xs
xsm
sm
md
lg

ย้อนตำนาน “นักบินพลีชีพ” ในวันที่นายกฯญี่ปุ่นเยือนเพิร์ล ฮาร์เบอร์ (ชมคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายกฯ ชินโซ อะเบะ เดินทางเยือนเพิร์ล ฮาร์เบอร์ สมรภูมิสำคัญที่เปิดฉากสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นที่มาของตำนานนักบินพลีชีพชาวญี่ปุ่นที่แม้แต่กองทัพสหรัฐฯยังยกย่องในความกล้าหาญ

นายกรัฐมนตรี ชินโซ อะเบะ แห่งญี่ปุ่น เดินทางเยือนสุสานรำลึกสงครามแปซิฟิกแห่งชาติในฮาวาย เพื่อแสดงความเคารพต่อชาวสหรัฐฯผู้เสียชีวิตในสงคราม มีผู้ได้รับการฝังไว้ที่สุสานแห่งนี้ราว 50,000 คน ซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่กองทัพสหรัฐฯที่เสียชีวิตในสงครามแปซิฟิกและสงครามเวียดนาม

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นหลายคน เคยเยือนสุสานแห่งนี้ แต่นายฯอะเบะ เป็นผู้นำญี่ปุ่นคนแรกที่เดินทางเยือนอดีตสมรภูมิสงคราม พร้อมกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายบารัค โอบามา

ผู้นำญี่ปุ่นยังได้เดินทางไปวางดอกไม้และสงบนิ่งไว้อาลัยหน้าป้ายที่รำลึกถึง เรือโท ฟุซะตะ อีดะ นักบินเครื่องบินรบขับไล่รุ่นซีโร่สังกัดอดีตกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น ซึ่งเสียชีวิตในการโจมตีที่เพิร์ล ฮาร์เบอร์ เมื่อปี 1941

เครื่องบินรบของเรือโท อีดะ ถูกยิงที่ถังเชื้อเพลิงระหว่างการโจมตีในวันที่ 7 ธันวาคม ของเมื่อ 75 ปีที่แล้ว หลังจากได้แจ้งเพื่อนทหาร ว่า เครื่องบินของเขาเชื้อเพลิงหมด เขาได้บังคับเครื่องบินพุ่งชนคลังแห่งหนึ่งในฐานทัพคาเนโอเฮ และเสียชีวิตด้วยวัยเพียง 28 ปี

ภายหลังเสียชีวิต เรือโท อีดะ ได้รับเลื่อนยศเป็นนาวาโท กองทัพสหรัฐได้สร้างป้ายอนุสาวรีย์เพื่อรำลึกถึงความกล้าหาญของเรือโท อีดะ และมีการจัดพิธีรำลึกขึ้นทุกปีที่อนุสาวรีย์แห่งนี้ ซึ่งได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพระหว่างญี่ปุ่น - สหรัฐฯ

ฟุซะตะ อีดะ 飯田房太 เข้าเรียนในโรงเรียนนายเรือจนจบการศึกษาด้วยคะแนนดีเด่นลำดับที่ 5ของรุ่น หลังจากนั้น ได้ร่วมกับกองทัพเรือญี่ปุ่นปฏิบัติการรบในสมรภูมิเมืองเฉิงตูประเทศจีน ก่อนที่จะร่วมโจมตีอ่าวเพิร์ล ฮาร์เบอร์ของสหรัฐฯ

“ลมแห่งเทวะ” ตำนานนักบินพลีชีพ

ปฏิบัติการพลีชีพของนักบินญี่ปุ่นถูกเล่าขานในตำนาน ฝูงบิน “คะมิกะเซะ” หรือ “ลมแห่งเทวะ” ซึ่งเดิมเป็นชื่อพายุไต้ฝุ่นที่ทำให้กองทัพเรือของจีนจำนวน 4,500 ลำ ของจักรพรรดิกุบไลข่านแห่งจีน ถูกพายุพัดจนเสียหายยับเยิน ไม่สามารถเข้าโจมตียึดญี่ปุ่นได้ แต่ต่อมา “คะมิกะเซะ” ได้ถูกใช้เป็นชื่อ “กองกำลังจู่โจมพิเศษ” ของกองทัพญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2

ปฏิบัติการของเหล่านักบินคะมิกะเซะที่ดูบ้าบิ่นเกินมนุษย์ แต่หน่วยโจมตีพิเศษนี้กลับไม่เคยขาดแคลนอาสาสมัคร นักบินที่ต้องการจะมาเป็นนักบินพลีชีพมีมากกว่าจำนวนเครื่องบินที่มีอยู่ถึงสามเท่า ในการคัดเลือกนักบิน พวกนักบินมากประสบการณ์จะถูกกันออกไป เนื่องจากนักบินเหล่านี้มีคุณค่าในการรบเชิงป้องกัน และในการฝึกสอนนักบินรุ่นใหม่ๆ ซึ่งทางกองทัพจะต้องอาศัยนักบินมากประสบการณ์เหล่านี้ในระยะยาว

นักบินพลีชีพคะมิกะเซะส่วนใหญ่จะมีอายุอยู่ในช่วง 20 ปี ส่วนมากเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย แรงจูงใจที่ทำให้นักศึกษาเหล่านี้เข้าร่วมเป็นนักบินพลีชีพของกองทัพมาจากความรักชาติ, ความปรารถนาที่จะนำเกียรติยศมาสู่วงศ์ตระกูลของตนเอง ด้วยการสละชีพเป็นชาติพลี และเพื่อพิสูจน์คุณค่าของความเป็นลูกผู้ชาย ซึ่งระบบทหารของญี่ปุ่นในยุคนั้นได้หล่อหลอมวัยรุ่นจนมีค่านิยมเช่นนี้

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุด จากรายงานของประเทศญี่ปุ่น นักบินทหารเรือของราชนาวีญี่ปุ่นสังเวยชีวิตไปในภารกิจพลีชีพนี้ ถึง 2,525 นาย และนักบินพลีชีพคะมิกะเซะในส่วนของกองทัพบกญี่ปุ่นเสียชีวิต 1,387 นาย

ตามสถิติที่ทางฝ่ายญี่ปุ่นได้บันทึกไว้ เหล่านักบินที่ห้าวหาญนี้จมเรือรบของฝ่ายสัมพันธมิตรไป 81 ลำ และทำความเสียหายให้เรือรบอีก 195 ลำ คะมิกะเซะได้สร้างความสูญเสียให้แก่กองทัพเรือสหรัฐฯ ในการรบทางทะเลฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก ถึง 80 เปอร์เซ็นต์จากสาเหตุความสูญเสียทั้งหมด

ญี่ปุ่นและสหรัฐฯเคยเป็นศัตรูคู่สงคราม แต่วันนี้ที่ผู้นำญี่ปุ่นและสหรัฐฯได้รำลึกถึงบรรดาผู้เสียชีวิตร่วมกันเป็นสัญลักษณ์ของการเดินหน้าสู่สันติภาพ ขณะเดียวกัน ก็แสดงให้เห็นว่า ไม่มีความรักและความแค้นใดที่ละวางไม่ได้ มีเพียงจิตใจมนุษย์ที่ยังยึดมั่นถือมั่น และผู้คนที่หวังจะใช้อดีตเพื่อแสวงหาประโยชน์เท่านั้น



กำลังโหลดความคิดเห็น