็นชมพูเลย จะขึ้นไปชกมวยลองคิดดูสิ อีกฝั่งเป็นทอมบอยทะมัดทะแมง แต่ฝั่งเรามงคลคุณแม่ก็ถักเป็นสีชมพู นวมชมพู ชุดชมพู แต่งหน้าขึ้นมาบนเวที วิ้งค์มากเลย ตอนนั้นเป็นช่วงชีวิตที่ลุยมาก ตอนที่ยังไม่เป็นนักร้องนะคะ”
ประสบการณ์ไม่มีวันหมด
“ทุกรางวัลที่ได้จากการประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง คือความภูมิใจ ทุกสิ่งทุกอย่างคือประสบการณ์ทั้งหมดที่ทำให้เรามีทุกวันนี้ได้”
คำพูดเหล่านี้เป็นสิ่งที่กระแตย้ำบอกเสมอ เธอมองว่าหลายอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มันไม่ได้มาได้ง่ายๆ แม้บางคนบอกว่าสบายจังเลยชีวิตได้เป็นนักร้อง แต่เขามองตอนที่เราทำสำเร็จแล้ว ทุกคนมีความเหนื่อย
“ที่ผ่านมาเราอาจจะเหนื่อยมากหน่อย แต่คิดว่าประสบการณ์ไม่มีทางหมด เดี๋ยวต้องมีอะไรอีกเยอะในชีวิต คิดเสมอว่าทุกวันนี้เพิ่งเริ่มต้นเอง อยากให้ในชีวิตมีอะไรเข้ามาเยอะๆ ไม่อยากอยู่เฉยๆ ชอบหาอะไรใหม่ๆ ตลอด ไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว ไม่เคยคิดจะหยุด บางคนบอกเต้นแค่นี้พอแล้ว แต่เราคิดว่าต้องมากกว่านี้อีก ทำงานเพื่อให้ทุกคนเห็นความสามารถของเรา เขาจะได้คุ้มกับการที่ติดตามผลงาน และสนับสนุนเรา
ถ้าได้เพลงใหม่หนูจะซ้อมก่อนเลย เพราะว่าร้องเพลงมันจะมีลูกเอื้อนใหม่ๆ เข้ามาตลอด หากเราร้องคล่องปาก เข้าที่เข้าทางแล้วก็นัดเข้าห้องอัด ตอนนี้การทำงานเป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้น เหมือนเราโตขึ้นด้วย จึงมีส่วนร่วมแชร์ความคิดเรื่องงานมากขึ้น”
นอกจากการเป็นนักร้องแล้ว เธอยังจับงานแสดงที่มีคาแร็กเตอร์ใกล้ตัว อย่างเรื่อง สวยหมัดสั่ง ซึ่งเรื่องของมวยๆ จึงทำให้เธอสอบผ่านฉลุย แถมยังมีเรตติ้งดี จนช่อง 3 อาจมีงานต่อยอดให้เธอเร็วๆ นี้ และล่าสุดยังได้ร่วมแสดงละคร ราชินีลูกทุ่ง ในเครืออาร์เอสอีกด้วย งานเข้าทั้งนักร้องนักแสดงอย่างนี้ ถือว่ากระแสไม่เบาเลยทีเดียว
“ตอนนี้ล่าสุดที่ออนแอร์อยู่ก็เป็นละครราชินีลูกทุ่ง ช่อง 8 (ในเครือ อาร์เอส) แสดงเป็น กบ กรรณิการ์ มีน้องกระต่ายด้วยค่ะ ก็ตลก ฮากันไป มีพี่ฮาย พี่ยิ่งยงอย่างนี้ ขนกองทัพลูกทุ่งกันไป ก็เป็นละครเรื่องแรกด้วยค่ะ และมีหนังดังสุดสัปดาห์ ของช่อง 3 ออนแอร์ไปแล้ว เรื่อง สวยหมัดสั่ง มี 2 ภาค เป็นแนวบู๊ด้วย เราถนัด แต่ว่าภาคแรกนี่ยากมาก เพราะดรามาเยอะ ชกมวยเหนื่อยไม่พอแล้วต้องร้องไห้ไปด้วย ยากมาก แต่พอได้รับคำชมมาก็กำลังใจดี เห็นทางช่อง 3 บอกว่ามีเรตติ้งเยอะสุดที่เคยทำหนังดังสุดสัปดาห์มาเลย”
“จากนักร้องเป็นนักแสดง ชอบนะคะ ถามว่าเหนื่อยกว่าไหม แน่นอน การแสดงเหนื่อยกว่าร้องเพลงเยอะ ตามหลักความจริงนะ ร้องเพลงแค่ 1 ชั่วโมงก็จบ กลับบ้าน รับตังค์ แต่มาเล่นหนังเนี่ย เราต้องมาทั้งวัน จำบทหนัง แต่มันก็เป็นสีสันอย่างหนึ่ง พอได้ทำอะไรใหม่ๆ ก็รู้สึกตื่นเต้น เห่อ (หัวเราะ) ก็เลยชอบ อยากแสดงอีก
จริงๆ หนูชอบแสดงหนัง อย่าง เรื่องสวยหมัดสั่ง เพราะมันเหมือนเป็นตัวเอง มัน real แบบเฮ้ย! อะไรว่ะ มันเหมือนแสดง แต่ไม่ได้แสดง หนังจะเป็นธรรมชาติ ชกมวยก็ไม่ได้แต่งหน้า หน้าปลวกเลย (หัวเราะ) แต่ละคร จะเมกนิดนึง ก่อนนอนก็ยังแต่งหน้า
ถ้าถามว่าอยากแสดงบทบาทอื่นไหมที่ไม่ใช่เป็นนักร้อง นักมวย ก็ได้นะคะ ดูท้าทายดี ได้เห็นอะไรที่แตกต่างจากตัวเรา เล่นร้ายก็น่าสนุกดี เห็นพี่เป้ย ปานวาดเล่นแล้วโคตรชอบเลย แกใส่เต็มที่ เห็นแล้วอยากเล่นเองเลย บทร้ายไม่ใช่ง่ายๆ นะคะ แต่อยากลองมากเลย ส่วนบทหวานนี่ยากมากสำหรับหนู ยากที่จะสื่อออกมา แต่ก็สนุกดี อยากเล่นหนังผีด้วย ใช้อินเนอร์เยอะดี กลัวผีนะคะ แต่ดูมันระทึกดี ต้องใช้จินตนาการเอง และที่ถนัดที่สุดก็คงเป็นบทโก๊ะๆ แก่นๆ หนูว่าง่ายสุด เพราะมันเป็นตัวเรา”
ธรรมะช่วยให้มองโลกในแง่ดี
ระยะนี้มักเห็นวัยรุ่นใฝ่ธรรมะมากขึ้น บ้างก็ว่าเป็นกระแสฮิต แต่สำหรับกระแต เธอศึกษาและปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง แบบไม่อิงกระแส หรือตามเทรนด์ใดๆ หากช่วงไหนว่างจากงาน เธอจะขอตัดทางโลกเพื่อไปปฏิบัติธรรม ควบคุมกายใจในวันหยุดยาวทันที
“ถ้าหยุดยาว 3-4 วัน จะไปทำบุญ ปฏิบัติธรรม นี่เพิ่งออกมา บางทีอาจไม่ได้ไปปฏิบัติธรรม แต่หยุดไปทำบุญต่างจังหวัด นัดกันกับเพื่อน กับคนในครอบครัวไปกัน”
“ล่าสุดไปปฏิบัติที่วัดตาลเอน อยุธยา ไปนั่งฝึกกรรมฐาน 4 และก็เดินจงกรม พอหนูมาใฝ่ธรรมะ รู้สึกว่ามองโลกในแง่ดีขึ้นเยอะ จริงๆ ชอบทำบุญอยู่แล้ว แต่ว่าเริ่มมาจริงจังในการปฏิบัติธรรมนั้นได้ปีกว่าแล้ว หนูรู้สึกว่ามีอะไรดีๆ เข้ามาในชีวิตเยอะขึ้น ทำให้เราใช้ชีวิตได้ดีขึ้น ใครจะว่าอย่างไรก็ไม่ได้คิดมาก เหมือนเราเริ่มรู้จักเหตุแห่งผลและกรรม ใครทำอะไรก็ได้แบบนั้น เราทำอะไรก็อโหสิให้กันแล้วมันก็จะดีขึ้น เหมือนเรารู้สึกปล่อยวาง รู้สึกว่ามีความสุขมาก หนูจะสวดมนต์เป็นประจำ อย่างวันพระจะสวดเล่มใหญ่ใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่า
สถานที่ปฏิบัติธรรมไปมาหลายที่ แต่โดยส่วนใหญ่จะไปวัดไกลๆ เพราะรู้สึกว่าสงบ เวลาไปปฏิบัติธรรมเราต้องเงียบๆ แล้วไม่ยุ่งกับโทรศัพท์เลย ปลดโพธิกังวลทั้งหมด ล่าสุดก็ไปปฏิบัติธรรมมา 5 วัน ตัดขาดจากโลกไประยะหนึ่ง
ส่วนใหญ่จะไปกับกระต่ายและเพื่อนๆ ทำให้ดีที่สุด เพราะเราไม่มีโอกาสจะได้ไปทำบ่อยๆ แม่ชีก็จะบอกว่าถ้าเราตั้งใจทำจะได้บุญเยอะ อยู่ที่ตัวเราทำแค่ไหนก็ได้แค่นั้น ถ้าตัดทางโลกได้ที่จะทำให้เราไม่เสียสมาธิมันก็จะยิ่งดี และเราจะได้สมาธิเยอะขึ้น เวลาไปปฎิบัติธรรมเราจะถือศีล 8 เป็นชีพราหมณ์เลย คือไม่นอนบนที่สูง นอนเสื่อ ไม่แต่งหน้าทาครีม เครื่องหอม ถ้าอาบัติข้อหนึ่งต้องอาราธนาใหม่หมด เคร่งครัดกว่าศีล 5”
โสดมา 9 ปีแล้ว
สมัยเด็กก็น่ารัก โตเป็นสาวก็สวยเซ็กซี่ขึ้นมาเป็นกอง แต่แปลกใจว่าทำไมเธอถึงไม่มีแฟน! แถมยังครองความโสดมานานถึง 9 ปีเต็มๆ ตลอดระยะเวลาที่ทำงานในวงการบันเทิงมา
“ตอนนี้โสด ไม่ได้คบใครถึงขั้นเป็นแฟนมาดูแล เทกแคร์กันไม่มี แล้วก็อยู่ในวงการมาไม่เคยมีแฟนเลย หนูรู้สึกว่าเดี๋ยวคงมาเองค่ะ ก็มีเข้ามาจีบ แต่เหมือนเราเป็นคนที่ไม่ค่อยสานต่อกับใคร เหมือนยังไม่เจอ มีเข้ามาจีบเยอะมาก แต่ก็ยังไม่เจอคนที่ใช่ เพราะต้องผ่านกระต่ายอีก (หัวเราะ) คนส่วนมากจะคิดว่าเรามีแล้ว หรือไม่ก็เกรงใจแม่ หลายเหตุผลก็เลยไม่มีแบบมาจริงจัง เพราะเรายังทุ่มเทกับการทำงานมากกว่า และมีคอนเสิร์ตทุกวันจึงไม่ค่อยมีเวลามาดูแลกัน ถ้าเป็นพี่เป็นน้องกัน คิดว่าคบกันยาวกว่า”
“ถ้าถามเรื่องสเปก อย่างแรกเลยหนูชอบคนอารมณ์ดี ไม่ชอบคนจู้จี้ เพราะเราเป็นคนไม่จู้จี้ ไม่เคยโทร.จิกใคร ถ้าอยู่ในช่วงที่คุยกัน บางครั้งเขาคิดว่าเราไม่ชอบเขาก็มี เขาถึงหายไปเลย เพราะเราไม่เคยโทร.หาเขา คิดว่าถ้าเขาชอบจริงๆ เดี๋ยวเขาก็โทร.มาเอง นอกจากนี้ต้องเข้ากับครอบครัวเราได้ แม่ชอบ น้องชอบ เราจะสบายใจ เรื่องรูปร่างหน้าตาขอดูดีหน่อย ส่วนฐานะก็ไม่ค่อยมองตรงนั้น หนูมองว่าเข้าใจกัน อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขพอ”
“สุดท้ายอยากฝากผลงานอีกอัลบั้มหนึ่งที่อยากให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้ เพราะว่าทุกๆ คน ไม่ว่าทีมงานหรือตัวหนูเอง ทุกคนตั้งใจมากกับอัลบั้มนี้ ด้วยความที่โตขึ้นก็อยากพัฒนาอะไรให้ดีขึ้น ดูเปรี้ยวเท่ขึ้นมานิดนึง เป็นตัวของเรามากขึ้น ไม่แอ๊บเด็กอย่างที่ผ่านมา ให้แฟนๆ ได้เห็นอะไรใหม่ๆ อยากให้น้องๆ คัฟเวอร์ท่าเต้นพี่กระแตกันเร็วๆ นี้ค่ะ”
ประวัติส่วนตัว
ชื่อ-นามสกุลจริง : นางสาวนิภาพร แปงอ้วน (กระแต)
ชื่อในวงการนักมวย : น้ำหวานน้อย ศ.อาร์ สยาม
วัน เดือน ปีเกิด : 25 สิงหาคม 2530
น้ำหนัก-ส่วนสูง : 48 กิโลกรัม/ 165 เซนติเมตร
ภูมิลำเนา : จ.ลำปาง
การศึกษา : ปริญญาตรี-คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ผลงานที่ผ่านมา : งานเพลง - เปิดใจสาวแต, ของขวัญจากสาวแต, สาวกาดแลง, อัลบั้มพิเศษ ตีเข่าเขย่าแดนซ์, รักนะฉึก ฉึก งานแสดง - ภาพยนตร์ หนังดังสุดสัปดาห์ เรื่อง สวยหมัดสั่ง (ช่อง 3), ละครราชินีลูกทุ่ง ช่อง 8 (ในเครือ อาร์เอส)
รางวัลที่ภาคภูมิใจ : รางวัลนักร้องหน้าใหม่ยอดนิยม ประเภทเพลงลูกทุ่ง จาก Star Entertainment Awards 2007, รางวัลศิลปินลูกทุ่งหญิงหน้าใหม่ฝ่ายหญิงยอดนิยม จากอัลบั้ม “เปิดใจสาวแต” ในงานประกาศผลรางวัลมหานครอวอร์ด ครั้งที่ 4 ประจำปี 2550, ประกวดร้องเพลงรายการ KPN Award รางวัลชนะเลิศ ปี 2539 ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพฯ, รายการลูกทุ่งไทย ทางช่อง 11 รางวัลรองชนะเลิศถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
ความสามารถพิเศษ : ชกมวยไทยอาชีพ, เทควันโด, รำไทย, แดนเซอร์
คติในการใช้ชีวิต : อดีตเป็นเรื่องที่กลับไปแก้ไขไม่ได้ ปัจจุบันและอนาคตคือสิ่งที่เราต้องอยู่ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ข่าวโดย Manager Lite/ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์