“หมอวรงค์” ออกมาย้ำและแยกแยะให้เห็นเป็นฉากๆ “จาบจ้วงเบื้องสูง-ดูถูกวัฒนธรรมไทย” ข้อใหญ่ “ชังชาติ” ไม่เกี่ยวกับ “อุ้มรัฐบาลลุงตู่” อย่าบิดเบือน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(3 ธ.ค.62) เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) โพสต์ข้อความ หัวข้อ มีคนพยายามบิดเบือนประเด็น "ชังชาติ"
เนื้อหาระบุว่า โดยอ้างว่า ชังรัฐบาล หรือ ชังลุงตู่ มาหาว่าชังชาติ ซึ่งข้อเท็จจริงไม่เกี่ยวกันเลย ถ้าจะชังรัฐบาล ก็ชังไป เพราะรัฐบาลไม่ใช่ชาติ และเป็นหน้าที่ที่รัฐบาลจะต้องชี้แจง ไม่เกี่ยวกับผม
เพื่อให้ชัดเจนขึ้น
1.การจาบจ้วง ถือว่าชังชาติ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล
2.การไม่เอาศาสนา รวมทั้งเอาศาสนามาสร้างความขัดแย้ง ถือว่าชังชาติ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล
3.การดูถูกประเทศชาติ รวมทั้งวัฒนธรรม ประเพณี ถือว่าชังชาติ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล
4. การเอาต่างชาติมายุ่งกิจการภายใน ถือว่าชังชาติ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล
5. การไม่รับคำตัดสินของศาล ถือว่าชังชาติ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล
ดังนั้นอย่าเอามาปนกัน ใครอยากจะชังรัฐบาลก็เป็นสิทธิ์ส่วนตัว แต่อย่ามาชังชาติเท่านั้นเอง แปลกใจทำไมมีคนบางกลุ่มเดือดร้อนกันมาก ถ้าไม่มีพฤติกรรมตามที่กล่าว ก็ไม่เห็นจะต้องเดือดร้อนอะไร
#ปราบลัทธิชังชาติ
ที่น่าสนใจไปกว่านั้น เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.62 เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ก็เคยโพสต์หัวข้อ กฏหมายต่อต้านลัทธิชังชาติ(Anti-Patriotism Act) มาแล้ว
ระบุว่า หลังจากที่ผมโพสต์สติกเกอร์ตรวจอาการ "ชังชาติ" คิดไม่ถึงว่า จะมีคนกลุ่มหนึ่งดิ้นเป็นไส้เดือนบนกองขี้เถ้า
ผมยังยืนยันว่า ประชาธิปไตยชังชาติ มีแต่สร้างปัญหาให้ประเทศ ที่ใกล้ตัวเรามากที่สุดในขณะนี้คือฮ่องกง ประชาชนแตกแยก ใช้ความรุนแรงทำร้ายกันชนิดเผากันเป็นๆ เศรษฐกิจตกต่ำ ดึงต่างชาติเข้ามาแทรกแซง ประชาชนอยู่ไม่มีความสุข เพียงอ้างเพื่อประชาธิปไตย
ประเทศไทยของเรา มีวัฒนธรรม ประเพณีที่ดีงาม ความรัก ความมีน้ำใจของคนในชาติที่ต่างชาติยังอิจฉา พวกเราต้องช่วยกันดูแล และอย่าหลงต่อการปลุกระดมของพวกอ้างประชาธิปไตยชังชาติ
เราต้องช่วยกันสร้างความภูมิใจ ในความเป็นชาติไทย รักษาอัตลักษณ์ของชาติ ให้มีการตรวจสอบรัฐบาลตามระบบ อย่าให้พวกชังชาติเหิมเกริม ทุกอย่างของประเทศชาติก็จะดีขึ้น
ผมคิดว่า น่าจะถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่ประเทศไทยของเราควรจะมีกฎหมายต่อต้านลัทธิชังชาติ (Anti-Patriotism Act) เพื่อนๆคิดเห็นอย่างไรครับ ???
ก่อนหน้านี้(25 พ.ย.62) “หมอวรงค์” ก็เคยโพสต์ชี้แจงเกี่ยวกับ “ชังชาติ” มาแล้วครั้งหนึ่ง หัวข้อ “ลัทธิชังชาติ(Anti-Patriotism)”
โดยระบุว่า หลังจากที่ผมประกาศว่า จะต่อสู้กับลัทธิชังชาติ ด้วยการใช้ความจริงเป็นอาวุธ กลายเป็นว่ามีคนของพรรคการเมืองหนึ่งออกมาเดือดร้อน ทั้งๆที่ผมไม่ได้ระบุว่าใคร เรียกร้องให้ต้องอธิบายคำว่าชังชาติ ว่ามีความเป็นสากลอย่างไรให้ได้ด้วย
อยากจะอธิบายว่า การกระทำที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อชาติในหลายกรณีดังนี้
1.ปฏิกษัตริย์นิยม พยายามจาบจ้วงเบื้องสูง
2.ไม่ส่งเสริมศาสนาทุกศาสนา ทั้งๆที่ศาสนาอยู่กับสังคมไทยมาหลายร้อยปี
3.ดูแคลนวัฒนธรรม ประเพณีว่าเป็นของโบราณ ไม่เอาการยิ้ม ไหว้ครู การเรียกลุง ป้า น้า อา ซึ่งถือว่าเป็นรากของสังคมไทย ตลอดจนดูถูกดูแคลนประเทศไทย
4.เมื่อมีปัญหาชอบพาต่างชาติเข้ามาวุ่นวายเรื่องภายใน ตลอดจนประจานประเทศให้ชาวต่างชาติมายุ่ง
5.มีพฤติกรรมทำลายความเชื่อมั่นและไม่ยอมรับคำตัดสินของศาล
สิ่งเหล่านี้คือพฤติกรรมชังชาติ ที่พยายามปลูกฝังความเชื่อนี้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง จนเรียกว่าลัทธิชังชาติ
แม้แต่อเมริกา ในอดีตก็เคยมีคดีความ ตัดสินให้จำคุกมาแล้วในกรณีชังชาติ (anti patriotism)”
ทั้งนี้ เนื่องจากเมื่อวันที่ 24 พ.ย.62 นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ออกมากล่าวว่า กรณี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่ลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ไปสังกัดพรรครวมพลังประชาชาชาติไทย โดยระบุเพื่อมาจัดการกับพวกชังชาตินั้น
ตนขอให้ นพ.วรงค์ ย้อนดูและหัดตรวจสอบตัวเองด้วย ที่เลือกตั้งก็แพ้ ส.ส.หน้าใหม่ของพรรคอนาคตใหม่ เมื่อไม่ได้เป็นส.ส.ก็ไม่น่าจะมีอะไรทำ จึงมาคอยกล่าวหาว่าพรรคอนาคตใหม่เป็นพวกชังชาติ เมื่อ นพ.วรงค์ย้ายมาอยู่พรรค รปช.ก็ไม่น่าแปลกอะไร เพราะที่ผ่านมาก็สมคบกันกับรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งอยู่แล้ว
ทั้งนี้พรรคอนาคตใหม่ที่ต้องการสร้างประชาธิปไตยที่เป็นสากล นพ.วรงค์ต้องอธิบายคำว่า ชังชาติว่ามีความเป็นสากลอย่างไรให้ได้ด้วย
แน่นอน, พรรคที่เดือนร้อน กับคำว่า “ชังชาติ” คงเป็นใครไปไม่ได้ และแม้ “หมอวรงค์” จะไม่ระบุชัด แต่ก็รับรู้กันทั่วไป ว่า พรรคที่มีพฤติกรรมคล้ายอย่างที่ “หมอวรงค์” ว่า คือ พรรคอะไร เพราะเคยเป็นกระแสข่าวมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแกนนำพรรคบางคนมีพฤติกรรมเช่นนี้มาตั้งแต่ก่อนตั้งพรรคการเมืองมาสู้ศึกเลือกตั้งที่ผ่านมาแล้ว
นับเป็นการย้ำยืนยันอีกครั้งของ “หมอวรงค์” เพื่อแยกแยะให้เห็นว่า “ชังชาติ” กับ “ชังรัฐบาลลุงตู่” คนละเรื่องกัน อย่าบิดเบือนนั่นเอง