“รักเกิดในตลาดสด” ตอนที่ 13 อวสาน
ชาวตลาดตกใจเมื่อทราบข่าวสดศรีเข้าโรงพยาบาล
“คุณพระช่วย...นี่ถึงกับต้องหามกันเข้าโรงบาลเลยเหรอ” ป้าพิณอุทานขึ้น
“แต่ต๋องบอกว่าตอนนี้คุณนายปลอดภัยแล้วจ้ะ” กิมลั้งรีบว่า
“ดีนะที่ไม่เป็นอะไร ไม่งั้นพวกเสี่ยชายศักดิ์มันคงจุดพลุฉลองกันใหญ่ที่ต่อไปจะไม่มีใครตามตอแยแล้ว” เต๊กไฮ้รีบเอ่ย
“ชั้นไม่ปล่อยให้พวกมันมีความสุขหรอก ต่อให้คุณนายตายชั้นก็จะตามล้างตามผลาญมันแทน” คิตตี้ว่า
“เชอะ...ตามล้างตามผลาญเหรอนังคิตตี้ แค่ที่มันเล่นงานเราทุกวันนี้ยังจัดการอะไรไม่ได้เลย” ชมพู่ว่า
“ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงวันนี้เราจะทำอะไรไม่ได้ แต่สุดท้ายคนเลวก็ต้องมีจุดจบของมัน” จะเด็ดเอ่ย
“งั้นก็ช่วยเลื่อนจุดจบของมันขึ้นมาเร็วๆหน่อยได้มั้ย เพราะชั้นรู้สึกว่าจุดจบของเราจะแซงหน้ามันอยู่นะ” คำมูลว่า
“เชื่ออั๊วซิ ถ้าเรายังเดินอยู่ในลู่ทางที่ถูกที่ควร ไม่ไขว้เขวต่อไปแบบนี้เราต้องรอดแน่ ยังไงความดีก็ต้องคุ้มครองคนทำดี เรื่องที่กำลังเจอกัน อยู่นี่มันก็แค่บทพิสูจน์หัวใจเราอีกบทนึง” เคี้ยงรีบเอ่ย
“อั๊วว่าพวกเราให้กำลังใจกันแล้ว ก็ต้องไม่ลืมให้กำลังใจคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้อย่างคุณนายสดศรีด้วยนะ เราน่าจะไปเยี่ยมอีกันหน่อย อีจะได้ไม่รู้สึกว่าต่อสู้กับปัญหาลำพังกันแค่สองแม่ลูก” เต๊กไฮ้เอ่ย
“นั่นซิ คนเราน่ะขาดอะไรก็ขาดได้แต่ต้องไม่ขาดกำลังใจ” ลักษณ์เอ่ย
ชาวตลาดเห็นพ้องต้องกันอย่างสามัคคี
เวลาเดียวกันนั้น ที่ร้านอาหารสุดหรู รัศมี ชายศักดิ์ และศักดิ์ชายอยู่กันพร้อมหน้า เปิดแชมเปญฉลองอย่างมีความสุข
“แด่ความสำเร็จที่เรารอคอยกันมาตลอด” รัศมีเอ่ยอย่างมีความสุข
สามคนชนแก้ว แต่ศักดิ์ชายแววตาคล้ายมีความในใจ
“คราวนี้ก็ได้ขยายห้างสมใจเธอซักทีนะ” ชายศักดิ์เอ่ยออกมาอย่างดีใจ
“สมใจรัศมีคนเดียวที่ไหนคะ ยังไงซะห้างก็เป็นสมบัติของพวกเราทุกคน ...ชายเป็นอะไรลูก ทำหน้าไม่เวรี่แฮปปี้เหมือนชื่อห้างเราเลย” รัศมีเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นลูกชายไม่ค่อยสดชื่น
“อ๋อ ไม่มีอะไรครับผมแค่คิดอะไรนิดหน่อย” ศักดิ์ชายตอบ
ครู่หนึ่งมือถือชายศักดิ์ดังขึ้น แต่ไม่โชว์เบอร์
“ฮัลโหลครับ” ชายศักดิ์รีบรับสาย
“ชั้นเอง” สดศรีเอ่ยขึ้น
“มีอะไร” ชายศักดิ์จำเสียงได้ทันที
“ถ้ากำลังอยู่กับคนที่บ้าน ก็อย่าให้พวกนั้นรู้ว่ากำลังคุยกับชั้นอยู่” สดศรีเอ่ย
“ทำไม” ชายศักดิ์แปลกใจ
“ชั้นมีเรื่องสำคัญที่เธอต้องรู้จะคุยด้วย” สดศรีพูด
“เรื่องอะไร” ชายศักดิ์ถามกลับอย่างแปลกใจ
“พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน แต่รับรองว่ามันสำคัญกับเธอมากพอๆกับชั้นแน่ แล้วจะบอกที่นัดหมายอีกที” สดศรีเอ่ยขึ้นก่อนจะวางสายไป
ชายศักดิ์นิ่งคิดกับสิ่งที่ได้ยิน สดศรีถอนหายใจกับสิ่งที่ตัดสินใจทำลงไป
เช้าวันใหม่ สดศรีกับศักดิ์ชายนัดพับกันที่ริมแม่น้ำแห่งหนึ่ง ชายศักดิ์ช็อกเมื่อได้ยินเรื่องที่สดศรีเล่า
“ไม่จริง ณดาจะเป็นลูกชั้นได้ยังไงในเมื่อเธอท้องกับไอ้กริชผัวใหม่” ชายศักดิ์เอ่ยออกมาด้วยความตกใจ
“ตอนที่เธอทิ้งชั้นไป ชั้นท้องได้เดือนหนึ่งแล้ว” สดศรีเล่าต่อ
“นี่ถึงกับต้องลงทุนแต่งเรื่องน้ำเน่าเพื่อหาทางเอาที่คืนเลยเหรอ ไม่มีทาง” ชายศักดิ์ยังไม่เชื่อ
“ชั้นแต่งงานกับคุณกริชสามเดือนหลังจากที่หย่ากับเธอ แล้วจากนั้นอีกห้าเดือนชั้นก็คลอดลูก เธอคงไม่คิดใช่มั้ยว่าณดาคลอดก่อนกำหนด ถ้าปลุกคนตายอย่างคุณกริชมายืนยันได้ชั้นจะเรียกมา เพราะเค้ารู้ความจริงทุกอย่างแต่ก็ยังรักณดามากเหมือนกับเป็นลูกของตัวเอง” สดศรีเล่ายืนยันความจริง
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ทำไมเธอถึงไม่บอกชั้นตั้งแต่ตอนนั้น” ชายศักดิ์เอ่ยถามขึ้น
“บอกทำไม เพื่อให้เธอไม่ทิ้งชั้นไปอยู่กับนังรัศมีนั่นเหรอ ชั้นไม่ต้องการให้คนที่หมดรักชั้นแล้วมารับผิดชอบชั้นเพียงเพราะเรื่องลูก” สดศรีเอ่ยอย่างปวดใจ
“แล้วถ้างั้นเธอจะมาบอกกับชั้นตอนนี้ทำไม” ชายศักดิ์โพล่งออกมา
“ที่ผ่านมาเธอทำบาปกรรมกับชั้นมามากพอแล้วชายศักดิ์ อยากรู้มั้ยว่าทำไมชั้นถึงกับต้องไปกู้เงินคุณพงษ์มา เพราะตั้งแต่คุณกริชสิ้นบุญไปชั้นต้องแบกรับภาระมากมาย ไหนจะเรื่องตลาด เรื่องลูก แต่หนี้ก้อนใหญ่ที่ตามล้างตามผลาญชั้นมาจนวันนี้ก็คือขี้ที่เธอทิ้งไว้ให้ก่อนจะหนีไปเสวยสุขกับนั่งรัศมีนั่น อย่าบอกนะว่าเธอลืมไปแล้ว” สดศรีว่า
ชายศักดิ์อึ้งไป
“เธอน่าจะรู้ตัวดีว่าเลวแค่ไหน แต่ตอนนี้เธอกำลังทำเรื่องที่เลวที่สุดด้วยการขโมยสมบัติของลูกในไส้ไปให้ลูกชู้” สดศรีว่า
“อะไรนะ”
ชายศักดิ์ช็อกเมื่อได้ยินสดศรีพูดดังนั้น
บ่ายนั้น ที่ลานจอดรถของห้างเวรี่แฮปปี้ รัศมีเดินคุยโทรศัพท์ออกมาจากในห้าง ด้อมๆมองๆอย่างมีพิรุธก่อนจะก้าวขึ้นรถ โดยไม่รู้ว่าชายศักดิ์ในรถอีกคัน ลอบสังเกตพฤติกรรมของรัศมีด้วยการขับรถตามออกไป
รัศมีขับรถมาจนถึงฝั่งตรงข้ามกับหน้าบ้านเช้าของฤทธิ์ เจ้าของบ้านออกมารับด้วยสภาพไม่สวมเสื้อ และนัวเนียกันกลางถนน ชายศักดิ์ซึ่งจอดรถสังเกตการณ์อยู่เห็นภาพบาดตาถึงกับเลือดขึ้นหน้า
“ชาติชั่ว” ศักดิ์ชายโพล่งออกมาด้วยความโกรธแล้วขับรถพุ่งไปหาสองคนนั้นจนต้องผละออกจากกัน
“ว้าย” รัศมีรีบหลบ
“ขับไปหาพ่อมึงเหรอ” ฤทธิ์ตะโกนด่าไล่หลังรถชายศักดิ์คันใหม่จึงทำให้รัศมีจำไม่ได้
เวลาเดียวกัน ที่บ้านสดศรี ชาวตลาดแห่มาเยี่ยมกันเต็มบ้านด้วยความห่วงใย
“ขอบใจทุกคนมากนะที่อุตส่าห์คิดถึงกัน” สดศรีเอ่ยกับชาวตลาด
“พวกเดียวกัน ไม่คิดถึงกันแล้วจะคิดถึงใครล่ะคะคุณนาย” เขียวหวานเอ่ย
“ยังไงซะคุณนายก็อย่าท้อนะคะ แล้วทุกอย่างมันจะผ่านพ้นไป” ป้าพิณบอก
“ชั้นก็อยากให้มันผ่านไปเร็วๆ เหนื่อยเหลือเกินแล้ว” สดศรีตอบกลับป้าพิณ
“เหนื่อยได้ แต่ยอมแพ้ไม่ได้นะคะคุณนาย เราจะไม่ยอมจบถ้าลากคอคนชั่วไปลงนรกไม่ได้” คิตตี้รีบบอก
“เราจะสู้ไปด้วยกันจนกว่าตลาดจะกลับมาเป็นของเราอีกครั้งนะอาคุณนาย ต่อให้นานแค่ไหนก็ต้องไม่เลิกล้มความตั้งใจ” กิมฮวยเอ่ยขึ้น และจับมือสดศรีอย่างให้กำลังใจ
“จ้ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไร ชั้นจะสู้เพื่อให้ชีวิตเก่าของพวกเรากลับมา” สดศรีเอ่ยขึ้น
ชาวตลาดต่างยิ้มดีใจที่เห็นสดศรียิ้มได้อย่างมีกำลังใจ
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง รัศมีขับรถมาจอดแล้วเดินอารมณ์ดีเข้าห้าง แต่ปรากฏว่ายามรีบเดินเข้ามาขวาง
“นี่ชั้นสวยขึ้น หรือแกประสาทกลับฮะ มากันชั้นไว้ทำไม” รัศมีเอ่ยอย่างรำคาญใจ
“เสี่ยห้ามไม่เจ๊เข้าไปเหยียบห้างตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปครับ” ยามตอบ
“ไม่มีทาง เสี่ยจะทำอย่างนั้นทำไม”
-ทันใดนั้นชายศักดิ์ขับรถมาจอดพอดิบพอดี
“เอ้า เสี่ยมาพอดี ผมว่าเจ๊ถามเสี่ยเองดีกว่านะครับ” ยามเอ่ย
“วันนี้แกได้ตกงานแน่” รัศมีขู่ยามกลับทันที
รัศมีรีบหันไปฟ้องชายศักดิ์ เรื่องโดนยามกันไม่ให้เข้าห้างเวรี่แฮปปี้
“เสี่ยขา...ช่วยเมียด้วย อยู่ๆไอ้ยามบ้ามันก็ไม่ยอมให้เมียเข้าไป” รัศมีรีบออดอ้อนชายศักดิ์อย่างไม่รู้ชะตากรรม
“ยังกล้าเรียกแทนตัวเองว่าเมียอยู่อีกเหรอนังแพศยา ผู้หญิงสกปรกอย่างเธอไม่ควรจะมายืนใกล้ชั้นด้วยซ้ำ” ชายศักดิด่ารัศมีไม่ยั้ง
“นี่ใครใส่ไฟอะไรรัศมีให้เสี่ยฟังคะ” รัศมีเถียงใจเต้นไม่เป็นส่ำ
“ชั้นไม่เชื่ออะไรเท่ากับตาตัวเองหรอก พอเห็นถึงได้รู้ไงว่าที่ผ่านมาควายโง่อย่างชั้นถูกเธอสวมเขามาตลอด โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่าเด็กที่ตัวเองหลงเลี้ยงดูอุ้มชูมาจนโตน่ะเป็นแค่ลูกชู้” ชายศักดิ์โพล่งความจริงออกมา
“ไม่จริงนะคะ เสี่ยเอาอะไรมาพูด” รัศมีปฏิเสธ
“นี่เธอจำไม่ได้เหรอว่ารถคันไหนที่เกือบชนเธอตายเมื่อตอนบ่าย” ศักดิ์ชายรีบเอ่ย
รัศมีมองไปรถชายศักดิ์แล้วอึ้งไป เพราะคือรถคันเดียวกันที่จะชนเธอกับฤทธิ์ที่หน้าบ้านเช่า
พอจำนนด้วยหลักฐานรัศมีถึงกับนิ่งไป
“ถ้าจำได้แล้ว พรุ่งนี้ก็ไปเซ็นใบหย่าให้ชั้น” ศักดิ์ชายเอ่ยขึ้นอย่างตรงไปตรงมา
“ดีเหมือนกัน...ชั้นก็ทนสะอิดสะเอียนไอ้เสี่ยขี้งกอย่างแกมานานจนจะอ้วกแล้ว” รัศมีโพล่งออกมาราวกับคนละคน
“ฟังแล้วชั้นก็ดีใจนะที่ทำอย่างนั้นกับเธอ ไม่งั้นคงเสียอะไรไปมากกว่านี้ แค่หลงไปเกลือกลั้วอยู่กับอาจมอย่างเธอมาค่อนชีวิต มันก็เปลืองตัว เปลืองเวลามามากพอแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปก็ยิ่งไม่ต้องหวังว่าจะได้อะไร จากชั้นไปแม้แต่สตางค์แดงเดียว” ศักดิ์ชายเอ่ยขึ้นด้วยความเจ็บปวดใจ
“ไม่เป็นไรหรอก แค่ที่ดินตลาดนั่นมันก็ทำให้ชั้นอิ่มไปจนถึงชาติหน้าแล้ว” รัศมีเอ่ยขึ้น
“เธอไม่ได้แอ้มตลาดแน่ เพราะชั้นจะเอาไปคืนให้ณดาลูกสาวของชั้น” ชายศักดิ์เอ่ย
“นี่นังณดา...” รัศมีอึ้ง
“ใช่...ณดาเป็นลูกของชั้นกับสดศรี ลูกที่สดศรีไม่เคยเอามาเป็นเงื่อนไขเพื่อรั้งชั้นไว้ ขณะที่ผู้หญิงหน้าด้านอย่างเธอกลับตอแหลว่าลูกในท้องเป็นของชั้น” ศักดิ์ชายว่า
“แกก็เลยคิดจะไถ่บาปด้วยการเอาที่ดินนั่นไปคืนน่ะเหรอ อะไรมันคงไม่ง่ายขนาดนั้นมั้ง อย่าลืมซิว่าตอนนี้โฉนดมันเป็นชื่อของลูกชายชั้นแล้ว” รัศมีเอ่ย
“ยังไงเธอก็ยังโง่วันยังค่ำรัศมี แค่ชั้นยอมสารภาพว่าเป็นคนปลอมลายเซ็น ชื่อของลูกชายเธอก็หมดความหมายแล้ว” ศักดิ์ชายว่า
“คนอย่างแกน่ะเหรอจะยอมเข้าคุก ไม่มีทาง” รัศมีเอ่ยขึ้นอย่างท้าทาย
“ถ้ามันเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะทำให้ชั้นชดเชยความเลวที่ทำไว้กับลูกได้ชั้นก็จะทำ แล้วนั่นก็หมายความว่าทั้งเธอทั้งลูกชายก็ต้องติดร่างแหไปด้วยแน่นอน” ศักดิ์ชายกล่าว
“อ๊าย”
รัศมีกรี๊ดด้วยความเจ็บใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
บ่ายนั้น ศักดิ์ชายกับรัศมี คุยกันในที่ปลอดคนถึงความลับระหว่างครอบครัวอย่างเคร่งเครียด
“คุณแม่ทำแบบนี้ได้ยังไงครับ โกหกคุณพ่อ โกหกผมมาตลอดชีวิต” ศักดิ์ชายแทบทรุดเมื่อทราบความจริงจากปากแม่ตัวเอง
“ถ้าแม่ไม่ทำแบบนี้ แกก็ต้องเกิดมาเป็นลูกไอ้ขี้คุก ไม่มีทางได้เป็นศักดิ์ชายลูกสุดที่รักของเสี่ยชายศักดิ์ ไม่มีทางมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีพร้อมเหมือนที่ผ่านมา” รัศมีแก้ตัว
“แล้วใครครับที่เป็นพ่อผม” ศักดิ์ชายถามอย่างอยากรู้
“แกไม่จำเป็นต้องรู้ เพราะมันไม่ทำชีวิตแกดีขึ้นแน่ ตอนนี้สิ่งที่เราสองคนแม่ลูกต้องทำก็คือหาทางปล่อยขายโฉนดนั่นให้เร็วที่สุด จะได้เท่าไหร่ก็ต้องเอา ก่อนที่ไอ้เสี่ยมันจะเอาที่ดินไปคืนลูกเมียของมัน” รัศมีว่า
“ไหนคุณแม่เคยบอกผมไงครับว่าคุณนายสดศรีโกงที่ดินจากคุณพ่อคุณแม่ไป” ศักดิ์ชายเอ่ยเค้นความจริง
“ถ้าไม่พูดอย่างนั้นแกจะแข็งขันช่วยแม่เอาตลาดมาจากนังสดศรีมั้ย” รัศมีเอ่ย
ศักดิ์ชายได้ยินรัศมีพูดยิ่งเสียใจกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น พาลนึกถึงวันที่ณดาตัดสินใจให้รถชนเพราะขอแลกที่ดินในตลาดคืนเพื่อสดศรี
“คุณแม่รู้มั้ยว่าที่ผ่านมาผมทำร้ายร่างกายจิตใจณดายังไงบ้าง เพียงเพราะผมเชื่อที่คุณแม่บอกว่าเค้าโกงที่ดินเราไป” ศักดิ์ชายว่า
“นังสองแม่ลูกนั่นจะเป็นตายยังไงก็เรื่องของมัน ทำไม เป็นห่วงมันมากเหรอ นึกเหรอว่าแม่ไม่รู้ว่าชายคิดอะไรกับนังณดา เลิกหลงรักศัตรูได้แล้ว แล้วก็ทำตามที่แม่บอก” รัศมีเอ่ยอย่างรู้ทัน
“ไม่ครับคุณแม่ เราทำเรื่องแย่ๆกันมาเยอะแล้ว ตอนนี้สิ่งที่ดีที่สุดที่เราจะทำได้ก็คือคืนของของเค้าให้เค้าไป” ศักดิ์ชายเอ่ย ก่อนจะเดินออกมา แต่รัศมีดึงตัวไว้
“ไม่นะ แกจะทำอย่างนั้นไม่ได้ ชาย...แกบ้าไปแล้ว” รัศมีโวยวาย
ศักดิ์ชายผลักรัศมี แล้วรีบขึ้นรถขับออกไป
“ชาย...” รัศมีตะโกนลั่นที่ลูกชายไม่ได้ดั่งใจ
ต่อจากนั้น ศักดิ์ชายขับรถมาจอดที่หน้าตลาดร่วมใจเกื้อ ที่เวลานี้กลายสภาพเป็นตลาดร้าง ขยะปลิวว่อน
“นี่เราทำอะไรลงไป” ศักดิ์ชายเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
ครู่หนึ่ง ต๋องเดินเข้ามา ศักดิ์ชายนิ่งไปด้วยความละอาย
“เป็นยังไงล่ะ ชื่นใจมั้ยที่ในที่สุดนายก็ทำลายมันจนได้ ชั้นอยากจะรู้ นักว่าหัวใจของพวกนายทำด้วยอะไร อ้อ ไม่ใช่ซิ พวกนายไม่มีหัวใจถึงไม่เข้าใจว่าตลาดมีคุณค่า มีความหมายกับพวกเราเกินกว่าเป็นแค่ที่ทำมาหากินยังไง ถึงวันนึงนายจะทำให้ตลาดหายไปจากที่ตรงนี้ได้ แต่นายไม่มีทางทำให้มันหายไปจากใจพวกเรา แล้วพลังตรงนี้ต่างหากที่จะทำให้ตลาดกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ถึงมันจะไม่มีโอกาสตั้งอยู่ตรงที่เดิมอีกก็ตาม”
ศักดิ์ชายกลับขึ้นรถออกไปไม่โดยได้โต้ตอบต๋องกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ไม่นานต่อจากนั้น ชายศักดิ์ยืนมองนอกหน้าต่างอยู่ในห้องทำงานอย่างหมดอาลัยตายอยาก ครู่หนึ่งเสียงประตูดังขึ้น
“เข้ามา...” ชายศักดิ์เอ่ยอนุญาต
ศักดิ์ชายเดินเข้ามาหา แต่ใบหน้ายังคงนิ่งและทำตัวไม่ถูกกับความจริงที่เพิ่งรับรู้ ทันใดนั้นศักดิ์ชายส่งซองเอกสารให้ชายศักดิ์ทันที
“อะไร” ชายศักดิ์ถามขึ้น
“โฉนดที่ดินตลาดพร้อมใบมอบอำนาจที่ผมเซ็นไว้ให้แล้วครับ” ศักดิ์ชายตอบ
ชายศักดิ์รับโฉนดมาอย่างงงๆเพราะไม่คิดว่าศักดิ์ชายจะเอามาคืนอย่างง่ายๆ
“ผมขอโทษแทนคุณแม่ด้วยนะครับสำหรับเรื่องที่ผ่านมา คุณแม่ทำทุกอย่างลงไปก็เพราะรักเพราะเป็นห่วงผม ผมเสียใจที่มีส่วนทำให้คุณพ่อเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ถึงวันนี้ผมจะไม่ใช่ลูกของคุณพ่ออีกต่อไปแล้ว แต่ผมจะรักคุณพ่อตลอดไป กราบขอบคุณคุณพ่อมากนะครับที่เลี้ยงดูผมมาเป็นอย่างดี” ศักดิ์ชายก้มลงกราบแทบเท้าชายศักดิ์ ชายศักดิ์อยากก้มลงมากอดลูกมาแต่ห้ามตัวเองไว้เพราะยังมีทิฐิในใจ
“ดูแลตัวเองด้วยนะครับคุณพ่อ ลาก่อนครับ” ศักดิ์ชายเอ่ยทั้งน้ำตาแล้วเดินออกไป
ชายศักดิ์ไม่เอ่ยใดๆยืนน้ำตาคลอมองศักดิ์ชายเดินจากไปอย่างขมขื่นใจ
บ่ายนั้น ที่ตลาดร่วมใจเกื้อคึกคักเป็นพิเศษ เพราะข่าวการได้ตลาดคืนมาทำให้ชาวตลาดมีความสุขอีกครั้ง สดศรีถูกโยนตัวขึ้นไปมาอย่างมีความสุขของชาวตลาด
“อาคุณนาย...ลื้อทำยังไงจู่ๆถึงได้ตลาดคืนมา” กิมฮวยเอ่ยถามสดศรี
“จะยังไงก็แล้วแต่ชั้นก็คงต้องขอบคุณคนคนนึง...” สดศรีเอ่ยขึ้น
“ใคร” ชาวตลาดถามเป็นเสียงเดียวกัน
สดศรีหันมองด้านหลัง ชาวตลาดมองตามไปเห็นชายศักดิ์เดินมา ทุกคนพากันอึ้ง
“คุณนายจะให้เราขอบคุณไอ้คนที่มันขโมยตลาดเราไปน่ะเหรอครับ” จะเด็ดเอ่ยขึ้น
ชายศักดิ์ได้ยินถึงกับหน้าเสีย
“เปล่า...ชั้นขอบคุณที่ในที่สุดเค้าก็รู้จักผิดชอบชั่วดีต่างหาก” สดศรีว่า
“ชั้นเสียใจนะกับเรื่องทุกเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วก็ขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อนเพราะความไม่รู้จักพอของชั้นเอง” ชายศักดิ์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงใจ
“คำว่าขอโทษมันไม่น้อยเกินไปหน่อยเหรอกับไอ้เรื่องชั่วร้ายที่เสี่ยทำ” ป้าพิณเอ่ยขึ้นบ้าง
“ไม่นะ ชั้นไม่ได้คิดจะใช้คำขอโทษลบล้างความผิดของตัวเอง แต่ถ้าทุกคนให้โอกาสชั้นแก้ตัวซักครั้ง ชั้นก็อยากให้ตลาดร่วมใจเกื้อกับห้างเวรี่แฮปปี้เริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ที่ดีต่อกัน” ชายศักดิ์เอ่ย
“พวกเราจะแน่ใจได้ยังไงว่าคุณไม่ได้มีแผนการอะไรอีก” ณดาเอ่ยถามขึ้น
“ต่อให้ชั้นรับประกันยังไง ทุกคนก็คงไม่ไว้ใจชั้นแน่นอน ขอเวลาให้ชั้น พิสูจน์ความตั้งใจจริงหน่อยได้มั้ย เพราะชั้นเชื่อว่าทั้งตลาดทั้งห้าง สามารถเกื้อกูลช่วยเหลือกันได้โดยไม่ต้องเป็นคู่แข่ง แค่ต่างคนต่างทำหน้าที่ที่ดีที่สุดของตัวเองไป” ชายศักดิ์ว่า
“งั้นบอกได้มั้ยว่าอะไรที่ทำให้ความคิดคุณเปลี่ยนไปได้มากมายขนาดนี้” ณดาเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“หนูไง” ชายศักดิ์ตอบ
ณดากับชาวตลาดตกใจไม่แพ้กัน
“มันมาเกี่ยวกับชั้นได้ยังไง” ณดาเอ่ยถามกลับทันที
“ชั้นก็แค่พ่อคนนึงที่อยากชดใช้ความผิดบาปมากมายที่เคยทำกับลูกสาวของตัวเองไว้” ชายศักดิ์ตอบออกมา ชาวตลาดฮือฮายิ่งอยากรู้
“นี่คุณกำลังพูดเรื่องอะไร” ณดาเริ่มงง
“ณดา เสี่ยชายศักดิ์เป็นพ่อที่แท้จริงของลูก” สดศรีตัดสินใจบอกลูกด้วยตัวเอง
ณดาและชาวตลาดอึ้งไปตามๆกัน
“ไม่จริง ชั้นมีพ่อกริชคนเดียว พ่อที่เลี้ยงดูชั้นมาตั้งแต่เกิด พ่อที่อยู่เคียงข้างชั้นกับแม่จนถึงวันที่ตัวเองตายไม่ใช่พ่อที่ทิ้งเราไปมีลูกกับผู้หญิงคนอื่นอย่างไม่ใยดี ถ้างั้นก็หมายความว่าศักดิ์ชาย...” ณดาช็อกและยิ่งว่าวุ่นไร้สติเมื่อยิ่งคิดถึงเรื่องของตนเองกับศักดิ์ชาย
“ณดา...” สดศรีจะวิ่งตามณดาที่วิ่งเตลิดออกไป แต่ต๋องห้ามไว้
“เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ คุณนายอยู่เป็นเพื่อนเสี่ยที่นี่ดีกว่า”
ต๋องอาสาตามณดาไปเพราะรู้ความจริงเรื่องศักดิ์ชายไม่ใช่ลูกของชายศักดิ์
ณดาวิ่งร้องไห้ออกมาราวกับใจจะขาด ครู่หนึ่งต๋องตามมาถึงคลองหลังตลาด
“คุณณดา...” ต๋องเรียกณดาอย่างเตือนสติ
“ทำไมณดาถึงโชคร้ายอย่างนี้ต๋อง แค่รับรู้ว่าเสี่ยชายศักดิ์เป็นพ่อมันก็เลวร้ายพอแล้ว แต่คนที่เคยข่มเหงณดากลับเป็นลูกชายของเค้าด้วย ทำไมมันถึงต้องเป็นอย่างนี้” ณดาโผกอดต๋องอย่างต้องการที่พึ่ง
“ไม่ใช่ครับคุณณดา ศักดิ์ชายไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของเสี่ย” ต๋องรีบบอกความจริง
ณดาถึงกับอึ้ง
“ส่วนตัวเสี่ยชายศักดิ์ ผมอยากให้คุณลองให้โอกาสพ่อของตัวเองนะ เพราะโอกาสที่คุณให้มันอาจจะทำให้เค้ากลายเป็นคนที่ดีขึ้นมาก็ได้” ต๋องเอ่ย
ณดาสงบลง แต่ในใจยังสับสนกับเรื่องราวที่เพิ่งรับรู้
อ่านต่อหน้า 2
“รักเกิดในตลาดสด” ตอนที่ 13 อวสาน (ต่อ)
อีกมุมหนึ่ง สดศรีเดินคุยกับชายศักดิ์ออกมานอกตลาด
“เอาน่ะ...ใจเย็นๆแล้วกัน เธอต้องให้เวลาณดาบ้าง ลูกปรับใจไม่ทันหรอกเพราะเธอทำเรื่องติดลบไว้เยอะ” สดศรีปลอบใจชายศักดิ์
“ชั้นเข้าใจ ถ้าลูกจะไม่ยอมรับชั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ยังไงซะชั้นก็ไม่กล้าหวังอะไรจากลูกแม้แต่จะให้มาเรียกว่าพ่อ ขอแค่ได้ทำอะไรดีๆให้เค้าบ้างเท่านั้น” ชายศักดิ์ว่า
“แค่เธอคิดจะเปลี่ยนแปลงตัวเองมันก็มากพอแล้วล่ะ ถ้ารู้ว่าการบอกความจริงจะทำให้เธอเป็นแบบนี้ ชั้นก็คงบอกไปตั้งนานแล้ว ถ้าไม่เป็นเพราะทิฐิของชั้น มันอาจจะลงเอยดีกว่านี้” สดศรีพูดอย่างรู้ตัวว่ามีส่วนผิด
“มันไม่ใช่ความผิดของเธอเลยศรี ต้นเหตุทุกอย่างมันมาจากความเห็นแก่ตัวของชั้นเองทั้งนั้น เป็นบุญของชั้นด้วยซ้ำที่เธอให้โอกาส” ชายศักดิ์พูดอย่างยอมรับผิดเองทั้งหมด
“ชั้นก็ให้ได้แค่นี้ล่ะ ที่เหลือเธอต้องทำเอง เพราะถ้าเธอทำได้...จากที่ตายไปแล้วตกกระทะทองแดง เธออาจจะแค่ปีนต้นงิ้ว” สดศรีเอ่ย
“แหมศรี...ขอบคุณนะ ฟังแล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะเลย” ศักดิ์ชายพูดพลางเหล่ไปที่สดศรี
“เอ้อ ลืมไป ยังไงก็ฝากขอบใจศักดิ์ชายด้วยละกันที่ไม่ใจร้ายเหมือนแม่ แต่อุตส่าห์เอาโฉนดมาส่งคืนเธอ” สดศรีเอ่ยขึ้น
“กลับบ้านไปวันนี้ชั้นคงไม่เจอเค้าแล้วล่ะ” ชายศักดิ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้า
“ทำไมล่ะ” สดศรีถามกลับ
“พูดตรงๆเลยนะ ตอนนี้ทั้งชั้น ทั้งศักดิ์ชายสับสนจนไม่รู้จะจัดการตัวเองยังไง ก็คงเป็นภาวะที่ไม่ต่างอะไรจากณดาตอนนี้ แต่ที่แย่กว่าก็คือ ณดาได้พ่อมาขณะที่ชายกำลังเสียพ่อไป” ชายศักดิ์อธิบาย
“ศักดิ์ชายจะเสียหรือมีพ่อ ชั้นว่ามันอยู่ที่เธอต่างหาก” สดศรีเอ่ยขึ้น
ชายศักดิ์นิ่งคิดกับสิ่งที่สดศรีพูดออกมา
เย็นนั้น ณดานั่งเศร้าอยู่สนามหญ้าหน้าบ้าน
“มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตชั้นนี่” ณดารำพึงรำพันกับตัวเอง
ศักดิ์ชายแอบมองณดาผ่านรั้วอย่างเศร้าหมอง
“ผมขอโทษนะที่ทำร้ายคุณมาตลอด ตอนนี้กรรมมันกลับมาสนองผมแล้วล่ะณดา” ศักดิ์ชายเอ่ยอย่างคอตกแล้วเดินจากไป
ครู่หนึ่งสดศรีเดินอออกมาหาณดาหน้าบ้านด้วยความห่วงใย
“เป็นยังไงลูก”
“คุณแม่ขา...” ณดาโผเข้ากอดสดศรีคล้ายจะร้องไห้
“แม่เข้าใจนะว่าตอนนี้หนูรู้สึกยังไง ถ้ามองในแง่ดี หนูเห็นมั้ยว่ามันมหัศจรรย์แค่ไหนที่สายใยของพ่อลูกทำให้คนคนนึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ลูกแม่กำลังทำบุญครั้งยิ่งใหญ่นะที่ช่วยสร้างคนดีขึ้นมาอีกคน” สดศรีพูดกับณดา
“คุณแม่พูดเหมือนต๋องเลยค่ะ” ณดาเอ่ยขึ้น
“แล้วหนูคิดยังไงล่ะลูก” สดศรีเอ่ยถามขึ้น
“ณดาเจอเรื่องร้ายๆจนไม่อยากไว้ใจอะไรง่ายๆแล้วค่ะบางทีระยะเวลาอาจจะให้คำตอบที่ดีที่
สุดกับณดาเอง”
ณดาพูดพลางเอียงคอซบสดศรีอย่างต้องการที่พึ่ง
คืนวันเดียวกัน ฤทธิ์เตะโต๊ะด้วยความโมโหเมื่อรู้เรื่องทั้งหมดจากรัศมี
“เว้ย...นี่เลี้ยงลูกยังไง มันถึงโง่ได้ขนาดนี้” ฤทธิ์โวยวายใส่รัศมี
“อย่าพูดอย่างนี้นะ ชั้นเลี้ยงลูกได้จนถึงทุกวันนี้ก็ดีนักหนาแล้ว ไม่เหมือนพ่อบังเกิดเกล้าอย่างพี่นี่...บังคับชั้นให้ไปทำแท้งลูกในไส้ตัวเองได้ลงคอ” รัศมีย้อน
“เก็บมันไว้แล้วปล่อยให้มาทำตัวไร้ประโยชน์อย่างนี้น่ะเหรอ” ฤทธิ์ยัวะ
“เลิกโทษชั้นซักที ตัวพี่ก็ไม่ได้ดีไปกว่าชั้นนักหรอก ที่มาวันนี้ก็แค่จะมาบอกว่าชั้นคงไม่มีปัญญาหาเงินทองมาให้พี่สูบเป็นปลิงได้อีกแล้ว เพราะไอ้เสี่ยมันไม่มีทางให้สมบัติอะไรติดตัวชั้นไปแน่ เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ก็ตัวใครตัวมัน อย่ามายุ่งกับชั้นอีก” รัศมีเอ่ยอย่างหมดเยื่อใย
“โธ่...หมีจ๋า ท่องไว้ซิ คนเดียวหัวหายสองคนเพื่อนตาย พี่จะบอกให้ว่าอย่าเพิ่งหมดหวังเพราะเรายังมีหนทางทำเงินก้อนสุดท้ายกับพวกมันได้อีก” ฤทธิ์เอ่ยขึ้น พร้อมเข้าไปกอดรัศมีอย่างเอาใจ
“พี่จะทำอะไร”
รัศมียังไม่เข้าใจว่าฤทธิ์มีแผนการอะไรต่อจากนี้
เช้าวันใหม่ ที่ตลาดร่วมใจเกื้อ พ่อค้าแม่ค้าเต้นรับกับเพลงสุดคึกคัก และได้รับความสนใจจากลูกค้าไม่น้อย โดยมีจาตุรงค์กับกิมแชรับหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของงาน
“อาหารสดดีๆมีที่ไหน” จาตุรงค์ว่า
ช“ร่วมใจเกื้อ” ชาวตลาดร้องรับ
“อาหารสดไม่แพงอยู่ที่ใด” กิมแชพูดส่ง
“ร่วมใจเกื้อ” ชาวตลาดร้องรับ
“บริการเยี่ยมต้องที่นี่เลยใช่มั้ย” จาตุรงค์ร้องนำ
“ร่วมใจเกื้อ” ชาวตลาดร้องรับ
“ถูกและดีต้องที่ไหน ย้ำอีกที” กิมแชขอเสียง
“ร่วมใจเกื้อ” ชาวตลาดตอบเสียงดัง
พ่อค้าแม่ค้ากระโดดขึ้นแผงขายของต่ออย่างคึกคัก ท่ามกล่างเสียงปรบมือของลูกค้าเกรียวกราว
“และเพื่อเป็นฉลองการกลับมาหลังจากเกิดเหตุผิดพลาดบางประการ ทางตลาดร่วมใจเกื้อจึงร่วมมือกับห้างเวรี่แฮปปี้อดีตคู่กรณีที่ผันตัวมาเป็นคู่ซี้กัน ทำบัตรลดพิเศษสิบห้าเปอร์เซ็นต์เพื่อสมนาคุณพี่น้องที่เข้ามาจับจ่ายใช้สอยในเวลาสี่ชั่วโมงทองของแต่ละวันคือสิบโมงเช้าจนถึงบ่ายสอง” จาตุรงค์รีบประกาศ
“ใช่แล้วค่ะ...แค่บัตรเดียวแต่ใช้ได้ลดได้ทั้งสองที่ ลดกันไปจนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน แต่เนื่องจากของดีมีน้อย พี่น้องที่สนใจกรุณารีบไปต่อคิวรับบัตรได้ที่หน้าสำนักงานเดี๋ยวนี้เลยนะคะ ช้าอดหมดแล้วหมดเลยค่ะ” กิมแชประกาศต่อ ลูกค้าได้ยินพากันวิ่งกรูออกไปรับบัตรคิวที่ตั้งเต็นท์ในตลาด โดยมีชายศักดิ์กับสดศรียืนควบคุมดูแลอย่างแข็งขัน
ครู่หนึ่ง ณดาเดินออกมาสังเกตการณ์อย่างห่างๆ
“ณดามานี่ซิลูก” สดศรีเรียกณดาเข้ามาหา
“ความจริงมาตรการลดราคาในช่วงที่ลูกค้าเข้าตลาดน้อยนี่ก็ดีเหมือนกันนะ จะได้เพิ่มโอกาสในการขาย พ่อหนูเค้าก็เข้าใจคิดนะ” สดศรีเอ่ย
“ชั้นก็จำๆเค้ามาน่ะ ถ้าเอามาใช้แล้วได้ผลกับทั้งตลาดทั้งห้างมันก็ดี เอ่อ...ณดา ถ้ามีเวลาว่างหนูไปศึกษางานที่ห้างไว้บ้างก็ดีนะลูกเพราะสุดท้ายไม่ว่าจะห้างหรือตลาดก็ต้องตกเป็นของหนูอยู่ดี” ชายศักดิ์เอ่ย
“อืม ลำพังตลาดก็ยังทำได้ไม่ค่อยดี ถ้าจะไปยุ่งกับเรื่องอื่นอีกกลัวจะจัดการอะไรไม่ได้ซักอย่างน่ะค่ะ เดี๋ยวณดาขอตัวเข้าไปดูอะไรในตลาดก่อนนะคะคุณแม่” ณดาตอบสั้นๆก่อนจะขอตัวออกไป ชายศักดิ์ถึงกับยิ้มไม่ออก
“พยายามไปเรื่อยๆชายศักดิ์ ตอนนี้สิ่งที่ลูกต้องการที่สุดคือความเชื่อใจ มันจะเกิดได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับเธอ” สดศรีพูดให้กำลังใจ
“ไม่ต้องห่วง ถึงจะท้อบ้างแต่ชั้นไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอก”
ศักดิ์ชายพูดอย่างไม่ยอมแพ้ เมื่อเห็นณดายังไม่ยอมใจอ่อนยอมรับตนเป็นพ่อ
บรรยากาศในตลาดยิ่งคึกคักเมื่อมีบัตรลด กิมฮวยลดราคาสิบห้าเปอร์เซ็นต์สำหรับอาหารสดในร้าน
“ลดสิบห้าเปอร์เซ็นต์เหลือสองร้อยหกสิบสองบาทจ้ะ” กิมฮวยพูดกับลูกค้าที่มาคิวซื้ออย่างอารมณ์ดี ระหว่างที่ขายของกิมลั้งมองไปที่แผงผักเห็นติ๋มขายอยู่คนเดียว เธอเริ่มกังวลๆว่าต๋องหายไปไหน
ครู่หนึ่ง กิมลั้งเดินออกไปซื้อโอเลี้ยงร้านอาโกจึงสวนเข้ากับติ๋ม
“เอ้าพี่ติ๋ม ซื้อโอเลี้ยงเหรอ” กิมลั้งเอ่ยถาม
“จ้ะ...ช่วงนี้พี่กินวันละหลายถุงชดเชยช่วงที่อยู่แต่บ้าน โอเลี้ยงเจ้าไหนก็ไม่ถูกใจเหมือนโกชง” ติ๋มตอบ
“เอ้อ วันนี้ไม่เห็นต๋องมาช่วยพี่ขายผักเลย อยู่บ้านเลี้ยงหลานเหรอจ๊ะ” กิมลั้งเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“เปล่า ต๋องเค้าไม่ได้นอนบ้านมาสองสามคืนแล้ว เอ้า กิมลั้งไม่รู้เรื่องเหรอ” ติ๋มเอ่ยถามกลับ
กิมลั้งตกใจที่ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ติ๋มเห็นหน้ากิมลั้งแล้วอดขำไม่ได้
“ดูทำหน้าเข้าซิ อย่างกะกลัวว่าต๋องจะไปนอนค้างบ้านสาวที่ไหนงั้นล่ะ” ติ๋มล้อ
“แล้วถ้างั้นต๋องไปไหนล่ะจ้ะ”
กิมลั้งถามกลับด้วยความอยากรู้
เวลาเดียวกัน อีกมุมหนึ่งของสวนข้างบ้านยายยิ้ม ยายมหาเศรษฐีผู้ที่ช่วยเหลือชาวตลาดร่วมใจเกื้อให้มีที่ขายของ กิมลั้งเดินดุ่มๆเข้ามาในสวนจนพบกับต๋องที่ขุดดินแปลงผักอย่างขะมักเขม้น
“ทำอะไรน่ะต๋อง” กิมลั้งถามขึ้นอย่างสงสัย
“กิมลั้ง”
ต๋องเหงื่อไหลท่วมแต่ไม่รู้สึกเหนื่อยหันมายิ้มกับกิมลั้ง
ครู่หนึ่ง ต๋องยกกระบะเพาะเมล็ดผักที่เพิ่งงอกมาอวดกิมลั้งอย่างภูมิใจ
“นี่ไง...ผักที่ชั้นเพาะไว้เพื่อไปปลูกแบบปลอดสารในแปลงดินเมื่อกี้” ต๋องว่า
“อยู่ๆเธอมาทำอะไรแบบนี้ที่สวนของยายยิ้มได้ยังไง” กิมลั้งถามอย่างสงสัย
“ก็ที่ชั้นเคยบอกยายเรื่องอยากปลูกผักทำไร่ไง ยายเลยถามว่าสนใจมั้ย จะให้เช่าถูกๆ เพราะที่ดินก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว ชั้นก็ตกลงทันทีซิ แถมมีบ้านพักให้อยู่ด้วย จะได้ไม่ต้องไปกวนครอบครัวพี่เต๋า” ต๋องรีบรายงานกิมลั้งทันที
“เอ้า แล้วตกลงเธอไม่กลับไปทำอะไรที่บ้านนอกแล้วเหรอ” กิมลั้งถาม
“ชั้นคุยกับพ่อแม่แล้วล่ะ ไปๆมาๆพ่อบอกว่าไร่นาบ้านเราน่ะมันอยู่ตัวอยู่แล้ว พ่อกับแม่อยากให้ชั้นสร้างอาณาจักรของตัวเอง ที่สำคัญ ถ้าชั้นหาทางตั้งรกรากในกรุงเทพได้ มันก็อาจจะง่ายขึ้นถ้าคิดจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเธอ เพราะเธอจะได้ช่วยที่บ้านขายของต่อไปได้ด้วย” ต๋องรีบสาธยาย
กิมลั้งได้ยินแล้วยิ่งดีใจแต่ยังไม่คิดว่าต๋องจะจริงจัง
“เธอจะเอาจริงเอาจังกับมันแน่เหรอต๋อง” กิมลั้งถามเพื่อความมั่นใจ
“ใช่ซิ คอยดูนะ ชั้นจะใช้โมเดลไร่นาของพ่อกล้าแม่แก้วมาเสกให้ที่นี่เป็นนากลางกรุง แล้วก็สร้างรายได้จากผลิตผลทุกอย่างจากที่นี่ พอมีทุนมากพอก็ขยับขยายหาที่ทำมาหากินของตัวเอง แค่ที่ดินแปลงเล็กๆแถวชานเมืองชั้นก็พอใจแล้ว ถึงตอนนั้นชั้นจะได้พร้อมไปเจรจากับแม่เธอซักที” ต๋องพูดอย่างภาคภูมิใจ
“ฟังแล้วชั้นแทบอยากจะเลิกขายปลามาช่วยเธอวันนี้พรุ่งนี้เลยนะเนี่ย” กิมลั้งเอ่ยขึ้น
“ไม่คิดเลยนะว่าเธอจะรักชั้นมากขนาดนี้” ต๋องเอ่ยขึ้น
“ไม่ใช่ ชั้นกลัวว่ากว่าแผนเธอจะสำเร็จ ชั้นก็รอจนแก่พอดี” กิมลั้งว่า
“อุย...กว่าจะแก่ขนาดนั้น ชั้นก็มีลูกกับเธอเป็นโหล มีที่นาหลายเอเคอร์แล้วแม่ดอกกระถิน” ต๋องว่า
พลางเด็ดฝักกระถินใกล้มือแถวนั้นมาทัดหูแกล้งกิมลั้ง
“บ้า...นี่มันฝักไม่ใช่ดอก”
กิมลั้งยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
เวลาเดียวกัน ชายศักดิ์ลงมือสั่งงานพนังกานด้วยตัวเองอยู่หน้าห้างเวรี่แฮปปี้
“เอามาตั้งตรงกลางๆซิ ไปหลบอยู่ตรงนั้นทำไม ดิสเพลย์เค้ามีไว้ให้โชว์ เอาไปตั้งอายๆแอบๆ คนเค้าจะรู้มั้ยว่าห้างกำลังมีโปรโมชั่นอะไร” ชายศักดิ์ยืนสั่งการลูกน้องที่ยังไม่ได้ดั่งใจ
“ตื่นกันรึยังเนี่ย ทำไมมันอืดอาดยืดยาดนักฮะ” ชายศักดิ์โวยขึ้นแล้วรีบเข้าไปช่วยยกด้วยตัวเอง
ศักดิ์ชายแอบมองชายศักดิ์ผู้เป็นพ่ออยู่ไม่ไกลกันนัก
“ถึงกับต้องมาคุมงานเองเลยเหรอ” ศักดิ์ชายเอ่ยขึ้นด้วยความห่วงใย
ทันใดนั้นชายศักดิ์ยกของแล้วเกิดเสียหลักล้ม
“คุณพ่อ” ศักดิ์ชายอุทาน อยากเข้าไปช่วยแต่ไม่กล้า พนักงานจึงช่วยกันพยุงเพราะชายศักดิ์มีเลือดซึมที่มือ
“เสี่ยเป็นอะไรมั้ยครับ” พนักงานถามขึ้น
“ไม่เป็นไร ขอบใจ” ชายศักดิ์เอ่ยอย่างไร้ความรู้สึก และเหงาขึ้นมาจับใจ
“ทำไมต้องเป็นแบบนี้” ศักดิ์ชายเอ่ยขึ้นอย่างสงสารพ่อจับใจ จึงตัดใจเดินข้ามถนนกลับไปหาชายศักดิ์อีกครั้ง
ศักดิ์ชายรีบข้ามถนน ชายศักดิ์เองเห็นคนข้ามถนนมาหน้าตาคล้ายศักดิ์ชายจึงรีบเรียก
“ชาย”
แต่พอมีรถขับผ่านไป กลับเป็นคนอื่นที่หน้าคล้ายเท่านั้น ชายศักดิ์ผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก
เวลานั้น ที่ตลาดร่วมใจเกื้อ สุดคึกคัก จาตุรงค์ช่วยกิมแชขนปลา ส่วนกิมฮวยกำลังคุยโทรศัพท์กับเคี้ยง
“ได้ๆเฮีย อั๊วจะไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” กิมฮวยรีบคุยแล้ววางสายไป
“ม้าจะไปไหนเหรอ” กิมแชถาม
“ป๊าลื้อให้อั๊วไปที่ห้องเย็นน่ะ เผอิญช่างตกแต่งภายในมาพอดี อั๊วจะได้ไปอธิบายให้ฟังว่าอยากได้อะไรบ้าง” กิมฮวยตอบ
“ลื้อเฝ้าแผงให้ดีล่ะ ลองอยู่ๆเจ้ลื้อหายหัวไปแบบนี้ อั๊วรู้เลยว่าไปขลุกอยู่กับใคร คนอะไร เห็นผู้ชายดีกว่าปลาที่แผง” กิมฮวยพูดแล้วรีบถอดผ้ากันเปื้อน แล้วล้างไม้ล้างมือออกไป
“อย่าว่าอีเลยม้า อีคงเห็นว่าอั๊วอยู่ช่วยทั้งคนให้อีได้ไปปลดปล่อยบ้าง” กิมแชแก้ตัวแทน
“ปลดปล่อยอะไร ลื้อพูดจาน่าเกลียด” กิมฮวยว่า
“ม้าคิดอะไรเนี่ย อั๊วหมายถึงว่าอีน่ะเสียสละนั่งปักหลักอยู่กับตลาดขายปลาให้พวกเราตั้งสิบปีแล้ว ถ้ามีอะไรที่จะทำให้อีผ่อนคลายได้ ก็น่าจะปล่อยให้อีทำตามใจตัวเองบ้างซิ” กิมแชอธิบาย
“จริงครับน้ากิมฮวย คนเราถ้าเก็บกดมากๆก็จะเครียด บางคนเครียดมากแล้วอาจจะอ้วน แต่บางคนไม่ทันอ้วนก็ฆ่าตัวตายซะก่อน” จาตุรงค์รีบเสริม
“พอๆ อาจาตุรงค์ ฟังแล้วอั๊วเครียด ยังไงลื้อก็อยู่ช่วยอากิมแชหน่อยละกัน อั๊วจะรีบไปรีบกลับ” กิมฮวยรีบเอ่ย
“ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวน้ากิมฮวยกลับมา ผมจะขอดเกล็ดปลาโชว์เลย” จาตุรงค์บอก
พอกิมฮวยไปแล้ว จาตุรงค์แข็งขันทำงานราวกับมีพลังพิเศษ
“เอ้า กุ้ง หอย ปู ปลา อาหารทะเลสดๆ ลูกชายเขียงหมูมาช่วยขาย เพราะว่าที่แม่ยายอยู่แผงปลาจ้ะ” จาตุรงค์เรียกลูกค้า พลางส่งสายตาหยาดเยิ้มไปให้กิมแชที่ขอดเกล็ดปลาอายม้วนอยู่ข้างๆกัน
เวลาต่อจากนั้น ที่สำนักงานตลาด ณดาถือซองเอกสารเตรียมจะออกไปข้างนอก
“งั้นณดาไปก่อนนะคะคุณแม่ แล้วจะรีบกลับมารับคุณแม่ไปทานอาหารเหนือกัน” ณดาว่า
“จ้ะ...ขับรถดีๆลูก” สดศรีเอ่ย
จังหวะที่ณดาจะเดินออกไป ชายศักดิ์เดินเข้ามาพร้อมเอกสารบางอย่างในมือ
“ณดา พ่อว่าจะมาปรึกษาหนูเรื่องอาร์ตเวิร์คโบรชัวร์ของห้างหน่อยน่ะ หนูพอมีเวลาช่วยดูให้พ่อหน่อยมั้ย” ชายศักดิ์เอ่ยขึ้น
“คือ...ณดาต้องรีบไปธุระ ยังไงทิ้งไว้ให้ดูก็แล้วกันนะคะ” ณดาพูดตัดบทแล้วรีบเดินออกไป
ชายศักดิ์หน้าจ๋อยจนสดศรีต้องเดินเข้ามาหา
“ไหน ชั้นช่วยดูก่อนก็ได้ เห็นว่าชั้นเป็นแม่ค้าตลาด แต่ก็พอมองขาดนะว่าลูกค้าจะชอบไม่ชอบอะไร” สดศรีเอ่ยขึ้น ชายศักดิ์จึงรีบยื่นเอกสารให้
ครู่หนึ่ง กิมฮวยออกไปยืนรอแท็กซี่หน้าตลาด
“วันนี้แห่ไปไหนกันนักนะ ทำไมแท็กซี่ไม่ว่างกันซักคัน” กิมฮวยบ่นพึมพำกับตัวเอง
ขณะเดียวกัน ณดาเลี้ยวรถออกมาจากตลาดเห็นกิมฮวยยืนรอแท็กซี่หน้าเครียดอยู่ จึงชะลอรถจอดถาม
“น้ากิมฮวยจะไปไหนคะ” ณดาถามอย่างมีน้ำใจ
“อั๊วจะไปหาเฮียเคี้ยงที่ห้องเย็นน่ะ” กิมฮวยตอบ
“อยู่แถวไหนคะ ไปด้วยกันก็ได้ค่ะ” ณดาเอ่ย
“ขอบคุณมากนะอาคุณณดา” กิมฮวยเอ่ยขอบคุณ
ทันทีที่ณดาขับรถออกไป รถคันหนึ่งขับตามรถณดาไป โดยมีฤทธิ์กับลูกน้องนั่งอยู่ในนั้น
ณดาขับรถเข้ามาในซอย กิมฮวยชี้ไม้ชี้มือบอกทางมาด้วยกันในรถ
“เลี้ยวซ้ายเลยค่ะ” กิมฮวยบอก
แล้วจู่ๆเสียงบีบแตรจากด้านหลังดังขึ้น
“ไอ้หยา” กิมฮวยตกใจ
ณดารีบจอดรถแล้วลงจากรถพร้อมกิมฮวย หวังจะไปเอาเรื่อง แต่พอลงมาทั้งคู่ชะงักเมื่อเห็นชายฉกรรจ์ 4-5 คน ลงมาจากรถคันดังกล่าว ณดากับกิมฮวยจะหนีแต่ไม่ทันแล้วเพราะพวกนั้นได้เข้ามาจู่โจมอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง บ้านกิมลั้งและบ้านเต๊กไฮ้ว้าวุ่นไม่ต่างกัน หลังทราบข่าวกิมฮวยหายตัวไป เคี้ยงพยายามติดต่อแต่ไม่สำเร็จ
“อากิมฮวย ลื้อไปไหนของลื้อนะ ป่านนี้ยังติดต่อไม่ได้อีก” เคี้ยงเอ่ยขึ้น พร้อมกันมาถามกิมแช
“กิมแช...ลื้อแน่ใจนะว่าม้าบอกว่าจะไปหาป๊าเลยไม่แวะไหน” เคี้ยงถามเพื่อความมั่นใจ
“แน่ใจซิป๊า พอป๊าโทรมา ม้าก็รีบไปทันที แล้วยังบอกเลยว่าจะรีบกลับ เพราะห่วงแผง” กิมแชว่า
“ป๊าก็รออยู่ที่ห้องเย็นตั้งสามชั่วโมงโทรหาเท่าไหร่ก็ไม่เปิดเครื่อง” เคี้ยงเริ่มกังวล
“หรือว่าจะเกิดอุบัติเหตุป๊า เราแจ้งตำรวจกันดีกว่ามั้ย” กิมลั้งเริ่มไม่สบายใจ
“ไม่น่าใช่ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงต้องมีคนใช้มือถือม้าลื้อโทรมาหาพวกเราแล้วป่านนี้” เคี้ยงว่า
“จะแจ้งคนหายก็ไม่ได้ด้วยซิครับ เพราะยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมง” จาตุรงค์รีบเอ่ย
“ตกลงเราต้องเรารอต่อไปอย่างเดียวเหรอเนี่ย” กิมลั้งเอ่ยขึ้น
ในขณะที่ทุกคนเริ่มกังวลกับสถานการณ์ตอนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
อ่านต่อหน้า 3
“รักเกิดในตลาดสด” ตอนที่ 13 อวสาน (ต่อ)
เวลาต่อจากนั้น ชายศักดิ์เดินออกมาจากห้างเตรียมกลับบ้าน แต่แล้วเสียงมือถือดังขึ้น
ชายศักดิ์หยิบมือถือขึ้นมาดูพอเห็นเป็นเบอร์รัศมี ชายศักดิ์ชักสีหน้าแต่กดรับสายแต่โดยดี
“ชั้นว่าเราไม่มีเรื่องอะไรต้องพูดกันอีกแล้วนะ” ชายศักดิ์รับสาย
“แล้วถ้าเรื่องที่กำลังจะพูดมันเกี่ยวกับนังลูกสาวคนใหม่ของเสี่ยล่ะ” รัศมีหัวเราะอย่างเป็นต่อ
ชายศักดิ์หน้าเครียดเพราะคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
ไม่นานนัก บ้านกิมฮวยกับบ้านเต๊กไฮ้ มารวมตัวกันที่สำนักงานตลาด สดศรี กิมลั้ง และกิมแช ร้องไห้่เมื่อรู้ว่ากิมฮวยกับณดาถูกจับตัวไป
“เลวที่สุด ทำไมมันถึงทำกันอย่างนี้ โธ่...ป่านนี้ลูกแม่จะเป็นยังไงบ้าง” สดศรีพูดทั้งน้ำตาและร้องไห้แทบขาดใจจนลักษณ์ต้องคอยช่วยลูบเนื้อลูบตัวให้
“มันเรียกค่าไถ่สิบล้านแล้วอั๊วจะเอาเงินที่ไหนไปให้” เคี้ยงว่า
“สิบล้านน่ะชั้นจ่ายให้ได้อยู่แล้วถ้าต้องแลกกับณดาแล้วก็กิมฮวย เพียงแต่ชั้นไม่ไว้ใจคนเจ้าเล่ห์อย่างรัศมีว่าจะเล่นอะไรตุกติกรึเปล่า” ชายศักดิ์ว่า
“ผมว่าเราปรึกษาเรื่องนี้กับตำรวจดีมั้ยครับ” ต๋องเอ่ยขึ้น
“ไม่เด็ดขาดนะ มันบอกแล้วไงว่าถ้าเรื่องถึงหูตำรวจ ณดากับกิมฮวยต้องตายแน่ๆ แล้วชั้นก็คิดว่าคนเลือดเย็นอย่างรัศมีทำได้” สดศรีว่า
“ถ้างั้นตอนนี้คงมีคนเดียวแล้วล่ะครับที่พอจะช่วยเราได้”
ต๋องเอ่ยขึ้นอย่างมีคำตอบในใจ
ครู่หนึ่งต่อจากนั้น ศักดิ์ชายนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องประชุมของห้างเวรี่แฮปปี้ เมื่อรู้เรื่องที่รัศมีลักพาตัวณดากับกิมฮวยไปเรียกค่าไถ่
“ทำไมคุณแม่ถึงได้คิดสั้นแบบนี้” ศักดิ์ชายเอ่ย
“ชั้นว่าเรื่องนี้มันต้องเกี่ยวข้องกับไอ้ฤทธิ์แน่ๆ” ต๋องเอ่ย
“ใครคือฤทธิ์” ศักดิ์ชายถามขึ้น
“ก็...” ต๋องดูเกรงใจที่จะพูด
“เค้าเป็นพ่อที่แท้จริงของชายไง” ชายศักดิ์ตัดสินใจพูดแทน
ศักดิ์ชายฟังแล้วอึ้งไป
“ตอนนี้พวกเราคิดว่าคนที่จะเจรจาเรื่องนี้ได้ก็มีแต่นาย” เคี้ยงรีบเอ่ย
“แล้วคุณแม่นัดให้คุณพ่อเอาเงินไปให้เมื่อไหร่ครับ” ศักดิ์ชายเอ่ยถามขึ้น
“พรุ่งนี้ แต่พ่อไม่อยากรอ บอกตรงๆว่าพ่อไม่ไว้ใจแม่แกกับไอ้นั่นว่าคิดจะตลบหลังอะไรรึเปล่า ชายช่วยพ่อด้วยนะ ถ้าณดาเป็นอะไรไป พ่อจะรู้สึกผิดบาปที่สุดในชีวิต” ชายศักดิ์ว่า
“ผมว่าเราคงเจรจาไม่สำเร็จหรอกครับ” ศักดิ์ชายพูดอย่างเข้าใจรัศมีดี
ทุกคนเริ่มหมดหวัง แต่จู่ๆศักดิ์ชายโพล่งขึ้นว่า
“...แต่คงต้องใช้วิธีอื่น”
ทุกคนจ้องศักดิ์ชายอย่างมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ครู่หนึ่งต่อจากนั้น มือถือของรัศมีดังขึ้น ฤทธิ์นั่งกินเบียร์อยู่ในห้องที่จับณดาและกิมฮวยขังไว้ รัศมีรีบเดินมาหยิบมือถือ พอเห็นเป็นเบอร์ศักดิ์ชายเธอรีบกดรับสาย
“ว่าไงลูก...ชาย” รัศมีเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ
“ชาย...” ณดาแอบมีความหวังเมื่อได้ยินชื่อศักดิ์ชาย
ศักดิ์ชายคุยโทรศัพท์อยู่ที่มุมหนึ่งของห้าง
“คุณแม่อยู่ไหนครับเนี่ย” ศักดิ์ชายหลอกถาม
“เอ่อ แม่อยู่บ้านเพื่อนน่ะ ชายเป็นยังไงบ้าง มีอะไรรึเปล่าลูก” รัศมีถามขึ้น
“วันนี้คุณแม่ว่างมั้ยครับ ผมอยากทานข้าวกับคุณแม่” ศักดิ์ชายรีบเอ่ย
“เอาไว้มะรืนนี้ได้มั้ยชาย แม่กำลังวุ่นๆ” รัศมีเริ่มโกหก
“คือ...พรุ่งนี้ผมจะย้ายไปทำงานต่างจังหวัดกับเพื่อนแล้วน่ะครับ เลยอยากเจอคุณแม่เป็นครั้งสุดท้าย” ศักดิ์ชายเข้าแผนต่อ
“ครั้งสุดท้าย พูดอะไรไม่เป็นมงคลอย่างนั้น ได้ๆ จะให้แม่ไปเจอที่ไหนบอกมา” รัศมีเอ่ยถามต่อ
พอคุยกับศักดิ์ชายเสร็จ รัศมีวางสายไปแล้วหันไปคุยกับฤทธิ์
“ชั้นจะออกไปเจอลูกนะ พรุ่งนี้ลูกจะไปทำงานต่างจังหวัดแล้ว พี่อยากจะไปเจอลูกซักครั้งมั้ยล่ะ” รัศมีเอ่ยถามขึ้น
“อย่าเลย พี่อยู่เฝ้านังสองคนนี่ดีกว่า” ฤทธิ์พูดอย่างไม่ได้สนใจอยากเจอลูกแม้แต่น้อย
“ชั้นนึกอยู่แล้วล่ะพี่ต้องไม่ไป บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ที่พี่ไม่เจอลูกเลยตลอดชีวิต” รัศมีเอ่ย พอรัศมีออกไป ฤทธิ์เหลือบมองณดาด้วยสายตาไม่น่าไว้วางใจ เขาวางแก้วเบียร์แล้วเดินพุ่งไปหาณดาหมายจะทำมิดีมิร้าย ณดาแอบหวั่นใจ กิมฮวยเห็นท่าไม่ดีจึงทำเป็นถูกยุงกัดเพื่อยื่นขาไปขัดขาฤทธิ์ที่กำลังเดินไปหาณดาให้ล้มลง
“โอ๊ย” ฤทธิ์กับกิมฮวยอุทานออกมาพร้อมกัน
ฤทธิ์ล้มลงหน้ากระแทกพื้นปากแตก
“เป็นบ้าอะไรอีเจ๊ อยู่ๆก็ชักกระตุกขึ้นมา” ฤทธิ์บ่นกิมฮวย
“ก็ยุงมันกัดอั๊วน่ะซิ ทำไมในนี้ยุงมันเยอะนัก ลื้อช่วยเอาพัดลมมาเปิดให้หน่อยได้มั้ย” กิมฮวยว่า
“เข้าใจอะไรผิดรึเปล่า ชั้นไม่ได้จับแกมาให้ชี้นิ้วออกคำสั่งนะ” ฤทธิ์เอ่ย
“โอ๊ย อั๊วจะเอานิ้วที่ไหนไปชี้ มือก็ถูกมัดอยู่อย่างนี้ งั้นลื้อแก้มัด อั๊วมั้ยล่ะ อั๊วจะได้เดินไปหยิบพัดลมมาเอง พวกอั๊วน่ะค่าตัวตั้งเท่าไหร่ ดูแลให้มันดีๆหน่อยซิ” กิมฮวยเอ่ย
“หุบปากได้แล้ว...” ฤทธิ์ตะคอกกิมฮวย แต่ยอมเดินไปเอาพัดลมด้วยความรำคาญ
“ขอบคุณนะคะน้ากิมฮวย” ณดาเอ่ยขอบคุณ
“ไม่เป็นไรอาคุณณดา มีกันอยู่แค่นี้ ไม่ช่วยกันแล้วจะช่วยใครยังไงเรา ต้องเข้มแข็งไว้นะ อะไรจะเกิดค่อยว่ากันอีกที” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
ณดาพยักหน้ารีบด้วยความเศร้า
คืนนั้น ศักดิ์ชายนัดรัศมีที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง รัศมีเอามือลูบหัวลูกชายอย่างเอ็นดู
“เป็นเพราะแม่แท้ๆลูกเลยต้องพลอยตกระกำลำบากไปด้วยแบบนี้” รัศมีเอ่ยขึ้น
“เรื่องในอดีตเราแก้ไขไม่ได้หรอกครับคุณแม่ มีแต่อนาคตเท่านั้นที่เราจะเลือกทำให้มันดีหรือไม่ดีได้” ศักดิ์ชายเอ่ยอย่างเตือนสติแม่ และจับมือรัศมีไว้แน่น
“แต่กับบางคนมันก็ไม่ทางให้เลือกหรอก” รัศมีตอบ
“พูดเหมือนคุณแม่จะทำอะไรอย่างนั้นล่ะครับ” ศักดิ์ชายเอ่ยถามขึ้น
“ดูทำหน้าเข้า คิดว่าผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างแม่จะมีปัญญาไปสร้างเรื่องอะไรได้อีก เอาเป็นว่าแม่ทำธุระสำคัญเสร็จเมื่อไหร่ แม่จะตามไปอยู่กับชายทันทีนะลูกนะ” รัศมีกลบเกลื่อนไปเรื่องอื่น
“ทำไมคุณแม่ไม่ไปพร้อมกับผมเลยละครับ แม่คนเดียวผมดูแลได้อยู่แล้ว” ศักดิ์ชายยังพยายามพูดเพื่อเปลี่ยนใจรัศมี
“คนอย่างแม่ไม่มีทางทนอยู่แบบคนสิ้นเนื้อประดาตัวหรอก รอแม่แค่วันสองวันเท่านั้นเองลูก แล้วเราก็จะมีเงินทุนไปตั้งต้นชีวิตใหม่กัน” รัศมีเอ่ยขึ้น พร้อมจับมือลูกชายไว้แน่น
ศักดิ์ชายมองรัศมีด้วยใบหน้าเศร้าแต่ต้องฝืนยิ้มเหมือนไม่รู้เรื่องในสิ่งที่แม่บังเกิดเกล้าพูด
คืนนั้น ที่บ้านกิมฮวย เคี้ยงเดินลงบันไดบ้านเหลียวมองรอบบ้านวันที่กิมฮวยไม่อยู่ช่างแสนเงียบเหงา กิมแชกับกิมลั้ง ถือจานข้าวออกมาพอดี
“ป๊า จะไปไหน ไม่เจี๊ยะปึ่งเหรอ” กิมลั้งเอ่ยถาม
“ป๊า จะออกไปคุยแผนเรื่องวันพรุ่งนี้กับต๋องแล้วก็เสี่ยชายศักดิ์น่ะ ป๊ารีบไปก่อนนะ เดี๋ยวสาย” เคี้ยงเอ่ย แล้วรีบออกจากบ้านไป
“กิมแช ลื้อว่าป๊าดูมีพิรุธแปลกๆมั้ย” กิมลั้งเอ่ยถามขึ้น
“นั่นซิ ทำลับๆล่อๆเหมือนมีอะไรปิดบัง” กิมแชตอบ
“อั๊วว่าเรารีบสะกดรอบตามป๊าไปดีกว่าจะได้รู้ๆไปเลย” กิมลั้งเอ่ยขึ้น
“เอาซิเจ๊...พี่รงค์ กิมแชเองนะ” กิมแชรับโทร.หาจาตุรงค์ทันที
“เร็ว ป๊าถอยรถออกแล้ว” กิมลั้งรีบคว้ามือกิมแชออกไปเพราะกลัวไม่ทันเคี้ยง
คืนนั้น ที่หน้าร้านอาหาร รัศมีโผกอดศักดิ์ชายหลังคุยธุระเสร็จ
“อีกสองวันเท่านั้นลูก แล้วแม่จะตามไป” รัศมีพูดแล้วคลายกอดออกจากศักดิ์ชายแต่ลูกชายกลับกอดแม่ไว้แน่น
“ดูแลตัวเองด้วยนะครับคุณแม่” ศักดิ์ชายเอ่ยขึ้น
“จ้ะ...แม่ไปนะ” รัศมีกล่าว
สองแม่ลูกแยกย้ายกันไปขึ้นรถของตัวเอง แต่พอรัศมีออกรถ ศักดิ์ชายรีบขับรถตามไป
คืนนั้นที่ หน้าตลาดร่วมใจเกื้อ เคี้ยง ต๋อง ชายศักดิ์ และสดศรีเดินมาที่รถกระบะของเคี้ยงด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
“ความจริงเธอไม่ต้องไปก็ได้นะ เคี้ยงเค้ายังไม่เอาลูกๆไปเลยเห็นมั้ย ปล่อยให้เป็นหน้าที่พวกเราจัดการกันเองดีกว่า” ชายศักดิ์พูดกับสดศรี
“ไม่เอาหรอก ขืนให้ชั้นรอฟังข่าวได้อกแตกตายกันพอดี ชั้นอยากเห็นว่าลูกเป็นยังไงบ้าง” สดศรีเอ่ยขึ้น
“งั้นเรารีบไปกันเถอะครับ เดี๋ยวจะตามชายไม่ทัน” ต๋องรีบโพล่งขึ้น
ทุกคนกำลังจะเดินทางออกไป จู่ๆกิมลั้งกับกิมแชดันโผล่มาจนทุกคนตกใจ
“จะไปวางแผนกันถึงไหนเหรอป๊า” กิมลั้งถามขึ้น
เคี้ยง ต๋อง ชายศักดิ์ และสดศรีมองหน้ากันอ้ำอึ้งไม่รู้จะอธิบายกิมลั้งอย่างไร
คืนนั้น รัศมีขับรถมาที่สะพานปลา โดยมีศักดิ์ชายขับรถตามมาห่างๆ โดยมีเคี้ยงขับรถกระบะมาพร้อมกับต๋อง กิมลั้ง กิมแช จาตุรงค์ ชายศักดิ์และสดศรีตามมาด้วย
รัศมีขับรถมาจอดแถวโรงน้ำแข็ง ซึ่งด้านหน้ามีลูกน้องของฤทธิ์ดูแลคุมเข้มอยู่หนาแน่น 3-4 คน
ต๋อง ศักดิ์ชาย จาตุรงค์ เคี้ยง และชายศักดิ์ ยื่นหัวแอบดูสถานการณ์เรียงกันเป็นชั้น แล้วพร้อมใจกันชักหัวกลับมาปรึกษากันอีกครั้ง
“เราจะฝ่าด่านเข้าไปยังไง คนเฝ้าตั้งสามสี่คน” ต๋องเอ่ยขึ้น
“แล้วประตูหลังล่ะ” ศักดิ์ชายเอ่ยถามขึ้น
“ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ เป็นประตูเหล็กหนาแน่นปิดมิดชิด” จาตุรงค์ว่า
“ว่าแต่พวกฤทธิ์ยังไม่เคยเห็นชั้นมาก่อนใช่มั้ย” กิมลั้งโพล่งถามต๋อง
“ใช่ เธอจะทำอะไร” ต๋องถามกลับกิมลั้งอย่างงงๆ
กิมลั้งยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างมีแผนการ
ครู่หนึ่งต่อจากนั้น จู่ๆเสียงดนตรีเกาหลีดังขึ้น จนลูกน้องฤทธิ์ต้องเดินตามหาต้นเสียง กิมลั้งกับกิมแช ผูกเสื้อเหนือเอวโชว์สะดือ โดยใช้ถือถือเปิดเพลงเกาหลี สองพี่น้องเต้นด้วยลีลาเซ็กซี่โฉบหน้าโรงน้ำแข็ง แสร้งว่าไม่เห็นลูกน้องฤทธิ์นั่งอยู่บริเวณนั้น ส่วนต๋อง กับจาตุรงค์และพรรคพวกที่แอบอยู่ตรงหัวมุม พอเห็นกิมลั้งกับกิมแชแล้วถึงกับจ้องตาค้าง
“นี่ถ้าไม่มีเรื่องคอขาดบาดตาย คงไม่ได้เห็นของดี” จาตุรงค์เอ่ยขึ้น
“นั่นซิ” ต๋องพูดอย่างเห็นด้วย
“อ่ะแฮ่ม” เคี้ยงกระแอม จนทั้งคู่ตื่นจากภวังค์
กิมลั้งกิบกิมแชยังคงเต้นกันอย่างสนุกสนาน ลูกน้องฤทธิ์อดรนทนไม่ได้เป่าปากแซวจน สาวๆสะดุ้ง แล้วแกล้งเหมือนเพิ่งเห็นว่ามีคนอยู่ ไม่นานลูกน้องฤทธิ์ทั้งหมดวิ่งตามออกไปตามแผนของกิมลั้ง พอได้จังหวะ ต๋อง ศักดิ์ชาย และเคี้ยง รีบวิ่งเข้าโรงน้ำแข็ง ขณะที่ชายศักดิ์ สดศรี และจาตุรงค์วิ่งตามลูกน้องฤทธิ์ที่วิ่งตามกิมลั้งกับกิมแชไปอีกทาง
ลูกน้องฤทธิ์เดินตามกิมลั้งกับกิมแชมาจนถึงมุมหนึ่ง
“จะรีบไปไหนล่ะจ๊ะคนสวย” ลูกน้องฤทธิ์คนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“อุ๊ย” กิมลั้งกับกิมแชแกล้งประหม่า
“พี่ๆมีอะไรรึเปล่าจ๊ะ” กิมลั้งเอ่ยถามขึ้น
“พวกพี่ก็กำลังอยากจะมีอะไรๆอยู่เหมือนกันล่ะจ้ะ” ลูกน้องฤทธิ์ตอบ พร้อมส่งสายตาลวนลาม
“พูดอะไรจ๊ะ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย” กิมแชพูดแล้วทำตาแอ๊บแบ๊วใส่
ระหว่างนั้นกับกิมลั้งหันไปเห็นชายศักดิ์ สดศรีและจาตุรงค์ เดินมาพร้อมอาวุธหนักในมือพร้อมฟาดศัตรู จึงออกอุบาย
“งั้นช่วยเข้ามาพูดใกล้ๆหน่อยได้มั้ยจ๊ะ” กิมลั้งเอ่ยขึ้น
ลูกน้องฤทธิ์เดินไปหากิมลั้งและกิมแช ชายศักดิ์ สดศรีและ จาตุรงค์ ค่อยๆย่องไปใกล้ๆจากทางด้านหลัง
กิมลั้งกับกิมแช พยายามกระดิกนิ้วให้พวกลูกน้องยื่นหน้าเข้ามาหาเหมือนจะแจกรอยจูบ และในจังหวะที่หน้าพวกลูกน้องฤทธิ์ใกล้จะประชิดหน้าของกิมลั้งกับกิมแช ทั้งหมดถูกทุบหัวอย่างแรงจนหมดสติหน้าเกือบคะมำใส่กิมลั้งและกิมแช แต่โชคดีหลบทัน แล้วทุกคนวิ่งไปสมทบที่โรงน้ำแข็งทันที
ต๋อง ศักดิ์ชาย เคี้ยง เข้ามาภายในเห็นลูกน้องฤทธิ์กลุ่มใหญ่นั่งกินเหล้าเล่นไพ่อยู่ที่มุมหนึ่ง พวกต๋องจึงเลี้ยวหลบกลุ่มลูกน้องฤทธิ์เดินไปอีกทางดันมาพบกับกับลูกน้องคนหนึ่งของฤทธิ์เดินคุยโทรศัพท์กับแฟน
“คิดฮอดเจ้าหลายอีนาง” ลูกน้องฤทธิ์คุยโทรศัพท์กับปลายสาย
กลุ่มต๋องรีบหลบไปอีกทาง แต่ไปเจอกับลูกน้องฤทธิ์อีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ในอาการเมาหนัก
“ห้องน้ำอยู่ไหนวะ เดินหามาจะชั่วโมงแล้วกู” ลูกน้องฤทธิ์อีกคนเมากำลังโวยวาย
เมื่อหาที่หลบไม่ทันต๋อง ศักดิ์ชาย เคี้ยงจึงยืนเรียงซ้อนร่างกันเอามือปิดหน้าตัวเองหวังจะอำพรางตัวจากชายตรงหน้าอย่างคนสิ้นหนทาง ลูกน้องฤทธิ์จ้องต๋องที่ยืนอยู่หน้าสุด
“อะไรวะเนี่ย” ลูกน้องฤทธิ์เมาจนจำไม่ได้
ต๋องเอามือที่ปิดหน้าตัวเองออก แล้วเกิดความคิดแบบฉับพลันทันด่วน พยายามจะเคลื่อนไหวร่างกายตามลูกน้องฤทธิ์ราวกับเป็นกระจก โดยศักดิ์ชายกับเคี้ยงที่ยืนอยู่ด้านหลังทำตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“อ้อ..”กระจก แต่เอ๊ะ...” ลูกน้องฤทธิ์ทำท่าจะเชื่อแต่แล้วเกิดแปลกใจขึ้นมากะทันหัน จนต๋องถึงกับสะดุ้ง
“ทำไมวันนี้กูหล่อชอบกล” ลูกน้องฤทธิ์ว่า
ต๋องถอนหายใจโล่ง
“เอ๊ะ...” ลูกน้องฤทธิ์ยังสงสัย ต๋องกังวลขึ้นมีอีก
“มีกระจก...ก็ถึงห้องน้ำแล้วซิ” ลูกน้องฤทธิ์รีบเอ่ยแล้วแก้กางเกงฉี่ทันทีจนพวกต๋องแทบหลบไม่ทัน ก่อนที่ต๋องจะเอาท่อนไม้ตีคอลูกน้องฤทธิ์จนสลบไป แล้วเดินหาณดากับกิมฮวยต่อ
ต๋องค่อยๆย่องมาจนถึงหัวมุม แต่แล้วเกือบช็อกหัวใจวายเมื่อไปเจอกับกลุ่มกิมลั้ง กิมแช จาตุรงค์ ชายศักดิ์ และสดศรี ต่างฝ่ายต่างจะอ้าปากร้องจนต้องปิดปากกันไว้ ส่งภาษาใบ้ให้สัญญาณให้เข้าไปข้างในโรงน้ำแข็งต่อ
ในที่สุดกลุ่มต๋อง เดินมาจนพบกับจุดที่ณดากับกิมฮวยถูกจับตัวไว้ โดยมีรัศมีกับฤทธิ์วนเวียนอยู่ใกล้ๆ
“ณดา...” สดศรีมองไปที่ณดาอย่างห่วงใย
“ม้า...” กิมแชกับกิมลั้งดีใจที่เห็นกิมฮวย แต่ยังไม่มีใครส่งเสียงออกมา
“ตกลงโทรไปนัดเวลาไอ้เสี่ยชายศักดิ์รึยัง” ฤทธิ์ถามรัศมี
“โทรไปพรุ่งนี้ก็ได้ ให้มันรู้สึกกระวนกระวายใจหน่อย” รัศมีเอ่ย
“ไม่ต้อง โทร.ไปเลย จะได้ย้ำกับมันเรื่องให้มาคนเดียวด้วย” ฤทธิ์ว่า
“โธ่ มันรับปากมั่นเหมาะแล้วน่ะ ภาวะแบบนี้มันไม่มีทางกล้ายกโขยงกันมาหรอก” รัศมีเอ่ยอย่างมั่นใจ
ชายศักดิ์ได้ยินดังนั้น รีบมองหน้าพรรคพวกที่พากันขนมาเป็นโขยงผิดกับที่รัศมีพูดอย่างสิ้นเชิง
“นี่พวกลื้อไม่คิดจะโทร.บอกผัวอั๊วให้มารับบ้างเหรอ” กิมฮวยโวยขึ้น
“เรื่องมากน่ะอีเจ๊ แกอาศัยรถไอ้เสี่ยชายศักดิ์กลับไปด้วยไม่ได้ใช่มั้ย ไม่งั้นชั้นจะได้ให้อยู่เป็นผีเฝ้าที่นี่ โทร.ไปบอกมันเดี๋ยวนี้เลยเร็ว พวกมันทำตัวเงียบๆแบบนี้มันน่าสงสัย” ฤทธิ์หันไปพูกับรัศมี
รัศมีหยิบมือถือมากดอย่างขัดใจ ส่วนชายศักดิ์ในที่ซ่อนรีบหามือถือเพราะกลัวจะเปิดเสียงไว้ พอพบว่าปิดเสียงไว้แล้วชายศักดิ์โล่งใจ
“โชคดีที่รอบคอบปิดเสียงไว้” ชายศักดิ์เอ่ยขึ้น
พูดไม่ทันขาดคำ เสียงมือถือจาตุรงค์ดังขึ้น โดยมีเสียงเรียกเข้าเป็นเพลงเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ จนทุกคนจ้องเป็นตาเดียว จาตุรงค์หน้ารีบหยิบมือถือขึ้นมาดูที่หน้าจอ
“งานเข้าผิดเวลา” จาตุรงค์หน้าจ๋อย
“คุณแม่...” ณดารู้ทันทีว่าสดศรีต้องมาช่วย
“ชาย...” รัศมีรู้ทันทีเช่นกันว่าศักดิ์ชายขับรถตามมา
“เป็นไงล่ะ ออกไปชักศึกเข้าบ้านแท้ๆโง่จริงๆ” ฤทธิ์หันไปด่ารัศมี แล้วคว้าวิทยุสื่อสารมาสั่งการ
“พวกมึงรีบหายเมาแล้วเข้ามาเดี๋ยวนี้เลย วันนี้ไอ้พวกเวรนี่ได้ตายหมู่แน่...”
ฤทธิ์เอ่ยขึ้น พร้อมคว้าปืนมายิงกราดไปที่พวกตลาดที่วิ่งหนีกระเจิง กลุ่มผู้หญิงมุ่งหน้ามาช่วยณดากับกิมฮวย
ฤทธิ์เดินมุ่งหน้ามาจ่อยิงให้ใกล้ขึ้น ต๋องเห็นกระป๋องตกอยู่ที่พื้นจึงเตะไปให้ฤทธิ์เหยียบสะดุดล้ม จนปืนหลุดมือ แล้วต๋องเข้าไปแย่ง ระหว่างนั้นพวกลูกน้องฤทธิ์กรูเข้ามา เกิดการต่อสู้ชุลมุน
กิมลั้งกับกิมแชช่วยกันแก้มัดให้กิมฮวย ขณะที่สดศรีจะเข้าไปช่วยแก้มัดให้ณดา แต่จู่ๆรัศมีโผล่มากระชากแขนสดศรีแล้วตบจนล้มคว่ำ
“คุณแม่...” ณดาร้องสุดเสียง
รัศมีคร่อมสดศรีหวังจะตบซ้ำ แต่เจอกิมฮวยกระชากผมแล้วใช้มวยไท้เก็กเล่นงานจนรัศมีต้องใช้มวยไทยต่อสู้
กิมลั้งกับกิมแชรีบเข้าไปช่วยแก้มัดให้ณดาจนสำเร็จ
“สำเร็จแล้วม้า” กิมลั้งตะโกนบอกกิมฮวย
พอได้ยินเสียงสัญญาณจากลูก กิมฮวยต่อยเสยคางรัศมีจนเซไป แล้วจังหวะนั้นทุกคนรีบวิ่งออกไป
อ่านต่อหน้า 4
“รักเกิดในตลาดสด” ตอนที่ 13 อวสาน (ต่อ)
ในขณะที่พวกผู้หญิงพยายามวิ่งหนี พวกลูกน้องฤทธิ์พยายามเข้าไปจัดการ ศักดิ์ชาย เคี้ยง จาตุรงค์ และชายศักดิ์ คอยต่อสู้ช่วยเหลือปกป้องราวกับฉากบู๊ในหนังจีน ต๋องต่อสู้กับฤทธิ์อย่างไม่ยอมแพ้ และใช้ไหวพริบ แต่สุดท้าย ต๋อง เคี้ยง จาตุรงค์ ชายศักดิ์และศักดิ์ชายเพลี่ยงพล้ำ โดนฤทธิ์และลูกน้องเอาปืนจ่อได้ในที่สุด
ต่อจากนั้น ต๋อง เคี้ยง ชายศักดิ์ ศักดิ์ชาย และจาตุรงค์ โดนลากมากองรวมกันอยู่ในห้องทำน้ำแข็ง โดยมีรัศมี ฤทธิ์และลูกน้องยืนอยู่ใกล้ๆ
“พวกเอ็งแบ่งคนไปตามล่านังพวกผู้หญิงมาให้ได้ มันยังไปไหนไม่ไกลหรอก” ฤทธิ์สั่ง
ลูกน้องฤทธิ์ส่วนหนึ่งแยกออกไป
“ส่วนพวกมึง เดี๋ยวกูจะจับทำน้ำแข็งซองให้ตายอย่างทรมานเลยคอยดู” ฤทธิ์ด่าใส่หน้ากลุ่มต๋อง
“คุณแม่ครับ อย่าทำอย่างนี้เลยนะครับ” ศักดิ์ชายเอ่ยกับรัศมี
“แม่น่ะไม่ทำอะไรชายอยู่แล้ว แต่รู้มั้ยวันนี้ชายทำให้แม่ผิดหวังมาก ชายพาพวกมันมา ชายไม่ห่วงเลยใช่มั้ยว่าแม่จะเป็นยังไง” รัศมีต่อว่าต่อขานศักดิ์ชาย
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับคุณแม่ ผมแค่ไม่อยากให้คุณแม่ทำเรื่องเลวร้ายมากไปกว่านี้”
ขณะนั้นต๋องกวาดตามองสำรวจสถานที่เพื่อหาลู่ทางหนี กลุ่มผู้หญิงอย่างกิมลั้ง กิมแช และรัศมีแอบอยู่ในความมืดเอาเศษน้ำแข็งโยนไปที่ต๋อง แล้วแอบชี้ไปที่เครื่องยกน้ำแข็งซอง แล้วว่าให้กดสวิตซ์อยู่ด้านหลังเพื่อจะบอกให้พวกผู้หญิงปล่อยท่อนน้ำแข็งให้ไหลมาใส่พวกฤทธิ์ แต่กลุ่มกิมลั้งไม่เข้าใจว่า เลยเปลี่ยนมาส่งส่งสัญญาณมือ
“ทำอะไรของมึงไอ้ต๋อง” ฤทธิ์มองด้วยความสงสัย
ฤทธิ์เริ่มไม่พอใจเอามือที่ถือวอฟาดหน้าต๋อง ต๋องต่อสู้ปัดมือฤทธิ์จนวอกระเด็น ฤทธิ์จ้องหน้าต๋อง บรรยากาศตึงเครียด พรรคพวกคิดว่าต๋องต้องโดนเละแน่ ปรากฏว่าในที่สุดต๋องยกมือไหว้ฤทธิ์
“โทษที เดี๋ยวชั้นไปหยิบให้” ต๋องยกมือไหว้ฤทธิ์
ทุกคนพากันงงที่เห็นต๋องทำแบบนั้น ต๋องคลานไปเก็บวอใกล้กับพวกผู้หญิงอยู่ตามแผน แล้วกระซิบบอกกับกลุ่มกิมลั้งเบาๆ
“กดสวิตซ์ด้านหลัง ให้พวกน้ำแข็งมันไหลจากซองตกไปใส่พวกนั้น” ต๋องกระซิบบอกกิมลั้ง
“ชั้นไม่รู้ปุ่มไหนเป็นปุ่มไหน” กิมลั้งเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องรู้แล้วกิมลั้ง มั่วไปเลย” ต๋องบอกก่อนจะเดินไปหยิบวอส่งคืนให้ฤทธิ์ก่อนที่อีกฝ่ายจะสงสัย
“กูก็คิดว่ามึงจะแน่” ฤทธิ์เอ่ยขึ้นหลังจากคิดว่าต๋องออกไปเก็บวอให้
ต๋องรีบกลับไปนั่งกับพรรคพวกเพื่อให้พ้นแนวน้ำแข็ง ส่วนพวกกิมลั้งสำรวจแผงสวิตซ์
ครู่หนึ่งลูกน้องฤทธิ์กลับเข้ามา
“ไม่เจอนังผู้หญิงพวกนั้นเลยพี่” ลูกน้องฤทธิ์ตอบ
“เป็นไปได้ยังไง” ฤทธิ์เอ่ยขึ้น
“หรือว่ามันยังหลบอยู่ในนี้” รัศมีโพล่งขึ้น
ทันใดนั้นเสียงสวิตซ์เดินเครื่องน้ำแข็งดังขึ้นน้ำแข็งก้อนใหญ่หลายก้อนไหลพุ่งมา ฤทธิ์กับรัศมีล้มระเนระนาด ศักดิ์ชายรีบวิ่งไปช่วยแม่ให้พ้นทางน้ำแข็ง จากนั้นพวกต๋องรีบลุกขึ้นเข้าจัดการกับพวกฤทธิ์ที่ล้มไม่เป็นท่า ต่อสู้แย่งปืนกัน พวกผู้หญิงใช้อุปกรณ์ทำน้ำแข็งช่วยอีกทาง
“พวกผู้หญิงรีบออกไปก่อนเร็ว” ต๋องตะโกนบอก
กิมลั้ง กิมแช กิมฮวย และสดศรี รีบละทิ้งทุกอย่างแล้ววิ่งออกไป รัศมีเห็นท่าไม่ดีรีบคว้าสดศรีไว้ พอศักดิ์ชายเห็นอย่างนั้นรีบดึงแม่ตัวเองไว้เพื่อให้สดศรีจึงวิ่งหนีไปได้
“ปล่อยแม่... ปล่อยแม่...” รัศมีดิ้นหนีศักดิ์ชาย
ลูกน้องฤทธิ์เห็นรัศมีถูกดึง จึงกระโดดถีบศักดิ์ชายแล้วต่อยซ้ำ
“ทำลูกกูเหรอ” รัศมีเอ่ยขึ้นเพราะไม่ยอมให้ใครทำร้ายศักดิ์ชาย จึงกระโดดถีบลูกน้องฤทธิ์กลับทันที
ในที่สุด ต๋อง ชายศักดิ์ และเคี้ยงยึดปืนบางส่วนมาได้ช่วยกันกราดยิงใส่พวกฤทธิ์จนหลบกันระนาว ฤทธิ์จะยิงปืนกลับ แต่ถูกต๋องยิงจนปืนฤทธิ์กระเด็นหลุดจากมือไป ต๋องพากันวิ่งหนีตามกลุ่มกิมลั้งออกไป ฤทธิ์โผล่ออกมาด้วยความโมโห
“ถ้าวันนี้จัดการพวกแม่งไม่ได้ พวกมึงเตรียมตัวตายได้เลย”
ฤทธิ์ตะโกนด่าลูกด้วยความโกรธ แล้วรีบวิ่งออกไป
พวกต๋องวิ่งออกมาข้างนอกโรงน้ำแข็ง โดยมีพวกฤทธิ์วิ่งตามออกมาไล่ยิง จนต๋องและกลุ่มผู้หญิงต้องวิ่งหนีกระจัดกระจายกันไปแถวสะพานปลา กิมแชกับจาตุรงค์หนีไปมุมหนึ่งที่มีพวกอาหารทะเลใส่ถังวางไว้ พอลูกน้องฤทธิ์วิ่งมา ทั้งคู่ช่วยกันเทหอยถังใหญ่ลงพื้น จนลูกน้องฤทธิ์เหยียบเปลือกหอยลื่นเสียหลัก แล้วจาตุรงค์กับกิมแชช่วยกันหยิบอาหารทะเลข้วางใส่ซ้ำ
อีกมุมหนึ่ง ชายศักดิ์ สดศรี ณดา และศักดิ์ชาย ถูกลูกน้องอีกกลุ่มของฤทธิ์ตามมา ชายศักดิ์กับศักดิ์ชายช่วยกันต่อสู้และป้องกันสดศรีกับณดาสุดชีวิต
ส่วนต๋อง กิมลั้ง เคี้ยง และกิมฮวย จนมุมอยู่บนสะพานปลาจึงจำเป็นต้องกระโดดลงไปในเรือประมงลำใหญ่ที่จอดอยู่ ฤทธิ์กับลูกน้องจำต้องตามลงมา ฤทธิ์ลงมากลับไม่เห็นใครในเรือ ต๋องใช้อวนคลุมลูกน้องฤทธิ์ได้ส่วนหนึ่งแล้วรีบกวาดลงน้ำด้วยความรวดเร็ว เหลือฤทธิ์กับลูกน้องอีกสองคน ทั้งคู่ไล่ยิงเคี้ยงกับต๋องไม่ยั้ง เคี้ยงกับลูกน้องคนหนึ่งสู้ที่ท้ายเรือ ขณะที่ฤทธิ์กับต๋องสู้กันที่หัวเรือ กระสุนปืนของต๋องหมดกะทันหัน ฤทธิ์จะยิงต๋อง กิมฮวยกับกิมลั้งที่แอบอยู่ใกล้ๆโผล่มาดึงกางเกงฤทธิ์ลง ฤทธิ์ตกใจรีบดึงกางเกงจนปืนหลุดมือ กิมลั้งจึงรีบคว้าปืนโยนน้ำ ฤทธิ์หันมาตบกิมลั้งด้วยความเจ็บใจ กิมฮวยเข้ามาช่วย ต๋องเข้ามาต่อยกับฤทธิ์อีก
กลุ่มของศักดิ์ชาย ณดา ชายศักดิ์ และสดศรี ยังคงต่อสู้กับลูกน้องฤทธิ์ดุเดือดเลือดพล่าน ครู่หนึ่งเสียงรถหวอดังขึ้น
“ตำรวจกำลังมา” สดศรีเอ่ยขึ้น
ลูกน้องฤทธิ์เริ่มละล่ำละลัก รัศมีวิ่งผ่านมาพอดี จังหวะที่ลูกน้องฤทธิ์ไม่ทันตั้งตัวทั้งชายศักดิ์และศักดิ์ชายจึงรีบจู่โจม ศักดิ์ชายยิงลูกหนึ่งของฤทธิ์ล้มลง รัศมีสติหลุดคว้าปืนจากลูกน้องฤทธิ์ขึ้นมา
“นังณดา...แกตายซะเถอะ” รัศมีโพล่งขึ้นอย่างไร้สติ ชายศักดิ์รีบวิ่งพุ่งมาที่ณดาเพื่อปกป้อง
“พ่อ...” ณดาตกใจแทบสิ้นสติ
ขณะที่รัศมีจะลั่นไก ศักดิ์ชายวิ่งเข้นมาผลัก เอาร่างตัวเองรับกระสุนกันณดาไว้
“ชาย...” รัศมีช็อก รีบวิ่งเข้าไปหาศักดิ์ชายด้วยความตกใจ
เวลานั้นรถหวอของรถตำรวจใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ต๋องกับฤทธิ์สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยมี
กิมฮวยกับกิมลั้งยืนดูอยู่ไม่ไกล ส่วนลูกน้องฤทธิ์วิ่งหนีเคี้ยงที่วิ่งไล่มาจากท้ายเรือ ในที่สุดถูกเคี้ยงยิงจนล้มลงใกล้ๆ
ฤทธิ์ต่อสู้กับต๋องท่ามกลางเสียงหวอที่ใก้ลเข้ามาทุกทีฤทธิ์หยิบปืนจากมือลูกน้องยิงไปที่ต๋องกับกิมฮวยทันที เป็นจังหวะเดียวกับที่ฤทธิ์ถูกต๋องผลักกระเด็นไป ฤทธิ์หันไปมองรถตำรวจที่แล่นเข้ามาจอดหน้าโรงน้ำแข็ง
“อ๊าย...” กิมลั้งร้องขึ้น เมื่อเห็นกิมฮวยตกลงไปในน้ำ
เคี้ยงรีบเข้ามาจัดการฤทธิ์ที่ทำท่าจะยิงต๋องอีกคน โดยผลักเครนขนาดใหญ่ไปกระแทกหัวฤทธิ์จนล้มลง แล้วเคี้ยงรีบเข้าไปจับฤทธิ์ไว้ได้
“ต๋อง...ช่วยม้าด้วย ม้าว่ายน้ำไม่เป็น” กิมลั้งตะโกนบอกต๋องให้ช่วยกิมฮวย
ครู่หนึ่ง ต่อจากนั้น ต๋องพาร่างกิมฮวยขึ้นฝั่งได้ ทั้งคู่ดูอ่อนแรง โดยเฉพาะต๋อง
“อั๊วรอดแล้ว...อั๊วรอดแล้ว...” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
“ไอ้หยา...ที่แท้ลื้อถูกยิงเหรอเนี่ยอาต๋อง” กิมฮวยเพิ่งเห็นว่าต๋องถูกยิง
“ก็ใช่น่ะซิ...เมื่อกี้น้ากิมฮวยโดดน้ำทำไม รู้มั้ยว่าทำให้คนถูกยิงเหนื่อย” ต๋องว่า
“ก็อั๊วตกใจนึกว่าโดนยิงนี่” กิมฮวยเอ่ยเพราะเข้าใจว่าตัวเองถูกยิงจึงกระโดดลงน้ำด้วยความตกใจ ทันใดนั้นต๋องหงายหลังตกน้ำไปอีกครั้งเพราะร่างกายทนบาดแผลไม่ไหว
“อ๊าย ช่วยด้วย อาต๋องตกน้ำ ช่วยด้วย...” กิมฮวยตะโกนให้คนช่วย
ตำรวจสองคนวิ่งเข้ามากระโดดลงน้ำไปช่วยต๋องทันที
“อย่าให้อีตายนะ...อย่าให้อีตาย”
กิมฮวยตกโกนบอกตำรวจอย่างห่วงใยต๋อง
เช้าวันใหม่ ที่โรงพยาบาล ชายศักดิ์ประคองศักดิ์ชายที่โดนยิงแถวไหปลาร้าลงนอนบนเตียง
“เพราะพ่อแท้ๆ แกเลยต้องเจ็บตัวแบบนี้” ชายศักดิ์เอ่ยขึ้นกับศักดิ์ชาย
“อย่าพูดอย่างนั้นซิครับ ไม่ให้ผมช่วยพ่อแล้วจะให้ผมช่วยใคร ขอโทษครับ ผมลืมไปว่าผมไม่ใช่ลูก” ศักดิ์ชายเอ่ยขึ้น
“อย่าพูดอย่างนั้นชาย แกรู้มั้ยพ่อแทบขาดใจตอนที่เห็นแกถูกยิง ถ้าแกเป็นอะไรไปพ่อคงแย่ พ่อรักแกนะ” ชายศักดิ์พูดพลางโผเข้ากอดศักดิ์ชายด้วยความรัก
“ผมก็รักคุณพ่อครับ” ศักดิ์ชายกอดชายศักดิ์ไว้แน่นเช่นกัน
“งั้นเรากลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมนะลูกนะ” ชายศักดิ์เอ่ยขึ้น
“แล้วคุณแม่...” ศักดิ์ชายเอ่ยอย่างกังวลเรื่องรัศมี
“แม่เค้าก็ต้องไปรับโทษที่ต้องได้รับโชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่โดนข้อหาหนักไปกว่านี้ ยังไงซะพ่อจะช่วยเหลือเค้าให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถือว่าพ่อทำให้แกละกัน” ชายศักดิ์ว่า
“ขอบคุณครับคุณพ่อ” ศักดิ์ชายยกมือไหว้ขอบคุณพ่อ
ครู่หนึ่งสดศรีกับณดาเดินเข้ามา
“เป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นมั้ย” สดศรีว่า
“ดีขึ้นมากแล้วครับคุณนาย” ศักดิ์ชายว่า
“ไม่ต้องเรียกคุณนงคุณนายหรอกให้ถือว่าชั้นเป็นญาติผู้ใหญ่คนนึงละกัน” สดศรีเอ่ยขึ้น
“ตกลงคุณไม่เป็นไรใช่มั้ย” ศักดิ์ชายมองณดาแล้วถามขึ้นอย่างสำรวจด้วยความเป็นห่วง
“ชั้นปลอดภัยดีค่ะมีแค่แผลถลอกนิดหน่อยเท่านั้นเอง ขอบคุณคุณมากนะคะที่ช่วยชีวิตชั้นไว้” ณดาตอบ
“ถ้ามันจะชดเชยเรื่องเลวร้ายทุกอย่างที่ผมเคยทำไว้กับคุณได้ ต่อให้ต้องตายผมก็ยินดี” ศักดิ์ชายจ้องณดาด้วยความลึกซึ้ง
“อย่าพูดอย่างนั้นค่ะ จะด้วยเหตุผลไหนคุณก็ไม่ควรจะต้องตายทั้งนั้น” ณดาเอ่ย
“ตกลงคุณยกโทษให้ผมแล้วใช่มั้ย” ศักดิ์ชายโพล่งขึ้น และเผลอลืมตัวจับมือณดา
“ชั้น...” ณดาอึกอัก พูดไม่ออก
“ใช่มั้ยณดา” ศักดิ์ชายคะยั้นคะยอ
“เฮ้ย...ชาย อะไรของแกเนี่ย พ่อว่าแกชักจะยังไงๆกับลูกสาวพ่อนะ” ชายศักดิ์แกล้งพูดขึ้น
ศักดิ์ชายรีบปล่อยมือณดาด้วยอาการเขิน
“เอ่อ แล้วคุณพ่อจะโกรธมั้ยครับ ถ้าจะบอกว่าผมคิดว่าผมชอบลูกสาวคุณพ่อ “ ศักดิ์ชายโพล่งขึ้น จนณดาอายหน้าร้อนผ่าว
“พ่อจะไปว่าอะไรได้ ต้องถามแม่เค้านั่น” ชายศักดิ์โยนลูกให้สดศรี
ศักดิ์ชายหันไปส่งสายตาขอความเห็นใจจากสดศรี
“ชั้นน่ะให้โอกาสคนเสมอล่ะโดยเฉพาะคนที่เนื้อแท้ใฝ่ดีอย่างเธอ ที่ผ่าน มาอาจจะหลงผิดไปบ้าง เพราะมีพ่อแย่ แม่ไม่ดี” สดศรีเอ่ยพลางเหล่ตาไปที่ชายศักดิ์
“ขอโทษที่พูดตรง แต่ถ้าฟังให้ดีเธอก็จะรู้ว่าชั้นกำลังชมเธอต่างหาก แต่ก็นะ สุดท้ายแล้วมันก็อยู่ที่ณดาว่าจะว่ายังไง” สดศรีว่า
“ณดา คุณพอจะให้โอกาสผมแก้ตัวได้บ้างมั้ย” ศักดิ์ชายเอ่ยขึ้น
“เอาเป็นว่าระหว่างคุณกับชั้น เรามาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ละกัน คุณรอได้มั้ย” ณดาโพล่งขึ้น
“ขนาดตายผมยังตายแทนคุณได้ แล้วจะกลัวอะไรกับรอ” ศักดิ์ชายรีบตอบ
“นั่นซินะ อย่างมากก็แค่รอจนตายเนอะลูกเนอะ” ชายศักดิ์รีบแกล้งว่า
“โห คุณพ่อ” ศักดิ์ชายจะโวย
ชายศักดิ์ สดศรี และณดา ต่างหัวเราะกันอย่างมีความสุข
ที่ห้องพักผู้ป่วยใกล้ๆกัน ต๋องลืมตาฟื้นขึ้นมาได้ กิมลั้งที่นั่งอยู่ข้างๆดีใจอย่างบอกไม่ถูก
“ต๋องฟื้นแล้ว” กิมลั้งโพล่งอย่างดีใจ
เคี้ยง กิมฮวย จาตุรงค์ และกิมแช ที่นั่งอยู่ตรงโซฟาลุกมาที่เตียงรีบดูอาการ
“อาต๋อง...ลื้อเป็นยังไงบ้าง” กิมฮวยถามขึ้น
“เหมือนตายแล้วเกิดใหม่” ต๋องตอบ
“ก็น่าจะเป็นยังงั้น ลื้อรู้มั้ย...หมอบอกว่ากระสุนเฉียดปอดไปนิดเดียวเอง” เคี้ยงเล่า
“หมอยังแปลกใจเลยนะว่าต๋องฝืนว่ายน้ำลงไปช่วยม้าไหวได้ยังไงกัน” กิมลั้งเล่าต่อ
“ไม่ฝืนได้ไงล่ะ ก็เธอบอกเองว่าน้ากิมฮวยว่ายน้ำไม่เป็น” ต๋องกล่าว
“อั๊วขอบใจมากนะที่ลื้อสละชีวิตตัวเองไปช่วยอั๊วขนาดนั้น” กิมฮวยเอ่ยขึ้น
“โห ชั้นทำขนาดนี้ แต่น้าแค่พูดว่าขอบใจเท่านั้นเหรอ” ต๋องแกล้งสวนขึ้น
“ขอบใจไม่พอ แล้วลื้อจะให้อั๊วทำอะไรวะ” กิมฮวยเอ่ยอย่างหงุดหงิด
“ชีวิตมันต้องแลกด้วยชีวิตซิน้า” ต๋องว่า
“จะแลกด้วยชีวิตอะไรล่ะ หมู หมา กาหรือไก่” กิมฮวยถามกลับ
“อะไรกัน ชีวิตน้านี่มีค่าแค่หมู แค่หมาเท่านั้นเองเหรอ” ต๋องยังกวน
“ไอ้ต๋อง ตกลงลื้อจะเอายังไงฮะ” กิมฮวยปรี๊ดแตก
“ชั้นไม่เอาอะไรมากหรอก แค่เอาหัวใจน้ากิมฮวยมาก็พอ” ต๋องตอบ แล้วหันไปยิ้มกับกิมลั้ง
กิมฮวยเพิ่งเข้าใจจึงเล่นแง่บ้าง
“หัวใจเหรอ หัวใจอั๊วน่ะมันแพงมากๆนะ ถ้าอยากได้ก็ต้องเอาทองมาแลกเว้ย” กิมฮวยว่า
“อะไรกันม้า พี่ต๋องเค้าช่วยชีวิตม้าขนาดนี้แล้วนะ” กิมแชเอ่ยขึ้น
“ถ้าจะเป็นทอง ก็เป็นรูปทองที่ซ่อนอยู่ในรูปร่างหน้าตาหน้าเกลียดของนายต๋องแทนได้มั้ยครับ” จาตุรงค์ช่วยเสริม
“ไม่ได้ ไม่ได้ ต้องเป็นทองที่เห็นได้ด้วยตาซิ ถ้าลื้อไม่ให้ความสำคัญก็เท่ากับลื้อไม่เห็นว่าอากิมลั้งมีคุณค่ามีราคาเหมือนทอง” กิมฮวยว่า
“โธ่...น้ากิมฮวย เมื่อคืนทำไมน้าไม่ปล่อยให้ชั้นจมน้ำตายไปให้สิ้นเรื่อง เรียกคนมาช่วยชั้นทำไมถ้าจะปลุกชั้นมาเพื่อฆ่าซ้ำด้วยความงกของน้าแบบนี้” ต๋องพูดหน้าเครียด
“ลื้อนี่มันโง่จริงๆอาต๋อง” กิมฮวยโพล่งขึ้น
“ชั้นไม่ได้โง่ แต่ชั้นมีเงินไม่มากพอกับความต้องการของน้าต่างหาก” ต๋องแจง
“เอ้า...ลืมเรื่องทรัพย์ในดินของลื้อไปแล้วรึไง” กิมฮวยเอ่ย
ต๋องทำหน้างง
“ยังมาทำหน้าโง่อีก เห็นว่าลื้อไปเช่าที่ยายยิ้มทำนากลางกรุงไม่ใช่เหรอ” กิมฮวยถามขึ้น
“แล้วมันไปเกี่ยวอะไรด้วย” ต๋องถามกลับ
“เอ้า ก็ถ้าอาต๋องอีทำให้ที่ดินนั่นกลายเป็นสีทองเพราะรวงข้าวที่งอกงามได้ อั๊วก็จะยอมยกอากิมลั้งให้ทันที เพราะถือว่าอีมีของมงคลให้ลูกสาวอั๊วแล้ว” กิมฮวยเอ่ยเสียงอ่อนลง
“เฮ”
เคี้ยง กิมลั้ง กิมแช และจาตุรงค์ พากันดีใจกับท่าที่เป็นมิตรของกิมฮวยกับต๋องในเวลานี้
เช้าวันใหม่ ที่ตลาดร่วมใจเกื้อในรูปโฉมใหม่ ภายใต้ป้ายอันใหม่ที่มีตัวอักษรครบ และได้รับการดูแลอย่างดี เปลี่ยนแปลงไปจากวันเดิมๆที่ผ่านมาพ่อค้าแม่ค้ายังคงสวดมนต์ ทำกิจกรรมต่างๆด้วยความเบิกบานเหมือนปกติ
“นับแต่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาตลาดร่วมใจเกื้อก็อบอวลไปด้วยความสงบสุข ทุกๆวัน ความรักรูปแบบต่างๆ ก็ยังคงเกิดขึ้นในตลาดสดแห่งนี้” ต๋องที่ยืนพูดกับไมโครโฟน โดยมีวงดนตรีอยู่ด้านหลัง
“จนวินาทีนี้ ความรักที่ว่าก็ยังเกิดอยู่ และจะเกิดต่อไปอย่างไม่หยุดพัก” ต๋องเอ่ยขึ้น
บรรยากาศของตลาดร่วมใจเกื้อที่เต็มไปด้วยความรัก ตลบอบอวลทั้งไออุ่นที่มากกว่าตลาด หลวงรวมหัวใจของพ่อค้าแม่ค้าและลูกค้าไว้อย่างมีความสุข
เลื่อนกับรักเร่เข็นผักประกบกันมาตามประสาคู่หู เลื่อนแกล้งเป็นลมหมดแรง รักเร่บอกให้ขึ้นรถเข็นแล้วเข็นให้ เลื่อนหัวเราะชอบใจที่แกล้งเพื่อนได้ ทั้งสองคนหยอกล้อกันอย่างมีความสุขกับมิตรภาพที่เกิดขึ้น
เขียวหวานสาวน้อยลูกจ้างของป้าพิณ ยืนนวดบ่าให้คำมูล แต่อีกมือเขาพัดให้ป้าพิณที่นั่งอยู่ข้างๆ เขียวหวานขยับไปให้ป้าพิณเกาอย่างเป็นคู่ฝีปากที่หยอกล้อกันแต่แสนอบอุ่น
ที่เขียงหมูจาตุรงค์มาช่วยเต๊กไฮ้กับลักษณ์แล่เนื้อหมูขาย เต๊กไฮ้ซับเหงื่อให้อย่างเอาใจ ลักษณ์ส่งน้ำให้ดูด จาตุรงค์เลยเผลอเฉือนนิ้วตัวเอง แล้วเดินเอานิ้วที่มีเลือดไหลไปหากิมแชที่แผงปลา ส่วนกิมแชรีบหาพลาสเตอร์ปิดแผลให้จาตุรงค์ หันไปอีกทีเจอกิมฮวย เคี้ยง กิมลั้ง เหล่ตามองมาในความรักที่แสนหวานและโอเวอร์มากกว่าคู่อื่นๆ
กิมฮวยเอามือไปจัดปูปลาแบบไม่ทันมอง เพราะมัวแต่แซวกิมแชกับจาตุรงค์ เลยถูกก้ามของกุ้งบาดเลือดไหล เคี้ยงตกใจรีบจับมือกิมฮวยมาดูดเลือดให้ กิมลั้ง กิมแช และจาตุรงค์เห็นแล้วหัวเราะเพราะหวานเกินลูกเสียอีก
อีกมุมหนึ่งติ๋มขายของพร้อมเลี้ยงลูกไปด้วย เต๋าที่เพิ่งเลิกงานวิ่งกระตือรือร้นมาหาลูกเมีย เต๋าเอาของเล่นที่ซื้อมาให้มาล่อลูก ปรากฏว่าพอติ๋มส่งลูกให้ ลูกฉี่ใส่หน้าเต๋าแถมหัวเราะเยาะพ่อเสียอีก
ส่วนที่ร้านเสริมสวยของชมพู่ เธอขะมักเขม้นช่วยงานน้อยหน่าในร้านหน้าดำคร่ำเครียดโดยมีทวีกับเครือฟ้าเป็นลูกค้า น้อยหน่าเห็นน้องแล้วปลื้ม ชมพู่ขยันทำงานทุกอย่างจนเป็นลม จนน้อยหน่าต้องหายาดมให้ โดยมีทวีกับ เครือฟ้าคอยบีบนวด
ครู่หนึ่งคิตตี้เข้ามาในร้านกระซิบกระซาบกับชมพู่ พอเปิดประตูร้านออกไป ชมพู่หูตาสดใสราวกับไม่ได้เป็นลม เพราะมีชายร่างบึกบึนให้ทั้งคิตตี้และชมพู่มองเป็นอาหารตา ทั้งสองนางรีบวิ่งเริงร่าไปหาหนุ่มๆด้วยอาการดี๊ด๊า
จะเด็ด บะหมี่และเกี๊ยวเดินจงกรมตามกันอยู่อย่างศรัทธา ครู่หนึ่งมีเงินมายื่นตรงหน้า จะเด็ดเบิกจาดู แล้วหยุดเดินกะทันหันจนบะหมี่กับเกี๊ยวแทบหัวทิ่ม แต่คนที่ยื่นเงินให้จะเด็ดคือกรณ์ ลูกชายที่กลับเนื้อกลับตัวแล้วเอาเงินมาให้พ่อ จะเด็ดโผกอดลูกชายอย่างสุดปลื้ม บะหมี่กับเกี๋ยวทำเป็นเข้าไปกอดจะเด็ด จนได้เงินมาคนละห้าร้อย แล้วจึงค่อยกันมากอดกันเองอย่างมีความสุข
ลุงอ่ำ คนเฝ้าตลาดร่วมใจเกื้อเปิดกล่องของขวัญที่สดศรีกับณดาให้ปรากฏว่าเป็นสร้อยทอง ลุงอ่ำยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณกับขวัญและกำลังใจที่เจ้าของตลาดมอบให้
มุมหนึ่งนั้น ชายศักดิ์ยื่นตลับแหวนให้สดศรีแบบไม่ทันตั้งตัว สดศรีอึ้งไป ลุงอ่ำกับณดารีบเดินแยกไปไม่อยากเป็นก้างขวางคอ สดศรีรับตลับแหวนนั้นมาแล้วเปิดออกดูปรากฏว่าเป็นพระพิมพ์ สมศรีแกล้งงอน คิดว่าจะเป็นแหวนเพชร แต่แล้วเธอแอบยิ้มชอบใจแววตาเป็นประกาย
ณดาเดินออกมาจากสำนักงานตลาด ศักดิ์ชายยื่นช่อดอกไม้ให้ตรงหน้า แล้วเดินเคียงข้างกันอย่างมีความสุข
ที่ร้านกาแฟ อาโกเอาโอเลี้ยงมาแขวนให้อย่างรวดเร็วแล้วต๋องหยิบมาดูด อาโกเห็นแล้วโวยชี้ไปที่โต๊ะหนึ่ง กิมลั้งที่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่แล้วเดินมาหาราวกับจะหาเรื่อง ต๋องไม่ยอมแพ้เช่นกันรีบหยิบหลอดออกมาปักลงในถุงโอเลี้ยง แล้วดูดไปพร้อมๆกัน แต่กิมลั้งสังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่างในถุงโอเลี้ยง จึงแกะถุงโอเลี้ยงดูปรากฏว่ามีแหวนอยู่ในนั้น กิมลั้งถึงกับตะลึง ต๋องรีบหยิบแหวนออกจากถุงแล้วคุกเข่าลงสวมแหวนให้กิมลั้ง จากนั้นชมพู่คิตตี้ก็เข้ามาสวมมงกุฎดอกไม้ให้ทั้งคู่ แล้วชมพู่กับคิตตี้ดึงมือทั้งคู่ออกไปนอกร้านกาแฟอาโก
วงดนตรีร่วมใจเกื้อเล่นดนตรีคลอเบาๆ คนในตลาดทยอยออกมาแสดงความยินดีกับต๋องและกิมลั้ง และคนสุดท้ายที่ออกมายินดีคือ “กิมฮวย” คู่กรณีตลอดกาลของต๋องที่พ่ายแพ้ความจริงใจ และความดีของว่าที่ลูกเขย ชาวตลาดร่วมกันร้องเพลงกันอย่างมีความสุข ภายในตลาดร่วมใจเกื้อที่ดูแลกันด้วยความรักและความปรารถนาดีที่ร้อยรักนี้ให้ตลาดอบอวลแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
จบบริบูรณ์