ปธ.พรรคเพื่อไทย ไอเดียบรรเจิดโชว์นโยบาย “ไทยร่มเย็น เป็นมิตรเพื่อบ้าน” ชี้ปัญหาความขัดแย้งคนในชาติเป็นเรื่องใหญ่จวกรัฐบาลแก้ไม่ตรงปัญหา ติงนายกฯให้ความสำคัญเพื่อนบ้าน จัดโปรแกรมบินลงใต้พบ ปชช.พรุ่งนี้
วันนี้ (2 พ.ย.) พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค พร้อมนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวนโยบาย “ไทยร่มเย็น เป็นมิตรเพื่อนบ้าน” เป็นนโยบายด้านความมั่นคงและด้านต่างประเทศ
โดย พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเรามีปัญหา ความขัดแย้งคนในชาติมาโดยตลอด แต่มารุนแรงเพิ่มมากขึ้นหลังรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ซึ่งสร้างให้เกิดความขัดแย้งทางความคิด วันนี้ถ้าติดตามจะเห็นว่าได้แพร่ขยายไปทุกองค์กร ลงมาถึงครอบครัว ความขัดแย้งแบ่งคนเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งคิดว่าอีกกลุ่มเป็นเผด็จการทหาร อีกกลุ่มชี้กลับมาว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา ใช้เงินเพื่อให้ได้รับการเลือกตั้ง ภายหลังรัฐประหาร รัฐบาลหวังแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในบ้านเมือง แต่แก้ไม่ถูกแก้ไม่เป็น รัฐบาลที่มารับผิดชอบต้องเห็นใจ เขาทำดีที่สุด แต่ก็ยังไม่มีแนวทางอันใดทำให้ประชาชนเข้าใจได้ว่าจะแก้ได้ แนวทางรัฐบาลมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจซึ่งยังไม่บรรลุเป้าหมาย ความเป็นจริงการแก้เศรษฐกิจไม่ใช่ปัญหาหลักของชาติ แต่ปัญหาความขัดแย้งคนในชาติ หากจบลง การลงทุนจากภายนอก มันจะหมุนไปเอง เรื่องดังกล่าวเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยห่วงใย
พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า จากความขัดแย้งในชาติส่งผลไปประเทศเพื่อนบ้านด้วย ประเทศไทยเคยเป็นหนึ่งในอาเซียน เคยเป็นที่หวังจากมิตรประเทศ เป็นหลักในการผลักดันสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่ออาเซียน และเขาก็ผิดหวังเหมือนกัน ความสัมพันธ์เรากับเพื่อนบ้านก็มีปัญหา น่าห่วงใย ที่มาชี้แจงไม่ได้มุ่งหวังกล่าวโทษนำสิ่งไม่ดี ไม่ถูกต้องมาพูดกัน แต่หวังแสดงแนวทางพรรคเพื่อไทยเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งคนในชาติ ขณะเดียวกัน เรื่องความขัดแย้งพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ ตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามายังไม่เห็นการแก้ไขเหมือนกัน แม้นายกฯจะเป็นคนขยัน มีเจตนารมณ์ทำงาน แต่ก็แก้ไม่ตรงกับปัญหา เมื่อวันที่31 ต.ค.นายกฯไปพบปะนักธุรกิจ 5 จังหวัดใต้ ที่ อ.หาดใหญ่ ท่านพูดทุกปัญหา แต่ไม่ได้กล่าวถึงความขัดแย้งคนในพื้นที่
“น่าเสียดาย เมื่อท่านกลับมาแล้ว เพื่อนคนหนึ่งโทร.มาหาตนบอกว่าได้ยินการพูดลักษณะดังกล่าวมา 20-30 ปีแล้ว เพราะฉะนั้น นโยบายของเรา ไทยร่มเย็น เป็นมิตรกับเพื่อนบ้าน มีความสำคัญมาก พรรคเราจะมุ่งมั่นแก้ปัญหาหลัก ให้เสร็จสิ้นบนความจำกัด ทั้งเรื่องอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่และอีกหลายด้าน แต่ที่เรามีคือ การสนับสนุนจากประชาชนที่ต้องการให้เราแก้ไขปัญหา แม้จะเป็นพรรคฝ่ายค้าน”
พล.อ.ชวลิต กล่าวอีกว่า วันนี้เราได้เสนอแนวทาง และบอกกับสังคมมาโดยตลอดว่า ความขัดแย้งวันนี้ไม่ใช่ของแปลกใหม่ แต่เกิดมา 77 ปี นับแต่คณะราช เอาพระราชอำนาจมาจาก ร.7 และได้พยายามสร้างสรรค์เปลี่ยนแปลงการปกครอง พยายามถ่ายเทอำนาจจากพระองค์ท่านมาให้ประชาชน จากรัชกาลที่ 5 มาถึงรัชกาลที่ 6 กำลังสำเร็จ แต่เราไปหยิบฉวยมาก่อน พระองค์ท่านจึงรับสั่งยินดีให้มอบพระราชอำนาจให้ประชาชน ไม่ใช่กลุ่มบุคคลหนึ่งบุคคลใด
พล.อ.ชวลิต กล่าวอีกว่า กลุ่มคนชี้อีกกลุ่มเป็นเผด็จการทหาร และได้รับตอบมาว่าเอ็งก็เป็นเผด็จการรัฐสภา คนไทยเชื่อยังมีการปกครองอยู่ที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยของปวงชนจริงๆ เรายังไม่มีรัฐบาลโดยประชาชน เพื่อประชาชน คือสิ่งเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข เราต้องแก้ไขปัญหาในอดีต ที่ผ่านมาปี 2475 ยึดอำนาจ 2476 กบถบวรเดช 2477 พระองค์ท่าน (รัชกาลที่7) สละอำนาจ เมื่อปี 2507 เกิดความแตกแยกขนาดหนัก คนไทยจับอาวุธ 20 ปีหลังจากนั้นถึงแก้ปัญหาได้ เมื่อแก้ได้ จึงหวังแก้ปัญหาการเมืองการปกครองที่ไม่เป็นธรรม สถานการณ์ในบ้านเมืองพัฒนารูปแบบต่างๆ จึงมาสู่สีเสื้อต่างๆ ในปัจจุบัน
ประธานพรรคเพื่อไทยกล่าวต่อว่า การแก้ปัญหาที่รัฐบาลพยายามจะแก้ปัญหา เพื่อให้ระบบเป็นไปโดยประชาชน เพื่อประชาชน พยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น เห็นว่าแนวทางที่จะแก้ คือต้องเป็นไปอย่างเป็นธรรม ไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลกระโดดข้ามขั้นตอนตรงนี้ โดยให้ความสำคัญกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มองว่าแก้มามากแล้วถึง 18 ฉบับ แต่ปัญหาก็ยังแก้ไขไม่ได้ ทางที่ดี ควรรวมพลังมาทำงานให้ประชาชนเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม อย่างรัฐบาลจีน ถึงแม้เป็นคอมมิวนิสต์ แต่ให้ความสำคัญกับประชาชนก่อน จากนั้นจึงมาแก้ไข พัฒนา เรื่องการปกครอง ซึ่งต่างจากสหภาพโซเวียต สมัยประธานาธิบดีกอร์บาชอฟ ขณะนั้นที่มัวยึดหลักระบบให้เป็นไปโดยประชาชน เพื่อประชาชน มุ่งเน้นแก้รัฐธรรมนูญ จนประเทศเกิดความเสียหาย
“ที่ยกตัวอย่าง เพราะไม่อยากเห็นรัฐบาลแก้ปัญหาอย่างไม่ถูกทาง เพราะสิ่งสำคัญและไม่ยากเย็น แม้แต่น้อยในการแก้ปัญหา แต่รัฐบาลไม่ดำเนินการ จึงเป็นห่วงว่า ถ้าไม่แก้ ยังเป็นเช่นนี้ คนที่ไม่มีอำนาจ พี่น้องประชาชนจะลุกขึ้นมาแก้ แล้ววันนั้นพวกเราจะเสียใจที่สุด เพราะต้องการความรุนแรงอย่างแน่นอน” พล.อ.ชวลิต ย้ำ
พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า สำหรับการสร้างความเป็นธรรมในภาคใต้ ไม่ใช่เรื่องที่ยาก ปัญหามาจากความคับแค้นเพราะการเมืองการปกครองที่ไม่เป็นธรรม หากจับจุดตรงนี้ได้ก็สามารถแก้ปัญหาได้ พรรคเพื่อไทยเสนอแนวทาง นครปัตตานี ที่ลักษณะคล้ายกับนครเชียงใหม่ คือให้มีการออก พ.ร.บ.ให้ประชาชนสามารถดูแลตัวเอง โดยให้เกียรติกับประชาชนในพื้นที่ แต่ยังอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมายไทย ส่วนรายละเอียดขึ้นอยู่กับรัฐบาล
ทั้งนี้ ในวันที่ 3 พ.ย.ตนจะลงไปพบปะประชาชน คาดว่าการลงไปครั้งนี้จะมีประชาชนมาร่วมรับฟังการสัมมนากว่า 2,000 คน แม้เราไม่ได้มีอำนาจ งบประมาณหรือกำลังทหาร แต่คนในพื้นที่ก็ยังมีน้ำใจให้กับเรา เป็นสิ่งที่มีค่ามหาศาลมากกว่าเงินทอง
พล.อ.ชวลิต ยังกล่าวต่อว่า ในการแก้ไขปัญหากับประเทศเพื่อนบ้าน คือ สิ่งที่มีความสำคัญมาก ไม่เข้าใจทำไม ผู้ปกครองของเราถึงไม่เข้าใจตรงนี้ อยากให้เข้าใจว่า สิ่งใดที่อยู่ใกล้ สำคัญกว่าสิ่งที่อยู่ไกล ภายในสำคัญกล่าวภายนอก ถ้าตระหนักก็จะรู้ว่าประเทศเพื่อนบ้านก็หวังที่จะได้น้ำใจและความจริงใจจากเรา เรื่องนี้เพื่อไทยให้โดยมาตลอดกว่า 20 ปีมาแล้ว ประเทศเพื่อนบ้านมีความสำคัญสูงสุดต่อประเทศของเรา
อย่างไรก็ตาม ทราบว่าผู้นำเพื่อนบ้านไม่สบายใจกับผู้ปกครองของเรา และที่เดินทางไปกัมพูชาไปพูดคุยด้วยความจริงใจเพื่อประโยชน์ประเทศ แต่ข่าวที่ออกมาสู่ตรงกันข้าม ที่เขากล่าวมาก็ด้วยหัวใจ ที่รักตัวทักษิณ ไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไรเลย ไปกระแทกจิตใจใครบางคนได้อย่างไร
พล.อ.ชวลิต กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน กลางเดือน พ.ย. เดินทางไปกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ทำแผนทำงานร่วมกัน อาทิ ไปหารือที่เราจะช่วยปลูกข้าว มาเลเซียอาจมาช่วยเราปลูกยาง และร่วมทำอุตสาหกรรมฮาลาลด้วยกัน จากนั้นจะไปประเทศพม่า ซึ่งเป็นมิตรที่ดีต่อเรา เพียงแต่เราต้องมองเขาเป็นมิตรด้วย ต่อจากนั้นจะไปประเทศเวียดนาม ไปเยี่ยม นายหงอเวียนย๊าป วีรบุรุษเดียนเบียนฟู ซึ่งเป็นเพื่อนตนอายุ 90 ปีแล้ว ต่อจากนั้น จะไปหาเยือนประเทศลาว ไปหาพี่น้องลาว ซึ่งตนมีเพื่อนเป็นรัฐมนตรีหลายคนเหมือนกัน เสร็จสิ้นหลังจากนั้นจะเดินทางประเทศจีน ขอรับรองว่านโยบายของเรา มีเจตจำนงแม้จริงนำความสงบสุขมาสู่พี่น้องคนไทย
เมื่อถามว่า รูปแบบนครปัตตานีเป็นอย่างไร พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า การออกรายละเอียดต้องมีการพูดคุยกัน ถ้าไม่พูดก็ไม่รู้ นครปัตตานีเหมือนเชียงใหม่ กทม. คือ ต้องออก พ.ร.บ.ให้เขามีขอบเขตดูแลตนเอง โดยเฉพาะวิถีชีวิต มุสลิมของเขา การดำเนินการใด ต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมายไทย คือให้เกียรติเขาดูแลตนเองได้ในระดับหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่าการลงพื้นที่ 3 จังหวัดใต้จะเชิญ พล.อ.สนธิ ไปด้วยหรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ได้เชิญทุกท่าน ทั้ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน นายเด่น โต๊ะมีนา นายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ นายแวมาฮะดี แวดาโอะ ส.ส.นราธิวาส พรรคเพื่อแผ่นดิน นายเจ๊ะอามิง โต๊ะตาหยง ส.ส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ โดยการลงไปครั้งนี้จะไปฟังความเห็น องค์กรประชาสังคม ที่ประกอบด้วยส่วนต่างๆ ที่เราได้ติดต่อและทำงานร่วมกันมาหลายปีแล้ว อย่างไรก็ตาม ที่ไม่ได้ลงไปก่อนหน้านี้เพราะเกรงว่าจะไปขัดขวางการทำงานรัฐบาลแต่วันนี้ต้องขออนุญาต การแก้ไขปัญหาทุกอย่างไม่มีคำว่าพรรคหรือพวก มีแต่ประเทศไทยที่เป็นผลประโยชน์ของชาติ
เมื่อถามว่าได้เชิญ พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี ไปลงพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ไม่ได้เชิญ แต่ทุกคนมีสิทธิ์ลงไปได้หมด ถ้าอยู่ในห้องสัมมนาไม่ได้ อยู่ข้างนอกก็ได้ จะได้ต่อไมโครโฟน และทีวี ออกมาก็เหมือนอยู่ในห้องเดียวกัน
เมื่อถามว่าการไปกัมพูชา เหตุใดเรื่องที่พล.อ.ชวลิตอยากสื่อสารไม่ออกมา แต่ออกมาท้ายๆ พล.อ.ชวลิต กล่าวติดตลกว่า ต่อไปจะเอาเรื่องที่อยากออกไว้ท้ายๆ เลย
เมื่อถามว่าเหตุใดรัฐบาลให้ความสำคัญกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มากกว่าการแก้ปัญหาให้ประเทศ พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า ไม่ทราบจริงๆ เดี๋ยวไปถามรัฐบาลให้ เมื่อถามถึงกรณีนายกฯ หารือกับ ผบ.ทบ.และแสดงความแปลกใจกับการลงพื้นที่ของประธานพรรคเพื่อไทย พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ท่านคงเป็นอย่างนั้นเอง ที่สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็เป็นธรรมดา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกำหนดการลงพื้นที่ภาคใต้ จ.ปัตตานี ของ พล.อ.ชวลิต ในวันที่ 3 พ.ย.นี้ จะออกเดินทางโดยเครื่องบินเวลา09.20น.จากสนามบินดอนเมืองไปลงสนามบินหาดใหญ่ จ.สงขลา จากนั้นจะมีกำหนดการเวลา 14.00 น.พบปะประชาชน และตัวแทนองค์กรภาคต่างๆ ที่โรงแรมเซาว์เทินร์วิว จ.ปัตตานี โดยจะเดินทางกลับ กทม.ถึงสนามบินดอนเมืองในเวลา 21.00 น.