xs
xsm
sm
md
lg

เกมพยาบาท ตอนที่ 7

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เกมพยาบาท ตอนที่ 7

เกษณีย์เดินกลับเข้ามาในห้อง ท่าทางร้อนรนกระวนกระวาย กลัวถูกจับได้ว่าเป็นคนจ้างคนไปทำร้ายวรรณิศา

"ถ้านายอัคคีรู้ว่าเราเป็นคนจ้างเด็กแว้นพวกนั้นไปทำร้ายวรรณิศา มันต้องหันมาเล่นงานเราแทนยัยชบาแน่ๆ"
เกษณีย์เดินวนไปวนมาอย่างร้อนรน ครู่หนึ่งก็หยุดเดิน แล้วพูดสั่งตัวเอง
"เราต้องตั้งสติ ต้องไม่ลนลานให้ถูกจับได้ ถ้าเราไม่พูด ก็ไม่มีใครรู้ เด็กแว้น พวกนั้นก็หนีไปแล้ว ไม่มีหลักฐานอะไรที่จะเอาผิดเราได้อยู่แล้ว"
เกษณีย์พยายามระงับสติอารมณ์

สองพ่อลูกเดินคุยกันเข้ามาตามทางเดินในบ้าน
"คุณพ่ออย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้ให้คุณแม่ทราบนะครับ"
"ทำไมล่ะ"
"ผมกลัวว่าถ้าคุณแม่ทราบเรื่องแล้วจะโวยวาย จนเรื่องบานปลายมากกว่าเดิมน่ะสิครับ"
ฉกาจพยักหน้ารับสีหน้าหนักใจ
"พ่อจะยังไม่บอกแม่ตอนนี้ก็ได้ แต่ฉัตรต้องรีบหาทางช่วยน้องออกมานะ พ่อเป็นห่วงน้อง ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง"
"ผมจะหาทางช่วยชบาออกมาให้ได้โดยเร็วที่สุดครับ ผมก็เป็นห่วงชบาไม่น้อยกว่าคุณพ่อเหมือนกัน"
ฉกาจนึกได้
"แล้วภูชิชย์รู้เรื่องนี้หรือเปล่า"
"ภูไปทำงานที่ต่างประเทศครับ อีกหลายวันกว่าจะกลับ แต่ผมคิดว่าคงจะไม่บอกเค้าหรอกครับ มากคนมากความเปล่าๆ"
ฉกาจพยักหน้าเห็นด้วย
"งั้นก็ไปนอนเถอะ"
ฉกาจกับฉัตรชนกพากันเดินขึ้นไปชั้นบน

ฉัตรชนกกลับเข้ามาในห้องนอน เกษณีย์รีบเข้าไปกอดแขน ปั้นหน้ายิ้มแย้มเอาใจ
"คุณหายไปไหนมาคะ ฉันตื่นขึ้นมาไม่เจอคุณ ตกใจแทบแย่"
ฉัตรชนกทำหน้าอึดอัด แกะมือเกษณีย์ออกจากแขนตัวเอง แล้วเดินหนีไปนอนที่เตียง
"ผมนอนไม่หลับ เลยลงไปเดินเล่นข้างล่างมา"
เกษณีย์เดินตามไปนอนเบียดฉัตรชนก แล้วเอื้อมมือไปกอด
"ถ้าคุณนอนไม่หลับ งั้นเรามาหาอะไรทำกันดีกว่ามั้ยคะ"
ฉัตรชนกจับมือเกษณีย์ที่กอดตนอยู่ออก
"ตอนนี้ผมง่วงแล้ว"
ฉัตรชนกนอนหันหลังให้เกษณีย์ แล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนถึงคอ
เกษณีย์ทำหน้าไม่พอใจนิดหนึ่ง แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นกังวล กลัวถูกจับได้เรื่องส่งคนไปทำร้ายวรรณิศา

กลางดึก อัคคีนอนหลับตาอยู่ ลืมตาขึ้นมา แล้วหันไปมองทางมุ้งของฉัตรชบา ... พลางนึกถึงเรื่องราวในอดีต

ที่โรงพยาบาล อัคคีถามน้องสาว
"ศาจำได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น ใครทำร้ายศา"
วรรณิศาเริ่มตาลอยๆ เพราะฤทธิ์ยาระงับประสาท พูดพร่ำเพ้อเหมือนคนเสียสติ
"ใครทำร้าย ใครใจร้าย คุณฉัตร...คุณฉัตรใจร้าย"
อัคคีขบกรามแน่น พูดรอดไรฟันออกมาเบาๆ "ไอ้ฉัตรชนก!"
วรรณิศานอนนิ่งปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา แล้วก็ค่อยๆ หลับไปเพราะฤทธิ์ยา

อัคคีมองไปที่ฉัตรชบาที่นอนหลับอยู่ด้วยสายตาเคียดแค้น
"ไอ้ฉัตรชนก ถ้าแกรู้ว่าน้องสาวแกโดนทำร้ายเหมือนที่ศาโดน แกก็คงจะเจ็บไม่ต่างจากที่ฉันเจ็บสินะ"
อัคคีลุกขึ้น เดินไปที่มุ้ง ยืนมองฉัตรชบาที่กำลังหลับอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจมุดเข้าไปในมุ้ง นอนลงข้างๆ แล้วกอดฉัตรชบา ทำท่าเหมือนว่านอนอยู่ด้วยกัน แล้วหยิบมือถือในกระเป๋ากางเกงออกมาถ่ายเซลฟี่เก็บไว้หลายรูป
อัคคีถ่ายรูปเสร็จก็เก็บมือถือใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนเดิม เขาเผลอมองหน้าฉัตรชบาในระยะประชิด
วูบหนึ่ง อัคคีรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ที่จับฉัตรชบามาแก้แค้นแบบนี้ แต่แล้วก็สลัดหัวแรงๆ ไล่ความรู้สึกนั้นทิ้ง
ฉัตรชบาขยับตัว อัคคีตกใจเล็กน้อย แต่หนีไม่ทันแล้ว ฉัตรชบาคลำมือไปทั่วตัวอัคคี เอะใจว่าใครมานอนข้างๆ เธอลืมตาขึ้นมามอง เห็นอัคคีนอนอยู่ข้างๆ
ฉัตรชบากรี๊ดเสียงดังลั่น
ฉัตรชบาผลักอัคคีออกอย่างแรง แล้วดีดตัวลุกขึ้นนั่ง
"ไอ้บ้า! จะลักหลับฉันเหรอ" ฉัตรชบายกมือขึ้นกอดอกเอาไว้ กลัวถูกลวนลาม
อัคคีมองสายตาหื่นๆ
"ลักหลับมันจะไปสนุกอะไร ตอนตื่นอย่างนี้เร้าใจกว่าเยอะ"
อัคคีรวบตัวมากอดไว้แน่น ฉัตรชบาดิ้น
"ปล่อยฉัน"
อัคคีแกล้งทำเป็นปล้ำจูบ ฉัตรชบาดิ้นรนต่อสู้ ทุบทีเป็นพัลวัน แล้วกัดหูอัคคีอย่างแรง
"โอ๊ย!"
อัคคีปล่อยฉัตรชบา เธอถีบสวนเข้าที่กล่องดวงใจของอัคคีจนจุก ขยับตัวไม่ไหว
ฉัตรชบาถอยหนี พร้อมมองอัคคีอย่างระวังตัว
"นายมันงูเห่าชัดๆ ฉันอุตส่าห์ไม่หนี เพราะอยากอยู่ดูแลนาย ตอบแทนที่นายช่วยไม่ให้ฉันถูกงูกัด แต่นายกลับคิดจะทำเลวๆ กับฉัน"
อัคคีฟังแล้วอึ้งไปนิดหนึ่ง ไม่คิดว่าฉัตรชบาจะมีน้ำใจกับตน ทั้งที่ถูกตนทำทารุณสารพัด
"ต่อไปนี้ถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ ฉันจะหนีทันที ฉันจะต้องหนีออกไปจากเกาะนรกนี่ให้ได้!"

ฉัตรชบาประกาศกร้าว

เกาะร้าง เช้าวันใหม่

ในห้องนอนในกระท่อม อัคคีตื่นขึ้นมา แล้วมองไปทางที่นอนของฉัตรชบา เห็นที่นอนถูกเก็บเรียบร้อย อัคคีแปลกใจ คิดว่าฉัตรชบาหนีไปแล้ว รีบเดินออกไปข้างนอกทันที

อัคคีเดินออกมาจากห้องนอน กวาดตามองหาไปรอบๆ ตะโกนเรียก
"ฉัตรชบา! ฉัตรชบา!"
อัคคีทำหน้าเหมือนได้กลิ่นอาหารก็เอะใจ รีบเดินไปทางห้องครัว

ที่ห้องครัว ฉัตรชบากำลังทำกับข้าวอยู่
อัคคีปั้นหน้าดุ "เมื่อกี๊ผมเรียก ทำไมไม่ตอบ"
ฉัตรชบาหันมามองอัคคีนิดหนึ่งด้วยหางตา แล้วหันไปทำกับข้าวต่อ ท่าทางไม่สนใจ ตอบเสียงห้วน "ไม่ได้ยิน"
อัคคีเดินมาใกล้ มองสงสัย
"ไหนว่าจะหนีไง มัวมาทำกับข้าวอยู่ทำไม"
"ถ้ามีโอกาสฉันหนีแน่ นายไม่ต้องห่วง แล้วฉันก็จะไม่หนีแบบโง่ๆ ให้ถูกจับได้เหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว"
อัคคียิ้มเยาะ
"ทำเป็นพูดดี ที่แท้ไม่มีปัญญาหนีก็บอกมาเถอะ"
ทางด้านหลังอัคคี แม้นมาศเดินเข้ามาได้ยินพอดี ชะงัก สงสัยคำพูดของอัคคี จึงหลบมุมแอบฟังก่อน ยังไม่เข้ามา
ฉัตรชบาพูดเยาะเย้ย
"ทำไม? พอเห็นเหยื่อไม่ดิ้นทุรนทุรายอย่างที่นายอยากให้เป็น ก็เลยหมดสนุกงั้นสิ"
อัคคีกระชากตัวฉัตรชบาให้หันหน้ามาเผชิญหน้ากันใกล้ๆ ตะคอกใส่
"ผมไม่ได้จับคุณมาเพื่อเล่นสนุก แต่จับมาเพื่อแก้แค้น คุณกับพี่ชายคุณจะต้องตายอย่างทุกข์ทรมานให้สาสมกับที่พวกคุณทำไว้กับศา!"
อัคคีผลักฉัตรชบาไปกระแทกกับผนังอย่างแรง ฉัตรชบาเจ็บ
แม้นมาศตกใจ พึมพำเบาๆ
"นายหญิงไม่ได้เป็นเมียนายอัคคีจริงๆ เหรอเนี่ย"
ฉัตรชบาเหลือบไปเห็นแม้นมาศแอบฟังอยู่ แต่แกล้งทำเป็นไม่เห็น แล้วจงใจพูดให้แม้นมาศได้ยิน
"ถ้าฉันหนีออกไปจากที่นี่ได้เมื่อไหร่ ฉันจะแจ้งตำรวจมาจับนาย แล้วก็จับคนที่นี่ให้หมดทุกคนเลย โทษฐานสมรู้ร่วมคิด"
"ฝันไปเถอะว่าจะได้ออกไปจากเกาะนี้ คุณจะต้องตายอย่างทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่!"
แม้นมาศกลัว รีบวิ่งหลบออกไป
ฉัตรชบามองตามหลังแม้นมาศ แล้วแอบยิ้มเจ้าเล่ห์ เพราะหวังว่าแม้นมาศจะกลัวแล้วช่วยพาตนหนี

แม้นมาศวิ่งหน้าตาตื่นมาหาเข็มที่บ้านพัก
"ตาเข็มๆ"
"มีอะไร!"
"ฉันได้ยินนายหญิงกับนายอัคคีเถียงกัน ตกลงนายหญิงไม่ใช่เมียนายอัคคีจริงๆ นะตาเข็ม"
"ไม่ใช่เมีย แล้วเป็นใคร"
"เป็นผู้หญิงที่นายอัคคีจับตัวมาแก้แค้น นายหญิงยังบอกอีกนะว่า ถ้าหนีออกไปจากที่นี่ได้เมื่อไหร่ จะแจ้งตำรวจมาจับพวกเราทุกคนที่นี่ เราจะทำยังไงกันดีล่ะตาเข็ม"
"ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใครก็ช่าง เราสองคนมีหน้าที่ทำตามคำสั่งนายเท่านั้น นายสั่งให้เฝ้านายหญิงไว้ ไม่ให้หนีออกไปจากที่นี่ได้ เราก็ต้องทำตามนั้น"
"แต่ฉันกลัวนะตาเข็ม ฉันไม่อยากติดคุก"
"ถ้าแกกลัว แกก็ยิ่งต้องเฝ้านายหญิงเอาไว้ให้ดี อย่าให้หนีออกไปแจ้งตำรวจได้ แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง"
"เออจริงด้วย ฉันเพิ่งเห็นแกฉลาดก็วันนี้แหละ"
แม้นมาศยิ้มสบายใจขึ้นมานิดหนึ่ง

บริเวณท่าเรือ
อัคคีหยิบมือถือออกจากกระเป๋ากางเกง โทรหาอดุลย์
"งานที่ให้ทำเป็นยังไงบ้างอดุลย์"
อดุลย์ กำลังเดินคุยมือถือออกมาจากอาคารสำนักงานแห่งหนึ่ง
"จะเอางานไหนก่อนล่ะ ถ้าเป็นเรื่องที่แกให้สืบว่าคุณฉัตรชนกโกงการประมูลหรือเปล่า ฉันสืบให้แล้ว เค้าไม่ได้โกง เค้ายื่นซองประมูลอย่างโปร่งใสทุกอย่าง"
อัคคีสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ
"จะเป็นไปได้ยังไง แกเช็คดีแล้วแน่นะ"
อดุลย์พูดประชดแบบไม่จริงจังนัก
"ถ้าไม่เชื่อ แกจะเช็คเองอีกรอบก็ได้นะ"
"เออๆ ฉันเชื่อมือแก แกไม่เคยทำงานพลาดอยู่แล้ว แล้วเรื่องที่ดินที่ฉันให้ไปกว้านซื้อล่ะ ได้เรื่องมั้ย"
"ฉันเพิ่งคุยกับนายหน้าเสร็จ เดี๋ยวเค้าจะพาไปคุยกับพวกเจ้าของที่ดินอีกที แต่เห็นว่าที่ดินตรงนั้นมีขาใหญ่คุมอยู่นะ สงสัยงานนี้จะไม่ง่ายอย่างที่คิดแล้วล่ะ"
"ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกก็แล้วกัน ฉันจะได้ไปช่วย"
"ตอนนี้แกอยู่ที่เกาะใช่มั้ย เดี๋ยวฉันเข้าไปหา"
อัคคีรีบปฏิเสธอย่างมีพิรุธ
"ฉันไม่ได้อยู่ที่เกาะ แกไม่ต้องมาหรอก"
อดุลย์ทำท่าเหมือนเงี่ยหูฟังเสียงในโทรศัพท์
"ไม่ต้องมาโกหกฉันเลย ฉันได้ยินเสียงคลื่น"
"ฉันบอกว่าไม่ได้อยู่ที่เกาะก็เชื่อกันมั่งสิวะ แค่นี้นะ ฉันขี้เกียจคุยกับแกแล้ว"
อัคคีกดวางสาย
"ท่าทางมีพิรุธอย่างนี้ ต้องไปดูให้เห็นกับตา"
อดุลย์เดินไปขึ้นรถที่จอดอยู่ใกล้ๆ
อัคคีกดมือถือดูรูปที่แอบถ่ายกับฉัตรชบาตอนหลับเอาไว้เมื่อคืนนี้
"อยากจะรู้นักว่าถ้าแกเห็นรูปพวกนี้แล้วแกจะรู้สึกยังไง ไอ้ฉัตรชนก!"

อัคคีกดส่งรูปไปให้ฉัตรชนก
 
อ่านต่อหน้า 2

เกมพยาบาท ตอนที่ 7 (ต่อ)

ฉัตรชนกกำลังเซ็นเอกสารอยู่ที่โต๊ะทำงาน จิดาภายืนรอรับเอกสารกลับอยู่ใกล้ๆ เสียงเตือนข้อความเข้าของมือถือฉัตรชนกดังขึ้น ฉัตรชนกหยิบมือถือมาเปิดดู เห็นเป็นรูปอัคคีนอนกอดฉัตรชบาอยู่

ฉัตรชนกตกใจกับภาพที่เห็นมาก
"ชบา!"
"มีอะไรเหรอคะ"
จิดาภายื่นหน้าเข้ามาดูภาพในมือถือของฉัตรชนก ทันทีที่เห็นภาพ ก็ชะงักอึ้งไป อารมณ์เหมือนเห็นแฟนตัวเองนอนกับผู้หญิงอื่น
"อัคคี!"
ฉัตรชนกแปลกใจ
"คุณรู้จักอัคคีด้วยเหรอ"
จิดาภาอึกอักคิดหาคำแก้ตัว
"เอ่อ...ฉันเป็นคนเชียงใหม่ แล้วคุณอัคคีก็กว้างขวางในเชียงใหม่ ไม่มีคนเชียงใหม่คนไหนไม่รู้จักเค้าหรอกค่ะ" จิดาภามองที่รูป "แล้วนี่คุณฉัตรชบาน้องสาวคุณเหรอคะ"
"ใช่ครับ ... นายอัคคีมันทำอะไรชบา!"
ฉัตรชนกกดโทรศัพท์หาอัคคีแต่โทร. ไม่ติด
"อัคคีปิดเครื่อง ไม่ว่ามันจะจับชบาไปไว้ที่ไหน ผมจะต้องพลิกแผ่นดินหามันให้เจอให้ได้! แล้วถ้ามันทำอะไรชบา ผมก็จะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด!"
ฉัตรชนกกำโทรศัพท์มือถือไว้ในมือแน่น ทั้งโกรธทั้งเป็นห่วงน้อง
จิดาภามีสีหน้าไม่สบายใจกับสิ่งที่อัคคีกำลังทำอยู่

จิดาภาเดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน แล้วรีบหยิบมือถือมากดโทร. ออก
"คุณอดุลย์คะ เที่ยงนี้มาพบฉันที่ร้านอาหารข้างออฟฟิศฉันหน่อยนะคะ"
จิดาภากดวางสาย สีหน้าไม่สบายใจ

ตอนเที่ยงตามนัดหมาย อดุลย์นั่งรอจิดาภาอยู่ในร้านอาหาร ครู่หนึ่ง จิดาภาก็เดินเร็วๆ เข้ามานั่ง สีหน้าร้อนใจ
"คุณจิมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ"
"อัคคีเป็นคนจับตัวคุณฉัตรชบาไปจริงๆ ค่ะ"
"คุณจิแน่ใจนะครับ"
"แน่ใจสิคะ วันนี้อัคคีส่งรูปที่เค้านอนอยู่กับคุณฉัตรชบามาให้คุณฉัตรชนกดู ฉันเห็นกับตาตัวเองเลยว่าเป็นอัคคีจริงๆ"
อดุลย์ตกใจ "จริงเหรอครับ!"
จิดาภาเสียใจ
"อัคคีทำแบบนั้นกับคุณฉัตรชบาได้ยังไง ถ้าเค้าบังคับขืนใจคุณฉัตรชบา เค้าก็เลวไม่ต่างจากพวกที่ทำร้ายวรรณิศา"
"ผมรู้จักอัคคีมาตั้งแต่เด็ก อัคคีไม่ใช่ผู้ชายที่จะข่มเหงผู้หญิงอย่างนั้นได้"
"คุณอดุลย์รีบเข้าไปดูอัคคีที่เกาะเถอะค่ะ ฉันไม่อยากให้เรื่องมันเลวร้ายมากไปกว่านี้"
"พรุ่งนี้ผมจะรีบไปแต่เช้าเลยครับ"
"ฉันขอไปด้วยนะคะ"
"คุณจิคอยดูสถานการณ์ทางคุณฉัตรชนกอยู่ที่นี่ดีกว่าครับ ผมว่าคุณฉัตรชนกคงไม่อยู่เฉยๆ แน่"
"ก็ได้ค่ะ ถ้าทางคุณฉัตรชนกมีความเคลื่อนไหวอะไร ฉันจะรีบส่งข่าวไปบอกนะคะ"
อดุลย์พยักหน้ารับสีหน้าเคร่งเครียดพอๆ กับจิดาภา

ตอนกลางวัน แม้นมาศกำลังตากปลาทำปลาแห้งอยู่ที่มุมหนึ่ง ฉัตรชบาเดินเข้ามาหา
"แม้นมาศรู้แล้วใช่มั้ยว่าฉันไม่ใช่เมียนายอัคคีจริงๆ"
แม้นมาศเฉไฉทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
"ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้นแหละจ้ะ"
"ฉันเห็นนะว่าเมื่อเช้าแม้นมาศแอบฟังฉันกับนายอัคคีเถียงกันอยู่ในครัว"
แม้นมาศเถียงไม่ออก เลยต้องยอมรับไป
"ใช่ ฉันได้ยิน"
ฉัตรชบายิ้มดีใจ
"ถ้าอย่างนั้นแม้นมาศก็ช่วยพาฉันออกไปจากเกาะนรกนี่หน่อยนะ"
"ไม่จ้ะ เพราะถ้าฉันช่วยให้นายหญิงหนีออกไปจากที่นี่ได้ นายหญิงก็จะไปแจ้งตำรวจมาจับพวกฉันติดคุกกันหมดน่ะสิ เรื่องอะไรฉันจะทำให้ตัวเองเดือดร้อน"
แม้นมาศเดินหนี ฉัตรชบาตามไปดักหน้า
"ถ้าแม้นมาศยอมช่วยฉัน ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่เอาผิดแม้นมาศกับเข็ม ฉันจะให้ตำรวจจับนายอัคคีแค่คนเดียว"
แม้นมาศโวยวาย
"นั่นยิ่งแล้วใหญ่เลย ฉันบอกแล้วไงว่านายอัคคีมีบุญคุณกับครอบครัวฉันมาก ฉันไม่มีวันทรยศนายอัคคีเด็ดขาด"
ฉัตรชบาพูดขู่
"แต่ถ้าฉันหนีออกไปได้เอง ฉันจะแจ้งตำรวจมาจับทุกคน แม้นมาศไม่กลัวติดคุกเหรอ"
"กลัวสิ"
"ถ้ากลัว แม้นมาศก็ต้องช่วยฉัน ถ้าแม้นมาศช่วยฉัน ฉันจะถือว่าแม้นมาศมีบุญคุณ ฉันก็จะไม่เอาผิดแม้นมาศ ช่วยฉันหน่อยนะแม้นมาศ" ฉัตรชบาอ้อนวอน
แม้นมาศครุ่นคิด ฉัตรชบามองลุ้น
แม้นมาศตอบหนักแน่น มองหน้าฉัตรชบาแบบจริงจัง
"ไม่จ้ะ และจะไม่มีใครติดคุกทั้งนั้น เพราะฉันจะเฝ้านายหญิงเอาไว้อย่างดี ไม่ให้หนีออกไปแจ้งตำรวจได้เด็ดขาด"
แม้นมาศเดินหนีไปทำงานห่างออกไปนิดหนึ่ง
"ฮึ่ย! ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะเนี่ย"

ฉัตรชบาเซ็งที่เรื่องไม่เป็นอย่างที่คิดไว้แต่แรก

ฉัตรชบาเดินเซ็งๆ เข้ามาในป่าท้ายเกาะ เห็นต้นไม้ที่มีรอยบากเอาไว้

พลางนึกถึงคืนนั้นที่คนร้าย 2 ใช้มีดบากเปลือกไม้เป็นสัญลักษณ์กากบาท
"ต้นนี้ใหญ่ดี"
"ไปเถอะ เอาไว้ค่อยมาแอบตัดวันหลัง"
"แต่มันดันมีคนมาอยู่บนเกาะนี้ เราจะแอบมาตัดไม้กันยังไงวะ"
"จะกลัวอะไร ถ้ามันมาขัดขวาง เราก็ฆ่ามันหมกไว้ที่นี่ซะเลย"
ฉัตรชบารู้สึกกลัวคนร้ายสองคนนี้ ไม่กล้าออกไป

"ถ้าเรารอเวลาให้พวกนั้นเข้ามาตัดไม้ แล้วก็หาทางแอบลงเรือพวกมันออกไป ก็น่าจะหนีออกไปจากที่นี่ได้"
ฉัตรชบาลูบรอยบากที่ต้นไม้ แล้วมองต้นไม้อย่างเสียดาย สีหน้าครุ่นคิดว่าจะช่วยต้นไม้ยังไงดี
ทันใดนั้น เสียงอัคคีก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของฉัตรชบา
"คิดหาทางหนีอยู่หรือไง!"
ฉัตรชบาสะดุ้งตกใจ หันไปมองอัคคี
"นายอัคคี! มาเงียบๆ ตกใจหมด"
"เข้ามาทำอะไรในป่า เกือบโดนงูกัดตายครั้งนึงแล้ว ไม่เข็ดหรือไง"
ฉัตรชบาครุ่นคิดนิดหนึ่งก่อนตัดสินใจบอก
"นี่นาย คืนที่ฉันหลงป่า ฉันเห็นคนผู้ชายสองคนลักลอบเข้ามาในเกาะนี้ พวกมันทำสัญลักษณ์ไว้บนต้นไม้ แล้วบอกจะเข้ามาแอบตัดไม้วันหลัง"
"ผมรู้แล้ว"
"นายรู้แล้ว แต่ก็ยังอยู่เฉย นี่นายไม่คิดจะหาทางป้องกันเลยเหรอ"
"ผมกำลังรอให้พวกมันเข้ามาแอบตัดไม้ จะได้จับให้ได้คาหนังคาเขา ตอนนี้ผมยังทำอะไรพวกมันไม่ได้ เพราะยังไม่มีหลักฐานเอาผิดพวกมัน แต่ถ้าพวกมันบุกรุกเข้ามาที่เกาะผมเมื่อไหร่ พวกมันไม่รอดแน่"ฉัตรชบาเป็นห่วงทุกคน
"วันนั้นฉันได้ยินพวกมันพูดว่า ถ้าใครขัดขวางมันจะฆ่านะ"
อัคคีแกล้งพูดยั่ว "เป็นห่วงผมเหรอ"
"เรื่องอะไรฉันจะต้องเป็นห่วงคนใจยักษ์อย่างนาย ฉันเป็นห่วงพวกแม้นมาศ นายเข็มกับข้าวปุ้นต่างหาก แล้วฉันก็ไม่อยากเห็นใครตัดไม้ทำลายป่าด้วย"
ฉัตรชบาทำหน้ายู่ใส่อัคคีแล้วเดินหนีไป
อัคคีมองตามหลังฉัตรชบาสีหน้านิ่งๆ แต่ในใจรู้สึกขอบคุณที่ฉัตรชบาเป็นห่วงความปลอดภัยของทุกคน
อัคคีเดินสำรวจต้นไม้ว่ามีต้นไหนบ้างที่ถูกคนร้ายทำสัญลักษณ์ทิ้งไว้

แม้นมาศยกสำรับอาหารกลางวันมาตั้งที่ระเบียงบ้าน
"ข้าวปุ้นเอ๊ย มากินข้าวกลางวันด้วยกันเร็ว"
เงียบ...ไม่มีเสียงตอบรับ
"ข้าวปุ้น ป้าเรียกไม่ได้ยินหรือไง"
เงียบ...ไม่มีเสียงตอบรับ
"หรือว่าจะเข้าไปซื้อของในเมืองกับตาเข็ม"
เข้มหิ้วของพะรุงพะรังเดินกลับเข้ามาที่บ้านพัก แล้วเอาของขึ้นมาวาง
"ข้าวปุ้นล่ะตาเข็ม ไม่ได้ไปกับแกหรอกเหรอ"
"เปล่านี่ ข้าเข้าเมืองไปซื้อเสบียงกับของใช้ให้นาย เพิ่งกลับมานี่แหละ"
"ถ้างั้นข้าวปุ้นหายไปไหน ฉันไม่เห็นมันตั้งแต่ตอนสายๆ แล้วนะเนี่ย"
แม้นมาศนึกเป็นห่วงหลาน

ข้าวปุ้นนั่งเล่นเรือของเล่นอยู่ที่ริมธารน้ำตก ด้านหลัง ฉัตรชบากำลังเดินใกล้เข้ามา
" ข้าวปุ้นนี่ มานั่งเล่นอะไรคนเดียวตรงนี้"
ฉัตรชบาเดินเข้าตรงเข้ามาหาข้าวปุ้น

แม้นมาศเดินเข้ามาตามหาข้าวปุ้นในป่าท้ายเกาะ
"ข้าวปุ้น! ข้าวปุ้น! อยู่แถวนี้หรือเปล่า"
อัคคีเดินออกมาจากป่าอีกทางหนึ่ง
"นายเห็นข้าวปุ้นมั่งมั้ยจ๊ะ ไม่รู้ว่าไปเล่นซนที่ไหน ฉันกลัวมันจะตกน้ำตกท่าไป ยิ่งว่ายน้ำไม่เป็นอยู่"
"ฉันมาจากป่าทางด้านโน้นก็ไม่เห็นนะ"
แม้นมาศเป็นห่วง
"ไปไหนของมัน"
"ลองไปดูทางนั้นละกัน เดี๋ยวฉันช่วยหา"
"ขอบใจจ้ะนาย ข้าวปุ้นเอ๊ย...ข้าวปุ้น"

อัคคีเดินนำแม้นมาศออกไปทางน้ำตก
 
อ่านต่อหน้า 3

เกมพยาบาท ตอนที่ 7 (ต่อ)

ข้าวปุ้นทำเรือของเล่นหลุดมือ เรือถูกน้ำพัดไปไกล ข้าวปุ้นหาไม้มาเขี่ย แต่เขี่ยไม่ถึง ข้าวปุ้นเดินลงไปในน้ำ พยายามจะเขี่ยเอาเรือกลับมาให้ได้ ข้าวปุ้นเดินตามเรือลงน้ำลึกลงไปเรื่อยๆ แต่แล้วก็ลื่นล้ม พลัดตกน้ำ

ฉัตรชบาตกใจ
"ข้าวปุ้น!"
ฉัตรชบาเห็นข้าวปุ้นถูกน้ำพัดไปไกล ข้าวปุ้นว่ายน้ำไม่เป็น ผลุบๆ โผล่ๆ พยายามตะเกียกตะกาย แล้วจมหายไปในน้ำ
ฉัตรชบารีบกระโดดลงน้ำไปช่วย ดำผุดดำว่ายหาตัวข้าวปุ้นอยู่พักใหญ่แต่ก็ยังไม่เจอ
เธอดำผุดดำว่ายหาข้าวปุ้นต่อไปด้วยความเป็นห่วง ครู่หนึ่งฉัตรชบาก็เจอตัวข้าวปุ้น แล้วว่ายน้ำลากตัวข้าวปุ้นที่สลบอยู่ขึ้นมาที่ริ่มฝั่ง
อัคคีกับแม้นมาศเดินเข้ามาถึงพอดี แม้นมาศเห็นข้าวปุ้นสลบอยู่ก็ตกใจ
"ข้าวปุ้น!"
แม้นมาศวิ่งเข้ามาหาข้าวปุ้น อัคคีตามมาติดๆ
"ข้าวปุ้นเป็นอะไรนายหญิง"
"จมน้ำ"
แม้นมาศตกใจและเป็นห่วงหลาน
แม้นมาศกอดข้าวปุ้นร้องไห้คร่ำครวญ "โธ่ข้าวปุ้น อย่าตายนะ"
อัคคีจับตัวแม้นมาศให้ถอยห่างจากข้าวปุ้น
"หลบไป"
อัคคีช่วยผายปอดให้ข้าวปุ้น แม้นมาศกับฉัตรชบามองลุ้น เอาใจช่วย
ครู่หนึ่ง ข้าวปุ้นก็สำลักน้ำออกมา ข้าวปุ้นฟื้น แม้นมาศดีใจ กอดหลาน ฉัตรชบาโล่งอก
"รอดตายแล้วข้าวปุ้นเอ๊ย ขอบใจนะจ๊ะนาย ขอบใจนะจ๊ะนายหญิงที่อุตส่าห์ลงไปช่วยข้าวปุ้นมัน ถ้าไม่ได้นายหญิงช่วย สงสัยข้าวปุ้นได้จมน้ำตายไปแล้วแน่ๆ ... คราวหลังอย่าเที่ยวซุกซนอย่างนี้อีกนะข้าวปุ้น"
"อย่าเพิ่งบ่นอะไรตอนนี้เลยแม้นมาศ รีบพาข้าวปุ้นกลับไปพักก่อนไป"
"จ้ะนาย"
แม้นมาศประคองข้าวปุ้นออกไป
ฉัตรชบาจะลุกขึ้นเดินตามแม้นมาศกลับไป แต่แล้วก็รู้สึกเจ็บที่เท้า
"โอ๊ย!"
ฉัตรชบาเซจนเกือบจะล้ม อัคคีประคองรับไว้ได้ทัน ฉัตรชบารีบดีดตัวออกจากอกของอัคคี
"ฉวยโอกาส"
"ผมช่วยคุณไม่ให้ล้มต่างหาก รู้งี้ปล่อยให้หกล้มหน้าทิ่มซะก็ดี"
ฉัตรชบานั่งลงที่โขดหิน แล้วมองที่เท้าตัวเอง มีแผลลึกที่ฝ่าเท้า เลือดออก ส่วนรองเท้าหายไปไหนไม่รู้
อัคคีนั่งลงตรงหน้า แล้วจับเท้าฉัตรชบาขึ้นมาดู
"ไหนมาดูซิ"
ฉัตรชบาเจ็บ
"เบาๆ สิ"
อัคคีมองแผล
"สงสัยจะโดนเศษหินเศษไม้ในน้ำบาดเอา"
อัคคีฉีกชายเสื้อของตัวเองมาพันแผลห้ามเลือดให้ฉัตรชบา เธอมองอึ้งๆ ไม่คิดว่าอัคคีจะทำแบบนี้ให้เธอ
อัคคีมัดแผลห้ามเลือดเสร็จ ก็จับฉัตรชบาอุ้มแบบไม่บอกไม่กล่าว เธอตกใจดิ้นไปมา
"จะทำอะไร? ปล่อยฉัน!"
อัคคีไม่ยอมปล่อย ล็อคตัวฉัตรชบาไว้แน่น
"ถ้าปล่อยแล้วจะเดินเองได้มั้ย เป็นแผลเลือดไหลซะขนาดนี้ รองเท้าก็ไม่มี"
"ฉันเดินไหว"
"อย่าอวดเก่ง"
อัคคีไม่สนใจ อุ้มฉัตรชบาเดินออกไป

อัคคีอุ้มฉัตรชบามาวางในกระท่อม แล้วเดินไปหยิบกล่องยามาทำแผลให้ เขาเอาแอลกอฮอล์ราดลงที่แผลของฉัตรชบา
ฉัตรชบาร้องลั่น
"โอ๊ย! แสบ ไม่เอา พอแล้วๆๆๆ"
ฉัตรชบาจะสะบัดขาออก แต่ถูกอัคคีจับขาล็อคไว้แน่น
"ถ้าไม่ทำความสะอาดแผล เดี๋ยวก็ได้เป็นบาดทะยักตายกันพอดี"
อัคคีจับขาฉัตรชบาล็อคไว้ แล้วมองแผลอย่างพิจารณา
"แผลไม่ลึกเท่าไหร่ ไม่ต้องไปโรงพยาบาลก็ได้"
อัคคีเอายาฆ่าเชื้อ จำพวกเบตาดีนมาใส่แผลให้ แล้วใช้ผ้าก๊อซพันแผลให้อย่างเบามือ
ฉัตรชบาเผลอมองหน้าอัคคี และเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นมุมอ่อนโยนของอัคคี ฉัตรชบามองหน้าอัคคีนิ่งนาน
อัคคีพันแผลให้ฉัตรชบาเสร็จ เงยหน้าขึ้นมาก็สบตากับฉัตรชบาพอดี ทั้งคู่สบตากันนิ่งไปพักหนึ่ง
อัคคีได้สติก่อน รีบปรับหน้าดุเหมือนเดิม
"เสร็จแล้ว" อัคคีแกล้งปล่อยขาฉัตรชบาลงแรงๆ
"โอ๊ย! เบาๆ สิ ฉันเจ็บนะ"
อัคคีเสียงเข้ม
"รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไป เกิดเป็นไข้ขึ้นมาผมจะเดือดร้อนอีก"
อัคคีเดินหนีออกไปจากกระท่อม
ฉัตรชบามองตามหลังอัคคี พร้อมกับทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ลังเล สุดท้ายก็ตัดสินใจพูด
ฉัตรชบาพูดห้วนๆ "ขอบใจนะ"
อัคคีชะงักกึก แต่ไม่ไม่หันหน้ามา
อัคคีที่ยังยืนหันหลัง ปั้นหน้านิ่งเฉยเย็นชา แล้วเดินรีบเดินออกไป เหมือนกลัวตัวเองจะใจอ่อนกับฉัตรชบา
"คนอะไรผีเข้าผีออก เดี๋ยวก็ดี เดี๋ยวก็ร้าย"

ฉัตรชบาทำหน้ายู่ใส่อัคคี

จิดาภาเพิ่งกลับจากข้างนอก เดินเข้ามาตามทางเดินในบริษัท เธอเห็นพัฒนะยืนคุยกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์อยู่ที่เคาน์เตอร์ เธอรีบหาที่หลบ กลัวพัฒนะเห็นแล้วความจะแตกว่าตนรู้จักกับอัคคี

พัฒนะคุยกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์เสร็จก็เดินเข้าไปข้างใน
จิดาภารีบเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ทันที
"ผู้ชายคนเมื่อกี๊เค้ามาหาใครเหรอ"
"มาพบคุณเกษณีย์ค่ะ"
"ลูกค้าเหรอ?"
"เค้าบอกว่าเป็นเพื่อนค่ะ"
"เพื่อนเหรอ"
จิดาภาแปลกใจว่าสองคนนี้รู้จักกันได้ยังไง

เกษณีย์นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะทำงาน ในห้องฉัตรชบา สีหน้าเซ็งสุดขีด
"ฉันเป็นเมียเจ้าของบริษัท แล้วทำไมฉันต้องมานั่งทำงานงกๆ อย่างนี้ด้วยเนี่ย"
เกษณีย์ปาแฟ้มที่กำลังอ่านอยู่ทิ้ง แฟ้มลอยมาตกตรงหน้าพัฒนะที่เปิดประตูเข้ามาพอดี
พัฒนะเก็บแฟ้มมาวางคืนให้เกษณีย์บนโต๊ะ ยิ้มเยาะ
"ระวังหน่อยสิคุณ ถ้าแฟ้มโดนหัวผม คุณอาจจะต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ผมแพงนะ"
เกษณีย์เงยหน้ามาเห็นพัฒนะก็อึ้งไปแบบคาดไม่ถึง
"คุณพัฒนะ! คุณมาที่นี่ทำไม"
พัฒนะนั่งลง
"ก็คุณหลบหน้าผม ไม่รับโทรศัพท์ผม ผมก็ต้องมาหาคุณถึงที่น่ะสิ"
"ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ"
"แต่ผมมี"
พัฒนะจ้องหน้าเกษณีย์แบบคนที่ถือไพ่เหนือกว่า

จิดาภาเดินลับๆ ล่อๆ มาที่หน้าห้องทำงานของฉัตรชบา แล้วแอบแง้มประตูห้องส่องเข้าไปข้างใน อยากรู้ว่าพัฒนะมาหาเกษณีย์ทำไม

ในห้อง พัฒนะกับเกษณีย์คุยกันสีหน้าเคร่งเครียด
"ถ้าจะมาพูดเรื่องเงิน ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่มีให้"
"ถ้าอย่างนั้นความลับที่ผมมีอยู่ ก็น่าจะแลกกับเงินก้อนโตจากคุณฉัตรชนก หรือไม่ก็คุณอัคคีได้แน่ๆ"
จิดาภามีสีหน้าสงสัย
จิดาภาพูดกับตัวเองเบาๆ
"คุณเกษณีย์มีความลับอะไร? แล้วเกี่ยวอะไรกับอัคคีด้วย"
พัฒนะจะเดินออกจากห้อง จิดาภาที่หลบอยู่หน้าประตูตกใจ เตรียมจะหาที่หลบ แต่เกษณีย์เข้ามาขวางพัฒนะไว้ก่อน จิดาภาแอบฟังต่อไป
"คุณจะทำอะไร"
"ก็จะเอาความลับของคุณไปขายให้คนที่ต้องการน่ะสิ"
"คุณคิดจะแบล็คเมล์ฉันเหรอ"
"ช่วยไม่ได้ คุณอยากพลาด พูดความลับของคุณให้ผมรู้เอง"
"แต่เรื่องนั้นคุณก็มีส่วนผิดด้วยเหมือนกัน"
"คุณก็รู้ว่าความผิดของผมมันเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับความผิดของคุณ"
เกษณีย์เถียงไม่ออก เพราะจริงอย่างที่พัฒนะพูด
"ตกลงคุณจะไม่ช่วยผมใช่มั้ย"
พัฒนะทำท่าจะเดินออกไป
เกษณีย์ไม่มีทางเลือก "ขอเวลาฉันหน่อยก็แล้วกัน"
พัฒนะหันกลับมา ยิ้มเยาะแบบผู้ชนะ
"ผมรอคุณได้แค่สองอาทิตย์นะ รีบหน่อยก็แล้วกัน"
พัฒนะยิ้มเยาะอย่างผู้ชนะ แล้วเดินออกไป เกษณีย์ทั้งเจ็บใจ ทั้งกลัวความลับถูกเปิดเผย

จิดาภาที่แอบอยู่หลังประตู รีบวิ่งหลบออกไปก่อนที่พัฒนะจะเดินมาถึงประตู
 
อ่านต่อหน้า 4

เกมพยาบาท ตอนที่ 7 (ต่อ)

บ้านวรรณิศา ตอนเย็น

ในห้องโถง จิดาภานั่งคุยกับอดุลย์อยู่
"คุณอดุลย์คะ วันนี้ฉันแอบเห็นคุณพัฒนะไปหาคุณเกษณีย์ที่บริษัทด้วยค่ะ แล้วเค้าสองคนก็พูดเรื่องความลับอะไรซักอย่างที่อัคคีกับคุณฉัตรชนกน่าจะอยากรู้ด้วยนะคะ"
"ความลับอะไร" อดุลย์ครุ่นคิดนิดหนึ่ง "หรือจะเป็นความลับที่เกี่ยวของกับคดีของศา"
"ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่แปลกใจตรงที่มันเกี่ยวข้องกับอัคคีด้วยน่ะสิคะ"
"ผมว่าเรื่องนี้มันชักจะแปลกๆ แล้วนะครับ"
"ฉันจะต้องสืบให้รู้ให้ได้ว่าความลับนั้นมันคืออะไรกันแน่"
อดุลย์แซวขำๆ
"ตกลงคุณจิเป็นเจ้าของไร่ชาหรือเป็นนักสืบกันแน่ครับเนี่ย"
จิดาภายิ้มๆ
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของอดุลย์ก็ดังขึ้น อดุลย์กดรับสาย
"ครับสารวัตร ... ได้เบาะแสคนร้ายแล้วเหรอครับ ... ครับๆ แล้วผมจะบอกอัคคีให้ครับ สวัสดีครับ"
อดุลย์กดวางสาย จิดาภารีบถามอย่างสนใจ
"ตำรวจว่ายังไงบ้างคะ"
"ตำรวจได้เบาะแสบางอย่างของคนร้ายที่ทำร้ายศาแล้วครับ คาดว่าน่าจะจับตัวได้เร็วๆ นี้"
"ขอให้จับคนร้ายตัวจริงได้เร็วๆ เถอะค่ะ อัคคีจะได้เลิกแก้แค้นผิดคนซะที"
"ดูคุณจิจะมั่นใจมากว่าคุณฉัตรชนกไม่ใช่คนร้าย"
"ฉันมั่นใจค่ะว่าฉันดูคนไม่ผิด ทุกวันนี้คุณฉัตรชนกก็ยังเสียใจกับการจากไปของศาอยู่เลยนะคะ แล้วดูท่าทางเค้าก็ไม่ได้รักใคร่ไยดีคุณเกษณีย์สักเท่าไหร่ มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่คุณฉัตรชนกจะต้องกำจัดศาออกจากชีวิตเค้าอย่างที่อัคคีเข้าใจ"
อดุลย์ฟังแล้วก็เห็นด้วย

ชายหาดที่เกาะร้าง ตอนเย็น
ฉัตรชบาเดินกะเผลกๆ โดยใช้กิ่งไม้ตามแต่จะหาได้เป็นไม้ค้ำยัน เดินเข้ามาที่ชายหาด ครุ่นคิด
"ถ้าพวกลักลอบตัดไม้เข้ามาที่นี่ มันจะจอดเรือไว้ตรงไหนนะ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าพวกมันจะมากันวันไหน"
ฉัตรชบาเอาไม้ฟาดๆ ไปตามหาดทราย เครียดๆ
"ฉันจะหนีออกไปจากเกาะนรกนี่ได้ยังไง ฉันไม่อยากตายอยู่ที่นี่" พลางตะโกน " ฉันอยากกลับบ้าน...ฉันอยากกลับบ้าน"
แม้นมาศเดินเข้ามาข้างหลังฉัตรชบา มองอย่างเห็นใจ และลังเล ใจอยากช่วย
"นายหญิงเจ็บเท้าอยู่ ไม่น่าออกมาเดินอย่างนี้เลยนะจ๊ะ"
ฉัตรชบาหันมา พอเห็นหน้าแม้นมาศก็ทำหน้าปั้นปึ่งใส่
"ฉันจะเป็นจะตายก็เรื่องของฉัน คนที่เกาะนี้ไม่มีใครสงสารฉันอยู่แล้วนี่"
แม้นมาศสีหน้าลำบากใจ
"ฉันจะมาขอบคุณนายหญิงที่ช่วยชีวิตข้าวปุ้นไว้น่ะจ้ะ" แม้นมาศยกมือไหว้ "ขอบคุณมากนะจ๊ะ"
"ถ้าเปลี่ยนจากคำขอบคุณเป็นการช่วยพาฉันหนีออกไปจากเกาะบ้าๆ นี่ก็จะดีมาก"
แม้นมาศท่าทางลังเลใจ ลึกๆ ก็อยากช่วยเพื่อตอบแทนบุญคุณ
ฉัตรชบาเกลี้ยกล่อม
"ฉันรู้นะว่าแม้นมาศไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำ แม้นมาศก็อยากช่วยฉันเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ"
แม้นมาศไม่ตอบ ได้แต่ทำหน้าอึกอักลำบากใจ
"ช่วยฉันหน่อยนะแม้นมาศ แม้นมาศไม่สงสารลูกผู้หญิงด้วยกันเหรอ ฉันถูกนายอัคคีถูกจับมากักขังทรมาน ไม่รู้ว่าวันดีคืนดีเค้าจะข่มเหงฉันหรือเปล่า เมื่อคืนนี้เค้าก็แอบมุดเข้ามาในมุ้งฉัน ถ้าฉันไม่ตื่นขึ้นมาซะก่อน ก็คงเสร็จเค้าไปแล้วแน่ๆ"
"นายอัคคีเป็นคนดี นายไม่ทำอย่างนั้นหรอกจ้ะ"
"คนดีที่ไหนจะจับผู้หญิงมาทรมานอย่างนี้"
แม้นมาศชะงักคิด เริ่มเห็นด้วยกับฉัตรชบาขึ้นมานิดๆ แล้ว
ทันใดนั้นเสียงอัคคีก็ดังขึ้น
"อย่าพยายามกล่อมคนของผมซะให้ยากเลย เค้าไม่เชื่อคุณหรอก"
อัคคีเดินเข้ามา
แม้นมาศตกใจ "นาย..."
อัคคีพยักหน้าให้แม้นมาศออกไปก่อน แม้นมาศเดินออกไป
"เดี๋ยวก่อนสิแม้นมาศ แม้นมาศ! แม้นมาศ!"
แม้นมาศรีบเดินเร็วๆ ออกไป เพราะกลัวอัคคี
ฉัตรชบาจะตามแม้นมาศไป อัคคีกระชากตัวฉัตรชบากลับมา
"จะไปไหน!"
อัคคีบีบข้อมือฉัตรชบาไว้แน่น
"ปล่อยฉัน" ฉัตรชบาสะบัดมือออกแต่ไม่หลุด "ฉันบอกให้ปล่อย"
อัคคีจับข้อมือฉัตรชบาบิด
"ฉันเจ็บนะ ปล่อยฉัน!"
อัคคีจ้องหน้าแววตาดุดันฃ
"ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็หัดอยู่อย่างสงบๆ บ้างสิ"
ฉัตรชบาสู้ตา ไม่กลัว
"นายจะขังฉันไว้ที่นี่อีกนานแค่ไหน"
"จนกว่าจะพอใจ"
"แล้วทำยังไงนายถึงจะพอใจ ต้องให้ฉันกับพี่ฉัตรตายตรงหน้านายเลยใช่มั้ย นายถึงจะพอใจ"
"ใช่! แต่ไม่ใช่ตายไปจากโลกนี้ แต่คุณสองคนพี่น้องจะต้องตายทั้งเป็นไป!"

อัคคีบอกอย่างอาฆาตแค้น

ฉัตรชนกกับฉกาจหลบมุมคุยกันอยู่ที่มุมหนึ่ง

"เราลงประกาศตามหาชบาไปตั้งหลายวันแล้ว ไม่มีใครติดต่อแจ้งเบาะแสน้องกลับมามั่งเลยเหรอฉัตร"
"ไม่เลยครับ"
"อัคคีจับยัยชบาไปไว้ที่ไหนกันแน่นะ"
"ผมจ้างนักสืบคนใหม่ให้ช่วยสืบอยู่ครับคุณพ่อ น่าจะรู้เรื่องภายในวันสองวันนี้ล่ะครับ"
ฉกาจรับฟังสีหน้าเคร่งเครียด เป็นห่วงฉัตรชบา

กระท่อมบนเกาะร้าง ตอนกลางคืน
บริเวณหน้าห้องน้ำในกระท่อม ฉัตรชบาอาบน้ำเสร็จ เดินออกมาจากห้องน้ำ
แม้นมาศที่แอบซุ่มรออยู่ก่อนแล้ว รีบพุ่งเข้ามาหา ฉัตรชบาตกใจ
"แม้นมาศ! มาเงียบๆ ฉันตกใจหมด"
แม้นมาศท่าทางลับๆ ล่อๆ
"เบาๆ สิจ๊ะนายหญิง"
"มีอะไรทำไมต้องทำท่าลับๆ ล่อๆ อย่างนี้ด้วย"
แม้นมาศกระซิบ
"ถ้านายหญิงอยากหนีออกไปจากที่นี่ พรุ่งนี้เช้าให้รีบไปซ่อนตัวในเรือนะ ฉันกับตาเข็มจะเข้าเมืองกันแต่เช้า"
ฉัตรชบาดีใจ
"แม้นมาศยอมช่วยฉันแล้วเหรอ"
"ฉันช่วย เพราะอยากตอบแทนบุญคุณที่นายหญิงช่วยชีวิตข้าวปุ้น"
ฉัตรชบาจับมือแม้นมาศ
"ขอบใจนะแม้นมาศ บุญคุณครั้งนี้ฉันจะไม่ลืมเลย"
"จ้ะๆ ฉันไปล่ะ เดี๋ยวนายมาเห็นเข้าจะสงสัย"
"จ้ะ"
แม้นมาศเดินหลบๆ ออกไป ฉัตรชบายิ้มดีใจ

เข็มกำลังเตรียมเข้านอน ส่วนข้าวปุ้นหลับไปแล้ว แม้นมาศกลับเข้ามาในห้อง
"ไปไหนมานังแม้น"
แม้นมาศอึกอักเล็กน้อย
"ไปเข้าห้องน้ำ เออนี่ตาเข็ม พรุ่งนี้แกจะเข้าเมืองแต่เช้าใช่มั้ย"
"อือ ถามทำไม"
"ฉันว่าจะเข้าไปด้วยน่ะ"
"จะเข้าไปทำไม"
"ฉันก็อยากออกไปหาเพื่อนเมาท์มั่งน่ะสิ อยู่ที่เกาะไม่มีเพื่อนเมาท์ เฉาปากจะแย่อยู่แล้ว"
"เออๆ อยากไปก็ไป"
เข็มมุดมุ้งเข้าไปนอน แม้นมาศตามเข้าไปนอน พร้อมกับมีสีหน้ารู้สึกผิดต่ออัคคีที่ตนคิดจะช่วยฉัตรชบา

ทางด้านฉัตรชบานั่งหวีผมประแป้งพร้อมฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
อัคคีที่นอนอยู่ที่เตียงมองอย่างแปลกใจ แขวะ
"ท่าทางคุณดูมีความสุขกับการอยู่ที่นี่แล้วนี่"
ฉัตรชบาหันมาทำหน้ายู่ใส่อัคคี
"เชิญคุณมีความสุขกับเกาะนรกนี่ไปคนเดียวเถอะ ฉันไม่เอาด้วยหรอก"
"จะไปรู้เหรอ ก็เห็นฮัมเพลงอารมณ์ดี นึกว่าชอบที่นี่แล้ว"
"ฉันอารมณ์ดีเพราะเรื่องอื่นต่างหาก"
ฉัตรชบาหวีผมเสร็จก็เดินมาขนที่นอนหมอนมุ้งจะเดินออกไปข้างนอก
อัคคีถามเสียงเข้ม
"จะไปไหน"
"จะออกไปนอนข้างนอก ฉันไม่อยากเสี่ยงให้นายมุดมุ้งฉันอีก"
"แล้วคิดเหรอว่าออกไปนอนข้างนอกผมจะตามออกไปไม่ได้"
"แต่ก็ยังดีกว่านอนอยู่ในห้องเดียวกับนาย"
"นอนด้วยกันมาตั้งหลายคืนแล้วทำไมเพิ่งจะมากลัวตอนนี้"
"ก็เมื่อคืนนี้นาย...นาย..."
ฉัตรชบาไม่อยากจะพูด กระดากปาก
"ผมทำไม"
ฉัตรชบากลั้นใจพูดไป
"นายจะลักหลับฉัน"
"คืนนี้ผมไม่มีอารมณ์ คุณไม่ต้องกลัวหรอก"
"ไอ้บ้า พูดจาน่าเกลียด"
"นอนเถอะคุณ ดึกแล้ว นอนๆๆ"
อัคคีล้มตัวลงนอน ทำเป็นไม่สนใจฉัตรชบา
ฉัตรชบายืนกอดที่นอนหมอนมุ้ง สีหน้าครุ่นคิดว่าจะเอายังไงดี แล้วก็ตัดสินใจปูที่นอนนอนในห้องเหมือนเดิม

เช้าวันใหม่
ฉัตรชบาตื่นนอนแล้วค่อยๆ ย่องออกมาจากมุ้งอย่างระมัดระวัง กลัวอัคคีตื่น
ฉัตรชบามองไปที่มุ้งอัคคี เห็นอัคคียังนอนหลับอยู่ ก็ยิ้มโล่งอก แล้วค่อยๆ ย่องไปเปิดประตูอย่างเบามือ
อัคคีทำท่าเหมือนจะตื่น พลิกตัว ฉัตรชบาสะดุ้งตกใจ เขาพลิกตัวกลับไปอีกทาง แล้วหลับต่อ ฉัตรชบาโล่งอก
ฉัตรชบาพูดเบาๆ
"ลาก่อนนะนายอัคคี"
ฉัตรชบาเปิดกลอนประตู แล้วย่องหนีออกไปเงียบๆ

ฉัตรชบาวิ่งหลบๆ มาที่ท่าเรือ แล้วรีบเข้าไปหาที่หลบในเรือ ฉัตรชบาเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในเข่ง
แม้นมาศกับเข็มเดินมาขึ้นเรือ
แม้นมาศแอบหันไปสบตากับฉัตรชบาที่อยู่ในที่ซ่อนนิดหนึ่ง
"รีบไปเถอะตาเข็ม"
เข็มเสียบกุญแจเรือ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ กำลังจะขับออกไป
ทันใดนั้น เสียงอัคคีก็ดังขึ้น
"เดี๋ยวก่อนนายเข็ม"
ฉัตรชบาสีหน้าตกใจ แม้นมาศใจหายวาบ กลัวถูกอัคคีจับได้ว่าแอบช่วยฉัตรชบา
เข็มบิดกุญแจดับเครื่องเรือ
"มีอะไรเหรอครับนาย"
"ฉันจะเข้าเมืองเอง มีธุระต้องไปทำนิดหน่อย เข็มกับแม้นมาศไม่ต้องไปแล้ว"
"ครับนาย"
เข็มขึ้นจากเรือ แม้นมาศเดินตามเข็มไป พลางชำเลืองมองฉัตรชบาด้วยความเป็นห่วง
ฉัตรชบาลุ้น หายใจไม่ทั่วท้อง กลัวถูกจับได้
"นายมีธุระอะไรในเมืองเหรอจ๊ะ ให้ฉันกับตาเข็มทำแทนให้ก็ได้นะจ๊ะ นายเพิ่งจะหายป่วย ขับเรือตากแดดตากลมออกไปจะไม่ดีนะจ๊ะ"
"ไม่เป็นไรหรอกแม้นมาศ ฉันหายดีแล้ว"
"ถ้างั้นก็ตามใจนายเถอะจ้ะ"
อัคคีลงเรือแล้วขับออกไป
แม้นมาศมองตามลุ้น เอาใจช่วยฉัตรชบาให้หนีรอดไปได้

อัคคีขับเรือออกจากเกาะมุ่งหน้าเข้าเมือง
ฉัตรชบาแอบอยู่ในที่ซ่อน ค่อยๆ เปิดที่ซ่อนออกมาดูอัคคี ในใจก็ลุ้นกลัวถูกอัคคีจับได้
อัคคีรู้สึกเหมือนมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆ ก็หันมามอง ฉัตรชบารีบชักตัวหลบแทบไม่ทัน อัคคีไม่เห็นอะไรผิดปกติก็หันไปขับเรือต่อ ฉัตรชบาแอบเป่าปากโล่งออกที่อัคคีไม่เห็นตน
ฉัตรชบายกมือท่วมหัว ภาวนาเบาๆ
"ขอให้หนีรอดออกไปได้ด้วยเถอะ...สาธุ"

ฉัตรชบาภาวนาอย่างมีความหวังว่าจะรอด
 
อ่านต่อตอนที่ 8
กำลังโหลดความคิดเห็น