xs
xsm
sm
md
lg

ไข่มุกสีเลือด (ตอนที่ 3)จากแฟ้มสืบสวนคดีฆาตกรรมอำพรางยุคปฏิรูปเมจิ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

จากบทประพันธ์ของ Ango Sakaguchi (1906-1955)
แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์

3

คิโยะมะสึเป็นคนเก็บหอยผีเสื้อดำใหญ่ยักษ์ราวกับหอยปีศาจขึ้นมาในวันที่ 45 ของการเผชิญโชค เช้าวันรุ่งขึ้นกัปตันริเฮหยิบหอยยักษ์ขึ้นมาชูให้ลูกเรือที่ห้อมล้อมอยู่เห็นเป็นตัวแรก

“เจ้านี่คงเป็นจ่าฝูงของหอยผีเสื้อดำ ตัวใหญ่ยักษ์เหมือนปีศาจหอยแบบนี้พวกเอ็งอย่าหวังอะไรให้มากไปเลย ถ้าไม่กลวงโพรกเป็นอากาศธาตุแบบเดียวกับตัวตนของเทพเจ้า ก็อาจเป็นอะไรเลว ๆ ใช้ไม่ได้”

ที่กัปตันบอกเช่นนั้นก็เพราะเคยเห็นตัวอย่างมาแล้วหลายตัว แต่พอเอามีดแงะฝาหอยให้แง้มออกแล้วเอามือคลำที่เนื้อเยื่อด้านนอกเขาก็ชะงัก

“เอ๊ะ ตรงนี้มีก้อนอะไรหว่า” เขาทำท่าตื่นเต้นนิด ๆ ขณะกวาดสายตามองหน้าลูกเรือ “เฮ้ย...หรือว่า”

กัปตันริเฮยกมีดขึ้นค่อย ๆ ชำแหละเนื้อหอยให้เปิดออกแล้วแหย่นิ้วเข้าไปข้างใน พลางเม้มปากและขมวดคิ้ว และแล้วทุกคนก็ได้เห็นสิ่งที่กัปตันใช้นิ้วคีบออกมาจากตัวหอย มันคือไข่มุกสีดำเม็ดใหญ่กลมดิกเป็นมันวาวสะท้อนแสงสุกใส ขนาดของมันนั้นถึงเอาไข่มุกเม็ดใหญ่สุดที่เคยหาได้ 5 เม็ดมารวมกันก็ยังไม่เทียมเท่า ถ้าวัดกันด้วยมาตราปัจจุบันจะเท่ากับประมาณ 300 เกรน (1 เกรน=50 มิลลิกรัม) จัดเป็นไข่มุกสีดำเม็ดใหญ่ที่สุดในโลก เพราะไม่เคยมีข่าวว่าพบใหญ่กว่านี้มาก่อน

มะสึขอยืมไข่มุกเม็ดมหึมาจากกัปตันมาพิจารณาอยู่เป็นนาน ตามปกติแม้หอยจะเป็นสีดำแต่ไข่มุกที่เกิดภายในหอยพวกนั้นส่วนใหญ่จะเป็นสีขาวเงินยวง นี่เป็นครั้งแรกที่พบไข่มุกสีดำขนาดใหญ่มีประกายเงางามเปล่งรัสมีราวพระจันทร์ทรงกลด ประกายมันวาวที่สะท้อนจากรอบด้านของทรงกลมอันสมบูรณ์สร้างสรรค์ความงามลึกล้ำเยียบเย็นดึงดูดจิตใจของผู้พบเห็นเข้าไปในอาณาจักรแห่งมุกที่ลึกล้ำราวห้วงอวกาศอันไม่มีที่สิ้นสุด เจ้าหนุ่มมะสึได้แต่รำพึงอยู่ในใจ

“หอยแก่ใหญ่ยักษ์มีอัญมณีล้ำค่าอยู่ในตัวของมันจริง ๆ เราเป็นคนเก็บมันขึ้นมากับมือแท้ ๆ แต่กลับไม่ได้เป็นเจ้าของ”

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เป้าหมายการดำน้ำของเจ้าหนุ่มมะสึก็เปลี่ยนไป สิทธิการเลือกไข่มุกของเขาอยู่ที่อันดับสาม ดังนั้นถ้าสามารถหาไข่มุกขนาดใหญ่เท่าไข่มุกสีดำเม็ดนั้นได้ 2 เม็ด ตนก็จะได้ครอบครองเม็ดหนึ่ง เจ้าหนุ่มนักดำน้ำมือดีจึงมุ่งมั่นที่จะหาให้ได้ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่เกินความสามารถเพราะท้องทะเลแถบนั้นเต็มไปด้วยหอยแก่จำนวนนับไม่ถ้วนที่พร้อมอ้าปากคายไข่มุกเม็ดใหญ่น้อยให้อยู่แล้วแทบทุกตัว

เจ้าหนุ่มพยายามเลือกหาหอยตัวที่แก่ที่สุดอย่างตั้งอกตั้งใจ โดยใช้เวลาดำน้ำให้นานขึ้นเท่าที่จะทำได้ เวลาผ่านไปอีก 45 วัน นับเป็น 45 วันที่เวียนมาครั้งที่สองคล้ายกับเป็นรหัสลึกลับอะไรสักอย่าง วันนั้นเองที่เจ้าหนุ่มมะสึพบหอยผีเสื้อขาวตัวใหญ่ยักษ์ขนาดที่ไม่เคบพบมาก่อน ตัวมันใหญ่ขนาดที่เขาต้องใช้เวลาตัดหนวดของมันอยู่เป็นนานจึงหลุดจากที่ยึดแล้วพาขึ้นมาพบผิวน้ำได้

“โอ้โฮ คราวนี้ได้จ่าฝูงหอยผีเสื้อขาวขึ้นมาเลยนะเจ้า”

กัปตันริเฮอุทานเมื่อเห็นหอยยักษ์แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นสีหน้าของเจ้าหนุ่มมะสึ เขารู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเมื่อสัมผัสกับอะไรบางอย่างที่เหมือนเงาจาง ๆ ของความมาดร้ายบนใบหน้านั้น เงาของเทพแห่งความมรณะลามลงมาจากใบหน้าจนคลุมไปทั่งทั้งร่าง...นี่เราตาฝาดไปหรือเปล่า กัปตันถามตัวเอง

หลังเสร็จงานดำน้ำวันนั้นขึ้นมาบนเรือ “โชริวมะรุ” เจ้าหนุ่มขอร้องกัปตันริเฮว่า

“กัปตันขอรับ กรุณาเปิดหอยผีเสื้อขาวตัวนั้นให้เราดูกันเดี๋ยวนี้เลยได้ไหมขอรับ กระผมทนรอดูต่อไปไม่ไหวแล้ว”
ไข่มุกทะเลใต้
“อย่างนั้นรึ จริงซีนะเจ้าหอยตัวนั้นดูเหมือนจะเป็นจ่าฝูงเสียด้วย ก็ไม่แปลกอะไรเมื่อเก็บขึ้นมาได้แล้วก็ย่อมอยากดูเป็นธรรมดา”

ว่าแล้วกัปตันริเฮก็เรียกทุกคนขึ้นไปรวมตัวกันบนดาดฟ้าและจัดการแงะฝาหอยแก่มหึมาตัวนั้นตัวเดียวเป็นพิเศษ ทันใดนั้นเองสิ่งที่ไม่มีผู้ใดคาดฝันมาก่อนปรากฏโดดเด่นขึ้นต่อหน้าทุกคนที่ห้อมล้อมอยู่ กัปตันหยิบไข่มุกสีขาวเงินยวงเป็นประกายบาดตา กลมเกลี้ยงไร้ตำหนิเม็ดใหญ่กว่าไข่มุกสีดำเม็ดนั้นเท่าตัวขึ้นมาชูให้เห็นทั่วกัน กะขนาดคร่าว ๆ ราว 500 เกรนซึ่งใหญ่ที่สุดในโลกและไม่เคยมีการกล่าวขวัญถึงไข่มุกขนาดยักษ์เช่นนี้ในตำนานสมัยโบราณใด ๆ ทั้งสิ้น

คิโยะมะสึรับไข่มุกที่เวียนมาถึงมือตน ขณะที่จับจ้องพิจารณาอยู่นั้นเองเจ้าหนุ่มรู้สึกตัวเย็นเยียบมีเหงื่อซึมออกมาที่หน้าผาก ตาพร่าพรายและหายใจไม่ออก ทำให้คนอื่น ๆ หันมามองด้วยความประหลาดใจ เจ้าหนุ่มส่งไข่มุกคืนให้กัปตันริเฮเงียบ ๆ แล้วหงายหลังล้มลงไปนอนนิ่งอยู่บนพื้น

โทะกุ คิจิกับคิน และทะเกะโซ อุทานเสียงดังลั่น โทะกุปราดเข้าไปดูผัว

“โรคน้ำหนีบเจ้าค่ะ”

คิจิเพื่อนดำน้ำยืนนิ่งขึงอยู่กับที่

“พระอาทิตย์ยังไม่ตก คลื่นลมก็สงบดี เราต้องเอาตัวมันลงไปทำให้ฟื้นที่ใต้ทะเล ต้องรีบกันหน่อยนะ เอาเรือเล็กลงเร็วเข้า”

เจ้าหนุ่มเกิดอาการโรคน้ำหนีบก็เพราะใช้เวลาหาไข่มุกยักษ์อย่างหน้ามืดตามัวอยู่ใต้ทะเลนานเกินไป ทั้งยังลงไปในทะเลระดับที่ลึกเกินควรเพื่อหาหอยตัวแก่ ๆ โดยไม่มีการเตรียมตัวก่อนด้วย การพาผู้เกิดอาการน้ำหนีบลงไปฟื้นตัวใต้ทะเลเป็นวิธีบำบัดอย่างเดียวของนักดำน้ำญี่ปุ่นสมัยนั้น นับเป็นการบำบัดที่สมเหตุสมผลทางธรรมชาติในกรณีที่อาการไม่หนัก คือพวกเขาก็จะช่วยพาคนเกิดอาการน้ำหนีบกลับลงไปในทะเลลึกอีกครั้งเพื่อให้ร่างกายปรับเข้ากับภาวะแวดล้อมที่เพิ่งจากมาแล้วค่อย ๆ พาขึ้นสู่ผิวน้ำ ทำซ้ำหลายครั้งจนในที่สุดก็จะหายเป็นปกติ

โชคดีที่อาการน้ำหนีบของเจ้าหนุ่มมะสึไม่หนักหนาเท่าไรนัก เมื่อได้บำบัดรักษาอยู่สามวันความเจ็บปวดตามร่างกายก็บรรเทาลง เหลือเพียงอาการเหน็บชาเล็กน้อยตามแขนขา

ระหว่างนั้นเสบียงอาหารและน้ำที่เตรียมมาร่อยหรอลงไปทุกทีจนทุกคนเริ่มวิตกกังวล แต่ก็ยังมีภาระที่ต้องบำบัดรักษาเจ้าหนุ่มมะสึให้หายขาด กัปตันริเฮต้องพยายามพูดจาหว่านล้อมให้ลูกเรือที่อยากกลับบ้านกันเต็มทีอดทนกันหน่อยเพื่อเห็นแก่เพื่อร่วมงาน เมื่อเวลาผ่านไป 5 วันและเจ้าหนุ่มมะสึอาการดีขึ้นมากเหลือแค่อาการเหน็บชาที่ไหล่ซึ่งจะค่อย ๆ หายไปเองโดยไม่ต้องลงไปฟื้นตัวในน้ำ กัปตันก็ตกลงใจเดินทางกลับ คืนนั้นจึงมีงานเลี้ยงร่ำสุรากันเต็มที่เพื่อฉลองความสำเร็จในการเผชิญโชคที่ได้ผลกำไรมากมายเป็นที่พอใจของทุกคน

“เอาละ พรุ่งนี้ฉันจะแจกไข่มุกกันเสียที เราได้ไข่มุกมากมายอย่างที่นักล่าไข่มุกแถวเกาะโมะคุโยโตคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว ขากลับเราจะแวะที่ท่าเรือกวางตุ้งกับหางโจวที่เจริญรุ่งเรืองมาก ใครอยากได้เงินเร็ว ๆ ก็เอาไข่มุกส่วนของตนไปขายได้ ฉันคิดว่าขนาดคนที่ได้ส่วนแบ่งน้อยที่สุดก็ต้องขายได้ถึง 3 หรือ 4 หมื่นเยนเลยทีเดียว พวกเราไม่ว่าใครจะมีไข่มุกเม็ดงามระดับโลกอยู่ในมืออย่างน้อยก็คนละเม็ดสองเม็ด ร่ำรวยกันถ้วนหน้าเลยละทีนี้ ไข่มุกของเราที่จัดแบ่งกันไว้ดีแล้วนอนรอเจ้าของอยู่ในตู้เซฟไม่มีตกหล่นเลยสักเม็ดเดียว วันนี้เรามาดื่มฉลองกันให้หนำใจเพื่อความสุขในวันพรุ่งนี้”

คืนนั้นทุกคนดื่มกันเต็มที่ กัปตันริเฮเชิญเจ้าหนุ่มคิจินักดำน้ำกับนางเมีย ทะเกะโซนายเรือดำน้ำ และอิมะมุระล่ามประจำเรือมาเป็นแขกพิเศษดื่มกันในห้องกัปตัน ส่วนมะสึยังไม่หายดีและดื่มสุราไม่ได้จึงเก็บตัวอยู่ในห้องกับนางเมียจึงนับว่าโชคดีไป เจ้าหนุ่มคิจิหมดกังวลเพราะทำหน้าที่นักดำน้ำเสร็จสิ้นลงด้วยดีและได้ดื่มสุราอย่างสบายใจเป็นครั้งแรกจึงฉลองศรัทธาเสียจนเมามาย ระหว่างที่ทุกคนกำลังครึกครื้นรื่นเริงอยู่นั้นเองอิงะระชิลูกเรือร่างใหญ่ก็โผล่เข้ามาในห้องกัปตัน กวาดสายตาเกรี้ยวกราดไปรอบ ๆ

“กัปตัน คืนนี้เป็นงานฉลองพิเศษ เอาผู้หญิงเข้ามากกคนเดียวอย่างนี้มันไม่มากไปหน่อยรึ แบ่งออกมาให้พวกข้างนอกได้เชยชมกันบ้างซีท่าน”

นั่นแสดงว่าเจ้าลูกเรือร่างใหญ่เมาได้ที่แล้วจริง ๆ กัปตันริเฮเองเป็นห่วงอยู่แล้วว่าคงจะเป็นเช่นนี้เลยพยายามแยกผู้หญิงออกมาเสียให้พ้นหูพ้นตา พื้นที่บนเรือลำนี้แยกเป็นสองส่วนด้านหัวเรือและท้ายเรือ ส่วนหนึ่งจัดเป็นที่อยู่ของลูกเรือ อีกส่วนหนึ่งนอกจากห้องส่วนตัวของกัปตันแล้วยังมีอีกสามห้องเรียงกันอยู่ โดยตอนนี้จัดเป็นที่อยู่ของนักดำน้ำกับนางเมียคู่ละห้อง ส่วนอีกห้องหนึ่งให้อิมะมุระกับนายเรือทะเกะโซนอนด้วยกัน คนทางฟากนี้ของเรืออยู่เป็นส่วนเป็นสัด ใช้ห้องอาบน้ำห้องสุขาแยกกับพวกลูกเรือไม่ข้องเกี่ยวกัน ลูกเรือไม่มีทางเข้าถึงสามห้องด้านในได้โดยไม่เดินผ่านหน้าห้องกัปตัน และถ้ากัปตันใส่กุญแจประตูเฉลียงที่แล่นผ่านหน้าห้องทั้ง 4 ด้วยแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนทางฟากนี้ได้เลย กัปตันริเฮที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำไม่ใช่คนที่จะสะทกสะท้านกับการคุกคามของนักเลงเจ้าพลังอย่างเจ้าอิงะระชิได้ง่าย ๆ เขาตวาดออกไปว่า

“ผู้หญิงอะไร ใครก็ตามไม่ว่าหญิงหรือชายที่ได้ชื่อว่าเป็นแขกของกัปตันริเฮ พวกเจ้าจะมายุ่งเกี่ยวไม่ได้เด็ดขาด คิดเสียว่าเรือลำนี้ไม่มีผู้หญิงอยู่เลยจะดีกว่าไหม”

แต่เจ้าอิงะระชิไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ มันดึงดันจะเข้ามากระแซะนางคิน กัปตันริเฮอดรนทนไม่ได้จึงขยุ้มคอเสื้อมันเหวี่ยงกระเด็นออกไปนอกห้องด้วยฝีมือของผู้ช่ำชองศิลปะการต่อสู้คนหนึ่ง เจ้านักเลงโตร่างใหญ่ชันตัวลุกขึ้นอย่างลำบาก

“แค่นี้ก็ต้องใช้กำลัง คอยดูเถอะข้าไม่ปล่อยให้นายตีกินผู้หญิงอยู่คนเดียวหรอก ข้าก็มีดีเหมือนกัน ฝากไว้ก่อนเถอะ”

มันตะโกนทิ้งท้ายก่อนโซซัดโซเซกลับไป
เรือเผชิญโชคกลับกลายเป็นสุสาน
“เหล้าเข้าปากละก็เป็นอย่างนี้ทุกทีไป แต่คืนนี้คิดเสียว่าปล่อยผี ดื่มได้เท่าไรก็ดื่มกันเข้าไป ตั้งแต่พรุ่งนี้คงไม่มีเหล้าเหลือให้เมากันขนาดนี้อีก เดี๋ยวคงมีใครมาเอะอะอีกแน่ ทางที่ดีคินกลับไปนอนก่อนดีกว่าแล้วใส่กุญแจห้องให้แน่นหนาด้วย” พอไล่นางคินกลับไปนอนแล้วพวกผู้ชายก็ดื่มกันสนุกขึ้นไปอีกได้ปล่อยตัวเต็มที่ โดยเฉพาะกัปตันริเฮเองซึ่งเป็นชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่จากอ้อมกอดผู้หญิงมานานวัน การมีผู้หญิงอยู่ใกล้ ๆ ทำให้เขาต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลาไม่กล้าออกลวดลาย

ครู่หนึ่งต่อมา ก็มีเสียงฝีเท้าของคนหลายคนมุ่งหน้ามาที่ห้องกัปตัน คราวนี้เจ้าอิงะระชิเดินนำกลุ่มลูกเรือสี่ห้าคนบุกเข้ามา กัปตันริเฮมือไวเปิดลิ้นชักหยิบปืนพกขึ้นมาตั้งท่ารับทันที

“ข้าเป็นกัปตันเรือมานาน เพิ่งเจอกับลูกเรือบ้าระห่ำอย่างเจ้าเป็นพวกแรก อยากทำอะไรก็ตามใจ แต่ถ้าไม่ชอบมาพากลละก็ข้ายิงตายจริง ๆ ลองดูแล้วกัน”

เจ้าอิงะระชิหน้าถอดสีเมื่อเห็นปืน

“เราไม่ได้มาก่อกวนอะไรสักหน่อย ถ้าไม่อยากแบ่งผู้หญิงออกไปข้างนอกบ้าง เราก็แค่ขอเข้ามาสนุกด้วยเท่านั้นเอง”

“ดูซิว่าในนี้มีผู้หญิงรึ ดูให้ดี”

“อ๋อ ไม่อยากให้เราเข้ามาร่วมสมาคมด้วยก็บอกมาตรง ๆ เถอะ”

อิมะมุระอดรนทนไม่ได้จึงลุกขึ้นบอกว่า

“ไม่ใช่ว่าเราไม่อยากร่วมสนุกกับพวกเจ้าหรอกนะ ตอนนี้ผู้หญิงก็กลับไปนอนแล้ว ถ้าเราแยกตัวมาดื่มกันอยู่ในนี้พวกเจ้าก็คงไม่ชอบใจ ถ้าพวกเจ้าให้เราออกไปดื่มด้วยข้างนอกก็น่าจะหมดปัญหาจริงไหม” ล่ามประจำเรือปรับความเข้าใจกับ อิงะระชิแล้วหันไปชวนคนในห้อง “ยะโซะคิจิกับนายเรือทะเกะโซออกไปดื่มกันข้างนอกดีกว่า ถ้าเราอยู่กันแต่ในนี้พวกลูกเรือก็จะวาดภาพ อะไร ๆ เลอะเทอะเรื่อยเปื่อยไปเปล่า ๆ” อิมะมุระพยักหน้ากับยะโซะคิจิและนายเรือทะเกะโซแล้วเดินนำหน้าคนทั้งสองออกไป

ทะเคะโซเป็นนักดื่มประเภทหัวราน้ำคนหนึ่ง ความจำของเขามีแค่ตอนเดินผ่านทางเดินมืด ๆ ไปยังห้องลูกเรือจนกระทั่งนั่งลงรวมวงดื่มกับลูกเรือที่เห็นแค่เป็นเงาวอมแวมในแสงเทียนสลัว ๆ ไม่รู้ว่าใครเป็นใครเท่านั้น เพราะพอลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบกับความมืดมิดและเสียงกรนดังขรมถมเถ จากนั้นเขาก็หลับต่อไปแล้วตื่นขึ้นอีกทีเมื่อสว่างแล้ว เขาย่องออกมาจากห้องใหญ่เดินโผเผกลับไปส่วนที่อยู่ของเขา และพอผ่านหน้าห้องกัปตันก็พบนางคินยืนหน้าซีดขาวอยู่ตรงนั้น พอเห็นเขานางก็ชี้มือเข้าไปในห้องกัปตัน

กัปตันริเฮถูกฆาตกรรม เขาถูกแทงขณะนั่งหลับอยู่บนเก้าอี้เท้าแขนด้วยฉมวกทีเดียวผ่านหัวใจทะลุออกไปถึงพนักเก้าอี้ ประตูตู้เซฟเปิดอ้า ไข่มุกเม็ดใหญ่ที่สุดสีขาวและสีดำ หายไปทั้งสองเม็ด

นางคินเล่าว่านางนอนหลับสนิทตลอดคืน พอลืมตาตื่นขึ้นมาก็ไม่พบร่องรอยว่าเจ้าผัวกลับมาจากข้างนอกแม้จะรุ่งสางแล้ว นางจึงเป็นห่วงขึ้นมาเลยออกมาดูและพอผ่านห้องกัปตัน ก็เห็นเขานอนตายอยู่ในสภาพเช่นนี้

ทุกคนแยกย้ายก็ค้นหาทุกซอกทุกมุมภายในเรือ “โชริวมะรุ” แต่เจ้าหนุ่มยะโซะคิจิผัวของนางคินและไข่มุกเม็ดใหญ่ทั้งสองก็ไม่ได้ปรากฏตัวออกมาให้เห็นอีกเลย

*

ยะมะโตะพ่อครัวประจำเรือหน้าซีดเผือดเมื่อได้ข่าวการตายอย่างน่าอนาถของกัปตันริเฮ เขาคิดถึงไข่มุกเป็นอย่างแรก จึงรีบรุดไปสำรวจตู้เซฟทันทีและพบว่าไข่มุกยังอยู่ครบทุกเม็ด ยกเว้นสองเม็ดใหญ่ที่หายไปอย่างไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย

“ข้าว่าไข่มุกจะหายไปไหนไม่ได้หรอกเพราะไม่มีใครเอาออกไปนอกเรือลำนี้ได้ ถึงใครจะกลืนเข้าไปซ่อนไว้ในท้องเรื่องก็จะต้องแดงออกมาก่อนกลับถึงญี่ปุ่นแน่”

ยะมะโตะพูดพลางหัวเราะในลำคอกวาดสายตามไปยังใบหน้าของทุกคนที่อยู่รอบข้าง เขาเป็นคนสั่งให้ทำพิธีศพกัปตันแบบชาวทะเลคือโยนลงไปในทะเล แล้วให้เก็บกวาดห้องกัปตันจนสะอาดดี

“ข้าจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนกัปตันตั้งแต่เดี๋ยวนี้ไปจนกว่าเรือจะกลับถึงญี่ปุ่น ใครมีอะไรไม่พอใจก็บอกมา”

ว่าแล้วก็เปิดลิ้นชักหยิบปืนพกออกมาวางบนโต๊ะดังแกร๊ก

“ถ้าตกลงตามนี้ก็แยกย้ายกันไปตรวจสอบให้ทั่วลำเรือกันอีกครั้งได้แล้ว ขอให้รู้เอาไว้อย่างหนึ่งคือไม่ว่าจะซุกซ่อนเอาไว้ที่ไหนจะไม่มีวันรอดพ้นสายตาของยะมะโตะคนนี้ไปได้”

การตรวจค้นอย่างละเอียดทุกซอกทุกมุมเริ่มจากห้องของอิมะมุระ คิโยะมะสึและยะโซะคิจิตามลำดับ มีการตรวจร่างกายด้วยแต่ก็ไม่พบ หลังจากนั้นจึงตรวจที่อยู่และร่างกายของลูกเรือแต่ละคน ซึ่งปรากฏว่าเหนื่อยเปล่าเพราะไม่พบแม้แต่เบาะแสให้สงสัย ยะมะโตะยังไม่ยอมแพ้ เขาสั่งให้ทุกคนอยู่กับที่แล้วพาคณะตรวจสอบที่จัดตั้งขึ้นไปเที่ยวค้นหาทั่วทุกซอกทุกมุมอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้เรื่อง เขาหัวเราะในลำคอราวกับจะเย้ยฆาตกรตัวจริงว่า

“การค้นหาไม่จบในวันเดียวแน่นอน ขอให้จำใส่ใจไว้ว่ายังมีอีกหลายวันนักกว่าเรือจะกลับถึงญี่ปุ่น ถ้าไม่อยากถูกจับส่งตำรวจในฐานะฆาตกรก็เอาไข่มุกสองเม็ดนั้นมาคืนไว้ในตู้เซฟเสียดี ๆ เรื่องฆ่ากัปตันตายนั้นข้าไม่ติดใจเอาโทษอะไรมากนัก แต่เรื่องโจรกรรมนี่ข้ายอมไม่ได้”

“คนที่น่าสงสัยที่สุดคือตัวนายนั่นแหละ” คนที่อดรนทนไม่ได้อีกต่อไปก็คืออิมะมุระ “บนเรือลำนี้ทั้งลำมีแต่นายคนเดียวที่ยังไม่ได้ถูกตรวจค้นสักนิดเดียวเลย”

“อือม์ พูดได้น่าสนใจนะคุณ เอาซิเชิญตรวจเลย”

ยะมะโตะพูดพลางถลกเสื้อแอ่นอกให้เป็นเชิงท้าทาย อิมะมุระไม่สนใจกับท่าทางกวนประสาทนั้น เขาตรวจเสื้อผ้าและร่างกาย รวมทั้งสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวของยะมะโตะอย่างละเอียดถี่ถ้วนที่สุดแต่ก็ไม่พบอัญมณีเลอค่าทั้งสองเม็ดนั้นเลยแม้แต่เงา

“แน่ใจหรือยังล่ะว่าข้าไม่ได้เป็นทั้งฆาตกรและโจรขโมยไข่มุก ถ้ายังมีอะไรข้องใจอยากตรวจอีกก็บอกเลยนะไม่ต้องเกรงใจ” ยะมะโตะยิ้มเยาะอย่างสะใจ

“เอาละ ทีนี้ข้าจะจัดการแบ่งไข่มุกให้ทุกคน เสียดายที่คนรับฝากไข่มุกของเราตายไปเสียก่อน ข้าแบ่งให้ตามสิทธิ์แล้วต่างคนต่างเก็บเองให้ดี ๆ อย่าให้ใครขโมยไปก็แล้วกัน”

ว่าแล้วพ่อครัวประจำเรือก็เรียกทุกคนขึ้นไปชุมนุมกันบนดาดฟ้า จัดให้นั่งเรียงกันหน้าผืนผ้าขาวที่ปูลงบนพื้นมีถาดใบใหญ่ใส่ไข่มุกเม็ดเล็กบ้างใหญ่บ้างไว้เต็มจนแทบจะล้นกลิ้งลงมา
สมบัติส่วนตัวของกัปตัน
“ข้าจะนั่งกำกับอยู่ตรงนี้ ให้พวกเจ้าไปนั่งที่ฟากโน้นของผืนผ้าทีละคนตามลำดับที่เรากำหนดกันไว้ เอาคีมคีบไข่มุกที่เจ้าเลือกขึ้นมาเม็ดหนึ่งแล้วชูให้ทุกคนเห็นทั่วกัน เวลาเลือกห้ามเอามือเขี่ยหรือใช้มือหยิบขึ้นมา ต้องใช้คีมที่เตรียมไว้ให้เท่านั้น และพอเลือกขึ้นมาแล้วจะบอกว่าไม่ชอบขอเปลี่ยนใหม่ไม่ได้นะ ทุกคนใช้ตาเลือกได้อย่างอิสระขอให้ดูกันให้ดี ๆ ก่อนคีบขึ้นมาก็แล้วกัน” เจ้ายะมะโตะแนะนำกรรมวิธีโดยละเอียดเสร็จแล้วจึงบอกว่า

“ตอนนี้ข้าเป็นตัวแทนกัปตัน จึงมีสิทธิ์เลือกเป็นคนแรก คนที่สองคือนางคินให้เลือกแทนยะโซะคิจิผัวของนางที่หายสาบสูญไป แต่ต่อจากนั้นก็ให้เป็นไปตามลำดับที่กำหนดกันไว้ ข้าจะทำให้เป็นตัวอย่างดูดี ๆ แล้วทำตามนะพวกเจ้า”

ว่าแล้วเจ้ายะมะโตะก็เดินไปนั่งอีกด้านหนึ่งของผืนผ้าขาวประจันหน้ากับคนอื่น ๆ ห่างจากถาดไข่มุกประมาณ 2 ฟุต เอามือทั้งสองวางไว้บนหน้าขาทั้งสองข้างแล้วยื่นแต่หน้าเข้าไปใช้ตาอันแหลมคมเลือกเฟ้นไข่มุกในถาด พอพบที่ต้องใจแล้วจึงหยิบคีมกันเล็ก ๆ ตรงหน้าเอื้อมมือไปคีบเอามาเม็ดหนึ่ง

ต่อไปคือนางคิน มะสึ และทะเกะโซตามลำดับ สำหรับมะสึนั้นบอกว่าแขนยังเป็นเหน็บชาอยู่จึงให้นางเมียเป็นคนเลือกแทน พอเลืกตามลำดับครบกันทุกคนแล้วก็เริ่มเลือกรอบที่สองต่อไป รวมแล้วเลือกกันเกือบยี่สิบรอบจนไข่มุกหมดถาดโดยไม่เกิดปัญหายุ่งยากแม้แต่น้อย

แต่ความยุ่งยากได้เกิดขึ้นเมื่อเจ้ายะมะโตะประกาศว่าจะย้ายเข้าไปอยู่ห้องกัปตันเพราะตอนนี้เข้ามาทำหน้าที่แทนกัปตันเต็มตัวแล้ว

คนที่ออกมาคัดค้านในแนวหน้าคือคินตะลูกเรือผู้มักทำอะไรอุกอาจเกิดคาด เพราะไม่มีใครรู้ว่าชายผู้ซึมกระทืออยู่เป็นนิตย์นั้นเอาพลังมาจากไหน คินตะเปล่งเสียงแหบ ๆ แต่มีพลังเด็ดขาดออกมาว่า

“ไม่ได้ ข้ายอมให้ทำอย่างนั้นไม่ได้”

คงเพราะใส่อารมณ์มากไปตาของเจ้าคินตะจึงเหลือกขึ้นไปเห็นแต่ตาขาว หน้าผากเกรียมกร้านแดดทะเลใต้มีเส้นเลือดเขียว ๆ ขึ้นโปน ฟันขาวเห็นเด่นชัด เขากรอกตาพลางตะโกนย้ำเสียงแข็ง

“ไม่มีทาง ข้าไม่ยอม”

ลูกเรือคนอื่น ๆ ยืนนิ่งขึง อ้าปากค้างเพราะเจ้าคินตะพูดสิ่งที่พวกเขาอยากพูดออกมาชัดเจน วินาทีต่อมาทั้งหมดจึงเริ่มเคลื่อนไหวเหมือนหุ่นที่ช่างทำขึ้นมาเป็นรูปเดียวกัน

“ไม่เอา เราไม่ยอม”

“ไม่เชื่อ ก็ลองดู”

พ่อครัวยะมะโตะจึงคิดหนัก ถ้าขัดขืนเห็นทีจะโดนรุมเป็นแน่ ก็เลยทำใจดีสู้เสือ

“ไอ้พวกบ้ากาม เห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้ทีเดียว แล้วยังคิดอุบาทกลัวข้าจะอยู่ด้านนี้จะเคลมเอาคนเดียวละซี ข้าก็ลูกผู้ชายคนหนึ่งเมื่อพวกเจ้าคัดค้านข้าก็ยอมจะเป็นไรไป ไม่เอาก็ไม่เอาวะ”

เจ้ายะมะโตะคิดอะไรอยู่อึดใจหนึ่ง แล้วชี้ไปที่อิมะมุระ

“นายก็ต้องย้ายห้อง ไปอยู่ห้องใหญ่กับพวกลูกเรือเดี๋ยวนี้เลย คนอะไรลงเรือมาด้วยกันตั้งหลายวันไม่เข้าพวกเข้าพ้อง กบดาลอยู่แต่ในห้องไม่รู้ว่าคิดอะไร”

“ใช่ ๆ ไล่ออกมาเลย”

ลูกเรือที่กำลังตั้งป้อมต่อต้านตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน อิมะมุระจึงไม่มีทางเลือกนอกจากเก็บข้าวของไปอยู่ห้องใหญ่แต่โดยดี คนที่ไม่แสดงท่าทีว่าสนใจอะไรกับเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นเห็นจะมีแต่นางคินกับเจ้าหนุ่มมะสึเท่านั้น นางคินนั้นเป็นเพราะกำลังเศร้าที่ผัวหายสาบสูญไป แต่เจ้ามะสึนี่ซิไม่รู้ว่าเป็นอะไรสีหน้าของเจ้าหนุ่มหม่นหมองเหมือนถูกเทพแห่งความตายเข้าสิงหรือว่าจะเป็นเพราะยังไม่หายจากอาการของโรคน้ำหนีบ ไม่ใช่...กิเลสต่างหากที่เป็นต้นเหตุให้เขาขืนลงดำน้ำอยู่นานจนเป็นโรคน้ำหนีบ และที่มานั่งซึมเศร้าราวถูกเทพแห่งความตายเข้าสิงอยู่เช่นนี้ก็เพราะไข่มุกดำขนาด 300 เกรน และไข่มุกขาวสีเงินยวงขนาด 500 เกรนหายไปอย่างไม่มีร่องรอยทั้งสองเม็ด เรือกำลังเล่นขึ้นเหนือไปทุกที และยิ่งขึ้นเหนือไปเพียงใดก็ยิ่งโอกาสที่ลงไปกลับลงไปหาหอยมุกอีกก็ยิ่งหมดสิ้นไปเพียงนั้น

พ่อครัวยะมะโตะยังพยายามหาอัญมณีเลอค่าที่หายไปอย่างไม่หยุดยั้ง เราเที่ยวซอกแซกหาทุกหนทุกแห่งทั่วไปในเรือและเฝ้าสังเกตอากัปกิริยาของผู้คนไม่เว้นแต่ละวัน แต่ไม่ได้วี่แววเลยแม้แต่นิดเดียวจนกระทั่งเริ่มเห็นแนวเทือกเขาของญี่ปุ่นที่ขอบฟ้า ยะมะโตะไม่ละทิ้งความหวังจนกระทั่งนาทีสุดท้ายที่ลงไปจากเรือ

“โชริวมะรุ” แอบส่งคิโยะมะสึและคณะนักดำน้ำลงที่คาบสมุทรด้านล่างของนครหลวง เจ้ายะมะโตะไม่ลืมที่จะตรวจสัมพาระทั้งหมดและตรวจร่างกายของคณะนักดำน้ำทุกคนอย่างละเอียดก่อนที่จะให้ขึ้นบก หลังจากนั้นจึงเข้าเทียบท่าเรือ โยโกฮามาอย่างเป็นทางการ รายงานว่า “โชริวมะรุ” เดินทางไปไม่ถึงจุดหมายเพราะกัปตันริเฮเสียชีวิตจากอาการเจ็บป่วยระหว่างการเดินทางทำให้ต้องเดินทางกลับ ลูกเรือ พ่อครัว และล่ามประจำเรือแยกย้ายกันไปคนละทางสองทางโดยไม่มีใครสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับการเดินเรือเที่ยวนี้ของ “โชริวมะรุ”

จนกระทั่งเวลาผ่านไปสามปีเห็นจะได้

(โปรดติดตามตอนต่อไป......)
ระบำไฟ ตอนที่ 8
ระบำไฟ ตอนที่ 8
โคลเวอร์สี่กลีบ แวววามอยู่ในดวงตาสุกใสไม่ต่างจากประกายโลหะบนจี้เล็กๆ แม้ในห้องอันทึมเทาซอมซ่อ แต่พัดชากลับมีความสุข โลกของเธอกำลังสวยงาม ยิ่งเมื่อคิดถึงพยสส่งสร้อยพร้อมจี้โคลเวอร์สี่กลีบให้พร้อมคำอวยพร “ต่อไปนี้ ผมก็ขอให้น้องพัดชาได้พบกับความสุข และสมหวังในความรักเช่นกัน” พัดชามองจี้โคลเวอร์อย่างมีความหวัง เสียงข้อความไลน์ดังมาจากมือถือข้างตัว พัดชากดดูเป็นตรีประดับส่งไลน์มาทักถาม พร้อมส่งแรงใจมาให้ “น้องพัดเป็นยังไงบ้างคะ ทำงานเหนื่อยหรือเปล่าวันนี้ อย่าเพิ่งท้อนะคะ อดทนไว้ โลกของเรายังมีความหวังเสมอ พี่เชื่อและพี่จะช่วยให้น้องพัดได้ทำตามความฝัน” พัดชาซาบซึ้งใจ ไลน์ตอบไปขอบคุณ
กำลังโหลดความคิดเห็น