xs
xsm
sm
md
lg

เปิดบัญชีความสุขกับนายธนาคาร "aston27"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พิทยากร ลีลาภัทร์
หากถามตัวเองว่าเคยเข้าธนาคารกันบ้างไหม น้อยคนนักที่จะตอบปฏิเสธ เนื่องจากชีวิตประจำวันของเราต่างก็ต้องทำธุรกรรมทางการเงินกันเป็นปรกติ บางคนนอกจากหวังจะได้เห็นยอดเงินฝากที่งอกเงยแล้ว ยังหวังไปถึงดอกเบี้ย หรือผลกำไรอื่น ๆ ที่จะตามมาด้วย เพราะนั่นหมายถึงผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้นในทุก ๆ วัน แต่จะมีสักกี่คน ที่ได้นำรูปแบบการทำธุรกรรมที่จับต้องได้นี้ มาเปรียบเทียบกับการทำธุรกรรม "ความสุข"

พิทยากร ลีลาภัทร์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท แคททาลิสท์ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นอีกคนหนึ่งที่มีพื้นที่เล็ก ๆ บนโลกออนไลน์ กับบล็อกที่ตั้งชื่อว่า aston27 โดยมาจากชื่อทีมฟุตบอลที่เขาชื่นชอบ และเขาเองได้เป็นผู้หยิบยกเรื่องราวของการทำธุรกรรมทางความสุขมาเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ผ่านทางหนังสือพ็อกเก็ตบุ๊กที่ตั้งชื่ออย่างน่าสนใจว่า "ธนาคารความสุข"

นายธนาคาร aston27 เปิดเผยถึงชีวิตที่ผ่านมาของเขาว่า "ในชีวิตนี้อยากทำหลายอย่าง ทั้งตากล้อง นักตัดต่อหนัง อาจารย์ คอลัมนิสต์ ดีเจ แต่ที่มีโอกาสได้ทำจริง ๆ ก็คือดีเจ (ปัจจุบันเขาจัดรายการอยู่ที่คลื่น 98.5 GoodFM) ส่วนคอลัมนิสต์นั้น อยากเป็นแต่ก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร จนวันหนึ่ง เทคโนโลยีมันเอื้อให้เราสามารถทำได้ นั่นก็คือ ยุคที่มีบล็อก (Blog) เกิดขึ้น ผมจึงเลือกที่จะบอกเล่ามุมมองต่าง ๆ ผ่านบล็อก"

พิทยากรเล่าว่า เขาเริ่มเขียนบล็อกครั้งแรกตั้งแต่ปี 2549 ก่อนหน้านั้น อินเทอร์เน็ตเป็นเหมือนที่ที่เขาเข้าไปเพื่อช่วยตอบกระทู้คำถามของนักท่องเน็ตคนอื่น ๆ แต่เมื่อเข้าไปตอบคำถามตามกระทู้นาน ๆ เข้า ก็พบว่าปัญหามันเริ่มวนกลับมาที่จุดเดิม จึงทำให้เขาเริ่มที่จะเบื่อโลกของกระทู้ ดังนั้น เมื่อโลกอินเทอร์เน็ตได้มีโอกาสต้อนรับเพื่อนใหม่ที่มีชื่อว่า บล็อก (Blog) เขาจึงเป็นคนหนึ่งที่ย้ายตัวเองไปหาพื้นที่เล็ก ๆ บนบล็อกแทน

"ตอนแรกคิดว่า เขียนได้ 20 เรื่องก็คงจะตันแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่ใช่ เพราะบล็อกค่อนข้างเปิดกว้างให้เราเขียนอะไรก็ได้ ผมเลยเขียนเกี่ยวกับมุมมองส่วนตัว หรือเรื่องใกล้ตัวของตัวเอง เช่น ห้องเก็บของ ผมไปรื้อของในห้องเก็บของแล้วพบว่ามีแต่ของเต็มไปหมด ของที่เราคิดว่าจะได้ใช้ในสักวันหนึ่ง หรือมันคงมีประโยชน์ในวันข้างหน้า ของที่ระลึกต่าง ๆ มากมาย ถ้าเราทิ้งอะไรไปบ้างก็คงดี จิตใจคนเราก็เหมือนกัน การที่เราเก็บเรื่องไม่ดีเอาไว้เยอะ ๆ โดยเฉพาะเรื่องไม่ดีของคนอื่น จะทำให้เรารู้สึกว่าโลกนี้มันช่างแย่จัง ดังนั้น เราจะไปเก็บไว้เพื่ออะไร"

ฟังแล้วคงพอทราบถึงแนวทางในการเขียนบล็อกของ aston27 ใช่แล้ว เขาเลือกที่จะเขียนบล็อกเกี่ยวกับธรรมะ โดยบอกเล่าถึงธรรมะแบบง่าย ๆ เพื่อไม่ให้คนทั่วไปรู้สึกว่ากำลังรับประทานยาขม

"ช่วงที่เริ่มเขียนบล็อกคือช่วงที่เริ่มเข้าใจวิปัสสนามากขึ้น เลยสะกิดใจให้เราเขียนเรื่องนี้บ่อยกว่าเรื่องอื่น ๆ เมื่อก่อนผมเป็นคนคิดมาก ช่างสังเกต อัตตาเยอะ ทั้งหมดที่ประกอบกันมันทำให้เรารู้สึกว่าไม่ค่อยมีความสุข ขาดอะไรอยู่ตลอดเวลา แม้กระทั่งในเวลาที่เราคิดว่าเราโชคดีแล้วนะ แต่มันก็ดีใจไม่สุด ผมเลยตั้งคำถามกับชีวิตตลอดว่ามันมีอะไรมากกว่านี้หรือเปล่า ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ไหน"

"หรือตอนที่กำลังจะมีลูกคนแรก ทำไมคนอื่นเขามีความสุข แต่เรากลับทุกข์ เราผิดปกติตรงไหนหรือเปล่า เป็นพ่อที่ใช้ไม่ได้หรือเปล่าที่ไม่ยินดีกับการที่ลูกมาเกิด ส่วนหนึ่งเพราะพี่มีความเชื่อว่า การเกิดเป็นทุกข์ด้วย ตอนนั้นก็เคยคิดว่าจะบวชดีไหม แต่ก็มีคนทักว่า การบวชไม่ใช่คำตอบ ผมเลยไปเรียนวิปัสสนา เพื่อจะได้รู้ว่าจะจัดการกับความทุกข์อย่างไร ซึ่งตอนแรก ๆ ผมก็ไปผิดทางเหมือนกัน จนมาได้พบกับอาจารย์ที่ดี นั่นก็คือ พระอาจารย์ ปราโมช ปราโมชโช จึงได้ฝึกปฏิบัติเรื่อยมา"

สำหรับบล็อกของ aston27 ที่เลือกบอกเล่าเกี่ยวกับธรรมะ ปัจจุบันมีผู้อ่านเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีผู้อ่านบนสังคมออนไลน์โหวตให้ติดอันดับยอดเยี่ยมเกี่ยวกับธรรมะ หรือ Best Dharma Blog มาแล้วด้วย ระยะเวลา 3 ปีที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวดี ๆ ผ่านจอคอมพิวเตอร์ของพิทยากรจึงเป็นมากกว่าที่หลายคนคิด

"ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยวัดจำนวนผู้อ่าน เพราะมันคงเทียบไม่ได้กับบล็อกที่บอกเล่าเรื่องส่วนตัว ชีวิตประจำวัน ที่มีคนสนใจมากกว่า ส่วนบล็อกของเรา คนคงมองว่า ธรรมะ เป็นเรื่องที่ไม่น่าสนใจนัก แต่สิ่งที่ผมประทับใจกับบล็อกแห่งนี้คือ มีผู้อ่านคนหนึ่งเข้ามาอ่านแล้วบอกให้เรารู้ว่า เพราะบล็อกของเรา จึงทำให้เขายังมีชีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้"

หนังสือธนาคารความสุข พ็อกเก็ตบุ๊กเล่มแรกของพิทยากรที่มาพร้อมหน้าปกสีเหลืองอ่อนนั้น เป็นเครื่องมือที่ดีอีกชิ้นหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่นิยมธรรมะย่อยยาก

"ธนาคารความสุข เป็นหนังสือที่ตีพิมพ์บทความบนบล็อกของผมที่ต้องการสื่อให้ผู้อ่านได้เปรียบเทียบความสุข - ความทุกข์ในจิตใจเหมือนการฝากธนาคาร แต่เราเก็บไว้ในรูปของสติปัญญา หนังสือเล่มนี้ ผมตั้งใจเขียนเรื่องธรรมะให้อ่านง่าย ไม่ได้มีเจตนาให้ใช้เป็นคู่มือสำหรับการศึกษาธรรมะชนิดละเอียดลออ แต่พยายามบอกว่า ธรรมะอยู่กับทุกชีวิต ทุกลมหายใจมาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว เพียงแต่น้อยคนจะเปิดใจเรียนรู้ ส่วนหนึ่งเพราะกลัวกับศัพท์เทคนิคต่าง ๆ เช่นคำว่า วิปัสสนา แต่เมื่อได้รู้จัก และเข้าใจความจริงของกายใจตัวเองแล้ว จะพบว่าธรรมะไม่เคยหนีหายไปไหนจากชีวิตเรา แม้สักขณะจิตเดียว"

เมื่อถามว่า หากเปรียบเทียบความสุขกับการทำธุรกรรมทางการเงิน สิ่งที่ใช้ฝาก-ถอน ยอดสะสมนั้นคืออะไร เขาตอบสั้น ๆ ว่าคือ "ความรู้สึกตัว" ซึ่งเมื่อสะสมไว้มากพอ มันจะหล่อเลี้ยงให้จิตเกิดปัญญา เห็นความเปลี่ยนแปลงของกายและใจตามความเป็นจริง และเมื่อเห็นสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง จะได้ทราบว่าชีวิตนี้ ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน ทุกอย่างเป็นของชั่วคราวเสมอกันหมด ซึ่งนั่นทำให้จิตของเราฉลาดขึ้น

"เงื่อนไขข้อเดียวของธนาคารคือ ฝากแล้วห้ามคาดหวัง ว่าจะได้ถอนมาใช้เมื่อไหร่ พูดง่าย ๆ คืออย่าโลภ ถ้าอยากเมื่อไหร่ ให้รู้เข้าไปซื่อ ๆ ว่ามันคือความอยาก แล้วจะได้ฝากเพิ่มโดยอัตโนมัติ"

aston27 บอกว่า ถ้าจิตสะสมความรู้สึกตัวนี้ไว้มากพอ เมื่อถึงจุดหนึ่งในเวลาที่มีสิ่งมากระทบจิตใจแล้วเกิดความทุกข์ ธนาคารจะส่งเจ้าหน้าที่ชื่อ "คุณสติ" ไปคุ้มครองโดยไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย ซึ่งในจุดนี้อาจบอกได้ว่า เขาเปรียบธรรมะกับโลกได้อย่างไฮเทคมากทีเดียว

"ธรรมะไม่ใช่เรื่องยาก หรือน่าเบื่ออย่างที่หลายคนคิด แต่กลับมีคุณประโยชน์ต่อชีวิตอย่างล้นพ้น ผมอยากจะบอกทุกคนว่าความสุขหาได้จากจิตใจของเราเอง ไม่ใช่จากกระเป๋าราคาแพง หรือรถยนต์คันหรู ผมขออนุโมทนาที่อุดหนุนหนังสือของผม และส่วนหนึ่งของรายได้ที่ผมได้รับจากการเขียนและการจัดจำหน่าย ผมจะเอาไปทำบุญบำรุงสืบทอดพระศาสนาต่อไปด้วยครับ"

อ่านมาถึงบรรทัดนี้ คงต้องถามว่า วันนี้ คุณเปิด "บัญชีความสุข" แล้วหรือยัง ถ้ายังนายธนาคารชื่อ aston27 พร้อมแล้วที่จะเปิดบัญชีให้คุณ

ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
aston27
กำลังโหลดความคิดเห็น