เกียวโดนิวส์ (2 พ.ย.) การปล่อยน้ำกัมมันตภาพรังสีที่ผ่านการบำบัด จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิลงสู่ทะเลครั้งที่ 3 เริ่มขึ้นเมื่อวันพฤหัสบดี โดยที่จีนและรัสเซียคัดค้านความเคลื่อนไหวดังกล่าวตลอดมานับตั้งแต่เดือนสิงหาคม
บริษัท โตเกียว อิเล็คทริค พาวเวอร์ โฮลดิ้งส์ อิงค์ เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนที่จะปล่อยน้ำบำบัดประมาณ 460 ตันต่อวัน ห่างจากชายฝั่งประมาณ 1 กิโลเมตรผ่านอุโมงค์ใต้น้ำจนถึงวันที่ 20 พ.ย.
การปล่อยน้ำครั้งล่าสุดถือเป็นครั้งที่ 3 ใน 4 ครั้ง ที่กำหนดจะดำเนินการภายในสิ้นเดือนมีนาคมปีหน้า เพื่อปล่อยน้ำรวมประมาณ 31,200 ตันที่เก็บไว้ในถังที่โรงไฟฟ้า
ในระหว่างการเปิดเผยครั้งก่อน ผู้ปฏิบัติงานกล่าวว่า ตรวจพบสารกัมมันตภาพรังสีทริเทียมได้ 22 เบคเคอเรลต่อน้ำทะเล 1 ลิตรในตัวอย่างที่นำมาจากพื้นที่ใกล้ทางออก ซึ่งต่ำกว่าขีดจำกัดขององค์การอนามัยโลกที่ 10,000 เบคเคอเรลสำหรับน้ำดื่ม
จีน รัสเซีย และชาวประมงท้องถิ่นในจังหวัดฟุกุชิมะ ออกมาคัดค้านการตัดสินใจของรัฐบาลญี่ปุ่นที่จะปล่อยน้ำ
จีนบังคับใช้คำสั่งห้ามนำเข้าอาหารทะเลของญี่ปุ่นแบบครอบคลุม หลังจากรอบแรกเริ่มขึ้นในช่วงปลายเดือนสิงหาคม และรัสเซียก็ดำเนินการเช่นเดียวกันในเดือนตุลาคม โตเกียวเรียกร้องให้ทั้ง 2 ชาติยกเลิกข้อจำกัดทางการค้าทันที โดยระบุว่าอ้างระงับโดยไม่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
รัฐบาลญี่ปุ่นรับประกันความปลอดภัยของการปล่อยน้ำต่อไปเป็นเวลา 3 ทศวรรษ โดยจะมีการเจือจางเพื่อลดระดับไอโซโทปให้เหลือน้อยกว่า 1,500 เบคเคอเรลต่อ 1 ลิตร หรือหนึ่งในสี่สิบ ของความเข้มข้นที่อนุญาตภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยแห่งชาติ ก่อนที่จะถูกปล่อยออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิก
รัฐบาลมองว่าการปล่อยน้ำดังกล่าวเป็นขั้นตอนสำคัญในกระบวนการรื้อถอนโรงงานฟุกุชิมะ ไดอิจิ ซึ่งประสบปัญหาการล่มสลายของเชื้อเพลิงในเครื่องปฏิกรณ์ 3 เครื่องหลังเกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิในปี 2554
น้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีที่เกิดขึ้นในกระบวนการทำให้เชื้อเพลิงเครื่องปฏิกรณ์ที่หลอมละลายเย็นลง ได้ผ่านระบบแปรรูปของเหลวที่จะกำจัดนิวไคลด์กัมมันตรังสีส่วนใหญ่ยกเว้นไอโซโทป