xs
xsm
sm
md
lg

สาวญี่ปุ่นมีเทคนิคติดต่อคนที่เธอห่วงใยอย่างไร

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทั้งเรื่องวิธีการติดต่อถึงชายหนุ่มที่เธอห่วงใย ทั้งเรื่องความถี่ที่เหมาะสม เนื้อหาสาร วิธีการจัดการกับการสื่อสาร ต่างๆ เป็นต้น เทคนิคเหล่านี้เพื่อตอบคำถามให้ผู้หญิงหลายคนที่ไม่กล้าติดต่อ ไม่รู้ว่าฉันควรจะติดต่อกับคนที่ฉันรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยได้อย่างไร  บ่อยครั้งแค่ไหน? เนื้อหาที่จะส่งไปจะเหมาะสมหรือเปล่า? เพราะสาวญี่ปุ่นหลายคนมักจะมีคำถามเหล่านี้เกิดขึ้นนั่นเอง
 
ตามปกติเมื่อมีคนที่เราให้ความสนใจ เราจะให้ความสำคัญกับเขาหลายๆ เรื่อง จนบางคนเกิดความวิตกกังวล ทำให้รู้สึกตื่นเต้นเมื่อต้องส่งข้อความติดต่อสื่อสารกับเขา ไม่ว่าจะทาง LINE และ e-mail ยิ่งคิดยิ่งทำให้เกิดความกังวลเพิ่มขึ้น ไม่เพียงแค่การส่งข้อความไปถึงเขาแต่เมื่อได้รับข้อความตอบกลับหรือสติกเกอร์ที่เขาส่งมาก็ทำให้เธอเกิดอาการกระวนกระวายใจขึ้นได้เล็กๆ และทำให้รู้สึกว่าต้องการที่จะอ่านมันโดยเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะตอบกลับดีหรือไม่ และตอบด้วยเนื้อหาลักษณะใด จึงพูดได้ว่าการสื่อสารบางครั้งทำให้สาวๆ เกิดความกังวลดังกล่าว บุคคลเหล่านั้นมักจะมีความรู้สึกไม่ชัดเจนหรือคลุมเคลือเกิดขึ้น

วันนี้จะกล่าวถึงประเด็นความกังวลของสาวๆ ในขณะที่มีติดต่อสื่อสารกับคนที่คุณห่วงใย ทั้งเรื่อง [ความถี่ในการติดต่อ] [เนื้อหาข้อความ] และ [จะทำอย่างไรเมื่อคุณต้องขอออกจากการสนทนา]


●วิธีติดต่อบุคคลที่คุณสนใจและห่วงใย :[ความถี่ในการติดต่อ]
 
ปัจจุบันคนในสังคมนิยมสื่อสารกันทางข้อความทั้งทาง E-mail เมื่อต้องทำงาน และข้อความ LINE ในชีวิตประจำวัน เนื่องจากเป็นเรื่องง่ายและสะดวก แต่บางครั้งเมื่อสาวๆ เกิดความสงสัยขึ้นมาว่าฉันควจะส่งข้อความต่างๆ นี้ไหม ? และจะส่งได้บ่อยเพียงใด?
เพราะถ้าส่งให้เพื่อนหรือคนในครอบครัว ก็คงไม่ต้องระวังอะไรมากนัก สามารถส่งได้มากตามที่ต้องการ แต่สำหรับคนอื่นๆ หรือที่เรารู้สึกสนใจเขาอยู่นั้น อาจจะเกิดข้อคำถามขึ้นมาว่า เราส่งไปถี่แค่ไหนจึงจะพอดี?..
ถ้าส่งข้อความไปมากๆ เขาจะรำคาญหรือเปล่า   หรือบางช่วงเวลาที่เขาตอบกลับมาช้า "ก็สงสัยว่าทำไมเขาไม่สะดวกหรือเปล่าหรือเกิดความไม่พอใจอะไรเราบ้างหรือเปล่า ...? ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะตัดสินว่าจะเอาอย่างไรดี หรือเรื่อง
ความถี่ของการติดต่อ สิ่งที่ดีที่สุดที่จะนำมาพิจารณาในประเด็นนี้คือ ต้องรู้จักบุคลิกภาพและความชอบของฝ่ายตรงข้าม เพราะความเหมาะสมและเนื้อหาต่างๆ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพและแนวโน้มความชอบของบุคคลที่คุณกำลังติดต่อ และมันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะใช้ตัดสินสำหรับวัตถุประสงค์การส่งข้อความสื่อสารของเรา ซึ่งมีผลต่อความถี่ของการติดต่อที่จะแนะนำ โดยดูที่บุคลิกภาพของชายหนุ่มใน 2 รูปแบบดังนี้
 
(1) ผู้ชายประเภทที่สบายๆ ต่อให้เราส่งข้อความไปมากแค่ไหน เขาก็ไม่ว่าอะไร
เป็นชายหนุ่มที่มีบุคลิกแบบเปิดรับการติดต่อสื่อสารทุกรูปแบบ โดยที่เราไม่ต้องเกรงใจมาก อาจจะมีวิธีสังเกตดังนี้

⚪เมื่อเราส่งข้อความไป เขาจะรีบส่งคำตอบกลับค่อนข้างเร็ว และโต้ตอบด้วยเกือบทุกครั้ง
⚪ชายหนุ่มที่มีบุคลิกภาพที่ชอบการสังสรรค์และมีการทำงานที่ต้องติดต่อสื่อสาร หรืองานบริการ
⚪ชายหนุ่มที่สนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีการสื่อสาร มักจะอัพเดทปรับปรุงโปรไฟล์และ SNS อยู่เสมอ
⚪สังเกตการตอบคำถามในการสื่อสารแบบกลุ่ม เช่นสำหรับกลุ่ม LINE เขามักจะเป็นคนแรกๆ ที่ตอบกลับข้อความของทุกคนอย่างรวดเร็วและบ่อยครั้งหรือไม่
⚪การทำงานและการศึกษามีเสถียรภาพ ชายหนุ่มประเภทที่ชอบพกสมาร์ทโฟน เป็นต้น เช่น บนโต๊ะในระหว่างมื้ออาหารก็เล่นและวางสมาร์ทโฟนไว้ไม่ห่างตัว บางคนชอบใช้การสื่อสารกับสมาร์ทโฟนมาก แม้ขณะที่ทานอาหาร บางครั้งทานไปเล่นมือถือไป และต้องวางบนโต๊ะนี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องสามารถดูได้ตลอดเวลา
 
ในกรณีนี้  มักจะหมดห่วงได้ ถ้าต้องส่งข้อความถึงเขาเพราะหนุ่มคนนั้น เขาเป็นคนชอบคุยและชอบตอบข้อความเป็นปกติอยู่แล้ว ทำให้เราไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องความถี่ของการติดต่อแม้จะส่งข้อความไปมากแค่ไหน

นอกจากนี้ ในขณะเดียวกันผู้ชายประเภทนี้ก็ชอบสื่อสารกับคนอื่นๆ เป็นอย่างมาก เขาจะเป็นคนที่มีเพื่อนจำนวนมากและเป็นสมาชิกในหลายๆ ทีม
ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นห่วงเรื่องความถี่การส่ง และไม่ต้องกังวลว่าเขาจะไม่ชอบ  แต่อาจจะพิจารณากรณีความเสี่ยงที่เขาจะลืมตอบกลับคุณแค่นั้น


(2) ชายหนุ่มประเภทที่ต้องรักษาระยะห่างระหว่างกันอย่างกลางๆ 

ชายหนุ่มประเภทนี้ตรงกันข้ามกับประเภทแรกที่นำเสนอไปเมื่อสักครู่ หนุ่มประเภทนี้จำเป็นต้องรักษาระยะห่างระหว่างกันไว้บ้างให้พอดีๆ และเสมอไป การตอบกลับข้อความจากเขาอาจจะไม่สม่ำเสมอนัก และบางทีต้องส่งไปถึงสองสามครั้งจึงจะตอบมาสักทีหนึ่ง แต่ไม่ใช่เพราะว่าสาวๆ ไม่ดี แค่เป็นบุคลิกภาพของชายหนุ่มอีกแบบที่มีอยู่เป็นจำนวนมากเสียด้วยในสังคมญี่ปุ่น

⚪ หนุ่มประเภทนี้ไม่ค่อยให้ความสําคัญกับการสื่อสารทางข้อความ การตอบกลับในกลุ่ม LINE จะช้าหรือเกือบจะไม่มีการตอบกลับเลย
⚪พวกเขามีแนวโน้มที่จะยุ่งกับการทำงานและไม่ค่อยว่างนัก
⚪เราจะไม่ค่อยเห็นเขายกมือถือหรือคอยมองคอยตรวจสอบสมาร์ทโฟนในเวลาปกติ รวมทั้งในระหว่างการรับประทานอาหาร

ดังนั้นโปรดใช้ความระมัดระวังเมื่อคุณต้องติดต่อกับชายหนุ่มประเภทนี้ คนที่มักจะไม่สนใจสมาร์ทโฟนเท่าไหร่นัก จนในบางกรณี อาจทำให้สาวๆ มีแนวโน้มที่จะคิดมาก และกังวล
เพราะว่าชายหนุ่มประเภทนี้เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้ามากกว่า เมื่อคุณรูจักลักษณะของบุคลิกภาพแบบนี้แล้วก็พร้อมรับมือ เพื่อให้คุณตระหนักถึงมันและสานต่อความสัมพันธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการเข้าไปเผชิญหน้าตรงๆ นัดพบและพูดคุยกันจะดีกว่าการสื่อสารผ่านสมาร์ทโฟน
นอกจากนี้ถ้าเขาเป็นคนที่มักจะยุ่งกับการทำงานและกิจกรรมต่างๆ และไม่ค่อยมีเวลาก็อาจจะติดต่อกันได้ยากสักหน่อย แต่ก็ควรรักษาช่องว่างระหว่างกันอย่างเหมาะสม เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เป็นภาระกับเขา


● วิธีติดต่อผู้คนที่คุณสนใจและห่วงใย: [เนื้อหาข้อความ]

เมื่อคุณรู้จักบุคลิกภาพและคาดเดาว่ามีแนวโน้มและทิศทางการติดต่อระหว่างกันอย่างไรดี ต่อไปคือเนื้อหาของข้อความที่จะแนะนำ

⚪เป็นข้อความที่สื่อความหมายตรงตามที่ต้องการจะสื่ออย่างสุภาพและตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะช่องทางใด ทั้ง e-mail หรือโทรศัพท์ หรือ การพูดคุย , ข้อความทาง LINE
⚪อย่างไรก็ตามข้อความที่ส่งออกไปยังบุคคลที่เราห่วงใยและใส่ใจ ต้องมีความจริงใจและปรารถนาดี
⚪เกี่ยวกับเนื้อหาข้อความที่ต้องระมัดระวังที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อส่งไปยังคนที่คุณห่วงใย เช่น ไม่แสดงว่าเรากดดันเขามากเกินไป ไม่ควรใช้คำหยาบคาย และสั่งการ เป็นต้น


⚪เมื่อคุณต้องหาวิธีจบการสนทนาควรจบข้อความด้วยตัวคุณเอง
หากคุณส่งข้อความทาง LINE กับคนที่คุณห่วงใย บางทีคุยโต้ตอบกันจนจบไม่ลง บางครั้งง่วงมากแต่ก็ไม่กล้าพูดว่า "ฉันจะนอนหลับอยู่แล้ว" “ พอเถอะ” อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องที่ดีถ้าจะจบข้อความจากฝ่ายคุณมากกว่าเท่าที่เป็นไปได้และอีกเหตุผลก็คือการหยุดการตอบกลับจากผู้หญิงจะดูดีกว่า แต่สาวๆ บางคนอาจจะกังวลว่าจะทำให้เขารู้สึกอึดอัดไหมจากการทำเช่นนั้น แต่ไม่หรอกปล่อยให้เขางงๆ และเกิดสงสัยบ้างก็ดี
 ⚪ละเว้นประโยคยาวๆ เยิ่นเย้อ เวิ่นเว้อ ควรเป็นข้อความที่สั้น กระชับ ได้ใจความ อย่างไรก็ตาม แต่ถ้าเขาเองเป็นประเภทที่ชอบข้อความยาวๆ ก็เรียนรู้ที่จะคุยกันตามความชอบส่วนตัวนั้นๆ ก็ได้ เพื่อให้มีความสุขทั้งคู่ โดยพิจารณาจากเนื้อหาในข้อความของเขาเพื่อให้โต้ตอบและตอบกลับในลักษณะเดียวกันตามเนื้อหาของเขา
⚪ไม่ควรเป็นเนื้อหาที่ยากเกินไป ไม่เป็นเรื่องบ่น แต่ควรเป็นหัวข้อสนทนาที่สดใส + คำถามง่ายๆ เช่น ตัวอย่างเช่น "ฉันอยากทานเนื้อย่าง จังเลย คุณมีร้านแนะนำไหมคะ?" ซึ่งเขาก็สามารถตอบได้โดยไม่ต้องกังวลอะไร
⚪เป็นข้อความที่กระตุ้นกำลังใจ
⚪ระวังการใช้คำถามที่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวเขามากเกินไป ไม่เป็นข้อความหรือคำถามที่เกี่ยวข้องกับความรู้และทรัพย์สินของเขา แต่ก็ขึ้นอยู่กับการไหลของการบทสนทนาซึ่งต้องใช้วิจารณญาณด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น