เกียวโดนิวส์ (5 มิย.) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียกล่าวเมื่อวันพุธว่า ขณะนี้ยังไม่มีเงื่อนไขที่จะกลับมาเจรจากับญี่ปุ่นเกี่ยวกับสนธิสัญญาสันติภาพหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกล่าวโทษโตเกียวที่ทำลายความสัมพันธ์ทวิภาคีด้วยการสนับสนุนยูเครน
ในระหว่างการประชุมกับตัวแทนสำนักข่าวต่างประเทศในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ปูตินกล่าวว่ารัสเซียไม่ได้ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมการเจรจาดังกล่าว แต่หากจะให้เกิดขึ้น ญี่ปุ่นจำเป็นต้องเปลี่ยนจุดยืนในเรื่องสงครามในยูเครน
“ญี่ปุ่นทำไปทุกอย่างแล้ว” ปูตินกล่าว โดยการเจรจาทวิภาคีเกือบทั้งหมดหยุดชะงักนับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากการรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2565
ในเดือนมีนาคมของปีนั้น มอสโกได้ประกาศระงับการเจรจาสนธิสัญญาสันติภาพกับโตเกียว โดยวิพากษ์ว่า ญี่ปุ่นไม่เป็นเยี่ยงมิตร ที่ร่วมกับสหรัฐฯ และประเทศตะวันตกอื่นๆ บังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเกี่ยวกับการรุกรานดังกล่าว
ในระหว่างการประชุมกับตัวแทนสื่อนอกรอบการประชุมเศรษฐกิจระหว่างประเทศที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ปูตินยังกล่าวอีกว่า เขาจะไม่ขัดข้องกับการไปเยือนเกาะนอกฮอกไกโดของญี่ปุ่นที่โตเกียวอ้างสิทธิ โดยย้ำว่าเกาะเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนรัสเซีย
ปูตินกล่าวว่า การไปเยือนหมู่เกาะเหล่านี้จะก่อความเสียหายให้ความสัมพันธ์ทวิภาคีน้อยกว่าการที่ญี่ปุ่นเข้าร่วมกับสหรัฐฯ และประเทศในยุโรป ในความพยายามที่จะนำมาซึ่ง "ความพ่ายแพ้ทางยุทธศาสตร์" ของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม เขาตั้งข้อสังเกตว่าไม่มีแผนที่เขาจะไปเยือนเกาะเหล่านี้ในทันที ซึ่งบ่งชี้ว่าเขายุ่งอยู่กับเรื่องอื่น
ญี่ปุ่นและรัสเซียขัดแย้งกันเรื่องอำนาจอธิปไตยของเกาะทั้ง 4 เกาะ ซึ่งถูกสหภาพโซเวียตยึดครองภายหลังการยอมจำนนของประเทศในเอเชียในสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 15 ส.ค.2488
ข้อพิพาทเกี่ยวกับเกาะเอโตโรฟุ คุนาชิริ และชิโกตัน รวมถึงกลุ่มเกาะฮาโบไม ซึ่งเป็นที่รู้จักในญี่ปุ่นในชื่อดินแดนทางเหนือ และในรัสเซียในชื่อหมู่เกาะคูริลตอนใต้ ทำให้ทั้งสองประเทศไม่สามารถลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพหลังสงครามได้
การประชุมที่ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงเต็มไปด้วยคำถามเกี่ยวกับการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ปูตินเตือนว่าการตัดสินใจล่าสุดโดยสมาชิกนาโต (NATO) ที่จะอนุญาตให้ยูเครนโจมตีดินแดนรัสเซียด้วยอาวุธที่พวกเขาจัดหามาอาจทำให้สถานการณ์บานปลายยิ่งขึ้นไปอีก
ปูตินกล่าวต่อหน้านักข่าวจากสื่อตะวันตกรายใหญ่ รวมถึงดิแอสโซซิเอตเต็ทเพรส รอยเตอร์ และสำนักข่าว DPA ของเยอรมนี เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้นว่า "รัสเซียสามารถใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้"
เมื่อกล่าวถึงหลักการด้านนิวเคลียร์ของเครมลิน เขาเตือนว่า จะอนุญาตให้ใช้อาวุธดังกล่าวเพื่อตอบสนองต่อการกระทำที่ "คุกคามอธิปไตยหรือบูรณภาพแห่งดินแดน" ของรัสเซีย
เขาเรียกร้องให้สหรัฐฯ และประเทศในยุโรปหยุดส่งอาวุธให้เคียฟ ขณะเดียวกันก็อ้างว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในสมรภูมิยูเครนนั้นสูงกว่าประเทศของเขาถึง 5 เท่า
สำหรับความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งระหว่างรัสเซียกับเกาหลีเหนือ ปูตินเน้นย้ำว่าเป็นเพื่อนบ้านกัน และมอสโกจะยังคงพัฒนาความสัมพันธ์ต่อไป “ไม่ว่าคนอื่นๆ จะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ก็ตาม”
เกาหลีเหนือได้จัดหาขีปนาวุธและอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กองกำลังรัสเซียที่สู้รบในยูเครน ตามการระบุของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่ตะวันตกอื่นๆ ที่เชื่อว่าเปียงยางกำลังรับเทคโนโลยีทางทหารขั้นสูงจากมอสโกเป็นการตอบแทน
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ปูตินแนะนำว่าปัญหานี้ไม่น่าจะได้รับการแก้ไข ตราบใดที่เปียงยางรู้สึกว่ากำลังเผชิญกับภัยคุกคามจากภายนอก