รัฐสภารัสเซียเตรียมพิจารณาออกกฎหมายยึดเงินสดและทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ ของบุคคลที่ “เผยแพร่ข้อมูลเท็จ” เกี่ยวกับปฏิบัติการทางทหารของมอสโก
วยาเชสลาฟ โวโลดิน ประธานสภาผู้แทนราษฎรรัสเซีย (ดูมา) ได้โพสต์ข้อความผ่านเทเลแกรมเมื่อวันเสาร์ (20 ม.ค.) โดยระบุว่ามาตรการนี้จะถูกนำไปใช้กับบุคคลที่พยายามปลุกระดม “กิจกรรมหัวรุนแรงสุดโต่ง” หรือเรียกร้องให้ต่างชาติคว่ำบาตรรัสเซีย รวมถึงผู้ที่ “ดิสเครดิต” กองทัพ ซึ่งถือเป็นความผิดอาญาตามกฎหมายที่รัสเซียนำมาบังคับใช้เพื่อปิดปากผู้ต่อต้าน หลังมีการส่งทหารบุกยูเครนเมื่อเดือน ก.พ. ปี 2022
“ทุกคนที่พยายามทำลายรัสเซีย ทรยศต่อรัสเซีย จะต้องได้รับโทษอย่างสาสม และชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศด้วยทรัพย์สินของพวกเขาเอง” โวโลดิน กล่าว
ประธานสภาดูมายังเตือนด้วยว่า ภายใต้ร่างกฎหมายใหม่นี้ ผู้ใดก็ตามที่พยายามดิสเครดิตกองทัพหมีขาวจะถูกถอดจากตำแหน่งที่ตั้งให้เพื่อเป็นเกียรติยศ (honorary titles) ด้วย
ร่างกฎหมายดังกล่าวกำลังจะถูกส่งเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรรัสเซียในวันนี้ (22)
กฎหมายห้ามดิสเครดิตกองทัพที่รัสเซียใช้อยู่ในปัจจุบันครอบคลุมความผิดหลายกรณี เช่น “สนับสนุนการก่อการร้าย” และ “เผยแพร่เฟกนิวส์” เกี่ยวกับกองทัพ เป็นต้น โดยมันถูกใช้เป็นเครื่องมือปิดปากพวกที่กล้าวิจารณ์ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน และทำให้นักเคลื่อนไหว บล็อกเกอร์ รวมถึงพลเมืองรัสเซียทั่วๆ ไปถูกจำคุกกันไปแล้วหลายคน
สื่อทางการรัสเซียรายงานเมื่อเดือน ธ.ค. ปีที่แล้วว่า บอริส อาคูนิน (Boris Akunin) หนึ่งในนักเขียนนวนิยายชื่อดังที่สุดของรัสเซีย ถูกดำเนินคดีฐานละเมิดกฎหมายนี้ และยังโดนรัฐบาลสั่งขึ้นบัญชีดำเป็น “กลุ่มหัวรุนแรงและผู้ก่อการร้าย” ด้วย
ดมิตรี กลูคอฟสกี (Dmitry Glukhovsky) นักเขียนชื่อดังอีกคน เพิ่งจะถูกศาลมอสโกพิพากษาจำคุกลับหลังจำเลยเป็นเวลา 8 ปี หลังศาลไต่สวนพบว่ามีความผิดฐานเผยแพร่ข่าวปลอมเกี่ยวกับกองทัพรัสเซีย
เมื่อเดือน พ.ย. ศาลนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กได้สั่งจำคุก 7 ปี ซาชา สโกชิเลนโก (Sasha Skochilenko) ศิลปินและนักดนตรีหญิงชาวรัสเซีย หลังจากที่เธอนำป้ายข้อความต่อต้านสงครามไปติดแทนป้ายราคาสินค้าในซูเปอร์มาร์เกต และก่อนหน้านั้นก็มีบล็อกเกอร์ที่ชื่อ อเล็กซานดร์ นอซดรินอฟ (Aleksandr Nozdrinov) โดนโทษจำคุกไป 8 ปีครึ่ง ฐานโพสต์ภาพอาคารในกรุงเคียฟของยูเครนที่ถูกทำลาย รวมถึงใส่แคปชันว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือทหารรัสเซีย
ที่มา : AP