xs
xsm
sm
md
lg

ธุรกิจเสื้อผ้า-สิ่งทอ กระทบหนัก กสิกรไทยแนะ SMEsปรับตัวรับวิกฤต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายธนาคารเตือนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ปรับตัวรับผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจโลก แนะประกันค่าเงินบาท เพราะค่าเงินบาทผันผวน จี้รัฐลงทุนโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ต่อเนื่อง สร้างเม็ดเงินหมุนเวียน กระตุ้นการใช้จ่ายผู้บริโภค

นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวถึงปัญหาวิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐ ที่ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินทั่วโลก ว่าธุรกิจเอสเอ็มอี จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวในทางอ้อม เพราะกลุ่มเอสเอ็มอีผลิตสินค้าส่งให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมส่งออก นอกจากนี้กลุ่มเอสเอ็มอีที่ต้องพึ่งพาตลาดท่องเที่ยวอาจได้รับผลกระทบจากจำนวนนักท่องเที่ยวสหรัฐและยุโรปลดลง โดยจะเห็นผลกระทบได้อย่างชัดเจนในปีหน้า ขณะที่ภาคการเงินได้รับผลกระทบจากเม็ดเงินไหลออก ซึ่งต้องติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด

นายปกรณ์ กล่าวว่า แม้สถาบันการเงินไทยจะมีสภาพคล่องในระบบอยู่ประมาณ 400,000-500,000 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอต่อการปล่อยกู้ให้ผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่และรายเล็ก แต่กลุ่มเอสเอ็มอีมีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ทำให้การกู้เงินจากสถาบันการเงินค่อนข้างยาก ดังนั้นจึงต้องดูแลสภาพคล่องของตัวเองให้ดี ในส่วนของธนาคารไม่ได้เข้มงวดในหลักเกณฑ์การปล่อยกู้มากขึ้นกว่าเดิม โดยจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะขึ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อติดตามลูกค้าเอสเอ็มอีที่อนุมัติสินเชื่อไปแล้วอย่างใกล้ชิด และเข้าช่วยเหลือลูกค้าที่เริ่มส่งสัญญาณว่าจะมีปัญหาทางด้านการเงิน

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเอสเอ็มอีในกลุ่มเสื้อผ้าและสิ่งทอน่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุด ส่วนในอุตสาหกรรมอื่นจะได้รับผลกระทบรุนแรงแค่ไหนขึ้นอยู่กับการกระจายตลาดส่งออกไปยังตลาดใหม่ ๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ ควบคุมต้นทุนการผลิตและหากธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ควรลงทุนปรับปรุงหรือซื้อเครื่องจักรใหม่ เพราะค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นและอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ ทำให้ต้นทุนการลงทุนใหม่ลดลง และสถาบันการเงินควรให้การสนับสนุนด้านความรู้ควบคู่ไปกับการปล่อยสินเชื่อ

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวด้วยว่า ในปีนี้การเติบโตของเศรษฐกิจและการขยายตัวของธุรกิจเอสเอ็มอีมาจากธุรกิจส่งออกสินค้าเกษตร แต่ในปีหน้าการเติบโตของเศรษฐกิจคาดว่าจะมาจากการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ซึ่งรัฐต้องเร่งสานต่อการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ เพื่อนำร่องการลงทุนในภาคเอกชน และกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยในส่วนของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีปีหน้าต้องปรับตัวพึ่งตลาดส่งออกน้อยลง หาตลาดใหม่ทดแทนตลาดเดิม และทำประกันค่าเงินบาท เนื่องจากภาวะค่าเงินบาทผันผวน โดยคาดว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในระดับคงที่ หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 3.75 เพราะแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อลดลง ขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีทิศทางปรับลดลง แต่ต้องรอดูสถานการณ์ที่ชัดเจนอีกระยะหนึ่ง
กำลังโหลดความคิดเห็น