เอเอฟพี/รอยเตอร์ - จีนยึดยานยนต์ใต้น้ำไร้คนขับของกองทัพเรือสหรัฐฯที่กำลังดำเนินการทดสอบในน่านน้ำสากลในทะเลจีนใต้ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กลาโหมอเมริการายหนึ่ง ในวันศุกร์ (16 ธ.ค.) ความเคลื่อนไหวที่ชัดเจนว่าจะเพิ่มความกังวลต่อการปรากฏตัวทางทหารของปักกิ่งในพื้นที่พิพาทนี้
เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวเผยว่าเรือของกองทัพเรือสหรัฐฯที่ปฏิบัติการโดยพลเรือนถูกจีนยึดไป พร้อมระบุว่า เรือดังกล่าวถูกยึดนอกชายฝั่งอ่าวซูบิคราว 50 ไมล์ (ราว 80 กิโลเมตร) เมื่อวันพฤหัสบดี (15 ธ.ค.) ขณะที่ ยูเอสเอ็นเอส โบว์ดิตช์ เรือสำรวจมหาสมุทร เตรียมเก็บกู้ยานยนต์ใต้น้ำลำดังกล่าว
ยานใต้น้ำดังกล่าวถูกใช้สำหรับทดสอบอุณหภูมิและความเค็มของน้ำ เพื่อช่วยในการทำแผนที่ช่องทางใต้น้ำ เจ้าหน้าที่ระบุ
ในเวลาต่อมาทางเพนตากอน ยืนยันเหตุการณ์ดังกล่าวระหว่างการแถลงสรุปประจำวัน พร้อมระบุว่า ยานต์ยนต์ใต้น้ำลำนี้ถูกใช้ในทางพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม ทางเพนตากอนมองการยึดคราวนี้จริงจังมาก เพราะมันเทียบเท่ากับการยึดทรัพย์สินของกองทัพสหรัฐฯ “มันเป็นของเรา มันมีเครื่องหมายของเราอย่างชัดเจน เราต้องการได้มันกลับคืน และเราไม่อยากเห็นมันเกิดขึ้นซ้ำอีก” เจฟฟ์ เดวิส โฆษกเพนตากอน กล่าว
สหรัฐฯได้ยื่นประท้วงอย่างเป็นทางการผ่านช่องทางต่างๆ ด้านการทูต ในนั้นรวมถึงการเรียกร้องให้จีนคืนยานในทันที ขณะที่เจ้าหน้าที่เผยว่าจีนรับรู้ดีแต่ยังไม่ตอบสนอง
การยึดเรือครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่พุ่งสูงในทะเลจีนใต้ บริเวณที่จีนเคลื่อนไหวเสริมความเข้มแข็งรองรับคำกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์เหนือเขตแดน ด้วยการสร้างเกาะเทียมหลายแห่งตามเกาะปะการังและแนวหินโสโครก
สถาบันวิจัยแห่งหนึ่งของสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ ระบุว่า ภาพถ่ายดาวเทียมใหม่บ่งชี้ว่าจีนได้ติดตั้งอาวุธ ในนั้นรวมถึงระบบต่อต้านอากาศยานและต่อต้านขีปนาวุธ บนเกาะเทียมทั้ง 7 ที่พวกเขาสร้างขึ้นในทะเลจีนใต้
ฟิลิปปินส์ บรูไน มาเลเซีย และ เวียดนาม โต้แย้งอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่บางส่วนในทะเลจีนใต้เช่นกัน ทั้งนี้ แม้สหรัฐฯไม่อยู่ในฐานะอ้างกรรมสิทธิ์ในทะเลแห่งนี้ ที่เป็นเส้นทางขนส่งสินค้ามูลค่าปีละราว 5 ล้านล้านดอลลาร์ แต่พวกเขาก็ย้ำว่าคำกล่าวอ้างทางทะเลใดๆ ต้องเป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ
กองทัพสหรัฐฯได้ดำเนินปฏิบัติการ “เสรีภาพแห่งการเดินเรือหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งได้ส่งกองเรือและฝูงบินได้บินเฉียดใกล้พื้นที่ที่ปักกิ่งกล่าวอ้าง ภารกิจดังกล่าวเรียกความโกรธกริ้วจากจีน ที่กล่าวหาวอชิงตันว่ายั่วยุและเพิ่มความเสี่ยงอุบัติเหตุทางทหาร