หลังจากเครื่องบินร่อนลงจอดสนามบินสุวรรณภูมิ ชาวไทยจำนวนมากต่างแห่ต้อนรับเพื่อร่วมแสดงความยินดีกับน้องนก-นพวรรณ เลิศชีวกานต์ หลังจากเธอคว้าตำแหน่งดับเบิ้ลแชมป์เยาวชนทั้งประเภทหญิงคู่และหญิงเดี่ยว ทำให้ตลอดระยะเวลาทั้งอาทิตย์ เธอเป็นผู้ที่ได้รับความสนใจมากที่สุด
บ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (12 ก.ค. ) M-Lite มีนัดกับสาวน้อยคนนี้แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลานี้เธอมีนัดให้สัมภาษณ์ตลอดทั้งวัน แม้จะกลับมาจากช่วงพักเหนื่อย “นพวรรณ เลิศชีวกานต์” หรือ “นก” เยาวชนนักเทนนิสของไทย ก็ยังสามารถทำหน้าที่ของเธอเองได้เป็นอย่างดี
ภาพของสาวน้อยนัยน์ตาหยี ผิวสีแทน รอยยิ้มที่ยังคงเป็นมิตร แม้จะเหนื่อยล้าจากการพูดคุยกับสื่อมวลชนมาอย่างมากมาย
“ชุดนี้ล่ะกันนะ ชุดโปรดของนก” น้ำเสียงห้าวๆ ของเธอบ่งบอกถึงบุคลิกอย่างตรงไปตรงมา
สาวน้อยมาในชุดมินิเดรสเกาะอก สีขาวดำลายตาราง พร้อมเครื่องประดับ และรองเท้าส้นสูง อีกทั้งยังคงประแป้ง ริมฝีปากแลดูชมพูระเรื่อ สลัดภาพลักษณ์ของนักหวดที่เคยเห็นกันบนคอร์ตเทนนิส มานั่งพูดคุยกับ M-Lite
“ไปคอร์ตเทนนิสกับพ่อแม่และพี่สาวทุกวันครั้งแรกที่ได้ลองจับไม้ จับลูกเทนนิส มันก็รู้สึกชอบ รู้สึกสนุกกับมัน แล้วได้ลองเล่นยิ่งทำให้ตัวเองรู้ว่าชอบมาก” ความรู้สึกแรกที่ทำให้เธอชื่นชอบกีฬาเทนนิส
“จากนั้นเราก็ตีมาเรื่อย เล่น ซ้อม คลุกคลีอยู่กับเทนนิสตลอดเวลา จนตอนอายุ 7 ขวบ ได้เข้าไปแข่งขันในระดับภาคเหนือ ได้ที่ 3 จำไม่ได้หรอกว่าครั้งแรกที่ลงแข่งนั้นรู้สึกยังไง รู้แต่ว่าครั้งแรกแข่งก็ไม่ชนะ ก็ร้องไห้เลยเพราะเรารู้สึกว่าไม่อยากแพ้ แพ้แล้วมันจะไม่ได้โอกาสให้แก่ตัวเองอีก”
การซุ่มซ้อมอย่างหนักมาตลอด พ่อจึงผันให้เธอมาเล่นกีฬาเทนนิสอย่างจริงจัง ตอนอายุ 12 ขวบ จึงหันมาตั้งใจฝึกซ้อมอย่างหนัก ทุ่มเทให้แก่กีฬาเทนนิสอย่างเดียว
“พ่อบอกว่าเราควรจะเลือกสักทางหนึ่ง ถ้าจะเรียนก็เรียน จะเป็นนักกีฬาก็เป็น และพี่สาวเราเขารักสวยรักงาม พ่อก็เลยมาฝึกหนักให้แก่นกคนเดียว”
เมื่ออายุ 15 ปี นกได้ย้ายเข้ามาอยู่ในความดูแลของครอบครัวศิริวัฒน์ ผู้ที่คอยดูแลเรื่องของกีฬาและการเข้าสังคม ความเป็นอยู่ที่มาอยู่ในช่วงฝึกซ้อมก่อนเดินสายแข่งขันในระดับเยาวชน
ตลอดระยะเวลาที่พักอาศัยอยู่กับครอบครัวศิริวัฒน์ ทำให้นกเองรู้สึกว่าเธอกลายเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่ง ด้วยการดูแลเอาใจใส่ ทั้งเรื่อง กิริยามารยาท การเข้าสังคม การเรียน เรื่องราวของวัยรุ่นที่เธอมักปรึกษากับพี่น้องศิริวัฒน์ทั้ง 4 คน
“เรื่องทุกอย่างเราจะปรึกษาพ่อบ้าง น้ามล (นฤมล ศิริวัฒน์) ส่วนใหญ่ก็ปรึกษาเรื่องการเข้าสังคม การใช้ชีวิต การฝึกซ้อมเทนนิสบ้าง บางทีก็ปรึกษาเรื่องแฟชั่นวัยรุ่นกับพี่น่าน(พี่สาวคนโตของครอบครัวศิริวัฒน์) เพราะพี่น่านจะเป็นคนสนุกสนานเฮฮาหน่อย ส่วนเรื่องเรียนการทำรายงานก็จะปรึกษาเนิ่น (บุตรสาวคนรอง) เพราะคนนี้จะเก่ง ช่วยทำการบ้านหรืองานต่างๆ ได้”
ในสนามแห่งความเป็นจริง ผู้คนรอบข้างต่างก็เป็นกำลังใจและเป็นที่ปรึกษาให้แก่เธอเป็นอย่างดี ทั้งคุณพ่อ และครอบครัวศิริวัฒน์ ทำให้เธอดูมีความมั่นใจทุกครั้ง หากเมื่อไหร่ที่ลงสนามแข่งขันแล้วนอกจากกำลังใจจากบุคคลเหล่านี้ เธอยังมีความเชื่อและสิ่งของที่ช่วยเป็นกำลังใจก่อนลงแข่งขันและทำให้เธอเองก้าวมาสู่แชมป์เยาชน
“เราก็พกพระ 3 องค์ แล้วก็มีหินก้อนหนึ่ง เห็นแล้วมันรูปร่างสวยมาก ก็เก็บมาจากสนามที่อังกฤษ ก็พกหินนั้นมาตลอดการแข่งขันก็ชนะมาตลอด แล้วความเชื่อของนกจะมีอยู่ว่าเข้าห้องน้ำห้องเดิม อาน้ำห้องสุดท้าย เวลาลงสนามก็จะไม่เหยียบเส้น เพราะเส้นคือสิ่งที่กรรมการจะขานลงหรือออกก็ได้”
“ชอบเฟดเดอร์เรอร์และเซเรนามาก” เธอบอกอย่างนั้น
“ที่ชอบเฟดเดอร์เรอร์เพราะเขาเป็นคนที่เก่งมาก พอไปเจองานปาร์ตี้ที่ผ่านมา เห็นเขาแล้วยิ่งปลื้มมากกว่าเดิม เขาแข่งมาเหนื่อยมาก คนทั้งงานรอเขาคนเดียว ผู้ใหญ่ในวงการเทนนิสก็มาเต็มไปหมด เขาก็ทักทายทุกคนเลย เป็นคนที่ไนซ์มากทักทายคนเป็นร้อย ถ้าเป็นเราเหนื่อยขนาดนี้เราคงหนีกลับไปนานแล้ว พอมาเจอเราเขายกมือไหว้ และบอกว่าชอบเมืองไทยมาก”
“ส่วนเซเรนา วิลเลียมส์ ชอบลูกเสิร์ฟเขา อยากเสิร์ฟได้แบบนั้นบ้าง มันดูง่ายๆ นะแต่ว่าเป็นลูกเสิร์ฟที่แรงมาก เขาเคยมาที่บ้านด้วยไปชอปปิ้งกัน กินข้าวด้วยกัน พอไปในงานเขาก็เข้ามากอด และแสดงความยินดีกับเรา ”
นอกจากความชอบในเทนนิสแล้ว สิ่งที่เธอชอบคือเรื่องของแฟชั่น ถึงขั้นบอกกับเราว่า หากตนไม่ได้เป็นนักเทนนิส ก็อยากเป็นสไตลิสต์ ออกแบบเสื้อผ้า
“ส่วนใหญ่ชอบไปชอปปิ้งตามห้าง แต่ถ้าไม่มีเวลามากนักก็จะไปตลาดอ่อนนุช สวยและก็ถูกดี เราซื้อเสื้อผ้าไม่ได้ยึดที่แบรนด์เนม แต่ชอบเสื้อผ้าที่ดูแล้วเข้ากับบุคลิกเรามากกว่า ถ้าไปแข่งแล้วเห็นลดราคาเราก็ไปเข้าไปซื้อทันทีเลย ”
“เราชอบใส่มินิเดรสมาก ตอนนี้ก็หัดเริ่มแต่งหน้าจากพี่ๆ อัปเดตเทรนด์จากนิตยสารบ้าง ในกระเป๋าก็จะพกลิปบาล์ม ครีมกันแดดไว้ตลอดเวลา ถึงตอนนี้เวลาแข่งขันเราไม่ได้แต่งหน้า แต่ถ้าลงเล่นอาชีพก็ต้องมีแต่งกันบ้าง เสื้อผ้าตอนลงสนามเราก็จะดูแบบอย่างจาก แอนนา อิวาโนวิช มากกว่า”
เธอยังบอกอีกว่าหากไม่ได้เป็นนักเทนนิสในวันนี้ อยากเป็นสไตลิสต์มีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเอง แต่กว่าจะก้าวไปเป็นสไตลิสต์ทางด้านแฟชั่นให้ผู้คนมากมายรู้จัก ขอเป็นสไตลิสต์แฟชั่นทางด้านกีฬาเทนนิสแทนก็ได้เช่นกัน
“รักครั้งแรกเมื่อไหร่” คำถามที่เราหวังอยากรู้ เพราะบุคลิกห้าวๆ ของเธอเช่นนี้ ในมุมเล็กๆ ของสาวน้อยผู้นี้อาจมีบ้างเช่นกัน
“รักครั้งแรกตอนอายุ 10 ขวบ ก็ปลื้มพี่เขามาก เป็นนักกีฬาเทนนิส เขามาสอนเราตีทุกวันเลย เป็นนักเทนนิสที่เก่งที่สุดในภาคเหนือตอนนั้น ตอนนี้ได้ข่าวว่าเขาเป็นช่างภาพ แต่พี่เขาไม่เคยรู้เลย ถ้าเขาอ่านคงจะรู้คราวนี้แหละ (หัวเราะ) เรื่องอื่นอาจจะดูมีความมั่นใจนะ แต่เรื่องความรักเราจะเป็นคนขี้อายมากๆ ”
“ชอบผู้ชายสูง ยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้เราตั้งใจกับเทนนิสมากกว่า มันเป็นเรื่องอนาคตเพราะตอนนั้นเราอาจจะเจอคนที่พร้อมกว่านี้ก็ได้” เธอบอกเราสั้นๆ
บนถนนที่ก้าวเข้าสู่สนามเทนนิสของเธอผู้นี้ แม้จะมุ่งมั่นไปในเรื่องของเทนนิสมาตั้งแต่ก้าวออกจากรั้วโรงเรียนมา ตั้งแต่ ม.2 เธอเองก็ยังคงเรียนอยู่ที่การศึกษานอกโรงเรียน แต่สิ่งที่ได้จากการเล่นกีฬาเทนนิส ที่ต้องเดินทางบ่อย พบเจอสังคมที่หลากหลาย ทำให้วันนี้บางมุมความคิดของเธอดูโตเป็นผู้ใหญ่กว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน
“บางครั้งก็รู้สึกเหมือนกันว่าขาดเพื่อน แต่เราตัดสินใจเลือกมาเส้นทางนี้ก็ทิ้งไม่ได้ ถ้ามีเวลาว่างเสาร์อาทิตย์เราก็จะไปกับเพื่อนๆ บ้าง ไปเจอเพื่อนก็รู้สึกว่าเขาดูเด็กกว่าเราเยอะเลย เพราะเราเดินทางบ่อย เห็นอะไรมาเยอะด้วยมั้ง ”
ในช่วงเวลาต่อจากนี้ ชื่อของ นก-นพวรรณ เลิศชีวกานต์ กำลังจะก้าวเข้าสู่การแข่งขันระดับอาชีพ ที่เธอเองยังคงมุ่งมั่นกับการซ้อมเพื่อให้ก้าวไปสู่ความฝันในระดับอาชีพให้ได้สูงที่สุด
“ในระดับอาชีพ นกก็ต้องฝึกซ้อมเยอะขึ้น อาจจะเหนื่อยกว่าเดิมเยอะ เพราะเป็นก้าวแรกที่จะไปสู่ระดับอาชีพ ก็หนทางอีกยาวไกลเราก็ต้องเตรียมตัวเอาไว้ก่อน เพราะความหวังของเราอยู่ที่อยากติดอันดับ 1 ใน 20 ของโลก แต่ถ้าได้ก็อยากไปให้สูงกว่านี้”
“เราก็อยากแข่งกับ เซเรน่า วิลเลียมส์ ด้วย พอถึงตอนนั้นเขาคงอายุมากแล้ว อาจจะชนะได้สบายๆ (หัวเราะ)” เธอเล่าถึงคู่แข่งในอนาคตอย่างติดตลก
********************
ภาพโดย : วรงค์กรณ์ ดินไทย