แม่ชาวไทยยอมถูกเนรเทศออกนอกญี่ปุ่น แลกสิทธิ์ลูกชายอยู่ต่อ

หญิงสาวชาวไทยรายหนึ่งถูกเนรเทศออกนอกประเทศญี่ปุ่น หลังจากอาศัยในญี่ปุ่นอย่างผิดกฎหมายมานานกว่า 20 ปี เพื่อให้ลูกชายของเธอได้สิทธิ์อาศัยในญี่ปุ่นต่อไปได้

อุทินัน สวมกอดกับแม่ทั้งน้ำตา ก่อนที่แม่บังเกิดเกล้าจำต้องเดินทางออกนอกประเทศญี่ปุ่นจากสนามบินนาริตะ กลับไปยังประเทศไทย ตามคำสั่งศาลกรุงโตเกียวที่ให้เนรเทศแม่ของเขาออกนอกประเทศ เพราะเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย

นางรนแสน พาภักดี อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นนานกว่า 20 ปี อย่างผิดกฎหมาย จนกระทั่งมีลูกชาย คือ อุทินัน วัย 18 ปี ทั้งคู่ถือสัญชาติไทย และไม่มีสิทธิ์พำนักในญี่ปุ่น

แม่ลูกชาวไทยได้ถูกดำเนินคดีนานหลายปี และตามกฎหมายแล้วจะต้องถูกเนรเทศออกนอกประเทศญี่ปุ่นทั้งคู่ แต่ศาลญี่ปุ่นได้ยื่นเงื่อนไขพิเศษให้ผู้เป็นแม่เดินทางออกนอกญี่ปุ่น โดยลูกชายจะได้สิทธิ์อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นต่อไป

เงื่อนไขที่ผู้พิพากษาญี่ปุ่นเสนอต่อแม่ลูกคู่นี้แม้จะเจ็บปวด แต่ผู้เป็นแม่ก็ยอมตัดสินใจเพื่อลูกชายคนเดียว

“ฉันไม่เคยคิดว่าจะต้องกลับเมืองไทย แต่เราแพ้คดีในศาลจึงไม่มีทางเลือกอื่น” แม่ชาวไทยไม่สามารถพูกภาษาญี่ปุ่นได้ แต่ลูกชายที่อาศัยในญี่ปุ่นตั้งแต่เกิดสามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้อย่างไม่มีปัญหา

อุทินัน ซึ่งใช้ชีวิตในญี่ปุ่นตั้งแต่เกิด และไม่เคยมายังประเทศไทย พ่อของเขาซึ่งเป็นคนไทยเช่นกันได้แยกทางกับแม่ตั้งแต่เขายังเล็ก สองแม่ลูกต้องใช้ชีวิตในญี่ปุ่นอย่างยากลำบาก เพราะไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ผู้พิพากษาญี่ปุ่นให้เหตุผลว่า อุทินัน ซึ่งกำลังเรียนชั้นมัธยมอยู่ และสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมญี่ปุ่นได้ จึงควรให้โอกาสพำนักในญี่ปุ่นเป็นพิเศษ โดยรัฐบาลญี่ปุ่นจะจัดหาผู้ช่วยเหลือดูแล หากแต่ผู้เป็นแม่ต้องเดินทางออกนอกประเทศตามกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวยังได้คุยกับครอบครัวผู้ที่เข้าเมืองผิดกฎหมายอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งได้รับข้อเสนอในลักษณะเดียวกันนี้ แต่ส่วนใหญ่ปฏิเสธที่จะพลัดพรากจากกัน และเลือกที่จะต่อสู้คดีต่อ

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของญี่ปุ่นปฏิเสธที่จะให้ความเห็น โดยระบุว่า ตามกฎหมายแล้วผู้ที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายจะต้องถูกเนรเทศทั้งหมด แต่ในบางกรณีเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นอาจเสนอ “เงื่อนไขพิเศษ” ต่อศาลและครอบครัวผู้ที่ถูกดำเนินคดี โดยจะพิจารณาเป็นกรณีเฉพาะบุคคลไป

กรณีนี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน แต่สื่อมวลชนญี่ปุ่นเพิ่งรายงานข่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหวังให้รัฐบาลญี่ปุ่นปฏิรูประบบตรวจคนเข้าเมือง เนื่องจากการ “พรากครอบครัว” เช่นนี้ไม่แตกต่างจากนโยบายที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังจะนำมาใช้ ขณะที่ญี่ปุ่นก็ประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน หากแต่กลับเข้มงวดกับการจำกัดคนเข้าเมืองและรับผู้อพยพ โดยญี่ปุ่นเป็นประเทศที่รับผู้อพยพน้อยที่สุดในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว