ญี่ปุ่นในยุคของนายชินโซ อาเบะยังคงนโยบาย “เดินตามอเมริกา” แต่นายอาเบะก็ได้สร้างสมดุลด้วยการเจรจากับประเทศต่าง ๆ ทั้งรัสเซีย เกาหลี จีน อิหร่าน หลายกรณีได้พลิกธรรมเนียมการทูตแนวอนุรักษ์นิยมของญี่ปุ่น โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเพิ่มบทบาทของกองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น
ตลอดระยะเวลากว่า 8 ปีในตำแหน่งนายกฯ ญี่ปุ่น นายอาเบะได้เดินทางเยือนประเทศต่าง ๆ กว่า 80 ประเทศ หลายดินแดนเป็นพื้นที่ที่ญี่ปุ่นไม่เคยมีบทบาทมาก่อน และเป็นการเยือนครั้งแรกในรอบหลายสิบปี นายอาเบะยังจัดตั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อผสานนโยบายการทูตกับความมั่นคง และทวงคืนบทบาทของญี่ปุ่นในเวทีโลก
สหรัฐ
นายอาเบะได้ร่วมมือกับประธานาธิบดีสหรัฐหลายสมัย ในปี 2559 ประธานาธิบดีบารัก โอบามา เดินทางเยือนเมืองฮิโรชิมา และนายอาะเบะเดินทางเยือนอ่าวเพิร์ล ฮาร์เบอร์ เป็นการสมานบาดแผลช่วงสงครามโลกระหว่าง 2 ประเทศ
เมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกตั้งเป็นผู้นำสหรัฐ นายอาเบะเดินทางไปพบกับนายทรัมป์เป็นการส่วนตัวก่อนที่นายทรัมป์จะสาบานตัวเข้ารับตำแหน่ง แหวกธรรมเนียมการทูตที่ผู้นำประเทศพบกันก่อนที่จะรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นายอาเบะและนายทรัมป์ได้ผูกความสัมพันธ์ฉันมิตรต่อกัน ทั้งคู่เล่นกอล์ฟด้วยกันหลายครั้ง นายทรัมป์เรียกนายอาเบะว่า “มหามิตร” ทำเนียบขาวเรียกความสัมพันธ์ระหว่างนายทรัมป์กับนายอาเบะว่า เป็นความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมากที่สุดในบรรดาผู้นำโลก
เกาหลี
นายอาเบะประกาศว่าต้องการจะหารือกับนายคิมจ็องอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ แบบไม่มีเงื่อนไข เพื่อสะสางปมปัญหาในอดีตที่เกาหลีเหนือลักพาตัวชาวญี่ปุ่น รวมทั้งภัยคุกคามจากแดนโสมแดงที่ข่มขู่ญี่ปุ่นด้วยการทดลองยิงขีปนาวุธหลายครั้ง แต่ยังไร้คำตอบจากผู้นำโสมแดง เนื่องจากนายคิมจ็องอึนเห็นว่าถ้าเจรจากับสหรัฐลงตัว ญี่ปุ่นก็เป็นแค่ “เบี้ยรองบ่อน”
ด้านเกาหลีใต้ นายอาเบะได้ตกลงกับประธานาธิบดีปาร์กกึนเฮ เพื่อยุติปัญหาการบังคับหญิงสาวชาวเกาหลีให้เป็น “ทาสกาม” ในช่วงสงครามโลก รัฐบาลญี่ปุ่นจัดสรรเงินทุน 1 พันล้านเยนให้กับเกาหลีใต้ เพื่อยุติความบาดหมาง แต่หลังจากเกาหลีใต้เปลี่ยนรัฐบาลในปี 2561 ประธานาธิบดีมุนแจอินได้ยุบมูลนิธิที่ดูแลกองทุนดังกล่าว และประกาศว่าจะคืนเงินให้กับญี่ปุ่น
สัมพันธภาพระหว่างญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ทรุดหนัก เมื่อศาลแดนโสมมีคำพิพากษาให้บริษัทญี่ปุ่นชดใช้เงินให้ชาวเกาหลีที่ถูกบังคับใช้แรงงานในช่วงสงคราม ทำให้ญี่ปุ่นตอบโต้ด้วยการสั่งควบคุมการส่งออกวัสดุทางเทคโนโลยีไปเกาหลีใต้ จนกลายเป็นสงครามการค้าระหว่างกัน ขณะนี้เกาหลีใต้กำลังดำเนินการยึดทรัพย์บริษัทของญี่ปุ่นในเกาหลีใต้ พร้อมร้องเรียนเรื่องนี้กับองค์การการค้าโลก หรือ WTO ส่วนญี่ปุ่นก็ตัดเส้นเลือดเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ พร้อมยืนยันว่า การเรียกร้องค่าชดใช้ต่าง ๆ ยุติไปแล้ว ตั้งแต่ทั้ง 2 ประเทศฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกัน
จีน
ในปี 2555 รัฐบาลนายโยชิฮิโกะ โนดะ ซื้อหมู่เกาะเซ็งกากุเป็นของรัฐ จุดชนวนการประท้วงอย่างกว้างขวางในจีน ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติหมางเมินกันนานถึง 7 ปี จนนายอาเบะเป็นผู้นำญี่ปุ่นคนแรกในรอบ 7 ปีที่เดินทางเยือนจีนในเดือนตุลาคม 2561
นายอาเบะตระหนักว่าจำเป็นต้องปรับความสัมพันธ์กับจีน หลังจากมีปัญหากับเกาหลีใต้ เขาได้เชิญประธานาธิบดีสีจิ้นผิงให้มาเยือนญี่ปุ่นในเดือนเมษายน ปีนี้ แต่คาดไม่ถึงว่าจะเกิดการระบาดของไวรัสโคโรนา ทำให้ต้องเลื่อนการเยือนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ญี่ปุ่นพยายามสกัดกั้นการขยายแสนยานุภาพของจีน โดยประกาศนโยบาย “อินโดแปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้าง” แต่ขณะเดียวกันก็หลีกเลี่ยงการทำให้จีนไม่พอใจ นายอาเบะไม่ไปสักการะศาลเจ้ายาสูกูนิ และเมื่อเกิดการระบาดของไวรัสโควิด รัฐบาลญี่ปุ่นก็ไม่กล่าวหาอย่างเปิดเผยเหมือนสหรัฐว่าเป็น “ไวรัสจีน”
รัสเซีย
นายอาเบะเปิดเจรจากับรัสเซีย เพื่อคลี่คลายข้อพิพาทเรื่องหมู่เกาะทางภาคเหนือ ที่ทั้งญี่ปุ่นและรัสเซียต่างอ้างกรรมสิทธิ์ ทั้ง 2 ชาติตกลงแลกเปลี่ยนการเดินทางของประชาชนที่เคยอาศัยบนเกาะเหล่านี้ รวมทั้งพัฒนากิจกรรมทางเศรษฐกิจ การเกษตร การประมงในพื้นที่ร่วมกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อสรุปสนธิสัญญาสันติภาพกับรัสเซีย แต่ก็ยังไม่บรรลุผล เนื่องจากฝ่ายรัสเซียอ่านเกมออกว่า ญี่ปุ่นหวังจะใช้สัญญาสันติภาพเพื่อทวงคืนสิทธิ์ในดินแดน
อิหร่าน
หากมองว่านายอาเบะเดินตามสหรัฐทุกฝีก้าว ความสัมพันธ์กับอิหร่านคือเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าผลประโยชน์ของญี่ปุ่นมาก่อน ขณะที่รัฐบาลของนายทรัมป์คว่ำบาตรอิหร่าน แต่ญี่ปุ่นกลับเสนอตัวเป็น “โซ่ข้อกลาง” ระหว่างสหรัฐกับอิหร่าน
นายอาเบะเป็นผู้นำพาญี่ปุ่นเข้าไปมีบทบาทในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะสานสัมพันธ์กับอิหร่าน ทั้ง ๆ ที่ญี่ปุ่นเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา นายอาเบะได้เดินทางเยือนอิหร่านเมื่อเดือนมิถุนายน ปีที่แล้ว เป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นคนแรกที่เยือนอิหร่านในรอบ 41ปี
หลังจากนั้นในเดือนธันวาคม ประธานาธิบดีฮัสซัน โรฮานี ของอิหร่าน ก็ได้มาเยือนญี่ปุ่น ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 19 ปีที่ประธานาธิบดีอิหร่านมาเยือนญี่ปุ่น
นายอาเบะยังก้าวไปอีกขั้นด้วยการอนุมัติให้ส่งเรือพิฆาต เครื่องบินลาดตระเวน และเจ้าหน้าที่กองกำลังป้องกันตนเองไปยังตะวันออกกลาง เพื่อรับประกันความปลอดภัยในการเดินเรือพาณิชย์ของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นภารกิจที่กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นไม่เคยทำมาก่อน และยังมีข้อกังขาว่ารัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นเปิดทางให้ทำได้หรือไม่ ?
เบื้องหลังเรื่องนี้ก็คือ ญี่ปุ่นซื้อน้ำมันจากอิหร่านซื้อน้ำมันจากอิหร่านมากเป็นอันดับ 3 รองจากซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถึงแม้ในระยะหลังจะลดการซื้อลงตามมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ แต่ก็ยังนำเข้าน้ำมันดิบจากตะวันออกกลางมากถึงร้อยละ 90 และส่วนใหญ่ต้องผ่านช่องแคบฮอร์มุซ แถบชายฝั่งอิหร่านกับอ่าวโอมาน เมื่อมีกรณีลอบโจมตีเรือน้ำมันในเส้นทาง นายอาเบะจึงอ้างว่า มีความจำเป็นที่ต้องส่งกองกำลังป้องกันตนเอง ไปคุ้มครองเรือที่เกี่ยวของกับญี่ปุ่น
แก้รัฐธรรมนูญ ปลดแอกสหรัฐ ?
นายอาเบะเดินเกมการทูตร่วมกับนโยบายภายในประเทศ โดยออกกฎหมายความมั่นคงเพื่อขยายขอบเขตปฏิบัติการของกองกำลังป้องกันตนเอง และเดินหน้าสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ญี่ปุ่นที่สหรัฐเป็นผู้ร่างให้ญี่ปุ่นใช้หลังสงครามโลก
ข้อเสนอแก้รัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นทำให้เกิดการประท้วงอย่างกว้างขวางในญี่ปุ่น แต่ในอีกด้านหนึ่ง การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำให้กองกำลังป้องกันตนเองมีบทบาทมากขึ้น และอาจลดการพึ่งพากองทัพสหรัฐ การได้รับฉันทามติจากประชาชนในญี่ปุ่นที่ว่ายากแล้ว แต่ได้รับความเห็นชอบจากสหรัฐนั้นยากยิ่งกว่า.