xs
xsm
sm
md
lg

ซุปเต้าเจี้ยวคุณยาย กับลักษณะที่จะทำให้มั่งมีในสังคมญี่ปุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สวัสดีครับผม Mr. Leon มาแล้ว ก่อนอื่นผมขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งไปพร้อมกับประชาชนไทยทุกคน ขอร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และถวายความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

プミポン国王陛下崩御の報に接し衷心よりお悔やみ申し上げます。

อาทิตย์ก่อนหน้า ที่ผมเคยเล่าเรื่องสามก๊ก ผมมีพูดถึงเรื่องซุปไก่ วันนี้เลยนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาครับ คือ Miso Soup มันฝรั่ง ( หรือซุปเต้าเจี้ยวใส่มันฝรั่ง ) ที่ร้านบาร์เหล้าเล็กๆ ต่างจังหวัดของคุณยายผม ยายจะมีเซอร์วิส Miso Soup ให้ลูกค้าด้วย ยายจะทำเครื่องปรุงเต้าเจี้ยวที่จะไว้ทำซุปเองปีละครั้ง ถ้าเพื่อนๆ เคยเห็นเครื่องปรุง Miso Soup ที่วางขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตจะเห็นว่ามีเต้าเจี้ยวสำเร็จรูปที่จะนำไปทำเป็นซุปเต้าเจี้ยวหลายยี่ห้อมากๆ สนนราคาและรสชาติก็แตกต่างกันไปตามแต่ใครจะชอบยี่ห้อไหน แต่คุณยายของผมแกจะตำถั่วและทำเต้าเจี้ยวนี้ขึ้นมาเองให้พอใช้เป็นปีๆ เลยละครับ

พูดถึงอาหารญี่ปุ่นใครที่ชอบทำหรือชอบทานมีหลักการทำง่ายๆ เพราะมีเครื่องปรุงไม่มากนัก ให้จำเหมือนท่องพยัญชนะญี่ปุ่นวรรค Sa คือ Sa Shi Su Se So
(さ、し、す、せ、そ)กล่าวคือ
Sa ………Satou さとう น้ำตาล
Shi………Shio しお เกลือ
Su ………Su す น้ำส้มสายชูญี่ปุ่น
Se ………Seuyu (Shoyu) せうゆ (しょうゆ) ซอสโชยุ
So ………miSo みそ เต้าเจี้ยวมิโซ

ส่วนคนญี่ปุ่นก็จะรู้จักเครื่องปรุงขึ้นชื่อของเมืองไทยคือ "น้ำปลา" เป็นอย่างดี และผักขึ้นชื่อที่คนญี่ปุ่นรู้ว่ามาจากเมืองไทยแน่ๆ คือ " ผักชี" น้ำปลานี่เวลาคนญี่ปุ่นกินส่วนใหญ่จะชอบรสชาติ แต่ผักชีมีคนญี่ปุ่นจำนวนมากเลยที่ทานไม่ได้และไม่ค่อยชอบ เวลามาเมืองไทยเมื่อต้องเจออาหารที่มีผักชีบางคนจะทานไม่ค่อยได้เท่าไหร่นัก ผมเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่าคล้ายกันในแง่ที่ว่า อาหารญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีเครื่องปรุงหลักอย่างที่เกริ่นไปข้างต้น โดยเฉพาะซอส Shoyu กับ Miso นี่ใส่เกือบทุกเมนู ดังนั้นถ้าคนต่างชาติที่ไม่ชอบหรือกินซอส Shoyu หรือ กินเต้าเจี้ยว Miso ไม่ได้นี่ค่อนข้างทานอาหารญี่ปุ่นลำบากเลย ซอสโชยุทำใช้เองในบ้านค่อนข้างยาก แต่เต้าเจี้ยว Miso พอที่จะทำเองในบ้านได้ บ้านไหนทำ เต้าเจี้ยว Miso ขึ้นมาเองเราเรียกว่า 手前味噌 Temae Miso ครับ เหมือนเป็นคำชมประมาณว่า เต้าเจี้ยว Miso ที่ทำขึ้นมาเองย่อมเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีและอร่อยครับ

ตอนที่ผมเข้าทำงานที่บริษัทแรกๆ มักจะไปทานสังสรรค์กับหัวหน้าท่านหนึ่งอยู่บ่อยๆ ผมชอบสั่งถั่วแระต้มมาทานแต่หัวหน้าไม่แตะเลย ผมก็งงนิดหน่อยเพราะมันน่าจะเป็นอาหารที่ทานง่ายและเบสิกที่สุดแล้วนะ ใครๆ ก็น่าจะทานได้ไม่ยากนี่นา พอผมถามเขาเขาบอกว่าตอนเด็กๆ ที่บ้านจะทำ เต้าเจี้ยว Miso ขึ้นมาเองตลอด แล้วเวลาต้มถั่วแต่ละทีนี่กลิ่นมันชวนเบื่อมาก นอกจากนั้นบ้านเขายังใช้เท้าย่ำถั่วด้วย อิมเมจของถั่วในหัวเขาเลยไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นพอเห็นถั่วต้มที่ไรเลยรู้สึกชวนให้ไม่อยากกินซะงั้น ( แต่ยายผมและที่อื่นๆ ไม่ได้ใช้เท้าย่ำถั่วนะครับเดี๋ยวเข้าใจผิด อันนั้นเทคนิคของแต่ละบ้าน ) เพราะตอนเด็กๆ ผมก็เคยช่วยยายทำ เต้าเจี้ยว Miso ไม่ได้ใช้เท้าย่ำแน่นอน !!! Σ(´ ∀` ; ) บ้านยายใช้เครื่องโม่ถั่วทำครับ แล้วก็หมักไว้นานหลายเดือนกว่าจะได้เป็น เต้าเจี้ยว Miso ครับ

พูดถึงคนญี่ปุ่นสมัยก่อนจะมีลักษณะอย่างหนึ่งคือ ขยันมาก ผมเห็นจากคุณยายผมแล้วผมทึ่งมาก ขนาดอายุ 70-80 ปีแล้วขยันมากทำงานเยอะ ยุ่งได้ทั้งวัน ผมเล่าให้ใครฟังก็มีแต่คนถามว่า ทำอะไรอะทั้งวัน บางคนไม่เชื่อ แต่ผมจะเล่าให้ฟังอย่างนี้ครับ

☆ยายตื่นตีสี่เกือบทุกวัน ตื่นมาดูข่าวในพระราชสำนัก (ข่าวในพระราชสำนักมาเช้าขนาดนี้ คนวัยหนุ่มสาวไม่ค่อยมีใครดู รุ่นยายผมชอบดูมาก)
☆ ข่าวจบแล้วขี่จักรยานไปสวนเล็กๆ ที่ยายปลูกผักไว้สารพัด ไปถอนหญ้าบ้าง รดน้ำต้นไม้ หรือเก็บผักตามแต่ยายจะสร้างสรรค์

☆ ประมาณ 07:00 น. กลับมาบ้าน ทำกับข้าว ต้มซุป เต้าเจี้ยว Miso Soup หม้อใหญ่เอาไว้ขายและเซอร์วิสลูกค้าเมื่อเปิดร้าน .. ตอนเด็กน้อยที่ผมกินซุปเต้าเจี้ยวของยายครั้งแรกผมคิดว่า 'อะไรเนี้ย ทำไมจืดแบบเน้ เหมือนน้ำเปล่าเลย ' ขี้เหนียวไปหรือเปล่า..(คิดๆ smile emoticon:)

☆ หลังจากที่ยายเตรียมซุปเตรียมของเปิดร้านเรียบร้อยแล้วก็ค่อยๆ เปิดร้าน ประมาณ 09:00-20:00 น. เลย ร้านก็อยู่ในบ้านแกนั่นเองแต่อยู่ด้านหน้าบ้านขนาดร้านประมาณ 20 ตารางเมตร ขายเหล้า ขายเกลือ ขายน้ำตาล ขายซุป มีอาหารด้วย อาหารขึ้นชื่อของนักเหล้าแถวนั้นคือ ไข่ดาวครับ นอกจากนั้นยังขายไอครีมโดยยายใช้วิธีเดินไปซื้อจากร้านสะดวกซื้อข้างบ้านเมื่อมีลูกค้าสั่ง ยายผมเป็นยอดนักขายจริงๆ ร้านแกก็บริหารจัดการคนเดียว โต๊ะสำหรับแขกในร้านจะมีโต๊ะใหญ่รวมกลางร้าน แล้วมีฟูกให้นั่งหลายที่นั่ง หรือใครสะดวกจะนั่งบาร์ก็ตามสไตล์ ผมทึ่งแกมากเลยอยากเล่าเป็นอีกตัวอย่างของลักษณะคนญี่ปุ่น

ที่ญี่ปุ่นมีคำพูดที่ว่า( ´--`)..oO "金持ちは、ケチで、変わり者が多いなぁ" "คนรวยส่วนมากขี้เหนียว ส่วนมากเป็นคนแปลก" แต่ผมคิดต่างนิดหน่อยครับ ผมคิดว่า เพราะว่าพวกประหยัดแล้วรู้จักใช้เงินเขาถึงร่ำรวยขึ้นมาได้ เหมือนสิ่งที่คุณยายผมทำให้เห็นโดยที่ไม่ต้องจ้ำจี้จำไชสอนใครๆ ตอนที่ผมกินซุปของยายผมเคยนึกว่ายายขี้เหนียวไปรึเปล่าทำซุปจืดขนาดนี้ แต่ยายมีเหตุผลครับ ยายมักจะทำอาหารที่รสชาติไม่จัดจ้านมากเพราะตอนที่คุณตายังอยู่ ท่านเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตัน ไม่ควรทานอาหารรสจัดจ้าน เลยกลายเป็นว่าอาหารยายทุกอย่างอร่อยแบบชีวจิตไปซะงั้น และซุปเต้าเจี้ยว เองก็เป็นอาหารเพื่อสุขภาพด้วย มีคำกล่าวไว้ว่า "ดื่มซุปเต้าเจี้ยวแล้วไม่เจ็บไม่ป่วย จนทำให้คุณหมอไม่มีงานทำ 味噌の医者殺し"

☆นอกจากนั้นข้างๆ บาร์เหล้าของยายยังมีร้านรับซักรีดและรับส่งไปรษณีย์ !!!(´,,・ω・,,`) ผมจำระบบการทำงานของร้านยายไม่ได้เท่าไหร่แต่จำได้แน่ๆ คือแกบริหารจัดการคนเดียว!! ( เดียวเพื่อนๆ หาว่าโอเวอร์ แต่ให้นึกภาพร้านเล็กๆในบ้านตัวเอง สภาพแวดล้อมชาวบ้านต่างจังหวัดนะครับ อาจจะไม่ได้ยุ่งเหมือนเมืองหลวง แต่สิ่งที่แกทำมันซุปเปอร์คนจริงๆ แล้วถามว่าไม่มีลูกมาช่วยเหรอ ลูกๆ แกมีงานกันทุกคนครับ แล้วที่สำคัญยายแกเก่งและฉลาดจริงๆ ทำเองได้ครับ)

☆พอเก็บของปิดร้านแล้วแกก็ทำธุระส่วนตัว ทำบัญชีร้านบ้างตามประสา กินข้าว อาบน้ำ ดูข่าว แล้วเข้านอน วันรุ่งขึ้นก็ทำแบบเดิม ไม่มีวันหยุดนอกจากเทศกาลสำคัญๆ

ลักษณะแบบคุณยายผมเป็นอีกหนึ่งลักษณะนิสัยที่ทำให้เป็นคนพอมีพอกิน เห็นแกขี่จักรยานไปเก็บผัก ขายเกลือ ขายไข่ดาว สรรหาธุรกิจหลายช่องทางจนเกือบจะครบวงจรที่ร้านเล็กๆ ของแก มันทำให้แกมีที่ดินให้เช่าและมีบ้านในพื้นที่ใกล้ๆ อีกหลายหลัง มีเงิบเก็บเพียงพอที่จะอยู่สบายๆ ได้ครับ

ทีนี้อยากสรุปว่าลักษณะเช่นไรบ้างจึงจะทำให้มั่งมีในสังคมญี่ปุ่น
☆〜( ´・ω・`)♢ รู้วิธีบริหารการเงิน และศึกษาวิธีลดภาษี เพราะที่ญี่ปุ่นค่าภาษีแพงมาก
☆〜( ´・ω・`)♢ ไม่เล่นหุ้นเกินตัว ไม่เล่นการพนันจนถอนตัวไม่ขึ้นหรือไม่ยุ่งเกี่ยวเลยยิ่งดีที่สุด
☆〜( ´・ω・`)♢ รู้วิธีนำเงินมาลงทุนในรูปแบบที่ไม่มีทางขาดทุนแน่ๆ เช่นเล็งกำไรที่ดิน แต่เงินส่วนที่นำไปลงทุนนั้นควรเป็นเงินในส่วนที่นอกเหนือจากเงินใช้เงินเก็บสำรองที่ต้องเตรียมไว้คนละส่วนกัน

กรณีข้างบนนี่คือเคสสำหรับใช้ชีวิตในญี่ปุ่นนะครับ แล้วเพื่อนๆ คิดว่ามีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้เรามั่งมีขึ้นมา แต่ที่สุดแล้วผมว่าขอแค่มีความสุขกายใจไม่เจ็บไม่ป่วยก็เป็นลาภอันประเสริฐสำหรับมนุษย์เราแล้วนะครับ ผมจึงอยากขอให้ผู้อ่านทุกคนโชคดีมีความสุขและสุขภาพแข็งแรงกันถ้วนหน้าครับ วันนี้สวัสดีครับ

กำลังโหลดความคิดเห็น