ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่น กับ จีน และสหรัฐฯ ถือเป็นแกนหลักในการวางยุทธศาสตร์การต่างประเทศของรัฐบาลญี่ปุ่น แต่เมื่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้นจนรัฐบาลญี่ปุ่นก็ยากจะคาดการณ์ว่าทรัมป์จะ “มาไม้ไหน”
หลังจาก นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศแต่งตั้ง นายเทอร์รี แบรนด์สตัด ผู้ว่าการรัฐไอโอวา เป็นเอกอัครราชทูตประจำปักกิ่ง นักวิชาการในญี่ปุ่นต่างตอบรับในแง่ดี เนื่องจากนายแบรนด์สตัดเป็นบุคคลที่ใกล้ชิดสนิมสนมกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ผู่นำจีน ตั้งแต่กลางทศวรรษ 1980 และเคยช่วยรัฐไอโอวาขายสินค้าเกษตรให้จีนมาก่อน และยิ่งเมื่อโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ออกมารับรองว่า นายแบรนด์สตัด เป็น “เพื่อนเก่าแก่” ก็ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีแนวโน้มที่ดี ซึ่งจะส่งผลดีต่อญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน
สัมพันธภาพระหว่างญี่ปุ่น - จีน - สหรัฐฯ อยู่ในสภาพ “หวานอมขมกลืน” เพราะทั้ง 3 ชาติ ต้องพึ่งพากันอย่างมากในด้านเศรษฐกิจ แต่ขณะเดียวกัน ก็มีความขัดแย้งในด้านความมั่นคง ความสัมพันธ์ที่ลุ่มๆ ดอนๆ นี้ ต้องพบกับความยุ่งยากมากขึ้น เมื่อ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ
สถานีโทรทัศน์ NHK สัมภาษณ์นักวิชาการชาวญี่ปุ่น ระบุว่า ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐยากจะคาดเดา คล้ายกับการเล่นไพ่ซึ่งไม่มีทางรู้ว่าจะหยิบได้ไพ่ใบไหน
นายทรัมป์ เคยกล่าวว่า สหรัฐฯ แตกต่างจากจีนและรัสเซียอยู่หลายเรื่อง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคู่อริกัน สหรัฐฯควรแสวงหาจุดร่วมกับจีนและรัสเซียโดยอิงอยู่บนผลประโยชน์ร่วมกัน
ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นวิเคราะห์ว่า รัฐบาลจีนมองว่านายทรัมป์ไม่น่าจะนำค่านิยมของสหรัฐฯ อย่างเรื่องประชาธิปไตย หรือเสรีภาพเข้ามาในนโยบายการทูต ซึ่งไม่เหมือนกับประธานาธิบดี บารัค โอบามา หรือ นางฮิลลารี คลินตัน ซึ่งเป็นไปได้ว่ารัฐบาลทรัมป์อาจยุ่งเกี่ยวกับกิจการนอกประเทศน้อยลง และจะทำให้การขยายแสนยานุภาพทางทะเลของจีนในพื้นที่พิพาททำได้สะดวกยิ่งขึ้น
ในเรื่องเศรษฐกิจการค้า นายทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะใช้นโยบายคุ้มครองทางการค้า เขาเคยกล่าวว่าจะเก็บภาษีศุลกากรอัตราสูงกับสินค้านำเข้าจากจีน แต่ถ้าทำเช่นนี้จริงก็อาจนำไปสู่ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ของจีน และทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ หรือเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ เพราะสินค้านำเข้ามีราคาสูงขึ้นมาก
หลังนายทรัมป์ชนะเลือกตั้ง ค่าเงินเยนอ่อนลงอย่างมาก หลังจากก่อนหน้านี้เงินเยนแข็งค่าจนกระทบต่อฐานการลงทุนของญี่ปุ่นในต่างแดน และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังหาความแน่นอนไม่ได้ เพราะมีการคาดการณ์กันในวงกว้าง ว่า ธนาคารกลางของสหรัฐฯจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน แต่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กลับระบุผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ว่า เขาต้องการให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง
ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นกับจีนนั้น ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่น มองว่า ญี่ปุ่นคล้อยตามสหรัฐฯมาก จนแทบไม่มีมีบทบาทในเรื่องความสัมพันธ์ทวิภาคีกับจีน แต่หากความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่นไม่ราบรื่น ก็จะส่งผลต่อสหรัฐฯเช่นกัน ดังนั้น นายทรัมป์ ผู้เป็นนักธุรกิจอาจจะเรียกร้องให้ญี่ปุ่นคลายความตึงเครียดและร่วมมือกับจีน