เกมพยาบาท ตอนที่ 4
อัคคีเดินหน้าตาบูดบึ้งออกมาจากกระท่อม เข็มกับแม้นมาศแอบซุ่มดูอยู่มุมหนึ่ง ท่าทางอยากรู้อยากเห็น อัคคีหันไปเห็นพอดี ดุเสียงดัง
"มาแอบดูอะไรกัน!"
เข็มกับแม้นมาศสะดุ้งโหยง พากันเดินออกมาหาอัคคี สีหน้าแหยๆ กลัวโดนด่า
"เอ่อ...พวกเราแค่อยากรู้ว่าเมื่อคืนนี้นายพาใครมาน่ะครับ"
แม้นมาศถาม "ผู้หญิงใช่มั้ยจ๊ะนาย"
"รู้ดีนักนะแม้นมาศ"
"เค้าเป็นใครเหรอจ๊ะ"
"เป็นใครก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่าต่อไปนี้ เข็มกับแม้นมาศมีหน้าที่เฝ้าผู้หญิงคนนี้เอาไว้ให้ดี อย่าให้หนีออกไปจากเกาะได้เด็ดขาด"
"ครับนาย" เข็มรับคำ
"จ้ะนาย แล้วจะให้ฉันหาข้าวหาปลาให้เค้ากินด้วยมั้ย"
อัคคีเสียงแข็ง
"ไม่ต้อง ปล่อยให้อดข้าวให้เข็ด"
อัคคีหันไปมองทางกระท่อม สีหน้าโกรธแค้นฉัตรชบามาก
เวลาเดียวกัน ที่กรุงเทพฯ เกษณีย์ส่งเช็คให้แม่ดู
" แค่ห้าแสน มันจะไปพอใช้ได้ยังไง นี่ดีนะที่แม่เอาเงินสินสอดแกไปโปะหนี้บ้านหมดแล้ว ไม่งั้นคงไม่มีที่ซุกหัวนอนแน่"
เกษณีย์อารมณ์เสีย
"ได้มาแค่นี้ก็บุญแล้วค่ะ แล้วเช็คเนี่ยคุณป้าอำภาเป็นคนเซ็นให้นะคะ ไม่ใช่คุณฉัตร"
"แกก็ออดอ้อนคุณฉัตรให้มากหน่อยสิ เค้าจะได้รักได้หลงแก มีอะไรเค้าก็จะได้ประเคนให้แกให้หมด หรือไม่แกก็รีบมีหลานให้คุณอำภาเร็วๆ สิ คนแก่น่ะหลงหลาน ขี้คร้านจะรีบยกสมบัติให้หลานหมด"
เกษณีย์ยิ่งอารมณ์เสียหนักขึ้น
"เกษจะมีลูกได้ยังไงล่ะคะคุณแม่ ตั้งแต่แต่งงานกัน คุณฉัตรก็นอนหันหลังให้เกษตลอด เค้ายังอาลัยอาวรณ์นังวรรณิศาอยู่ค่ะ"
"แล้วแกจะยอมแพ้คนตายเหรอ"
"แล้วคุณแม่จะให้เกษทำยังไงล่ะคะ ในเมื่อเค้าไม่สนใจเกษเลย"
"เค้าไม่เริ่ม แกก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อนสิ เรื่องแบบนี้คงไม่ต้องให้แม่สอนหรอกมั้ง"
เกษณีย์บ่นเซ็งๆ
"เกษเริ่มจนไม่รู้จะเริ่มยังไงแล้วค่ะ แล้วช่วงนี้คุณฉัตรเค้าเครียดเรื่องที่ชบาหายตัวไป เค้าก็ยิ่งไม่สนใจเกษมากกว่าเดิมอีก"
"ยังไม่ได้ข่าวชบาเลยเหรอ"
"ยังเลยค่ะ แต่มันหายตัวไปอย่างนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะ สมบัติจะได้ไม่มีตัวหาร"
เกสรยิ้มปลื้ม
"อุ๊ย...ลูกแม่นี่ช่างฉลาดคิดจริงๆ" เกสรยกมือไหว้ท่วมหัว "สาธุ...ขอให้ฉัตรชบาไปแล้วไปลับ อย่าได้กลับเลย เพี้ยงๆๆ"
เกษณีย์ยิ้มร้าย ไม่อยากให้ฉัตรชบากลับมาเหมือนกัน
จิดาภาคุยกับคนรับใช้อยู่ในห้องโถงบ้านวรรณิศา
"คุณอัคคีไม่ได้บอกไว้เหรอว่าจะไปไหน"
"ไม่ได้บอกค่ะ เมื่อคืนนี้คุณอัคคีก็ไม่ได้กลับบ้านนะคะ" น้อยบอก
จิดาภาพยักหน้ารับทราบ "ขอบใจจ้ะ"
น้อยเดินออกไป
จิดาภากดมือถือหาอดุลย์
"คุณอดุลย์คะ อัคคีได้กลับไปที่เชียงใหม่หรือเปล่าคะ"
อดุลย์คุยโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงานที่บริษัทของอัคคีที่เชียงใหม่
อดุลย์ตอบ " เปล่าครับ อัคคีมันไม่ได้อยู่กรุงเทพกับคุณจิเหรอครับ"
"ฉันติดต่ออัคคีไม่ได้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ ถ้าคุณอดุลย์ได้ข่าวอัคคี ช่วยโทร.บอกฉันหน่อยนะคะ ช่วงนี้สภาพจิตใจเค้าไม่ค่อยโอเค ฉันเป็นห่วงเค้าค่ะ"
จิดาภากดวางสาย แล้วหันไปเห็นหนังสือพิมพ์ถูกขยำวางซุกอยู่มุมห้อง
จิดาภาเอะใจหยิบหนังสือพิมพ์มาดู
เห็นภาพข่าวการแต่งงานของฉัตรชนกกับเกษณีย์อยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์
จิดาภามีลางสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง กลัวจะเกิดเรื่องร้ายขึ้น
มื้อกลางวัน อัคคีนั่งแทะไก่ย่างยั่ววรรณิศาอยู่ในกระท่อมอย่างสบายอารมณ์ ฉัตรชบาหิวมาก แต่ก็หยิ่ง ไม่แสดงออกให้อัคคีเห็นว่าตนกำลังหิว
"คุณยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวาน หิวมั้ย"
อัคคีเดินเข้ามาใกล้ๆ เอาน่องไก่มาจ่อที่จมูกให้ฉัตรชบาดมกลิ่น แล้วเลื่อนน่องไก่มาตรงปาก ฉัตรชบาเผลอกลืนน้ำลายดังเอื๊อก!!! แต่ก็ทำเป็นหยิ่งไว้ก่อน
อัคคียังคงกวนประสาท
"ไม่หิวจริงเหรอ"
"ต่อให้หิวตาย ฉันก็จะไม่กินของๆ นายเด็ดขาด"
"ก็ดี ไม่เปลือง"
อัคคีแทะไก่จนเหลือแต่กระดูก แล้วโยนกระดูกไก่มาให้ฉัตรชบา
"เอานี่ไปแทะเล่น"
ฉัตรชบาแว้ดใส่
"ฉันไม่ใช่หมา! ไม่ต้องมาโยนกระดูกให้ฉัน"
อัคคีกวนประสาท
"อ้าวเหรอ เห็นถูกล่ามโซ่ไว้ ก็นึกว่าใช่ " อัคคียิ้มเยาะ
ฉัตรชบามองไปรอบๆ
"แล้วนี่นายจับฉันมาไว้ที่ไหน ฉันได้ยินเหมือนเสียงคลื่น"
อัคคีเดินมาปลดโซ่ออกจากเสา แต่ปลายโซ่อีกด้านยังล่ามติดอยู่ที่ขาของฉัตรชบา
อัคคีลากโซ่ฉัตรชบาออกไปแรงๆ
"ถ้าอยากรู้ก็จะพาไปดู" อัคคีกระตุกโซ่ "มานี่!"
ฉัตรชบาถูกโซ่รั้ง เจ็บ
"โอ๊ย!!! ไอ้บ้าเอ๊ย ฉันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของนายนะ"
อัคคีลากโซ่ฉัตรชบาออกไป ไม่สนใจเสียงโวยวายของเธอแม้แต่น้อย
อัคคีลากโซ่ฉัตรชบามาที่ชายหาด ตะคอกใส่
"ที่นี่เป็นเกาะส่วนตัวของผม คุณไม่มีทางหนีไปจากที่นี่ได้หรอก นอกจากจะว่ายน้ำข้ามทะเลไป แต่ทางที่ดีคุณอย่าเสี่ยงดีกว่า ดีไม่ดีจะไปตายกลางทะเลซะเปล่าๆ"
"ต่อให้ต้องตายฉันก็จะหนีไปจากที่นี่ให้ได้"
ฉัตรชบาวิ่งหนี อัคคีกระตุกปลายโซ่อย่างแรง เธอหกล้ม เขาเดินเข้าไปใกล้แล้วหัวเราะเยาะใส่
"บอกแล้วไงว่าคุณหนีผมไม่พ้นหรอก"
ฉัตรชบาเจ็บใจ กำทรายปาใส่หน้าอัคคีเต็มๆ เขาเผลอปล่อยมือจากโซ่ ไปปัดทรายออกจากหน้า ฉัตรชบาฉวยโอกาสวิ่งหนีลงทะเลไปอัคคียืนมอง สีหน้าโกรธจัด
"ดูสิว่าจะหนีไปได้ซักกี่น้ำ"
ฉัตรชบาวิ่งลงทะเลลึกขึ้นเรื่อยๆ แม้จะวิ่งไม่ค่อยถนัดเพราะถูกโซ่ที่ขาถ่วงอยู่ เธอพยายามว่ายน้ำหนีสุดชีวิต แต่ถูกโซ่ดึงให้จมลงไปใต้น้ำ เธอตะเกียกตะกายสุดชีวิต ผลุบโผล่ๆ จะจมน้ำ
อัคคีเห็นฉัตรชบาทำท่าผลุบโผล่ๆ เหมือนจะจมน้ำ แต่ยืนมองอยู่เฉยๆ อย่างเลือดเย็น แล้วเธอก็จมหายไปในทะเล ไม่โผล่ขึ้นมา อัคคีวิ่งลงทะเลไปช่วย
เขาอุ้มเธอที่สลบอยู่ขึ้นมาจากทะเล วางลงที่ชายหาด แล้วทำการผายปอดแบบเมาท์ทูเมาท์ให้จนฉัตรชบาสำลักน้ำออกมา
ฉัตรชบาลืมตามองหน้าอัคคี...ท่าทางสะลึมสะลือเหมือนจะหมดสติ
"แค้นฉันมาก ทำไมไม่ปล่อยให้ฉันตายไปเลย"
"ตายง่ายๆ มันสบายเกินไป แต่คุณไม่ต้องห่วงนะว่าคุณจะต้องรับโทษอยู่คนเดียว เพราะพี่ชายคุณมันก็จะต้องได้รับโทษเหมือนกัน"
"นายจะทำอะไรพี่ฉัตร"
"ผมจะทำให้มันทรมานเหมือนตายทั้งเป็น"
ฉัตรชบาท่าทางอ่อนแรง
"นายมันบ้า"
ฉัตรชบาด่าแล้วหมดสติไป
อัคคีอุ้มฉัตรชบาที่หมดสติอยู่มาโยนโครมลงบนเตียง เขาจับปลายโซ่ที่ขาของฉัตรชบาไปล่ามติดกับต้นเสาไว้ ยืนมองเธอที่เนื้อตัวเปียกปอนด้วยสายตาเคียดแค้น
ในอดีต ที่บ้านวรรณิศา
อัคคีร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ให้น้องสาว วรรณิศายิ้มอย่างมีความสุขระหว่างที่พี่ชายร้องเพลง อัคคีร้องเพลงไปจนจบ วรรณิศาหลับตาอธิฐานขอพรแล้วเป่าเค้ก
"ขอบคุณพี่อัคคีมากนะคะที่ไม่เคยลืมวันเกิดศาเลย"
"เรามีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง แล้วพี่จะลืมวันเกิดน้องสาวสุดที่รักของพี่ได้ยังไง พี่มีของขวัญวันเกิดให้ศาด้วยนะ"
วรรณิศาตื่นเต้นดีใจ
"อะไรเหรอคะ"
"ถ้าศารักการเป็นครูมากกว่าการทำธุรกิจกับพี่ พี่ก็จะเปิดโรงเรียนอนุบาลให้ ศาจะได้ทำตามความฝันของศาได้อย่างเต็มที่"
วรรณิศาดีใจมาก "จริงเหรอคะ"
"จริงสิ อะไรที่เป็นความสุขของศาพี่ทำให้ได้ทุกอย่าง พี่สัญญากับพ่อแม่ไว้แล้วว่าพี่จะดูแลศาให้ดีที่สุด พี่ก็ต้องทำให้ได้"
"ศารักพี่อัคคีที่สุดเลยค่ะ"
วรรณิศากอดอัคคีด้วยความรัก
"พี่ก็รักศามากเหมือนกัน"
อัคคีกอดตอบวรรณิศา สีหน้าและแววตาบ่งบอกว่ารักน้องสาวคนนี้มาก
อัคคีมองฉัตรชบาด้วยสายตาตรงกันข้าม มีแต่ความเคียดแค้น ชิงชัง แล้วเดินปึงปังออกจากกระท่อมไป
เข็มนั่งถักแหอยู่หน้าบ้านพักโดยมีข้าวปุ้นนั่งเล่นอยู่ข้างๆ เข็มเห็นอัคคีเดินเข้ามา
"ไปทำอะไรมาครับนาย ทำไมถึงได้เปียกไปหมดอย่างนั้น"
อัคคีก้มมองตัวเอง
"ไม่มีอะไรหรอก แม้นมาศอยู่ไหน"
"อยู่หลังบ้านโน่นน่ะครับ" เข็มตะโกนเรียก "นังแม้นเอ๊ย นังแม้น ออกมาหานายหน่อยโว้ย"
แม้นมาศวิ่งออกมาจากทางหลังบ้าน
"มาแล้วจ้า...มาแล้ว นายมีอะไรเหรอจ๊ะ"
"ฉันขอยืมเสื้อผ้าแม้นซักชุดสิ จะเอาไปให้ชบาเปลี่ยน"
"ได้จ้ะ รอแป๊บนะจ๊ะ"
แม้นมาศรีบวิ่งเข้าไปในบ้านพัก ครู่หนึ่งก็ออกมาพร้อมเสื้อผ้ามาให้อัคคีสองชุด
แม้นมาศส่งชุดให้
"นี่จ้ะนาย ฉันให้ไปสองชุดเลย"
อัคคีรับชุดจากแม้นมาศแล้วเดินออกไป แต่แล้วก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ หันกลับมาบอกแม้นมาศ
"แม้น ตามฉันมา"
"จ้ะนาย"
แม้นมาศรีบเดินตามอัคคีไป
แม้นมาศเปลี่ยนชุดให้ฉัตรชบาเสร็จ แล้วมองไปที่โซ่ที่ล่ามอยู่ที่ขาฉัตรชบา
"ทำไมนายต้องล่ามโซ่ผู้หญิงคนนี้ไว้ด้วยล่ะจ๊ะ"
อัคคีมองดุ แม้นมาศจ๋อย ปิดปากเงียบ ไม่กล้าถามอะไรอีก
"ออกไปได้แล้วไป แล้วก็หาข้าวมาให้ผู้หญิงคนนี้ด้วย"
"จ้ะนาย"
แม้นมาศหยิบชุดเดิมของฉัตรชบาขึ้นมา ซึ่งมีชุดชั้นในด้วย
"ฉันจะเอาเสื้อผ้านี่ " ไม่ต้อง เสื้อผ้าของใครก็ให้คนนั้นซักเอง"
"จ้ะนาย"
แม้นมาศวางชุดของฉัตรชบาไว้ที่เดิม แล้วเดินออกไป
อัคคีหันไปเห็นชุดชั้นในของฉัตรชบาแล้วรีบหันหน้าไปทางอื่น ประมาณว่าไม่อยากมอง
แม้นมาศเดินกลับมาที่บ้านพัก เข็มนั่งถักแหอยู่ที่เดิม โดยมีข้าวปุ้นนั่งเล่นอยู่ข้างๆ
เข็มอยากรู้ รีบถาม
"นี่นังแม้น ตกลงผู้หญิงคนนั้นใช่เมียนายรึเปล่าวะ"
"ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าสวยมาก สวยอย่างกับนางเอกละครเลยแกเอ๊ย เดี๋ยวฉันรีบไปจัดสำรับให้เค้าก่อน"
"เออดีๆ แกรีบไปจัดเลย เดี๋ยวฉันจะไปด้วย"
"แกจะไปทำไม"
"ข้าก็อยากเห็นหน้าผู้หญิงของนายมั่งน่ะสิ"
ข้าวปุ้นบอก "หนูไปด้วยนะ"
"ไม่ต้องเลย ยกโขยงกันไป เดี๋ยวก็ได้โดนด่ากันหมด" แม้นมาศว่า
แม้นมาศรีบเดินเข้าไปในบ้านพัก เข็มกับข้าวปุ้นทำหน้าเสียดาย
อ่านต่อหน้า 2
เกมพยาบาท ตอนที่ 4 (ต่อ)
อัคคีนั่งมองฉัตรชบาที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่บนเตียง สีหน้าแววตาอาฆาตแค้นนั้นแฝงความเศร้าอยู่ลึกๆ
เมื่อ10 ปีก่อน ท่ามกลางบรรยากาศงานศพพ่อกับแม่ของอัคคีและวรรณิศา ที่ศาลาวัด ตั้งโลงศพคู่กัน ที่หน้าโลงศพมีรูปของพ่อกับแม่ของอัคคีและวรรณิศาตั้งอยู่ / วรรณิศานั่งร้องไห้อยู่หน้าโลงศพพ่อกับแม่ อัคคีกอดปลอบใจ
วรรณิศาร้องไห้สะอึกสะอื้น
"พ่อกับแม่ไม่อยู่แล้วต่อไปศาจะอยู่ยังไง"
"ศาก็อยู่กับพี่ไง พี่จะดูแลศาแทนพ่อกับแม่เอง" อัคคีมองรูปพ่อกับแม่ "พ่อครับ...แม่ครับ...ผมสัญญาว่าผมจะดูแลน้องให้ดีสุด ผมจะปกป้องน้องด้วยชีวิตของผม พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ"
วรรณิศาร้องไห้คร่ำครวญไม่หยุด อัคคีกอดปลอบด้วยความรักน้องสุดหัวใจ
อัคคีมีสีหน้าอาฆาตแค้นมากกว่าเดิม เขามองไปที่ฉัตรชบาที่ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่
" ใครที่มันทำให้ศาเจ็บ มันต้องเจ็บกว่าร้อยเท่าพันเท่า"
อัคคีกำหมัดทุบผนังอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง ฉัตรชบาสะดุ้งตื่น
อัคคีเสียงแข็งถาม "ฟื้นแล้วเหรอ!"
ฉัตรชบาค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียง
"ถ้าฉันตายไปเลยคงจะดีกว่านี้"
อัคคีเข้ามาบีบต้นแขนสองข้างของฉัตรชบาอย่างแรง
"ผมบอกแล้วไง ว่าตายง่ายๆ มันสบายเกินไป คนสารเลวอย่างคุณกับพี่ชายคุณ จะต้องได้รับการลงโทษจากผมอย่างสาสมซะก่อน ถึงจะลงนรกไปได้"
อัคคีผลักฉัตรชบาลงไปกระแทกหัวเตียงอย่างแรง เธอทำหน้าเจ็บๆ แล้วสังเกตเห็นว่าชุดตัวเองไม่ใช่ชุดเดิม
ฉัตรชบาก้มมองชุด"ใครเปลี่ยนชุดให้ฉัน" เงยหน้ามองอัคคี "นายเหรอ!"
อัคคียักไหล่แบบกวนประสาท แต่ไม่ตอบ
ฉัตรชบาหันไปเห็นเสื้อผ้าชุดเดิมของตนวางกองอยู่ที่พื้นพร้อมกับชุดชั้นใน
ฉัตรชบาดึงคอเสื้อให้ห่างออก แล้วก้มมองเข้าไปในอกเสื้อ เสร็จแล้วก็รีบยกมือกอดอก อายจนหน้าแดง
"ไม่ต้องอายหรอก ผมเห็นหมดทุกซอกทุกมุมแล้ว แต่ขอโทษนะ พอดีไม่มีชุดชั้นในให้เปลี่ยน คุณก็อยู่โล่งๆ อย่างนั้นไปก่อนก็แล้วกัน"
"แอร๊ย ! ไอ้ทุเรศ ไอ้ลามก"
ฉัตรชบาหยิบของใกล้มือปาใส่ อัคคีหลบ ของเลยลอยไปโดนแม้นมาศที่ยกถาดอาหารเข้ามาพอดี
แม้นมาศตกใจร้อง "ว้าย!"
ฉัตรชบาชะงัก หันไปมองทางแม้นมาศ สีหน้าสงสัยว่าแม้นมาศเป็นใคร
ฉัตรชบาจะลงจากเตียง"ช่วยฉันด้วย"
อัคคีจับตัวไว้ "จะไปไหน" หันไปบอกแม้นมาศ "เอาข้าววางไว้แล้วออกไป"
"จ้ะนาย"
แม้นมาศเอาถาดอาหารมาวางที่โต๊ะ แล้วชำเลืองมองชุดที่ฉัตรชบาใส่
แม้นมาศพูดกับฉัตรชบายิ้มๆ
"ใส่ชุดนี้ได้พอดีเลยนะจ๊ะ"
"พี่เป็นคนเปลี่ยนชุดให้ฉันใช่มั้ย"
"ใช่จ้ะ"
ฉัตรชบามีสีหน้าโล่งอก
อัคคีเสียงดุ
"ออกไปได้แล้วแม้นมาศ"
แม้นมาศรีบเลี่ยงออกไป
อัคคีบอกฉัตรชบา
"กินข้าวซะ จะได้มีชีวิตอยู่ให้ผมทรมานไปอีกนานๆ"
"ถ้าความตายคือหนทางเดียวที่ฉันจะหลุดพ้นจากนายได้ ฉันก็จะอดข้าวให้ตายไปเลย" ฉัตรชบาเชิดหน้าคอแข็ง เม้มปากแน่นอย่างแข็งข้อ
อัคคีโกรธจับผักต้มจิ้มกับน้ำพริกแบบเยอะๆแล้วเอามายัดใส่ปากฉัตรชบา
อัคคีบีบปาก "กินเข้าไป"
ฉัตรชบาถุยผักกับน้ำพริกใส่หน้าอัคคี แล้วทำท่าเผ็ดๆ
"ฉันไม่กิน!" ฉัตรชบาปัดถาดอาหารตกเกลื่อนพื้น
อัคคีเอามือปัดเศษอาหารออกจากหน้า ท่าทางโกรธมาก ยิ้มเหยียด
"ไม่กินก็อย่ากิน หิวโซขึ้นมาเมื่อไหร่ ก็คลานมาขอข้าวกินเหมือนหมาเองนั่นแหละ"
"ไม่มีวัน!"
"แล้วผมจะคอยดู"
อัคคีเดินปึงปังไปหยิบไม้กวาดมาโยนใส่ฉัตรชบา
"เก็บกวาดให้เรียบร้อย"
ฉัตรชบานั่งเชิดหน้าหลังแข็ง "ฉันไม่ทำ!"
อัคคีตะคอก "ผมบอกให้ทำ นี่คือคำสั่ง"
"ฉันไม่ทำ"
อัคคีแค่นยิ้ม " ก็ได้ ถ้าไม่ทำ เดี๋ยวคืนนี้ก็รู้สึก"
อัคคีไม่ตอบ เดินหนีออกไปข้างนอก
ฉัตรชบาจะหนีออกไปข้างนอก แต่หกล้มเพราะติดโซ่ เจ็บใจ
"ฮึ่ย!"
เกาะร้าง ตอนหัวค่ำ
ในกระท่อม ฉัตรชบานั่งเอามือลูบท้องอยู่บนเตียง ท่าทางหิวๆ
อัคคีหอบเสื่อ หมอน ผ้าห่มและมุ้งมาโยนโครมที่มุมห้อง ใกล้ๆ กับกองเศษอาหารที่ฉัตรชบาปัดทิ้งไว้เมื่อเช้านี้
ฉัตรชบามองระแว
"หอบที่นอนเข้ามาทำไม อย่าบอกนะว่านายจะมานอนในห้องนี้"
"ใช่! แล้วเตียงนั่นก็ของผม ส่วนคุณ ไปปูเสื่อนอนเอาเอง"
อัคคีเดินมากระชากฉัตรชบาลงจากเตียง แล้วเหวี่ยงไปที่เสื่อ
ฉัตรชบาแว้ดใส่
"ฉันเป็นผู้หญิงนะ นายจะมานอนให้ห้องเดียวกับฉันได้ยังไง"
"ที่นี่เป็นกระท่อมของผม ผมจะนอนตรงไหนก็ได้ บุญแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ให้คุณไปนอนที่ระเบียงข้างนอก"
ฉัตรชบาแว้ดใส่
"ฉันไม่นอนเสื่อ"
อัคคีทำหน้ากวนประสาทใส่
"หรือว่าอยากนอนเตียงเดียวกับผม"
"ไม่!"
อัคคีตะคอกใส่ "งั้นก็รีบปูเสื่อนอนซะ แล้วเศษอาหารนั่น จะไม่กวาดจริงๆ ใช่มั้ย"
"ไม่!"
"ตามใจ แล้วอย่ามาโอดครวญทีหลังก็แล้วกัน"
อัคคีหันไปกางมุ้งของตัวเองอย่างชำนาญ ครู่เดียวก็เสร็จเรียบร้อย
อัคคีหันไปมองฉัตรชบาปูเสื่อและหาที่ผูกหูมุ้งอย่างงงๆ ทำไม่ค่อยเป็น ไม่รู้มุมไหนเป็นมุมไหน เธอกางมุ้งเสร็จด้วยความยากลำบาก เสร็จแล้วก็มุดเข้าไปนอน ท่าทางกระฟัดกระเฟียด
อัคคีหันไปดับตะเกียงเจ้าพายุแล้วมุดเข้ามุ้งไปนอน
คืนเดียวกัน ฉัตรชนก อำภาและฉกาจสีหน้าเคร่งเครียด คุยอยู่ในห้องโถง
อำภาไม่พอใ
"ตำรวจทำงานกันยังไง ทำไมป่านนี้ยังไม่ได้ข่าวยัยชบาอีก"
"ตำรวจก็ทำงานอย่างเต็มที่แล้วครับคุณแม่ แต่บริเวณที่ชบาหายตัวไป ไม่มีบ้านคนเลย แถมกล้องทางหลวงที่จับภาพรถของชบาได้ ก็สิ้นสุดแค่ถนนใหญ่ก่อนที่ชบาจะเลี้ยวรถเข้าซอยไปดูที่"
"พ่อว่าเราลงประกาศตามหาในหนังสือพิมพ์ หรือไม่ก็ลงประกาศตามพวกโซเชียลมีเดียอะไรพวกนี้ดีมั้ย"
เกษณีย์หิ้วถุงช้อปปิ้งหลายใบกลับเข้ามา ทันได้ยินพอดี
"อย่าเพิ่งทำอะไรให้มันเอิกเกริกเลยค่ะ ใจเย็นๆ แล้วรอฟังข่าวจากทางตำรวจก่อนดีกว่านะคะ"
ฉัตรชนกไม่พอใจ สวนทันที "น้องสาวผมหายไปทั้งคน จะให้ใจเย็นอยู่ได้ยังไง" เขามองถุงช้อปปิ้ง "ผมไม่ใช่คุณ ที่จะมีความสุขอยู่ได้ ในขณะที่คนอื่นเป็นทุกข์เป็นร้อนแทบตาย"
เกษณีย์ขึ้นเสียง
"คุณฉัตร! ฉันเตือนด้วยความหวังดีนะคะ เพราะถ้านักข่าวรู้เรื่อง เดี๋ยวก็มารุมสัมภาษณ์คุณกับคุณพ่อคุณแม่ให้วุ่นวายยิ่งกว่าเดิม" เธอเกาะแขนอำภา อ้อนๆ หาพวก "เกษพูดเพราะเป็นห่วงคุณพ่อคุณแม่นะคะ ไม่อยากให้เครียดมากกว่านี้"
"จ้ะ แม่เข้าใจหนูเกษ ... หนูเกษพูดก็ถูกนะตาฉัตร แค่นี้แม่ก็กลุ้มใจจะตายอยู่แล้ว"
ฉกาจบอก "คุณนี่ก็พูดเหมือนห่วงตัวเองมากกว่าลูกอย่างนั้นล่ะ"
อำภาค้อนขวับ "นี่คุณอย่ามาหาเรื่องฉันนะ มีใครบ้างไม่ห่วงลูก แล้วตอนนี้ตำรวจก็กำลังตามหายัยชบาให้อยู่ ฉันไม่ได้นิ่งดูดายซะหน่อย"
ฉกาจทำท่าไม่พอใจอำภา
"อย่าเพิ่งเถียงกันครับเลยครับคุณพ่อคุณแม่ เอาเป็นว่าผมจะยังไม่ประกาศตามหายัยชบา แต่ผมจะจ้างนักสืบให้ช่วยตามหาอีกทางนึง"
"เอาอย่างนั้นก็ได้" ฉกาจบอก
"ผมขอตัวขึ้นข้างบนก่อนนะครับ"
ฉัตรชนกเดินขึ้นชั้นบนไป ท่าทางกลุ้มใจ เป็นห่วงฉัตรชบามาก
เกษณีย์บอกอำภา "เกษขอตามขึ้นไปดูแลคุณฉัตรก่อนนะคะคุณแม่ ท่าทางคุณฉัตรจะเครียดเรื่องน้องชบามาก" เธอปั้นหน้ากลุ้มใ " เกษเองก็เป็นห่วงน้องชบาไม่น้อยกว่าทุกคนเลยนะคะ"
อำภาปลาบปลื้ม ซึ้งใจ
"ขอบใจมากจ้ะ แม่เลือกลูกสะใภ้ไม่ผิดจริงๆ หนูเกษรีบตามขึ้นไปดูแลตาฉัตรเถอะจ้ะ"
ฉกาจมองอำภากับเกษณีย์ที่เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยก็แอบส่ายหน้าระอาๆ
"ค่ะคุณแม่"
เกษณีย์หิ้วถุงช้อปปิ้งเดินขึ้นไปชั้นบน
เกษณีย์เดินหิ้วถุงช้อปปิ้งเข้ามาในห้อง ปั้นเสียงอ่อนหวาน เตรียมเอาใจเต็มที่
"คุณฉัตรคะ"
ฉัตรชนกที่หน้าเครียดๆ อยู่ พอเกษณีย์เข้ามาก็ลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วจะเดินหนีเข้าห้องน้ำ เกษณีย์กระชากแขนฉัตรชนกไว้ทันที โกรธ
"คุณฉัตร! ทำไมคุณต้องทำท่าเหมือนรำคาญฉันมากขนาดนี้ด้วย"
ฉัตรชนกตอบนิ่งๆ เย็นชา "ผมเหนื่อย จะไปอาบน้ำ"
ฉัตรชนกจะเดินไปเข้าห้องน้ำ เกษณย์ไม่ยอมปล่อยแขนฉัตรชนก
"ยังไปไม่ได้ค่ะ ต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน"
"ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ"
"ฉันรู้นะคะว่าที่คุณทำท่าเฉยชากับฉันอยู่ทุกวันนี้ เพราะคุณยังคิดถึงนังวรรณิศาอยู่"
"ใช่! ผมยังคิดถึงศาอยู่ ความรักของผม ผมมอบให้ศาไปหมดแล้ว ส่วนคุณก็ได้ไปแค่ตัวผม แล้วก็จะได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น คือคืนที่คุณวางยาผม"
พูดจบ ฉัตรชนกเดินเร็วหนีเข้าห้องน้ำไป
"แอร๊ย ! คุณฉัตร คุณพูดกับฉันอย่างนี้ได้ยังไง ยังไงฉันก็เป็นเมียคุณแล้วนะ"
เกษณีย์โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง
ฉัตรชนกเดินเข้ามาในห้องน้ำ ถอดเสื้อผ้าแล้วเดินไปเปิดฝักบัวให้น้ำไหลรดตั้งแต่หัวจรดเท้า
ฉัตรชนกเงยหน้าขึ้นรับน้ำจากฝักบัว สีหน้าคิดถึงวรรณิศามาก
คิดถึงอดีต
ฉัตรชนกนอนหนุนตักวรรณิศาอยู่ เธอป้อนขนมให้เขา ฉัตรชนกกินขนมอย่างเอร็ดอร่อยสีหน้ามีความสุขมาก วรรณิศาจะป้อนอีกคำ ฉัตรชนกจับมือวรรณิศาไว้
"ผมมีความสุขจัง สัญญากับผมนะว่าคุณจะอยู่ข้างๆ ผมแบบนี้ตลอดไป คุณจะไม่ทิ้งผมไปไหน"
"ฉันไม่ทิ้งคุณไปไหนหรอกค่ะ"
ฉัตรชนกจับมือวรรณิศามาจูบ วรรณิศายิ้มมีความสุข
ฉัตรชนกพยามทำใจไม่ให้เศร้าเรื่องวรรณิศา หยิบยาสระผมมาบีบใส่มือ แล้วสระผม อาบน้ำไป
อ่านต่อหน้า 3
เกมพยาบาท ตอนที่ 4 (ต่อ)
กระท่อมที่เกาะร้าง กลางดึก
ในกระท่อม กองเศษอาหารมีมดขึ้นเต็มไปหมด ฝูงมดเดินไต่เป็นทางยาวไปที่มุ้งของฉัตรชบา
เธอโดนมดกัด นอนเกายุกยิก บ่นเสียงดัง
"ไอ้มดบ้ามาจากไหนเยอะแยะเนี่ย" เธอเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง "โอ๊ย! คันไปทั้งตัวแล้ว" ฉัตรชบาเกาไม่หยุด
อัคคีที่นอนอยู่บนเตียงลุกขึ้นแล้วเดินมาเปิดมุ้งฉัตรชบา
"นี่คุณ! บ่นอะไรอยู่ได้ น่ารำคาญ คนจะนอน!"
"มดเต็มที่นอนฉันไปหมดเนี่ย จะให้ฉันนอนเข้าไปได้ยังไงล่ะ"
"ก็เพราะคุณไม่ใช่เหรอที่ทำให้มดมันแห่กันมาทั้งฝูงอย่างนี้"
"ฉันทำอะไรตรงไหน"
อัคคีมองไปที่กองเศษอาหาร
"แหกตาดูซะ ว่านั่นฝีมือใคร"
ฉัตรชบามองตามไป ก็รู้ว่าเป็นฝีมือตัวเอง แต่ไม่ยอมรับ ทำเชิดหน้านิ่งๆ ไป
"ถ้าไม่อยากนอนกับมด ก็ลุกขึ้นไปเก็บกวาดเดี๋ยวนี้เลยไป"
ฉัตรชบานั่งนิ่ง ต่อต้าน
อัคคีตะคอกเสียงดัง "ลุกขึ้นไปทำความสะอาดเดี๋ยวนี้"
ฉัตรชบาเดินไปหยิบไม้กวาดมากวาด ท่าทางกระฟัดกระเฟียด
อัคคียิ้มเยา "สมน้ำหน้า"
ฉัตรชบาหันมาแยกเขี้ยวใส่ แล้วเก็บกวาดต่อไป อัคคีนั่งดูฉัตรชบาทำความสะอาดด้วยความสะใจ เสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันเข้านอน
เช้าวันใหม่
อัคคี เข็ม แม้นมาศและข้าวปุ้นยืนคุยกันอยู่ที่ท่าเรือในเกาะ
อัคคีส่งเงินให้แม้นมาศ
"ซื้อเสื้อผ้า ชุดชั้นในกับพวกของใช้ที่จำเป็นของผู้หญิงมาให้ชบาด้วยนะ"
"ชุดชั้นในนี่ไซส์ไหนเหรอจ๊ะนาย"
อัคคีอึกอัก ปั้นหน้าไม่ถูก
"ไซส์ไหนก็ซื้อมาเถอะ"
แม้นมาศยิ้มแซว
"แหม...เป็นผัวเมียกันยังไงไม่รู้ขนาดเมีย"
อัคคีมองดุ แม้นมาศรีบหุบปากทันที
"ซื้อพวกอาหารแห้งกับพวกยาสามัญประจำบ้านมาด้วยนะ"
"ครับนาย นายต้องการอย่างอื่นอีกมั้ยครับ"
"ไม่มีแล้ว รีบไปกันเถอะ"
เข็ม แม้นมาศและข้าวปุ้นลงเรือ แล้วเข็มก็ขับเรือออกไป
อัคคีเดินกลับไปที่กระท่อม
อัคคีกระชากมุ้งของฉัตรชบาออกอย่างแรง
"ตื่นได้แล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองรึไงแม่คุณ"
ฉัตรชบาลุกขึ้น ท่าทางปวดหัว เหมือนจะไม่สบาย "ยังเช้าอยู่เลยจะให้รีบตื่นไปไหน"
"ลุกขึ้นไปหุงข้าว ทำกับข้าว"
"ก็ให้แม้นมาศทำสิ" ฉัตรชบาไอเล็กน้อย
"แม้นมาศเป็นคนของผม ไม่ได้มีหน้าที่คอยรับใช้ให้คุณ ต่อไปคุณต้องทำเองทุกอย่าง หุงข้าว ทำกับข้าว ซักผ้า"
"ทั้งหมดที่นายพูดมา ฉันทำไม่เป็นหรอกนะ เกิดมาฉันไม่เคยต้องทำอะไรเองซักอย่าง ฉันไม่ทำ"
"ผมไม่สนใจหรอกนะว่าตอนที่อยู่ที่บ้านคุณจะทำตัวเป็นคุณหนูยังไง แต่อยู่ที่นี่คุณต้องทำเอง ลุกขึ้น!" อัคคีพูดพลางกระชากขึ้น
"โอ๊ย! เบาๆ สิ" ฉัตรชบาต่อรอง "ฉันขอไปอาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันก่อนได้มั้ย"
อัคคีรำคาญ "เรื่องมาก"
อัคคีเดินไปหยิบขันที่ข้างในมีสบู่ แปรงสีฟันและยาสีฟันอยู่ข้างในมายัดใส่มือฉัตรชบา
"เอานี่ไปใช้ก่อน"
ฉัตรชบามองของในมือ "ของใคร"
"ของผม"
ฉัตรชบาหยิบแปรงสีฟันขึ้นมา
"จะให้ฉันใช้แปรงสีฟันของคุณเนี่ยนะ"
"ผมยกให้ คุณเก็บไว้ใช้ได้เลย ไม่ต้องเอามาคืน"
ฉัตรชบาทำท่าจะอ้วก "แหวะ"
"ไม่ต้องเรื่องมาก มีอะไรก็ต้องใช้อย่างนั้นแหละ"
อัคคีลากตัวฉัตรชบาออกไปจากกระท่อม
ฉัตรชบาถูกอัคคีฉุดกระชากลากถูมาตามทางเดินรกๆ ในป่ายังบริเวณท้ายเกาะ
"จะลากฉันไปไหน"
"คุณอยากอาบน้ำไม่ใช่เหรอ ผมก็จะพาไปอาบที่น้ำตกท้ายเกาะโน่นไงล่ะ"
"ที่นี่ไม่มีห้องน้ำเหรอ"
"ไม่มี" อัคคีกระชากไปแรงๆ
ฉัตรชบาท่าทางปวดหัว
"เบาๆ ไม่ได้หรือไง ฉันปวดหัว ฉันเดินไม่ไหวแล้ว"
"อย่ามาสำออย"
"ฉันปวดหัวจริงๆ" ฉํตรชบาทิ้งตัวลงกับพื้นเลย ไม่ยอมเดิน
อัคคีหันกลับมาจ้องหน้า แววตาแข็งกร้าว ตะคอก
"ลุกขึ้น!"
ฉัตรชบา เหลือบไปเห็นไม้ท่อนใหญ่วางอยู่ใกล้ๆ มือ จึงหยิบไม้ขึ้นมาฟาดไปที่ข้อเท้าอัคคีอย่างแรง
"โอ๊ย!"
ฉัตรชบาได้จังหวะก็วิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต อัคคีโกรธมาก วิ่งตามไป
ฉัตรชบาวิ่งหนีอัคคีเข้ามาในป่าลึก หกล้มแล้วลุกขึ้นวิ่งใหม่ อัคคีวิ่งไล่ตามมา เธอตั้งหน้าตั้งตาวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต
ฉัตรชบาจะวิ่งเลี้ยวเข้าไปในมุมหนึ่ง ไม่คาดคิด...อัคคีโผล่พรวดออกมาจากมุมนั้น ฉัตรชบาจะวิ่งหนีไปอีกทาง แต่ถูกอัคคีกระชากแขนกลับมา
"อยากวิ่งเล่นในป่านักใช่มั้ย มานี่"
อัคคีลากฉัตรชบาไปโยนใส่ต้นไม้ต้นหนึ่ง ฉัตรชบาหลังกระแทกต้นไม้อย่างแรงจนจุก
"นายจะทำอะไรฉัน"
"ถ้าอยากอยู่ในป่านัก ผมก็จะให้คุณอยู่ให้สมใจ"
อัคคีหันไปกระชากเถาวัลย์ใกล้มือมามัดฉัตรชบาติดกับต้นไม้เอาไว้
ฉัตรชบาดิ้นไปมา "นายนี่มันบ้าชัดๆ"
"คุณยังรู้จักผมน้อยไป ผมยังบ้าได้มากกว่านี้อีก"
พูดจบ อัคคีก็เดินจากไป
"นายอัคคี นายจะทิ้งฉันไว้ในป่าอย่างนี้ไม่ได้นะ กลับมาแก้มัดให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ นายอัคคี!"
ฉัตรชบามองตามหลังอัคคีที่เดินหนีไปโดยไม่สนใจเสียงเรียก เธอพยายามดิ้นให้หลุด แต่ไม่สำเร็จ
จากเช้า จนพระอาทิตย์เที่ยงวันส่องแสงสว่างจ้ากลางป่า
มุมหนึ่งในป่า อัคคีใช้มือถือแอบถ่ายคลิปฉัตรชบาอยู่มุมหนึ่งที่ฉัตรชบามองไม่เห็น ที่พื้นข้างตัวอัคคีมีถังน้ำตั้งอยู่หนึ่งใบ
ฉัตรชบายืนโงนเงนกลางแดดเที่ยงวัน ทั้งร้อนทั้งกระหายน้ำจนเกือบจะเป็นลม ตะโกน แต่ไม่ค่อยมีเสียง
"ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย มีใครอยู่แถวนี้มั้ยคะ ช่วยฉันด้วย!"
อัคคีถ่ายคลิปเสร็จก็เก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงแล้วหิ้วถังน้ำเดินเข้าไปหาฉัตรชบา เสียงแข็ง
"ตากแดดซะครึ่งค่อนวันคงจะทั้งร้อนทั้งหิวน้ำมากสินะ"
อัคคีเอาน้ำในถังสาดใส่ฉัตรชบาจนเปียกไปทั้งตัว
"ถ้าจะทรมานกันขนาดนี้ ฆ่าฉันเลยดีกว่า ฆ่าฉันสิ!" ฉัตรชบาคอตก จะเป็นลม
อัคคีใช้มือบีบคางฉัตรชบาให้เงยหน้าขึ้นมามอง เสียงดุดัน
"ตายง่ายๆ มันจะไปสนุกอะไร"
อัคคีสะบัดมือออกจากหน้าฉัตรชบาอย่างแรง จนหน้าหัน
ฉัตรชบาจ้องตาอัคคีแบบไม่ยอมแพ้
"ถ้าฉันหลุดออกไปได้ ฉันจะฆ่านาย" แล้วถุยน้ำลายใส่หน้าอัคคี
อัคคีโกรธมาก ขบกรามแน่น ใช้มือเช็ดหน้าตัวเองอย่างแรง จับตัวฉัตรชบาเขย่าแรงๆ
"ถูกจับมัดไว้อย่างนี้ยังจะมีฤทธิ์อีกเหรอ"
ฉัตรชบาเพลียมาก เป็นลมคอพับคออ่อนไป
อัคคีอุ้มฉัตรชบามาวางลงที่เตียงแบบแรงๆ ท่าทางหงุดหงิดรำคาญใจ
"นิดๆ หน่อยๆ ก็เป็นลม ถ้ามีครั้งที่สามจะปล่อยให้ตายไปเลย"
อัคคีจับแขนจับขาฉัตรชบาให้นอนอย่างเป็นระเบียบ
อัคคีจับที่แขน "ตัวร้อนนี่หว่า" เขาเอาหลังมือแตะหน้าผากให้แน่ใจ "สำออย แค่นี้ทำเป็นไข้ขึ้น"
อัคคียืนมองเสื้อผ้าที่เปียกชื้นของฉัตรชบาสีหน้าครุ่นคิด
"เสื้อผ้าก็เปียก แม้นมาศก็ไม่อยู่ แล้วใครจะเปลี่ยนให้"
อัคคีเดินไปหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่ของฉัตรชบาที่มุมห้อง อัคคีเดินกลับมายืนมอง สีหน้าลังเลใจอยู่นาน แล้วก็ตัดสินใจเปลี่ยนให้เอง
อัคคีค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อฉัตรชบาออกทีละเม็ด จนเห็นเนินอก เขาอดหวั่นไหวไม่ได้
อัคคีรีบหันหน้าหนีไปทางอื่น ในขณะที่มือก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉัตรชบาไป
อัคคีเดินเข้ามาในห้องครัว แล้วมองไปรอบๆ เหมือนทำอะไรไม่ถูก บ่นแบบแค้นๆ
"ถ้าไม่กลัวว่าจะตายก่อนจะได้แก้แค้น ผมจะไม่มีวันทำอะไรแบบนี้ให้คุณเด็ดขาด"
อัคคีก่อไฟในเตา แล้วตั้งหม้อข้าวต้ม เสร็จแล้วเดินไปตอกไข่ใส่ชาม ตอกไข่ใบแรกแรงไปหน่อย ไข่แตกนอกชามเละเทอะไปหมด อัคคีหงุดหงิด อัคคีตอกไข่ใบใหม่ ใบที่สองที่สามถึงโอเค เขาใส่น้ำปลาแล้วตีไข่ เสร็จแล้วไปตั้งกระทะ เทน้ำมันใส่กระทะ พอน้ำมันร้อนก็เทไข่ใส่ลงไป น้ำมันกระเด็น อัคคีทำหน้าเจ็บๆ แล้วเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้
ชามข้าวต้มกับไข่เจียวที่วางอยู่ในถาดถูกวางกระแทกลงที่โต๊ะหัวเตียงที่ฉัตรชบานอนอยู่ อัคคีเป็นคนวาง แล้วยืนทำหน้าตาถมึงทึงมองฉัตรชบาที่นอนหลับอยู่ พูดตะคอก
"ลุกขึ้นมากินข้าว"
ฉัตรชบานอนหลับเพราะพิษไข้ ยังไม่รู้สึกตัว
อัคคีเขย่าตัวแรงๆ พร้อมตะคอกใส่หน้า
"ถ้าผมไม่อนุญาตให้คุณตาย คุณก็ไม่มีสิทธิตาย ได้ยินมั้ย"
ฉัตรชบาค่อยๆ ลืมตาขึ้นแบบสะลึมสะลือ ท่าทางอ่อนเพลียเพราะพิษไข้ ไม่มีแรงพูด
อัคคีกระชากตัวให้หันมาทางถาดอาหาร สั่ง
"กินข้าวซะ!"
ฉัตรชบาประท้วงด้วยการนั่งนิ่ง ไม่ยอมกิน
"บอกให้กิน!"
"ฉันไม่กิน"
อัคคีโกรธมาก บีบปากฉัตรชบาแล้วหยิบชามข้าวต้มมาจับกรอกปากทั้งชาม
"กินเข้าไป"
ข้าวต้มร้อนลวกปาก ฉัตรชบาพยายามปัดมืออัคคีออกข้าวต้มหกเลอะเนื้อตัวฉัตรชบา
อัคคีหยุดกรอก ปล่อยมือจากปากฉัตรชบา
"พูดดีๆ ไม่รู้เรื่องก็ต้องเจอแบบนี้แหละ"
ฉัตรชบาไอแค่กๆ พร้อมเอามือเช็ดข้าวต้มที่หกเลอะปาก เลอะหน้าออก
อัคคีตะคอกถาม "จะยอมกินดีๆ ได้รึยัง"
"ฉันไม่กิน"
"ยังไม่เข็ดใช่มั้ย"
อัคคีบีบปากฉัตรชบา แล้วเอาข้าวต้มกรอกปากอีกครั้ง
ฉัตรชบาดิ้นรนขัดขืน แล้วปัดชามข้าวต้มกระเด็นไปตกที่พื้น ข้าวต้มหกเลอะเทอะ
" กินข้าวต้มไปแล้ว ก็ต้องกินไข่เจียวด้วย"
อัคคีหันไปหยิบไข่เจียวมายัดใส่ปากฉัตรชบาทั้งชิ้นใหญ่ๆ จนเต็มปาก ฉัตรชบาไอแค่กๆ ไข่เจียวติดคอ
"กินน้ำแก้ติดคอซะหน่อยนะ"
อัคคีหันไปหยิบขวดน้ำมากรอกปาก ฉัตรชบาสำลัก ไอแค่กๆ ทุลักทุเลมาก
อัคคีตะคอกใส่
"อิ่มแล้วก็ไปทำความสะอาดพื้นที่คุณทำเลอะเทอะไว้ด้วย"
อัคคีกระชากตัวฉัตรชบาลงจากเตียง แล้วเหวี่ยงลงไปกองกับพื้น ใกล้ๆ กองเศษข้าวต้ม เขาเดินไปหยิบไม้กวาดกับผ้าขี้ริ้วมาโยนใส่เธอ
"เก็บกวาดให้สะอาด ถ้าไม่อยากโดนมดกัดอีก"
ฉัตรชบามองหน้าอัคคีด้วยความเจ็บใจ น้ำตารื้นขึ้นมา แต่พยายามกลั้นไว้อย่างทระนง จะไม่ยอมร้องไห้ให้อัคคีเห็นเด็ดขาด
อัคคีตะคอกใส่
"จะมานั่งมองหน้าหาอะไร รีบทำสิ!"
ฉัตรชบาฝืนตัวลุกขึ้นเก็บกวาด ท่าทางไม่ค่อยมีแรง มีเซไปมาเหมือนจะล้ม แต่ก็ฝืนทำไป
อัคคีนั่งมองฉัตรชบาอยู่บนเตียง สีหน้าสะใจมาก
อ่านต่อหน้า 4
เกมพยาบาท ตอนที่ 4 (ต่อ)
บริษัทของฉัตรชนก ตอนกลางวัน
ในห้องทำงานของ ฉัตรชนกนั่งคุยอยู่กับภูชิชย์สีหน้าเคร่งเครียดทั้งคู่
"ตำรวจยังไม่ได้ข่าวชบาอีกเหรอครับพี่ฉัตร"
"ยังเลย ... พี่ไปตามหาชบาที่บ้านเพื่อนทุกคนแล้ว แต่ก็ไม่มีใครรู้เลยว่าชบาไปไหน พี่ก็จนปัญญาไม่รู้จะไปตามหาที่ไหนแล้ว"
ทันใดนั้น มือถือของฉัตรชนกก็มีเสียงเตือนข้อความเข้าดังขึ้น ฉัตรชนกหยิบมือถือมากดดูข้อความ
ฉัตรชนกดูคลิป สีหน้าตกใจ "ชบา!"
ภูชิชย์ยื่นหน้าเข้ามาดูคลิปในมือถือของฉัตรชนก
ฉัตรชบายืนโงนเงนกลางแดดเที่ยงวัน ทั้งร้อนทั้งกระหายน้ำจนเกือบจะเป็นลม
"ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย มีใครอยู่แถวนี้มั้ยคะ ช่วยฉันด้วย!"
ภูชิชย์ สีหน้าเป็นห่วงฉัตรชบามาก
"ทำไมชบาถึงถูกจับมัดไว้ในป่าอย่างนั้น ใครเป็นคนทำ"
เสียงเตือนข้อความใหม่เข้า ฉัตรชนกกดอ่านข้อความ
ฉัตรชนกอ่านออกเสียงให้ภูชิชย์ได้ยินด้วย
"อย่าแจ้งตำรวจ ไม่งั้นกูจะฆ่านังนี่ทันที อีกสามวัน กูจะติดต่อกลับมาใหม่"
ฉัตรชนกกับภูชิชย์มองหน้ากัน สีหน้าเป็นห่วงฉัตรชบามาก
"มันเป็นใคร แล้วทำแบบนี้กับชบาทำไม"
"พี่จะลองโทรกลับไปที่เบอร์นี้"
ฉัตรชนกกดโทร.ออก ครู่หนึ่งก็หันมาบอกภูชิชย์สีหน้าเครียด
"มันปิดเครื่องไปแล้ว"
"ผมจะเอาเบอร์นี่ไปให้ตำรวจเช็คว่าเจ้าของเบอร์เป็นใคร"
"แต่มันบอกไม่ให้แจ้งตำรวจ ไม่งั้นมันจะฆ่าชบา"
"แล้วมันจะรู้ได้ยังไงครับว่าเราบอกตำรวจ"
"พี่ไม่อยากเสี่ยง พี่เป็นห่วงความปลอดภัยของชบา พี่จะเอาเบอร์มือถือนี่ไปให้นักสืบช่วยสืบให้ว่าเจ้าของเบอร์เป็นใคร หลังจากนั้นค่อยว่ากัน ว่าเราจะทำยังไงต่อไป"
"เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ"
ภูชิชย์พยักหน้ายินยอม
ผ่านเวลาจนเย็น อัคคียืนรอพวกแม้นมาศอยู่หน้ากระท่อม เมฆฝนตั้งเค้ามาดำมืด พร้อมกับมีลมกรรโชกแรง
"สงสัยพายุจะเข้า เย็นนี้พวกแม้นมาศคงกลับเข้าเกาะไม่ได้แน่ๆ"
อัคคีมีสีหน้าเป็นกังวลแล้วเดินกลับเข้ากระท่อม
ผับของพัฒนะ ตอนกลางคืน
ข้างในผับ นักร้องกำลังร้องเพลงอยู่บนเวที นักเที่ยวเต้นกันสนุกสุดเหวี่ยง มุมหนึ่ง เกษณีย์นั่งดื่มอยู่กับพัฒนะ
พัฒนะถามเยาะๆ
"เบื่อสามีแล้วเหรอ ถึงได้มานั่งดื่มกับผมอย่างนี้"
"จะไม่ให้เบื่อได้ยังไงล่ะ วันๆ คุณฉัตรก็เอาแต่วุ่นวายตามหาฉัตรชบา ไม่สนใจฉันเลย"
"ยังตามหาคุณฉัตรชบาไม่เจออีกเหรอ อยู่ๆ ก็หายตัวไปอย่างนี้ มันน่าแปลกนะ"
"มันอาจจะไปสนุกอยู่กับผู้ชายอยู่ที่ไหนซักที่ก็ได้มั้ง ไม่รู้ว่าทุกคนจะเดือดร้อนอะไรกันนักหนา"
"แต่จะว่าไป คุณฉัตรชบานี่ก็น่าสนใจเหมือนกันนะ สวย รวย เริ่ด ครบสูตร ถ้าใครได้ไปเป็นเมียคงโชคดียิ่งกว่าถูกหวย"
"ในหัวสมองคุณนี่มีแต่เรื่องพวกนี้จริงๆ เลยนะ"
พัฒนะถามหยั่งเชิง
"ถ้าผมอยากได้น้องผัวคุณมาเป็นเมีย คุณจะช่วยผมได้มั้ย"
"เอาไว้มันกลับมาแล้วฉันจะจัดการให้ ฉันเองก็หมั่นไส้มันอยู่เหมือนกัน ชอบพูดกระแนะกระแหนฉันดีนัก เดี๋ยวฉันจะตอบแทนมันด้วยการหาผัวให้ซะเลย"
พัฒนะยกแก้วเหล้าขึ้นชนแก้วกับเกษณีย์
ภายนอกกระท่อม ฝนตกหนัก ฟ้าร้อง
ในกระท่อม ฉัตรชบานอนไม่ได้สติ หนาวตัวสั่นอยู่บนเตียง อัคคีนั่งพิงผนังกระท่อมมองอยู่ห่างๆ
ฉัตรชบาเพ้อ
"พี่ฉัตรช่วยชบาด้วยด้วย ชบาหนาว"
ฉัตรชบาหนาวสั่น นอนขดกอดตัวเอง
อัคคีเดินเข้ามายืนมองที่ข้างเตียง วูบหนึ่งเหมือนจะสงสาร
ภาพของวรรณิศาผ่านเข้ามา
อัคคีจะจับน้องสาวให้มานอนที่เตียง วรรณิศาไม่ยอมให้พี่ชายจับตัว กรี๊ดใส่ พร้อมกับยกมือปัดป้องไปมา
"ศา...นี่พี่เองนะ ไม่ต้องกลัวพี่นะ พี่ไม่ทำร้ายศา"
พยาบาลกับหมอวิ่งเข้ามาช่วยกันจับล็อคตัววรรณิศาไปนอนที่เตียง เธอดิ้นขัดขืนพร้อมกรีดร้องอย่างเสียสติ
พยาบาลบอกอัคคี "ช่วยกันจับหน่อยค่ะ"
อัคคีช่วยกันกับพยาบาลจับตัววรรณิศากดล็อคให้นอนที่เตียง
หมอฉีดยาระงับประสาทให้วรรณิศา
ครู่หนึ่ง วรรณิศาก็สงบลง พร้อมกับมีน้ำตาไหลออกมาทางหางตา แววตาเจ็บปวดมาก
อีกคราวหนึ่ง วรรณิศาหวาดกลัว ถอยหนีภาพหลอนของตัวเอง
อัคคีวิ่งเข้ามา เห็นวรรณิศาก็ตกใจมาก
"ศา อย่าทำอะไรโง่ๆ นะ ลงมา"
อัคคีเดินเข้าไปใกล้ พร้อมพูดเกลี้ยกล่อม ยื่นมือเข้าไป พยายามจะดึงตัวลงมา
"ศาลงมาหาพี่นะ พี่จะดูแลศาเอง พี่จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายศาได้อีก ศาลงมาหาพี่นะ...ลงมา..."
วรรณิศาหวาดกลัวอัคคี จำไม่ได้ว่าเป็นพี่ชายตัวเอง พูดพร่ำเพ้อไป
"ไม่ อย่าเข้ามา อย่าทำอะไรฉันนะ ฉันกลัวแล้ว กลัวๆๆ"
วรรณิศาถอยหนี แล้วก็ก้าวพลาด พลัดตกราวระเบียงลงไปข้างล่าง
อัคคีช็อคสุดขีด "ศา!"
แม่บ้านกรีดร้องตกใจ
อัคคีวิ่งไปเกาะขอบระเบียงดาดฟ้าแล้วก้มมองลงไปข้างล่าง พร้อมกับร้องไห้อย่างเจ็บปวดแทบขาดใจ
อัคคีมองฉัตรชบาที่นอนเพ้อเพราะพิษไข้ด้วยแววตาโกรธแค้นสุดๆ
"ทรมานแค่นี้มันยังน้อยกว่าที่ศาได้รับ คุณกับพี่ชายคุณต้องอยู่อย่างตกนรกทั้งเป็น เพื่อชดใช้ให้ศา"
ฉัตรชบาวาดมือสะเปะสะปะพร้อมกับพูดเพ้อ
"พี่ฉัตรช่วยชบาด้วย ช่วยด้วยๆๆ"
ฉัตรชบาวาดมือมาโดนมือของอัคคี แล้วจับไว้แน่น
"พี่ฉัตรช่วยชบาด้วย"
ฉัตรชบาดึงแขนอัคคีเข้าหาตัวอย่างแรง จนอัคคีเสียหลักล้มลงไปนอนทับตัวเธอ ใบหน้าของทั้งคู่ใกล้กันแค่คืบ อัคคีเผลอมองพินิจใบหน้าของฉัตรชบาอย่างลืมตัว พอตั้งสติได้ก็จะถอยออก แต่ฉัตรชบารั้งไว้แน่น
"พี่ฉัตร...ชบาหนาว"
อัคคีมองแขนตัวเองที่ถูกฉัตรชบากอดอยู่แล้วถอนใจหนักๆ แบบขัดใจ
"เอาไงดีวะ"
อัคคีตัดสินใจซุกตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับฉัตรชบาแล้วกอดให้ความอบอุ่น ฉัตรชบาซุกตัวเข้าหาอ้อมกอดของอัคคีเพื่อหาความอบอุ่น
"ที่ผมทำแบบนี้ เพราะไม่อยากให้คุณตายสบายเกินไปหรอกนะ"
อัคคีฝืนใจทำสุดๆ
เช้าวันใหม่
ประตูด้านในของกระท่อมถูกเปิดเข้ามาโดยแม้นมาศ เข้มและข้าวปุ้นตามมาด้านหลัง
"พวกฉันกลับมาแล้วจ้ะนาย เมื่อวานติดพายุเลยกลับมาไม่ได้" แม้นมาศชะงักกึก
เข็มรีบเอามือปิดตาข้าวปุ้นไว้ ข้าวปุ้นจะแกะมือเข็มออก เข็มไม่ให้ดู
เข็มบอกข้าวปุ้น
"เป็นเด็กเป็นเล็ก"
อัคคีนอนกอดฉัตรชบาอยู่บนเตียง อัคคีงัวเงียลุกขึ้น
"กลับมากันแล้วเหรอ"
ฉัตรชบาตื่นขึ้นมา เห็นอัคคีนอนอยู่บนเตียงเดียวกับตนก็โวยวายทันที แม้จะยังไม่หายดี เพลียๆ อยู่
"นายมานอนบนเตียงฉันได้" เธอผลักอัคคีออก "ออกไป"
อัคคีรวบมือฉัตรชบาไว้ เสียงแข็งใส่
"คุณจะโวยวายทำไม ทีเมื่อคืนนี้ยังกอดผมซะแน่นไม่ยอมให้ปล่อย"
"ไม่จริง ฉันไม่มีวันทำอย่างนั้นแน่"
ฉัตรชบาพยายามดึงมือออก แต่อัคคีไม่ยอมปล่อย
"ปล่อยฉันนะไอ้คนฉวยโอกาส นายมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย รังแกคนไม่มีทางสู้"
แม้นมาศพูดกับเข็มเบาๆ "ผัวเมียตีกันแต่เช้าเลยว่ะ"
เข็มกระซิบเบาๆ
"ฉันว่าเราออกไปก่อนดีกว่า"
แม้นมาศพยักหน้าเห็นด้วย แล้ววางถุงของไว้ที่มุมห้อง
เข็ม แม้นมาศและข้าวปุ้นจะเดินออกจากกระท่อม อัคคีเรียกไว้
"เดี๋ยวก่อน"
ทั้งหมดชะงัก หันกลับมา
"ของที่สั่งให้ซื้อได้ครบหรือเปล่า"
แม้นมาศยกถุงให้ดู
"ครบจ้ะ ยาแก้ไข้ก็อยู่ในถุงนี่จ้ะนาย"
แม้นมาศเอาถุงของมาส่งให้อัคคี
แม้นมาศยิ้มกริ่ม "ฉันไปก่อนนะจ๊ะ ผัวเมียจะได้คุยกัน"
ฉัตรชบารีบบอก "ไม่ใช่อย่างนั้นนะ"
แม้นมาศยิ้มๆ
"ก็เห็นๆ อยู่ ไม่ต้องอายหรอกจ้ะ"
เข็มยิ้มๆ
"พวกเรารีบออกไปไปเถอะ นายจะได้จู๋จี๋ กับเมียนายต่อ"
เข็มยิ้มกริ่มแล้วจูงข้าวปุ้นออกไป แม้นมาศรีบเดินตามออกไป แล้วปิดประตูกระท่อมให้อย่างดี
"เพราะนาย ทำให้ทุกคนเข้าใจฉันผิด"
"เข้าใจอะไรผิด"
"ก็เข้าใจผิดว่าฉันเป็น...เป็น..." ฉัตรชบาพูดไม่ออก ทั้งโกรธทั้งอายจนหน้าแดง
อัคคียิ้มหยันพร้อมยื่นหน้าเข้าไปพูดใกล้ๆ "เป็นเมียผมน่ะเหรอ"
ฉัตรชบากรี๊ดใส่ "หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ แล้วก็ออกไปห่างๆ ฉันด้วย ออกไปๆๆ"
อัคคีตะคอกเสียงดัง "หยุด!"
ฉัตรชบาสวนกลับ เสียงดังเหมือนกัน "ไม่หยุด!" เธอกรี๊ดใส่...
"ถ้าไม่หยุด ผมจะจับคุณปล้ำเดี๋ยวนี้แหละ"
อัคคีจับตัวฉัตรชบากดให้นอนลงบนเตียง แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ฉัตรชบาหุบปากเงียบกริบทันที พูดเบาๆ "หยุดแล้ว อย่าทำอะไรฉันนะ"
อัคคีผละออก แล้วเดินออกจากกระท่อมไป ฉัตรชบาถอนใจโล่งอก
ตอนสาย แม้นมาศยกข้าวต้มกุ้งเข้ามาให้ฉัตรชบา
แม้นมาศเขย่าตัวเบาๆ
"ลุกขึ้นมากินข้าวกินปลาก่อนเถอะจ้ะนายหญิง"
"เมื่อกี๊เรียกฉันว่าอะไรนะ"
"นายหญิงจ้ะ"
"ต่อไปอย่าเรียกฉันอย่างนี้อีกนะ"
"ก็นายหญิงเป็นเมียนายอัคคี ถ้าไม่ให้เรียกนายหญิงแล้วจะให้เรียกว่าอะไรล่ะจ๊ะ"
ฉัตรชบาเสียงแข็ง "ฉันไม่ใช่เมียเค้า"
"อยู่กระท่อมเดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน ถ้าไม่ใช่ผัวเมียกันแล้วจะเป็นอะไรได้อีกล่ะจ๊ะ"
ฉัตรชบาหงุดหงิด
"ฉันเป็นนักโทษของเค้า"
แม้นมาศยิ้มๆ
"แหม...พูดอย่างนี้ สงสัยจะทะเลาะกับนายอัคคีล่ะสิ ผัวเมียกันก็อย่างนี้ล่ะจ้ะ ทะเลาะกันบ้าง ดีกันบ้าง ฉันเข้าใจ...เพราะฉันก็มีผัวเหมือนกัน" แม้นมาศหัวเราะชอบใจ
"ฉันกับนายอัคคีไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ นะแม้นมาศ"
"เอาเถอะจ้ะๆ กินข้าวต้มก่อนก็แล้วกัน แล้วเดี๋ยวจะได้กินยา"
ฉัตรชบาก้มมองชุดที่ตัวเองใส่ สีหน้าแปลกใจ
"แม้นเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันอีกแล้วเหรอ ขอบใจนะ"
"ไม่ใช่ฉันหรอกจ้ะ"
ฉัตรชบาชะงักกึก เริ่มเอะใจอะไรบางอย่าง "ถ้างั้นใครเปลี่ยน"
"คงเป็นนายอัคคีมั้งจ๊ะ เมื่อวานฉัน ตาเข็มแล้วก็ข้าวปุ้นเข้าเมืองกันตั้งแต่เช้า แล้วพอดีมีพายุเข้า พวกฉันก็เลยค้างคืนในเมืองกัน เพิ่งจะกลับมาที่เกาะเมื่อเช้านี้เองจ้ะ"
ฉัตรชบายกมือขึ้นกอดอกทันที สีหน้าทั้งโกรธทั้งอายประมาณว่า อัคคีคงเห็นอะไรๆ ของตนหมดแล้ว
"อร๊าย! ไอ้บ้าเอ๊ย!"
แม้นมาศส่งชามข้าวต้มให้ "กินเองไหวมั้ยจ๊ะ"
"ไหว"
ฉัตรชบารับชามข้าวต้มมากินอย่างหิวโหยเพราะไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว แป๊บเดียวฉัตรชบาก็กินหมดชาม
"เอาอีกซักชามมั้ยจ๊ะ"
ฉัตรชบาพยักหน้ารับ แม้นมาศถือชามข้าวต้มวิ่งออกไปข้างนอก ครู่หนึ่งก็กลับมาพร้อมข้าวต้มเต็มชาม ฉัตรชบากินหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว
"เอาอีกสักชามมั้ยจ๊ะ"
"ไม่เอาแล้ว"
แม้นมาศส่งยากับแก้วน้ำให้ฉัตรชบา เมื่อกินยาเสร็จก็ส่งแก้วน้ำคืนให้แม้นมาศ
"กินยาแล้วนอนพักซักหน่อยนะจ๊ะ อีกเดี๋ยวไข้ก็ลด"
แม้นมาศเก็บถาดอาหารจะเดินออกไป
"เมื่อกี๊แม้นบอกว่าเข้าเมืองมาใช่มั้ย"
"ใช่จ้ะ"
"ไปยังไงเหรอ"
"ตาเข็มขับเรือยนต์ไปจ้ะ"
"ที่นี่มีเรือด้วยเหรอ"
"นายหญิงก็ถามแปลก ถ้าไม่มีเรือแล้วนายอัคคีกับพวกฉันจะเข้าไปซื้อของในเมืองกันได้ยังไงล่ะจ๊ะ"
"แล้วท่าเรืออยู่ตรงไหนของเกาะเหรอ"
"อยู่ชายฝั่งทางด้านซ้ายโน่นจ้ะ"
ฉัตรชบาทำเป็นฟังผ่านๆ เหมือนไม่สนใจอะไร
"ฉันจะนอนแล้ว แม้นมีอะไรก็ไปทำเถอะ"
"จ้ะ"
แม้นมาศยกถาดอาหารออกไปจากกระท่อม
ฉัตรชบาทำทีเป็นนอนพัก แต่แอบมีสีหน้าครุ่นคิดเหมือนมีแผนการบางอย่างในใจ
แม้นมาศยกถาดอาหารออกมาจากกระท่อม อัคคีเดินเข้ามาถาม
"ชบาเป็นยังไงบ้าง ออกฤทธิ์อีกมั้ย"
"ไม่เลยจ้ะนาย ยอมกินข้าวกินยาแต่โดยดีเลยจ้ะ"
อัคคียิ้มเยาะ
"ถ้าไม่ใกล้ตายก็คงไม่หมดฤทธิ์ ไปได้แล้ว"
"จ้ะนาย"
แม้นมาศเดินกลับไปทางบ้านพักหลังเกาะ อัคคีเดินเข้าไปในกระท่อม
อัคคีเปิดประตูกระท่อมเข้ามา เห็นฉัตรชบานอนหลับอยู่ก็เบาใจ เขาปิดประตูแล้วเดินออกไปเงียบๆ
ฉัตรชบาแอบหรี่ตามมองไปทางประตู พอเห็นว่าอัคคีเดินออกไปแล้วก็ลุกขึ้นนั่ง
"ฉันจะไม่ยอมงอมืองอเท้าอยู่เป็นนักโทษรอวันประหารของนายหรอก นายอัคคี"
ฉัตรชบาเดินโซเซออกไปจากกระท่อม ท่าทางเพลียไข้อยู่ แต่ยังไงก็ต้องหนีให้ได้
อ่านต่อตอนที่ 5