เมื่อพูดถึงปัญหาผมบางหรือศีรษะล้านแล้ว อาจทำให้บรรดาหนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่หลายคนต้องวิตกกังวลกับภาพลักษณ์ที่ไม่มีใครต้องการไปตามๆ กัน ซึ่งการวิจัยพบว่าหากชายไทยเกาะกลุ่มกันมา 3 คน จะพบ 1 คนที่ศีรษะล้าน ซึ่งสาเหตุที่ต้องสูญเสียผมที่รักไปนั้น มาจากกรรมพันธุ์ถึง 90% ทีเดียว
นพ.สุรเดช พงษ์รัตนากูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยกรรมปลูกผม กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยมีปัญหาผมร่วง ศีรษะล้านจำนวนมาก โดยชายไทย 1 ใน 3 จะมีปัญหาผมร่วง ในขณะที่หญิงไทยพบ 1 ใน 10 โดยปัญหานี้มีสาเหตุมาจาก 3 ปัจจัย คือ จากกรรมพันธุ์ ด้วยการถ่ายทอดทางยีนศีรษะล้าน พบมากถึง 90 % หรืออาจเกิดจากโรคบางชนิด เช่น เชื้อราหนังศีรษะ โลหิตจาง คลอดบุตร และฮอร์โมนทำงานผิดปกติ ซึ่งหากรักษาโรคหายเป็นปกติปัญหาผมร่วงก็จะหมดไป และปัจจัยที่สามก็คือ เซลล์เส้นผมเสื่อมตามสภาพ เมื่อมีอายุมากขึ้น และความเครียด ซึ่งปกติคนจะมีเส้นผมประมาณ 1 แสนเส้น และจะมีการหลุดร่วงตามธรรมชาติ วันละ 50 - 100 เส้น ถือว่าปกติ และจะงอกขึ้นใหม่ภายใน 3 - 4 เดือน
เพศชายจะมีปัญหาผมร่วงมากกว่าหญิง เนื่องจากมีฮอร์โมนเพศชายชื่อ Testosterone แปรสภาพเป็นฮอร์โมนที่มีชื่อว่า DHT หรือ Dihydrotestosterone มีฤทธิ์ไปยับยั้งการงอกใหม่ของเส้นผม จนสุดท้ายเกิดปัญหาศีรษะล้าน ประกอบกับคนที่มียีนศีรษะล้านอยู่แล้ว จะยิ่งเกิดปัญหามากกว่าคนปกติ โดยสังเกตได้จากศีรษะเริ่มเถิก เป็นรูป 3 ง่าม ที่บริเวณหน้าผาก และมีอาการศีรษะล้านเป็นรูปไข่ดาวกลางศีรษะและขยายใหญ่ขึ้นไปบรรจบกับไรผมบริเวณหน้าผาก
การรักษาที่ถูกต้องจะต้องไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งสามารถรักษาได้ 2 วิธี คือ รักษาด้วยยา ทั้งยากิน และยาทา โดยยากินจะมีฤทธิ์ยับยั้งฮอร์โมนเพศชายแปรสภาพเป็นฮอร์โมน DHT จึงทำให้ผมหลุดร่วงน้อยลง โดยจะต้องกินยาต่อเนื่องเป็นเวลานานตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป และส่วนมากจะต้องกินยาตลอดชีวิต และใช้วิธีปลูกผมควบคู่กันไปจึงจะได้ผล แต่ยากินจะมีผลข้างเคียงคือ ทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง จากการลดฮอร์โมนเพศชายของตัวยา จึงต้องให้แพทย์เป็นผู้จ่ายยาให้เท่านั้น
นอกจากนี้โรคเครียดยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของโรคผมร่วงเป็นหย่อม อีกด้วย ปัจจุบันโรคผมร่วงมีสาเหตุหลักมาจากความเครียดมากถึง 90% ซึ่งกลุ่มเสี่ยงจะเป็นหนุ่มสาว เหล่ามนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย
เนื่องจากคนกลุ่มนี้ต้องเผชิญกับปัญหาความเครียด โดยการจดจ่ออยู่กับงานมากถึง 6 วันต่อสัปดาห์ มีรูปแบบการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ ประกอบกับปัญหาทางครอบครัวและเศรษฐกิจ ทำให้เกิดความเครียดสะสมนำมาซึ่งปัญหาทางสุขภาพอีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม ชาวประชากระหม่อมบางอย่าเพิ่งเสียใจ เพราะเราอยากบอกคุณว่า ไม่ว่าภาพลักษณ์คุณจะเป็นเช่นไร ก็ไม่ได้ทำให้หน้าที่การงานหรือความสามารถของคุณลดลง อย่างบรรดาบุคคลสำคัญของโลกมากมายที่สร้างประวัติศาสตร์ให้โลกต้องจารึก หรือวีรกรรมที่ถูกบันทึกลงในหนังสือเรียนของเรามาจวบจนปัจจุบันนี้ ซึ่งเรามองบุคคลเหล่านั้นว่าเป็น “อัจฉริยะกระหม่อมบาง”
เริ่มด้วยบุคคลสำคัญด้านการเมือง อย่าง “นิโคไล เลนิน” (Nikolai Lenin) นักปฏิวัติชาวรัสเซีย มีชื่อจริงว่า วลาดิเมียร์ อุลยานอฟสค์ (Vladimir Ulyanovsk) ชื่อเลนินนั้นเป็นนามแฝงที่เขาใช้ในการทำงานกับขบวนการปฏิวัติใต้ดินของพวกมาร์กซ์ ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์บอลเชวิคภายใต้การนำของเลนินได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดในปี ค.ศ.1921 ปัจจุบัน ศพของเขาถูกเก็บรักษาไว้ไม่ให้เน่าเปื่อย และประดิษฐานอยู่ที่จัตุรัสแดง
รวมไปถึง “มิคาอิล เซร์เกเยวิช กอร์บาชอฟ” (Mikhail Sergeyevich Gorbachyov) รัฐบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สหภาพโซเวียตรัสเซีย (ค.ศ.1985-1991) และประธานาธิบดีแห่งสหภาพสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียต (USSR) (ค.ศ.1988-1991) ความพยายามปฏิรูปสหภาพของกอร์บาชอฟได้นำไปสู่การยุติสงครามเย็น และการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ต่อมาในปี ค.ศ.1990 กอร์บาชอฟได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
อีกบุคคลหนึ่งที่โลกไม่ลืมอย่าง “มหาตมะ คานธี” (Mahatma) ผู้นำคนสำคัญกับการเคลื่อนไหวเรียกร้องอิสรภาพของอินเดียจากการเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักรโดยใช้วิธีอหิงสา ซึ่งภายหลังได้กลายเป็นต้นแบบของการประท้วงแบบสันติที่ได้รับการยกย่อง มีชื่อเต็มว่า โมหันทาส กรรมจันท คานธี ค.ศ. 1916 คานธีเริ่มก่อกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิเสรีภาพให้แก่ประชาชนอินเดีย และเรียกร้องโดยวิธีขอความร่วมมือผนึกกำลังคนละเล็กคนละน้อยจนเป็นพลังที่สั่นประเทศได้ ประกอบกับในช่วงนั้น อินเดียเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ทำให้ต้องมีการเรียกร้องสิทธิที่อังกฤษพยายามกดขี่ชาวอินเดีย
การต่อสู้เพื่อคนอินเดียดำเนินไปอย่างต่อเนื่องแต่ใน ค.ศ.1922 ได้เกิดเหตุใช้กำลังต่อสู้กันอีกครั้ง คานธีถูกจับกุมในฐานะผู้ก่อความไม่สงบ และถูกศาลตัดสินจำคุก 6 ปี และตั้งแต่ถูกปล่อยตัว คานธีก็หันไปแก้ไขปัญหาที่เกิดจากภายในประเทศก่อน เช่น ฟื้นฟูเศรษฐกิจชนบท แก้ไขปัญหาการถือชนชั้นวรรณะในอินเดีย ปัญหาความขัดแย้งระหว่างศาสนาฮินดูกับมุสลิม ปัญหาความไม่เสมอภาคของสตรี และปัญหาต่างๆ ที่ไม่ได้เกิดจากการกดขี่จากต่างประเทศ และในที่สุด 15 สิงหาคม ค.ศ.1947 อินเดียเป็นอิสระจากอังกฤษโดยสมบูรณ์ ซึ่งในปี ค.ศ.1948 มหาตมะ คานธี ได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ แต่ถูกลอบสังหารเสียก่อน
ด้านจีนแผ่นดินใหญ่ก็ยังมี “เหมา เจ๋อ ตุง” (Mao Tse-Tung) ผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนใน ค.ศ.1921 และปีเดียวกัน เขาเป็นแกนนำหยุดงานประท้วงของคนงานเหมืองแร่ที่อันหยวน เขียนหนังสือ "พลังปฏิวัติเบ่งบานออกมาจากปากกระบอกปืน" แล้วก่อตั้งกองทัพแดงกรรมกรและชาวนา ตามด้วยกองทัพปลดแอกประชาชน ปฏิบัติการ "ป่าล้อมเมือง" จนมีชัยเหนือเจียง ไค เช็ก ต่อมาเหมา เจ๋อ ตุง ได้กุมอำนาจรัฐเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จึงสถาปนาประเทศจีนเป็น "สาธารณรัฐประชาชนจีน" และดำรงตำแหน่งประธานสาธารณรัฐจนถึง ค.ศ.1969
มุมของวิทยาศาสตร์เองก็มีบุคคลสำคัญอยู่หลายท่าน อย่าง “กาลิเลโอ กาลิเลอี” (Galileo Galilei) กาลิเลโอเป็นนักวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และดาราศาสตร์ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคนหนึ่งของโลก โดยเฉพาะผลงานด้านดาราศาสตร์ เช่น พบจุดดับบนดวงอาทิตย์ พบบริวารของดาวพฤหัสบดี พบทางช้างเผือก พบว่าดาวมีหลายประเภท เป็นต้น การพบลักษณะการแกว่งของวัตถุซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นเครื่องจับเวลา และนาฬิกาลูกตุ้ม อีกทั้งการที่เขาสามารถพัฒนาสร้างกล้องโทรทรรศน์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้วิชาการด้านดาราศาสตร์มีความเจริญก้าวหน้า
กาลิเลโอมักมีแนวความคิดที่แตกต่างไปจากคนอื่นเสมอ เขาจะไม่ยอมเชื่อทฤษฎีต่าง ๆ ที่ได้รับการเผยแพร่ออกมาทั้งในอดีตและในยุคนั้น กาลิเลโอต้องทำการทดลองเสียก่อนที่จะเชื่อถือในทฤษฎีข้อนั้น และด้วยนิสัยเช่นนี้ทำให้เขาได้รับฉายาว่า The Wrangler หมายถึง "ผู้เชี่ยวชาญ" นั่นเอง
รวมทั้ง “ชาลส์ โรเบิร์ต ดาร์วิน” (Charles Robert Darwin) นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษผู้ตั้งทฤษฎีวิวัฒนาการ จากแนวความคิดที่ว่าการพัฒนาการของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดเป็นกระบวนการที่เกิดอย่างช้าๆ ซึ่งเรียกว่า"การคัดเลือกโดยธรรมชาติ" (Natural Selection) ในปี ค.ศ.1859 เขาได้พิมพ์หนังสือชื่อว่า การเกิดสปีชีส์ (The Origin of Species) หนังสือเล่มนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากมีความสนใจและยอมรับความคิดของดาร์วิน แต่ประชาชนส่วนใหญ่กลับไม่เห็นด้วย จึงได้มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวางและเกิดความขัดแย้งกันเป็นอย่างมาก จนเมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี ทฤษฎีนี้ก็ได้แพร่หลายและแทรกซึมเขาไปในแนวความคิดของผู้คน ดาร์วินได้รับการคัดเลือกให้เป็นสมาชิกของ French Acadamy of science อันทรงเกียรติในปี ค.ศ.1878 ด้วย
หรือในอีกมุมเบาๆ ทางด้านดนตรีกับความสามารถอันโดดเด่นของ “ปีเตอร์ ไชคอฟสกี้” (Peter Tchaikovsky) นักประพันธ์เพลงชื่อก้องโลกชาวรัสเซีย ผู้มีโอกาสได้เดินทางท่องเที่ยวไปยังหลายประเทศในยุโรปตั้งแต่ยังวัยเยาว์ ทำให้เขาได้พบกับดนตรีคลาสสิก เมื่อเขากลับถึงบ้าน เขาจึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจเรียนดนตรีอย่างจริงจัง เขาหวังจะเอาดีทางดนตรีให้จงได้ เขาทำงานและเรียนดนตรีไปพร้อมๆ กัน จนกระทั่ง ค.ศ.1863 เขาจึงตัดสินใจลาออกจากงานที่เขาประจำอยู่ และเรียนดนตรีเพียงอย่างเดียวอย่างหนักทั้งทางภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ซึ่งผลงานสองชิ้นแรกของเขาคือ เพลง Overture, the storm และเพลง Overture in C minor รวมไปถึงผลงานเพลงที่ถูกนำไปประกอบการแสดงบัลเลต์หลายเรื่องอย่าง The Nutcracker, The Swan Lake และ Sleeping Beauty
เหล่านี้คือส่วนหนึ่งของบุคคลตัวอย่างที่มีความสามารถ ความรู้ ความเฉลียวฉลาดเข้าขั้นอัจฉริยะในหน้าที่การงาน ทั้งนี้ทั้งนั้นพวกเขาได้ชื่อว่าเป็น อัจฉริยะ(กระหม่อมบาง)ก็ด้วยความมานะ พยายาม และความตั้งใจจริงที่จะทำสิ่งที่ต้องการให้ประสบความสำเร็จ
ดังนั้น หากคุณหรือคนใกล้ตัวเป็นคนหนึ่งที่มีความตั้งใจจริงเช่นบุคคลเหล่านี้แล้วล่ะก็ จงจดจำไว้ว่า... ไม่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะเป็นเช่นไรคุณก็สามารถประสบความสำเร็จตามสิ่งที่คุณฝัน และสามารถเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้โลกนี้ได้เหมือนกัน
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก http://www.thaihealth.or.th/