เกมพยาบาท ตอนที่ 8
แม้นมาศกับเข็มเดินกลับมาที่บ้านพักท้ายเกาะ แม้นมาศท่าทางลุกลี้ลุกลน กังวลใจ
"เป็นอะไรนังแม้น"
"ไม่มีอะไร"
แม้นมาศเดินหนีไปอีกทาง ยังมีท่าทางลุกลี้ลุกลนอยู่ เข็มเดินตาม
"ท่าทางอย่างนี้ ต้องมีอะไรแน่ๆ"
แม้นมาศโวย
"บอกว่าไม่มีก็ไม่มีสิ เซ้าซี้อยู่ได้ น่ารำคาญ"
"หรือว่าแกแอบไปแทงหวยในเมืองมาอีก"
"ไม่ใช่"
"หรือว่าแกแอบมีชู้! ต้องใช่แน่ๆ"
"ไม่ใช่โว้ย! เอ๊าๆ บอกก็ได้ เมื่อคืนนี้ฉันแอบนัดแนะกับนายหญิงว่าจะพาหนี ก็เลยให้ไปแอบในเรือ จะได้พาออกไปจากเกาะตอนที่เราไปซื้อของกัน ฉันก็ไม่คิดว่าอยู่ๆ นายอัคคีจะออกไปเองอย่างนี้"
เข็มโวยทันที
"นังแม้น! แกทำแบบนี้เท่ากับหักหลังนายอัคคีเลยนะ"
"ก็นายหญิงเค้ามีบุญคุณกับเรา เค้าช่วยชีวิตข้าวปุ้นไว้นะ แล้วอีกอย่างนายหญิงก็รับปากแล้วว่าจะไม่เอาผิดเราสองคน เรื่องที่ถูกจับตัวมาขังไว้ที่นี่"
"แกพูดอย่างกับนายอัคคีไม่มีบุญคุณกับเราอย่างนั้นล่ะ"
"ฉันรู้ว่านายอัคคีมีบุญคุณกับเราท่วมหัว แต่จะให้ฉันตอบแทนบุญคุณนายด้วยการช่วยนายทำความผิดฉันก็ทำไม่ได้เหมือนกัน"
เข็มด่าประชด "เออ! นังคนดี"
"แต่ตอนนี้ฉันเป็นห่วงนายหญิงมากกว่า ถ้าถูกนายอัคคีจับได้ ต้องถูกเล่นงานหนักแน่ๆ"
"ตอนนี้แกห่วงตัวเองก่อนดีกว่า ถ้านายอัคคีกลับมาเมื่อไหร่ แกโดนหนักแน่"
เข็มหงุดหงิดเดินหนีไป
แม้นมาศกังวล ทั้งเป็นห่วงฉัตรชบา และห่วงตัวเอง กลัวจะโดนอัคคีเล่นงานอย่างที่เข็มพูด
อัคคีขับเรือเข้ามาจอดที่ท่าเทียบเรือในเมือง แล้วเดินขึ้นฝั่งไป ฉัตรชบาที่ซ่อนตัวอยู่ในเรือ ค่อยๆ โผล่หน้าออกมามองข้างนอกอย่างระวังตัว เธอเห็นอัคคีเดินออกไปไกลแล้ว อัคคีท่าทางไม่รู้ตัวเลยว่าฉัตรชบาแอบติดเรือออกมา
ฉัตรชบารีบขึ้นจากเรือ แล้ววิ่งหลบๆ เข้าไปในชุมชนในท่าเรือ เธอดีใจว่า คราวนี้หนีรอดได้แน่ๆ
ฉัตรชบาวิ่งเข้ามาถามชาวบ้านที่เดินอยู่แถวนั้น
"พี่คะ ถ้าจะไปกรุงเทพต้องขึ้นรถตรงไหนคะ"
ชาวบ้านชี้บอกทาง
"ขึ้นรถสองแถวตรงหัวมุมโน่นไปลงที่สถานีขนส่งในเมือง จะมีรถทัวร์เข้ากรุงเทพฯ อยู่ แต่ต้องรีบหน่อยนะ เพราะรถเข้ากรุงเทพฯ มีแค่วันละเที่ยว"
"ขอบคุณค่ะ"
ฉัตรชบารีบวิ่งออกไปที่ท่ารถแล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้ หยุดล้วงกระเป๋าหาเงิน
"ไม่มีเงินซักบาท แล้วจะไป" เธอคิดๆ แล้วฮึดสู้ "ไปตายเอาดาบหน้าละกัน"
ฉัตรชบารีบวิ่งไปที่ท่ารถ
บริเวณท่ารถสองแถว ในรถมีผู้โดยสารนั่งกันอยู่ก่อนแล้วหลายคน บางส่วนกำลังเดินขึ้นรถ
คนขับรถยืนอยู่ท้ายรถ คอยเรียกคนขึ้นรถ
"เอ๊าเร็ว...รถจะออกแล้ว นั่งชิดๆ กันหน่อย แบ่งๆ กันไป"
คนขับมองสำรวจผู้โดยสาร เห็นว่านั่งประจำที่กันเรียบร้อยดีก็เดินไปขึ้นรถ นั่งประจำที่คนขับ คนขับรถบิดกุญแจสตาร์ทรถ
รถสองแถวเคลื่อนออกไปจากท่ารถช้าๆ
ฉัตรชบาวิ่งกะหืดกะหอบตามท้ายรถมา พร้อมกับโบกมือเรียกรถ
"รอด้วยค่ะ รอด้วยๆ"
คนขับรถมองเห็นฉัตรชบาจากกระจกส่องข้าง แล้วหยุดรถรอ ฉัตรชบาวิ่งกระหืดกระหอบไปที่รถ
กำลังจะก้าวขึ้นรถ ทันใดนั้นก็มีมือผู้ชายคนหนึ่งยื่นเข้ามากระชากแขนเอาไว้ไม่ให้ขึ้นรถ
" จะไปไหน!"
ฉัตรชบามองหน้าคนกระชากแขน
"นายอัคคี!"
อัคคียิ้มเยาะ
"คิดว่าแผนตื้นๆ แค่นี้จะตบตาผมได้เหรอ"
ฉัตรชบาตกใจ
"นายรู้ตั้งแต่แรกแล้วเหรอ"
"ผมแอบได้ยินคุณกับแม้นมาศวางแผนกันตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว"
"นายรู้อยู่แล้ว แล้วปล่อยให้ฉันแอบติดเรือออกมาถึงที่นี่ทำไม"
อัคคีบีบแขนฉัตรชบาแน่น แล้วยื่นหน้าเข้าไปกัดฟันพูดใกล้ๆ หน้า พูดเบาๆ แค่ได้ยินกันสองคน
"เพราะผมอยากให้คุณรู้ว่า คนอย่างคุณไม่มีปัญญาหนีผมพ้นหรอก ... เป็นไงล่ะ เห็นทางหนีอยู่แค่เอื้อม แต่ก็ไปไม่ได้"
ฉัตรชบาเจ็บใจ
ผู้โดยสารบนรถต่างหันมามองอัคคีกับฉัตรชบาประมาณว่ามีเรื่องอะไรกัน
คนขับรถที่นั่งอยู่หน้ารถยื่นหน้าออกมาตะโกนถาม
คนขับรถที่นั่งอยู่หน้ารถยื่นหน้าออกมาตะโกนถาม
"จะไปมั้ย เสียเวลาคนอื่น"
อัคคีกับฉัตรชบาตอบพร้อมกัน
"ไปค่ะ / ไม่ไป"
ฉัตรชบาหันขวับมามองจ้องหน้าอัคคีตาเขียว
อัคคีบอกคนขับ
"ออกรถไปเลยพี่"
ฉัตรชบารีบบอกคนขับ
"อย่าเพิ่งไปค่ะ" เธอสะบัดแขนจากอัคคี แต่ไม่หลุด "ปล่อยฉันนะ"
ฉัตรชบาพยายามดิ้นจะไปขึ้นรถให้ได้ อัคคีจับตัวล็อคไว้ สองคนยื้อยุดกันไปมา
ฉัตรชบาตะโกนไม่หยุด
"ช่วยฉันด้วยค่ะ นายคนนี้เป็นคนร้าย เค้าลักพาตัวฉันมา ช่วยฉันด้วยค่ะ ช่วยด้วยๆๆ"
ผู้โดยสายฮือฮา เหมือนจะเชื่อฉัตรชบา
คนขับรถเดินลงมาหาทั้งคู่ คนขับรถมองหน้าอัคคีท่าทางดุดันเอาเรื่อง
"อ้าวเฮ้ย ยังไงกันวะเนี่ย"
"ใจเย็นครับพี่ นังชบาเนี่ยมันเป็นเมียผม มันจะหนีไปอยู่กับชู้ มันคิดจะทิ้งลูกทิ้งผัวไปอยู่กับผู้ชายอื่น แล้วพี่จะให้ผมปล่อยมันไปได้ยังไง"
"ไม่ใช่นะคะ อย่าไปเชื่อเค้า"
ผู้โดยสารที่เหมือนจะเข้าข้างฉัตรชบาในตอนแรก เปลี่ยนเป็นมองฉัตรชบาด้วยสายตาไม่แน่ใจว่าจะเชื่อใครดี ระหว่างอัคคีกับฉัตรชบา
"ที่แท้ก็ผัวเมียตีกัน เสียเวลาจริงๆ" คนขับรถบ่น
คนขับรถจะเดินไปขึ้นรถ ฉัตรชบาดึงแขนคนขับรถไว้
"ฉันไม่ใช่เมียเค้านะคะ เค้าโกหก อย่าไปเชื่อเค้านะคะ"
ฉัตรชบามองไปที่ผู้โดยสารในรถ สายตาขอความช่วยเหลือ ผู้โดยสารต่างมีสีหน้าลังเลใจว่าจะเชื่อใครดี
อัคคีดึงตัวฉัตรชบาออกไป
"ไป...กลับบ้าน"
ฉัตรชบาฝืนตัวไว้ แล้วโวยวาย
"ก็เพราะทุกคนคิดว่าเป็นเรื่องผัวเมียตีกันก็เลยไม่ยุ่ง พวกผู้ร้ายมันถึงได้เอาเหตุผลนี้มาอ้างเวลาถูกจับได้ว่ากำลังทำผิด"
คนขับรถกับผู้โดยสารเริ่มจะคล้อยตามฉัตรชบา
อัคคีบอกคนขับ
"นังนี่มันเป็นเมียผมจริงๆ พี่ พี่รีบไปเถอะ ผู้โดยสารรอแล้ว"
"เป็นผัวเมียกันแน่นะ" คนขับรถถามย้ำ
"แน่สิพี่ ให้ผมจูบเมียโชว์ตรงนี้เลยก็ได้"
อัคคีพูดจบก็ใช้สองมือจับหน้าฉัตรชบาให้หันมาแล้วจูบโชว์ให้ทุกคนดูจริงๆ
ฉัตรชบากรี๊ดตกใจ "ไอ้บ้า!" เธอเอามือเช็ดปาก รังเกียจปนอาย
คนขับรถมองลังเลเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ชาวบ้านผู้หญิงคนหนึ่งหอบของพะรุงพะรังเดินมาจะขึ้นรถ พอชาวบ้านคนนั้นเห็นหน้าอัคคีก็จำได้
"อ้าวนายอัคคี ทำไมวันนี้ออกจากเกาะมาได้ล่ะจ้ะ"
"มาตามเมียกลับบ้านน่ะ" อัคคีดึงแขนฉัตรชบาไว้อยู่
ชาวบ้านมองหน้าฉัตรชบา
"โอ้โห เมียนายอัคคีนี่สวยยิ่งกว่านางเอกละครอย่างที่นังแม้นมาศมันเล่าให้ฟังจริงๆ ด้วย"
คนขับรถถามชาวบ้าน
"สองคนนี้เป็นผัวเมียกันจริงๆ เหรอ"
"จริงสิ" ชาวบ้านมองฉัตรชบา "รูปร่างหน้าตาอย่างนี้ เหมือนที่นังแม้นมันเมาท์ให้ฉันฟังไม่มีผิดเลย"
คนขับรถอารมณ์เสีย โบกมือไล่อัคคีกับฉัตรชบา
"ถ้างั้นก็กลับไปทะเลาะกันต่อที่บ้านไป๊ ...เสียเวลาทำมาหากินจริงๆ"
คนขับเดินไปขึ้นรถ
ชาวบ้านบอกอัคคี
"ฉันไปก่อนนะจ๊ะนาย"
อัคคียิ้ม
"ขอบใจนะ มาได้ถูกจังหวะพอดี"
ชาวบ้านทำหน้างงๆ ว่าอัคคีขอบใจตนเรื่องอะไร
ชาวบ้านขึ้นรถไป คนขับก็ขับรถกระชากออกไปอย่างอารมณ์เสีย
อัคคีหันไปเห็นรถของอดุลย์ขับเข้ามาจอดใกล้ๆ กับจุดที่ตนยืนอยู่ อดุลย์ลงจากรถ แต่ยังไม่เห็นอัคคี
"บอกไม่ให้มาก็ยังมาอีก"
อดุลย์เดินไปทางท่าเรือ
ฉัตรชบาอาศัยจังหวะที่อัคคีเผลอ ใช้ข้อศอกกระทุ้งท้องอัคคีอย่างแรง แล้วกระแทกส้นไปที่เท้าซ้ำอีกที
"โอ๊ย!"
อัคคีทั้งเจ็บทั้งจุกจนเผลอปล่อยมือ ฉัตรชบารีบวิ่งหนีไป
"โธ่โว๊ย! ทำไมถึงได้ฤทธิ์มากอย่างนี้วะ"
อัคคีรีบวิ่งตามไปจับฉัตรชบา
อดุลย์เดินเข้ามาที่ท่าเทียบเรือ พร้อมคุยมือถือไปด้วย
"ผมกำลังจะนั่งเรือเข้าไปที่เกาะของอัคคีแล้วนะครับคุณจิ ถ้าเจอคุณฉัตรชบาหรือไม่เจอยังไง ผมจะส่งข่าวไปบอกอีกทีนะครับ"
อดุลย์กดวางสายแล้วเดินเข้ามาหาคนขับเรือรับจ้างที่จอดเรืออยู่ในท่าเทียบเรือ
"ลุงรู้จักเกาะนายอัคคีมั้ย"
"รู้จัก พ่อหนุ่มจะไปที่นั่นเหรอ"
"ใช่ครับ ผมเป็นเพื่อนของอัคคี ลุงไปส่งผมที่นั่นหน่อยนะ"
"งั้นก็ลงเรือมาเลย"
อดุลย์ลงเรือ คนขับเรือก็ขับเรือออกไป
ฉัตรชบาวิ่งหนีอัคคีมาที่มุมตึกในชุมชนท่าเรือ แล้วเข้าไปหลบในซอกนั้น อัคคีวิ่งตามมาหยุดยืนอยู่ใกล้กับจุดที่เธอแอบอยู่ เธอแอบมองด้วยสายตาลุ้นๆ ว่าอัคคีจะเห็นเธอหรือไม่ เขากวาดตามองหาเธอไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็น เขาวิ่งออกไปตามหาเธอที่อื่น ฉัตรชบาโล่งอก
คนขับเรือรับจ้างขับเรือเข้ามาจอดส่งอดุลย์ที่ท่าเรือในเกาะของอัคคี อดุลย์ขึ้นจากเรือ
"จะให้ผมรอรับกลับมั้ยครับ"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวขากลับผมให้คนที่นี่ไปส่ง"
คนขับเรือขับเรือออกไป อดุลย์เดินเข้าไปในเกาะ พร้อมกับกวาดตามองสำรวจไปรอบๆ ด้วย
อ่านต่อหน้า 2
เกมพยาบาท ตอนที่ 8 (ต่อ)
อดุลย์เดินมาถึงหน้ากระท่อมที่พักของอัคคี มองสำรวจนิดหนึ่ง แล้วเดินขึ้นไปสำรวจบนกระท่อม
เข็มยืนมองอดุลย์อยู่ห่างๆ แม้นมาศเดินเข้ามาหาเข็ม ท่าทางกลัวๆ
แม้นมาศมองไปที่อดุลย์
"ตำรวจหรือเปล่าตาเข็ม"
เข็มแขวะ
"ไหนแกบอกว่านายหญิงของแกรับปากว่าจะไม่แจ้งตำรวจเอาผิดพวกเราไง แล้วแกจะกลัวอะไร"
"มันก็อดกลัวไม่ได้นี่หว่า"
"คุณอดุลย์ เป็นเพื่อนนาย แกกลับไปดูข้าวปุ้นไป เดี๋ยวข้าขึ้นไปรับหน้าเค้าเอง"
แม้นมาศเดินกลับไปทางบ้านพัก เข็มขึ้นไปหาอดุลย์บนกระท่อม
อดุลย์เดินสำรวจกระท่อมไปทั่ว จนมาถึงหน้าห้องนอนอัคคี อดุลย์กำลังจะเปิดประตูห้องนอนเข้าไป
ทันใดนั้น เสียงเข็มก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
"สวัสดีครับคุณอดุลย์"
อดุลย์ชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตู แล้วหันมาหาเข็ม
"อ้าวนายเข็ม อัคคีไม่อยู่เหรอ บ้านพักเงียบเชียว"
"นายเข้าเมืองตั้งแต่เช้าแล้วครับ น่าจะสวนทางกับคุณอดุลย์"
อดุลย์หลอกถาม
"อัคคีอยู่ที่นี่คนเดียว หรือว่าพาผู้หญิงมาอยู่ด้วย"
เข็มอึกอัก อดุลย์เห็นท่าทางเข็มดูมีพิรุธ ก็รู้สึกได้ว่าต้องมีอะไรแน่ๆ
"เดี๋ยวเข้าไปดูในห้องก็รู้ว่าอัคคีอยู่คนเดียวหรือเปล่า"
อดุลย์เปิดประตูห้องนอนเข้าไปทันที
เข็มตกใ
"คุณอดุลย์"
เข็มตามอดุลย์เข้าไปในห้อง
อดุลย์เข้ามาในห้อง เข็มตามเข้ามา อดุลย์มองไปรอบๆ ห้อง เห็นว่าในห้องมีแค่เตียงนอนและข้าวของของอัคคีคนเดียวเท่านั้น
เข็มสีหน้าย้อนคิด
เข็มยืนคุยโทรศัพท์มือถืออยู่หน้ากระท่อม
"มีอะไรครับนาย"
อัคคีคุยมือถือกับเข็มอยู่ในมุมลับตามุมหนึ่งในท่าเรือ
"แกจำเพื่อนฉันที่ชื่ออดุลย์ได้ใช่มั้ย"
"จำได้ครับนาย"
"เดี๋ยวเค้าจะเข้าไปที่เกาะ แล้วถ้าเค้าถามว่าฉันพาผู้หญิงที่ไหนไปอยู่ที่นั่นด้วยหรือเปล่า แกห้ามพูดอะไรเด็ดขาดนะ แล้วก็เก็บของของฉัตรชบาไปซ่อนไว้ที่อื่นด้วย ... เอาไปไว้ที่บ้านพักแกก่อนก็ได้"
"ครับนาย" เข็มอึกอักเล็กน้อย "เอ่อ...นายรู้เรื่องที่นายหญิงแอบติดเรือนายออกจากเกาะแล้วใช่มั้ยครับ"
"รู้แล้ว ตอนนี้ฉันกำลังตามหาตัวอยู่ ไม่รู้วิ่งหนีไปไหนแล้ว แกรีบไปเก็บหลักฐานของฉัตรชบาออกจากห้องนอนฉันก่อน ก่อนที่อดุลย์จะไปถึง"
"ครับนาย"
เข็มกดวางสายแล้วรีบวิ่งขึ้นไปบนกระท่อม
เข็มเข้ามาขนของใช้ เสื้อผ้า และที่นอนของฉัตรชบาออกไป โดยเอาเสื่อห่อไว้แล้วแบกออกไป
เสื้อชั้นในของฉัตรชบาหลุดออกมาจากเสื่อ ตกอยู่ที่มุมข้างประตู
เข็มหันกลับมามองสำรวจห้องอีกที เห็นว่าเก็บของหมดแล้วก็แบกเสื่อที่ห่อของออกไป โดยไม่เห็นเสื้อชั้นในที่ตกอยู่ข้างประตู
เข็มมั่นใจว่าเก็บหลักฐานเรียบร้อยตามที่อัคคีสั่ง
"นายอัคคีอยู่ที่นี่คนเดียวจริงๆ ครับ"
อดุลย์ทำหน้าแบบไม่อยากเชื่อ อดุลย์เดินสำรวจไปทั่วห้อง
เข็มมองตามอดุลย์ไปทุกฝีก้าว แล้วก็ชะงักตกใจ เพราะอดุลย์ไปหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ กับเสื้อชั้นในของฉัตรชบาที่ตกอยู่ในห้อง อดุลย์เกือบจะเห็น แต่ก็มองผ่านไป เข็มรีบเข้าไปดึงตัวอดุลย์ให้ออกจากห้อง
"ผมว่าคุณอดุลย์ออกไปนั่งรอนายข้างนอกดีกว่าครับ ในนี้ร้อน"
เข็มแอบเอาเท้าเขี่ยเสื้อชั้นในของฉัตรชบาเข้าไปในซอกพ้นสายตาอดุลย์ได้อย่างหวุดหวิด
อดุลย์เดินออกไปหน้ากระท่อม เข็มแอบเป่าปากโล่งอก
บริษัทฉัตรชนก
ในห้องทำงาน ฉัตรชนกนั่งทำงานอยู่ ฉกาจเปิดประตูห้องเข้ามา
ฉัตรชนกแปลกใจ
"คุณพ่อ มาหาผมถึงที่นี่ มีอะไรด่วนหรือเปล่าครับ"
ฉกาจเข้ามานั่ง
"พ่อจะมาคุยกับฉัตรเรื่องยัยชบาน่ะ คุยที่บ้านเดี๋ยวแม่เค้าได้ยินขึ้นมาจะโวยวายให้เป็นเรื่องใหญ่"
จิดาภาทำทีเป็นเอาน้ำเข้ามาเสิร์ฟให้ฉกาจ พร้อมกับเงี่ยหูฟังไปด้วย
"พอดีเพื่อนพ่อที่เป็นนายพลเพิ่งกลับจากราชการที่ต่างประเทศ พ่อก็เลยไปขอให้เค้าช่วยตามเรื่องชบาให้ เค้ารับปากว่าจะจัดการให้แบบเงียบๆ ไม่ให้คนอัคคีรู้ตัว อีกไม่นานเราคงรู้ว่าชบาถูกจับตัวไปไว้ที่ไหน ถึงอัคคีจะเป็นลูกชายของเพื่อนสนิทพ่อ แต่ถ้าเค้าทำร้ายยัยชบาอย่างนี้ พ่อก็ไม่ยอมไม่ได้เหมือนกัน"
จิดาภาตกใจ ทำถาดหลุดมือ
"เป็นอะไรหรือเปล่าครับคุณจิ"
"ไม่เป็นไรค่ะ" จิดาภาเก็บถาดขึ้นมา หันไปบอกฉกาจ "ขอโทษนะคะ"
จิดาภาเก็บถาดขึ้นมา แล้วยืนรอฟังอยู่ใกล้ๆ เพราะอยากสืบข่าวว่าฉกาจจะจัดการกับอัคคีอย่างไร
ฉกาจมองจิดาภาอย่างไม่ค่อยไว้ใจ ไม่อยากให้รู้เรื่องภายในของครอบครัว ฉัตรชนกรู้ทันความคิดฉกาจ
"คุณจิไว้ใจได้ครับคุณพ่อ เธอรู้เรื่องทุกอย่างของชบาดี"
จิดาภาบอกฉัตรชนก
"ฉันออกไปข้างนอกก่อนดีกว่าค่ะ เผื่อว่าคุณกับคุณฉกาจจะคุยอะไรที่เป็นความลับในครอบครัวกัน"
จิดาภาหันไปก้มหัวให้ฉกาจเป็นเชิงขอตัวนิดหนึ่ง แล้วเดินออกไป แต่ก็ยังเงี่ยหูฟังอยู่
"พ่อจะให้เค้าช่วยดูเรื่องคดีของวรรณิศด้วย ว่าความจริงมันเป็นยังไงกันแน่ อัคคีจะได้เลิกคิดว่าฉัตรเป็นคนทำร้ายวรรณิศาซะที"
"ขอบคุณครับคุณพ่อ เพราะผมเองก็อยากให้ตำรวจจับร้ายที่มันทำร้ายศามาลงโทษให้ได้เร็วๆ เหมือนกัน"
จิดาภาเดินออกจากห้องไปเงียบๆ สีหน้าไม่สบายใจ เป็นห่วงอัคคี
"ต่อไปนี้ถ้ามีอะไรฉัตรต้องบอกพ่อนะ อย่าเก็บปัญหาไว้คนเดียว เราเป็นครอบครัวเดียวกัน มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกันสิ ฉัตรอย่าแบกปัญหาเอาไว้คนเดียวเข้าใจมั้ยลูก"
ฉัตรชนกหนักใจ
"ก็คุณพ่อเป็นโรคหัวใจอยู่ ผมก็เลยไม่อยากให้คุณพ่อเครียด ผมกลัวคุณพ่อเป็นอะไรไปอีกคนน่ะครับ"
"ลูกสาวพ่อหายไปทั้งคน ถึงฉัตรไม่บอกความจริงเรื่องอัคคีกับพ่อ พ่อก็ต้องเครียดเพราะเป็นห่วงยัยชบาอยู่ดี"
"ครับคุณพ่อ ต่อไปผมจะไม่ปิดบังอะไรคุณพ่ออีกแล้วครับ"
ฉกาจพยักหน้ารับ สีหน้าพอใจ และพร้อมจะช่วยฉัตรชนกแก้ไขปัญหาทุกอย่าง
จิดาภากลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน ท่าทางร้อนใจเป็นห่วงอัคคี
ฉกาจเดินออกมาจากห้องทำงานของฉัตรชนก เกษณีย์เดินเข้ามาพอดี เกษณีย์แปลกใจที่เห็นฉกาจมาที่นี่ ฉกาจกับเกษณีย์หยุดยืนคุยกันอยู่ใกล้ๆ กับโต๊ะทำงานของจิดาภา
จิดาภาฟังการสนทนาเก็บข้อมูลไป
"คุณพ่อมาทำอะไรที่นี่คะ"
ฉกาจสีหน้าเคร่งเครียด
"พ่อมาคุยธุระกับฉัตรนิดหน่อยน่ะ"
ฉกาจเดินเดินออกไป เพราะไม่อยากเล่าอะไรมาก
เกษณีย์หันไปถามจิดาภาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"คุณพ่อมาคุยธุระอะไรกับคุณฉัตรเหรอ ต้องเป็นธุระสำคัญมากแน่ๆ ไม่งั้นคุณพ่อไม่มาคุยถึงที่นี่หรอก"
"คุณฉกาจมาคุยเรื่องการตามหาคุณฉัตรชบา แล้วก็เรื่องการรื้อคดีการตายของคุณวรรณิศาค่ะ"
เกษณีย์ตกใจหน้าซีด
"รื้อคดีวรรณิศา!"
"ใช่ค่ะ ท่านเห็นว่าคดีของคุณวรรณิศาไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย ท่านก็เลยให้เพื่อนท่านที่เป็นนายพลช่วยดูแลคดีนี้เป็นพิเศษค่ะ"
เกษณีย์ท่าทางหลุกหลิกกลัวความผิด แต่ก็พยายามรักษาอาการ
"คุณพ่อจะมายุ่งกับเรื่องนี้ทำไม"
จิดาภามองจับสังเกต
"คุณพูดเหมือนไม่อยากให้คุณฉกาจมายุ่งกับเรื่องนี้ มีอะไรหรือเปล่าคะ"
เกษณีย์พยายามปั้นหน้าให้เป็นปกติ
"ไม่มีอะไร"
เกษณีย์เดินกลับออกไป
จิดาภาถามตามหลัง
"อ้าวคุณเกษณีย์ ไม่เข้าไปหาคุณฉัตรชนกแล้วเหรอคะ"
เกษณีย์ไม่หันกลับมาตอบ รีบเดินออกไป จิดาภามองตามหลัง ติดใจสงสัยอะไรบางอย่าง
เกษณีย์เดินกลับเข้ามาในห้องทำงาน กระแทกตัวนั่งอย่างอารมณ์เสีย
"ไอ้แก่ แกจะมายุ่งกับเรื่องนี้ทำไม คดีนังวรรณิศากำลังจะเงียบไปอยู่แล้วเชียว"
เสียงโทรศัพท์มือถือของเกษณีย์ดังขึ้น หน้าจอขึ้นชื่อ “พัฒนะ” เป็นคนโทร.เข้ามา
"นี่ก็อีกคน จะตามจิกอะไรนักหนา"
เกษณีย์กดตัดสาย เธอมองโทรศัพท์ที่ดังไม่หยุด แล้วกดรับแบบอารมณ์เสียสุดๆ
"โทร.มาทำไม ฉันยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่"
"หาเงินให้ผมได้รึยัง"
เกษณีย์เหวี่ยงใส่
"ฉันบอกแล้วไงว่าขอเวลาหน่อย แค่เรื่องของตัวเองฉันก็เครียดมากพออยู่แล้ว"
"แต่ถ้าคุณไม่รีบหาเงินให้ผม คุณจะได้เครียดมากกว่านี้อีก"
เกษณีย์พยายามระงับอารมณ์ พูดดีๆ กับพัฒนะ
"ฉันรับปากคุณแล้วว่าจะช่วยก็ต้องช่วยสิ แต่ฉันขอเวลาหน่อยก็เท่านั้น คุณก็อย่าเพิ่งใจร้อนนักเลยนะ"
"จะไม่ให้ใจร้อนได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้ไอ้เสี่ยเป้ามันให้ลูกน้องมาคอยสะกดรอยตามผมทุกฝีก้าว ถ้าผมไม่มีเงินไปใช้หนี้มัน มันเอาผมตายแน่"
เกษณีย์ยิ้มเยาะ
"ท่าทางคุณจะกลัวเสี่ยเป้าซะจนหางจุกตูดเลยนะ"
"นี่คุณเกษณีย์"
เกษณีย์มีสีหน้าเหมือนคิดแผนการอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
"ท่าทางเสี่ยเป้าจะเป็นผู้มีอิทธิพลมาก ถ้าฉันอยากจะทำความรู้จักกับเค้า คุณพอจะช่วยฉันได้มั้ย"
"คุณจะอยากรู้จักมันไปทำไม"
เกษณีย์ยิ้มร้าย
"ก็เผื่อว่าฉันจะขอความช่วยเหลืออะไรจากเค้าได้บ้าง"
"หาเงินมาให้ผมก่อนก็แล้วกัน แล้วผมจะพาคุณไปเจอมัน"
เกษณีย์ยิ้มร้ายอย่างมีแผนการในใจ แล้วกดตัดสาย
บนเกาะร้าง อดุลย์ยืนคุยโทรศัพท์กับจิดาภาอยู่หน้ากระท่อมที่พักของอัคคี
"คุณจิครับ ผมมาดูที่เกาะแล้วนะครับ ไม่เจอคุณฉัตรชบา"
จิดาภา นั่งคุยโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะทำงาน พูดเบาๆ
"หรือว่าอัคคีจะพาคุณฉัตรชบาไปไว้ที่อื่น"
"คืนนี้ผมจะค้างที่นี่ ผมจะต้องเค้นเอาความจริงจากอัคคีให้ได้"
"ตอนนี้คุณฉกาจออกโรงเองแล้ว คุณอดุลย์ต้องหยุดอัคคีให้ได้นะ แล้วพาคุณฉัตรชบากลับมาให้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นอัคคีเดือดร้อนหนักแน่"
"คุณจิไม่ต้องห่วงนะครับ ยังไงผมก็ต้องหยุดของอัคคีให้ได้"
อดุลย์กดวางสาย
ท่าเรือในเกาะร้าง ตอนเย็น
อัคคีขับเรือเข้ามาจอดที่ท่าเรือ เขามาคนเดียว ฉัตรชบาไม่ได้มาด้วย อัคคีสีหน้าเคร่งเครียด
เข็มกับแม้นมาศแอบดูอยู่มุมหนึ่งห่างๆ
"นายกลับมาคนเดียว"
"นายหญิงหนีไปได้แล้วจริงๆ เหรอ"
อัคคีเดินผ่านมาทางที่เข็มกับแม้นมาศซุ่มอยู่ ทั้งคู่รีบทำตัวลีบๆ ไม่ให้อัคคีเห็น อัคคีเดินผ่านสีหน้าบึ้งตึง
แม้นมาศกลัว
"นายท่าทางโกรธมากขนาดนั้น ฉันต้องโดนนายเล่นงานหนักแน่ๆ แกต้องช่วยฉันด้วยนะตาเข็ม"
"แกก็รู้ว่าเวลานายโกรธขึ้นมา ใครก็ขวางไม่ได้"
เข็มหนักใจ ไม่รู้จะช่วยแม้นมาศยังไง
อ่านต่อหน้า 3
เกมพยาบาท ตอนที่ 8 (ต่อ)
อัคคีเดินเข้ามาหาอดุลย์ที่นั่งรออยู่ที่หน้ากระท่อม เขาแกล้งตีเนียน ทำท่าดีใจเหมือนไม่รู้มาก่อนว่าอดุลย์มาที่นี่
"อ้าวเฮ้ย อดุลย์ มาได้ยังไงวะ"
"ฉันก็อยากมาดูว่าแกติดใจอะไรที่นี่นักหนา ถึงไม่ยอมกลับไปทำงานทำการซักที"
"ฉันก็มาทำงานที่นี่ไง"
"งานอะไรของแก"
"ฉันเคยบอกแล้วไงว่าฉันจะมาทำรีสอร์ตที่นี่ ฉันก็ต้องมาสำรวจพื้นที่ให้ละเอียดก่อนสิ จะได้ออกแบบรีสอร์ตให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่นี่ได้"
"ไหนๆ แกก็มาแล้ว อยู่ค้างด้วยกันซักคืนนึงนนะ"
อดุลย์ทำหน้าแปลกใจ
"ทำไมทำหน้าอย่างนั้นวะ"
"ตอนแรกฉันนึกว่าแกจะโกรธฉันซะอีกที่ฉันมาที่นี่"
"ฉันจะไปโกรธแกเรื่องอะไร ดีซะอีกที่แกมา แกจะได้เลิกคิดซะทีว่าฉันจับตัวยัยฉัตรชบามาขังไว้ที่นี่ซะที แกคงสำรวจไปทั่วเกาะแล้วใช่มั้ย เจอมั้ยล่ะ"
"ไม่เจอ"
"ก็แน่ล่ะ เพราะว่าฉันไม่ได้จับตัวเค้ามาอย่างที่แกกับคุณจิคิด เลิกมองฉันในแง่ร้ายได้แล้ว"
อดุลย์จ้องหน้า จริงจัง
"แกทำ!"
อัคคีจ้องหน้า ตอบเสียงแข็ง
"ฉันไม่ได้ทำ!"
อัคคีจะเดินหนีขึ้นกระท่อม
อดุลย์พูดโพล่งออกมา
"คุณจิเห็นรูปแกกับคุณฉัตรชบาที่แกส่งไปให้คุณฉัตรชนกแล้ว"
อัคคีชะงักกึก หันหน้ากลับมามองหน้าอดุลย์
"แกอย่าปฏิเสธอีกเลยอัคคี ตอนนี้คุณฉกาจให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่มาช่วยตามหาคุณฉัตรชบาแล้ว พวกเค้ากำลังไล่ล่าแก ถ้าแกไม่หยุดตอนนี้ แกเดือดร้อนหนักแน่"
อัคคียิ้มเยาะ
"ไอ้ฉัตรชนก ไอ้ลูกแหง่เอ๊ย! พอทำอะไรไม่ได้ก็ร้องไห้ให้พ่อช่วย"
อดุลย์มองด้วยสายตาคาดคั้น
"แกจับตัวคุณฉัตรชบาไปไว้ที่ไหนกันแน่ ปล่อยเค้าไปเถอะ เรื่องจะได้จบ"
อัคคีนิ่งไปครู่หนึ่งเหมือนชั่งใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะตัดสินใจบอกความจริง
"ฉันยอมรับก็ได้ว่าฉันจับตัวฉัตรชบามาจริง แต่ตอนนี้เค้าหนีไปแล้ว"
อดุลย์ไม่อยากเชื่อ
"จริงเหรอ?"
"ถ้าแกไม่เชื่อ ฉันจะพาแกไปถามคนงานที่นี่ดูก็ได้"
อัคคีเดินนำอดุลย์ไปทางบ้านพักคนงานท้ายเกาะ
แม้นมาศนั่งลุกลี้ลุกลนกลัวความผิดอยู่หน้าบ้านพัก เข็มเดินออกมาจากด้านใน
"ข้าเอายาแก้ไข้ให้ข้าวปุ้นกินแล้วนะ มันหลับไปแล้วแล้ว"
แม้นมาศไม่สนใจฟังเข็ม นั่งลุกลี้ลุกลนอยู่
เข็มเดินเข้ามาใกล้ๆ แม้นมาศ
"เป็นอะไรอีกล่ะนังแม้น"
"ตาเข็ม แกว่านายจะฆ่าฉันมั้ย"
"ทีอย่างนี้มาทำเป็นกลัว ก่อนทำทำไมไม่รู้จักคิดให้ดีๆ ก่อน"
แม้นมาศหันไปเห็นอัคคีเดินหน้านิ่งนำอดุลย์เข้ามา แม้นมาศยิ่งงกลัว
อัคคีเรียกเสียงเข้มดุ
"แม้นมาศ!"
แม้นมาศกลัวจนหน้าซีด เกาะแขนเข็มแน่นๆ ยืนหลบๆ อยู่หลังเข็ม
"จ๊ะนาย"
อัคคีตะคอกถาม
"เธอเป็นคนวางแผนช่วยพาฉัตรชบาหนีใช่มั้ย!"
แม้นมาศสะดุ้งเฮือก
แม้นมาศยกมือไหว้ ร้องไห้อ้อนวอน
"ฉันขอโทษจ้ะนาย ฉันผิดไปแล้วจ้ะนาย นายอย่าฆ่าแกงฉันเลยนะ ที่ฉันทำไปเพราะอยากตอบแทนบุญคุณนายหญิงที่ช่วยชีวิตข้าวปุ้นไว้น่ะจ้ะ"
อัคคีโกรธ
"แต่ทำแบบนี้เท่ากับหักหลังฉัน ฉันเกลียดที่สุดคือคนทรยศ"
เข็มยกมือไหว้อัคคี
"ยกโทษให้นังแม้นมันซักครั้งเถอะนะนาย มันอยู่กับนายมาตั้งหลายปี ก็เพิ่งจะมีครั้งนี้แหละที่มันทำผิดต่อนาย"
แม้นมาศร้องไห้อ้อนวอน
"ฉันสัญญานะจ๊ะ ว่าต่อไปฉันจะไม่ทำอย่างนี้อีก ฉันจะเชื่อฟังคำสั่งนายทุกอย่าง"
"คนเราถ้าลองได้หักหลังกันครั้งนึงแล้ว ต่อไปจะไว้ใจกันได้ยังไง"
อัคคีเตะ ถีบโต๊ะเก้าอี้แถวนั้นล้มระเนระนาด
แม้นมาศกับเข็มกลัวอัคคีจนหัวหด
แม้นมาศร้องไห้
"ฉันไม่กล้าทำอีกแล้วจ้ะนาย ไม่กล้าแล้วจริงๆ"
อดุลย์มองเห็นใจแม้นมาศกับเข็ม
"พอเถอะอัคคี ต่อให้แกฆ่าคนงานตายก็ไม่มีประโยชน์อะไร"
อัคคีบอกแม้นมาศ
"ครั้งนี้ถือว่าเป็นความผิดครั้งแรก ฉันจะยกโทษให้ แต่ถ้ามีครั้งต่อไป ฉันไม่เอาไว้แน่"
แม้นมาศกับเข็มยกมือไหว้อัคคีพร้อมกัน
"ขอบคุณมากจ้ะนาย / ขอบคุณครับนาย"
อดุลย์พูดกับอัคคี
"คุณฉัตรชบาหนีออกไปจากที่นี่ได้ก็ดีเหมือนกัน เรื่องมันจะได้จบซักที แล้วถ้าคุณฉัตรชบาจะแจ้งตำรวจมาจับแก แกก็ต้องยอมรับผลจากการกระทำที่สิ้นคิดของตัวเองด้วยนะ"
อัคคีแค่นยิ้ม สีหน้าไม่สะทกสะท้านใดๆ
บริษัทฉัตรชนก ตอนกลางคืน
ในห้องทำงาน ฉัตรชนกนั่งทำงานอยู่ ดูเคร่งเครียดกับงานมาก
จิดาภายกถาดอาหารเข้ามาวางที่โต๊ะรับแขกในห้อง
ฉัตรชนกเงยหน้ามามองอย่างแปลกใจ
"อ้าวคุณจิ ผมนึกว่าคุณกลับไปแล้วซะอีก"
"เจ้านายยังไม่กลับ แล้วจะให้เลขากลับได้ยังไงล่ะคะ สองทุ่มแล้วมาทานข้าวก่อนเถอะค่ะ"
ฉัตรชนกทิ้งหลังพิงพนักเก้าอี้แบบเหนื่อยๆ
"ผมยังเคลียร์งานไม่เสร็จเลย คุณเกษณีย์มาช่วยงานก็คิดว่าจะแบ่งเบาภาระได้บ้าง แต่กลับยิ่งวุ่นกว่าเดิม ผมต้องมานั่งแก้งานให้เค้าเยอะแยะไปหมด"
จิดาภาเดินมายืนใกล้ๆ
"เรื่องงานพักไว้ก่อนเถอะค่ะ ช่วงนี้คุณทานข้าวไม่ค่อยตรงเวลาเลยนะคะ เดี๋ยวโรคกระเพาะก็ได้ถามหากันพอดี"
ฉัตรชนกยิ้มเศร้าๆ คิดถึงวรรณิศา
"คุณจิพูดแบบนี้ ทำให้ผมอดคิดถึงศาไม่ได้ เมื่อก่อนศาก็ชอบบ่นผมแบบนี้เหมือนกัน"
"ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องลุกขึ้นไปทานข้าวก่อนนะคะ"
ฉัตรชนกลุกขึ้นเดินไปโต๊ะรับแขกที่ตั้งสำรับอาหาร จิดาภาตามไป
"ทานเยอะๆ นะคะ ช่วงนี้คุณดูซูบไปเยอะเลยรู้ตัวมั้ยคะ"
ฉัตรชนกทำหน้าเหนื่อยๆ แล้วพูดระบายออกมา
"ช่วงนี้ผมมีแต่เรื่องเครียดๆ ทั้งเรื่องงาน เรื่องของชบา หรือแม้แต่เรื่องคดีของศา ที่ผมช่วยอะไรไม่ได้เลย"
จิดาภาแตะหลังมือปลอบใจ
"คุณทำดีที่สุดแล้วนะคะ อย่าคิดมากเลยค่ะ เรื่องของคุณฉัตรชบา เพื่อนของคุณพ่อคุณก็กำลังช่วยตามหาอยู่ ส่วนเรื่องของคุณศา ถ้าคุณไม่สบายใจ พรุ่งนี้เราไปทำบุญให้คุณศากันมั้ยคะ ฉันจะไปเป็นเพื่อนคุณเอง"
ฉัตรชนกพยักหน้ารับ สีหน้าเศร้าๆ
"ก็ดีครับ"
"งั้นก็ทานข้าวก่อนนะคะ"
"แล้วคุณทานหรือยัง"
"ฉันไดเอทค่ะ ไม่ทานมื้อเย็น คุณทานเถอะค่ะ"
ฉัตรชนกกินข้าวไปเงียบๆ สีหน้าเศร้าๆ
ห้องนอนในกระท่อม
อัคคีนอนอยู่ที่เตียงของตัวเอง อดุลย์นอนหลับอยู่บนที่นอนตรงที่ฉัตรชบาเคยนอน
อัคคีเห็นว่าอดุลย์นอนหลับสนิทอยู่ก็ค่อยๆ ย่องลงจากเตียง แล้วเดินไปที่ประตูห้องนอน
อดุลย์พลิกตัว พร้อมละเมอเรียกชื่ออัคคีเสียงดัง
"อัคคี!" อดุลย์เรียกแล้วก็หลับต่อ
อัคคีชะงักกึก หันมามองอดุลย์ เห็นว่าอดุลย์ยังหลับอยู่ ก็ย่องออกจากห้องไปเงียบๆ
อัคคีเดินมาที่เรือที่จออยู่ แล้วเปิดผ้าใบคลุมของออก ฉัตรชบาถูกจับมัดมือมัดเท้า มัดปากแล้วจับนอนราบอยู่ในเรือ สภาพฉัตรชบาดูอิดโรยมาก
อัคคียิ้มเยาะใส่หน้าฉัตรชบา
"ผมเคยบอกแล้วใช่มั้ย ว่าคุณไม่มีทางหนีผมพ้นหรอก"
ฉัตรชบาจิกตามองอัคคี แววตาทั้งโกรธทั้งเจ็บใจ
ย้อนหลังกลับไปที่ชุมชนท่าเรือ ฉัตรชบาวิ่งหนีอัคคีมาจนถึงหัวมุมถนน คิดว่าหนีรอดแน่ ทันใดนั้น อัคคีก็โผล่ออกมาตรงหน้าฉัตรชบา
ฉัตรชบาตกใจ "นาย!"
ฉัตรชบากลับหลังหัน จะวิ่งหนี แต่อัคคีก็คว้าตัวฉัตรชบาไว้ได้ทันที
อัคคีลากฉัตรชบากลับมาขึ้นเรือที่จอดอยู่ที่ท่าเรือ
ฉัตรชบาดิ้นไปมาพร้อมโวยวาย
"ปล่อยฉันนะนายอัคคี ปล่อย!"
ชาวบ้านที่เดินไปเดินมาแถวนั้นต่างหันมามอง
"ไม่มีอะไรครับ เมียผมมันจะหนีไปอยู่กับชู้ ผมเลยมาตามกลับ"
"ไม่.." ฉัตรชบาพูดยังพูดไม่จบ
อัคคีพูดขัดขึ้น
"ถ้าคุณพูดว่าไม่ใช่เมียผม ผมจะจับคุณจูบโชว์ชาวบ้านตรงนี้เลย"
ฉัตรชบาหุบปากทันที เพราะรู้ว่าอัคคีพูดจริงทำจริงเสมอ
อัคคีลากฉัตรชบาไปลงเรือ ฉัตรชบาขัดขืนไปตลอดทางแต่ก็สู้แรงอัคคีไม่ได้
อ่านต่อหน้า 4
เกมพยาบาท ตอนที่ 8 (ต่อ)
อัคคีขับเรืออยู่ ฉัตรชบาโวยวายไม่หยุด เข้าทุบตีอัคคีบ้าง เอาของต่างๆ ปาใส่บ้าง
อัคคีหันมาด่า
"เฮ้ย! เจ็บนะ!"
"ที่ทำเพราะอยากให้เจ็บ ถ้าไม่เจ็บก็คงไม่ทำ"
ฉัตรชบาหันไปหยิบกระป๋องปาใส่ ถูกหัวอัคคีพอดี
"ทนไม่ไหวแล้วโว๊ย!"
อัคคีจอดเรือกลางทะเล แล้วเดินเข้ามาจับตัวฉัตรชบามัดมือมัดเท้า เธอดิ้นรนขัดขืนสุดฤทธิ์ แต่สุดท้ายก็สู้ไม่ไหว ถูกอัคคีจัดมัดมือมัดเท้า แล้วจับนอนราบกับพื้นเรือ
ฉัตรชบาดิ้นๆ
"แก้มัดฉันเดี๋ยวนี้นะ"
อัคคีจับฉัตรชบาอุ้มขึ้นมา แล้วทำท่าเหมือนจะโยนลงทะเล
"ฤทธิ์มากนักก็ลงไปนอนเล่นที่ก้นทะเลซักหน่อยดีมั้ย"
ฉัตรชบากลัว "อย่านะ"
อัคคีทำท่าจะโยนฉัตรชบาลงทะเล เธอกรี๊ดสนั่น
" แอร๊ย...อย่านะ"
"ถ้ายังไม่อยากตายก็หัดอยู่เงียบๆ ซะบ้างสิ"
อัคคีวางกระแทกฉัตรชบาลงบนพื้นเรือแรงๆ
ฉัตรชบาโวยวายอีก
"โอ๊ย! เบาๆ ไม่เป็นหรือไง คนนะ ไม่ใช่กระสอบข้าวสารจะได้มาโยนโครมๆ อย่างนี้"
อัคคีทำทำรำคาญเสียงฉัตรชบา หันไปเห็นเศษผ้า เลยหยิบมามัดปากฉัตรชบาไว้
"ปิดปากไว้จะได้ไม่ต้องพูดมาก"
ฉัตรชบาส่งเสียงด่าอู้อี้พร้อมส่งสายตาอาฆาตให้อัคคี
อัคคีหยิบผ้าใบคลุมของมาปิดตัวฉัตรชบาไว้ทั้งตัว
อัคคีขับเรือกลับเข้าเกาะ
อัคคียิ้มเยาะใส่หน้า แล้วแบกฉัตรชบาขึ้นบ่า พาเดินไปทางท้ายเกาะ ฉัตรชบาดิ้นไปมาพร้อมส่งเสียงอู้อี้
ฉัตรชบาพูดอู้อี้ฟังไม่รู้เรื่อง
"จะพาฉันไปไหนอีก ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยๆ"
ฉัตรชบาดิ้นไม่หยุด อัคคีฟาดก้นฉัตรชบาไปแรงๆ ที่นึง
"อยู่นิ่งๆ"
ฉัตรชบาไม่ยอมอยู่นิ่ง ดิ้นไปมาไม่หยุด อัคคีก็แบกฉัตรชบาเดินไปทางท้ายเกาะไม่หยุดเหมือนกัน
อัคคีแบกฉัตรชบามาโยนโครมลงที่ระเบียงบ้านพักของเข็มกับแม้นมาศ ฉัตรชบาเจ็บแต่ถูกมัดปากไว้ พูดอะไรไม่ได้ ได้แต่ทำหน้าเจ็บๆ ปนโกรธอัคคีไป
แม้นมาศกับเข็มเปิดประตูบ้านออกมา สีหน้าแตกกตื่นตกใจ
"เสียงอะไรโครมคราม"เข็มว่า
"แผ่นดินไหว หรือสึนามิมาหรือเปล่าตาเข็ม"
"ฉันเอง"
เข็มกับแม้นมาศหันขวับไปมองอัคคี
"นาย!"
"นายมาที่นี่ดึกๆ ดื่นๆ มีอะไรหรือเปล่าครับ"
"ฉันเอาของมาฝากไว้หน่อย" อัคคีบอก
แม้นมาศกับเข็มแปลกใจ
"ของอะไรเหรอครับนาย"
อัคคีมองไปที่ฉัตรชบาที่นอนอยู่ที่พื้น เข็มกับแม้นมาศมองตาม แล้วทั้งคู่ก็อุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจ
เข็ม/แม้นมาศโพล่ง "นายหญิง!"
"นายหญิงหนีไปแล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะ แล้วทำไมถึงมาอยู่กับนายอัคคีได้" แม้นมาศถาม
"ฉันตามจับกลับมาได้ตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว"
"อ้าว...แล้วที่นายด่าผมกับนังแม้นซะยกใหญ่เมื่อตอนเย็นนั่นล่ะครับ" เข็มว่า
"ฉันด่าเพราะแม้นทำผิดที่พาชบาหนี แล้วที่ฉันไม่บอกว่าฉันจับตัวชบากลับมาได้ก็เพราะไม่อยากให้อดุลย์รู้เรื่องนี้ เพราะฉะนั้น แกสองคนห้ามพูดเรื่องชบาให้อดุลย์รู้เด็ดขาด เข้าใจมั้ย"
เข็มกับแม้นมาศตอบรับพร้อมกัน
"ครับนาย / จ้ะนาย"
"ฉันฝากฉัตรชบาไว้ที่นี่จนกว่าอดุลย์จะกลับ มัดไว้อย่างนี้ล่ะนะ ไม่ต้องแก้มัด" อัคคีสั่งเสียงดุ "เฝ้าไว้ให้ดี แล้วก็อย่าได้คิดพากันหนีอีก รอบนี้ฉันเอาตายแน่"
แม้นมาศรีบบอก
"ฉันไม่กล้าแล้วจ้ะนาย"
อัคคีหางตามองฉัตรชบานิดหนึ่ง แล้วเดินออกไป
"เข้าไปนอนข้างในนะจ๊ะนายหญิง ตรงนี้ยุงเยอะ"
แม้นมาศกับเข็มช่วยกันยกฉัตรชบาเข้าไปข้างในห้อง
ฉัตรชบารู้สึกอนาถใจกับสภาพของตัวเองเหลือเกิน แต่ก็หมดแรงจะขัดขืน ได้แต่ปล่อยให้เข็มกับแม้นมาศช่วยกันยกตนเข้าไปข้างใน
วันใหม่ ... กรุงเทพฯ
ฉัตรชนกกับจิดาภาประคองถังสังฆทานถวายพระด้วยกัน พระรับถังเสร็จแล้วก็สวดบทกรวดน้ำ ฉัตรชนกกับจิดาภากรวดน้ำร่วมกัน
ต่อมา ... ฉัตรชนกกับจิดาภากำลังช่วยกันปล่อยปลาอยู่
ฉัตรชนกมองปลาที่ว่ายน้ำออกไป สีหน้าสบายใจขึ้น
"ได้ทำบุญให้คุณศาแล้ว สบายใจขึ้นบ้างมั้ยคะ"
"รู้สึกดีขึ้นมากเลยครับ ขอบคุณคุณจิมากนะครับที่มาเป็นเพื่อนผม วันหยุดทั้งที แทนที่คุณจะได้พักผ่อน กลับต้องมาลำบากกับผม"
"ไม่ได้ลำบากอะไรเลยค่ะ ดีซะอีก ฉันได้ถือโอกาสมาทำบุญด้วย"
จิดาภาลุกขึ้น แต่เกิดเสียหลักจะล้ม ฉัตรชนกคว้าตัวจิดาภาไว้ได้ทันก่อนจะตกน้ำ แรงกระชากของฉัตรชนกทำให้จิดาภาตกอยู่ในอ้อมกอดของฉัตรชนกโดยไม่ตั้งใจ ทั้งคู่มองสบตากันแล้วนิ่งกันไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จิดาภาจะเป็นฝ่ายได้สติก่อน
"ฉันนี่ซุ่มซ่ามจริง" จิดาภาดันตัวออก
ฉัตรชนกยิ้มเก้อๆ ปั้นหน้าไม่ถูก
"คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ"
"ฉันไม่เป็นไรค่ะ"
จิดาภาเองก็ปั้นหน้าไม่ค่อยถูก เลยเดินหนีออกไปก่อน ฉัตรชนกเดินตามไป ทั้งคู่เริ่มรู้สึกดีต่อกัน ยังไม่รู้ตัว
อัคคีมาส่งอดุลย์ที่ท่าเรือ เข็มประจำที่อยู่ในเรือ รอขับเรือออกไปส่งอดุลย์ในเมือง
"แกจะไม่กลับไปพร้อมฉันจริงๆ เหรอ"
"ฉันยังไม่อยากกลับ"
"กลับไปเยี่ยมคุณจิซักนิดก็ยังดีนะอัคคี คุณจิเป็นห่วงแกมากนะ"
"ฉันก็เป็นห่วงคุณจิเหมือนกัน แต่ฉันยังกลับตอนนี้ไม่ได้จริงๆ"
"ทำไมยังกลับไม่ได้วะ ฉันไม่เห็นว่าที่นี่มันจะมีอะไรให้แกทำเลย"
"เรื่องของฉันเถอะ แกรีบกลับไปเลยไป"
อัคคีดันตัวอดุลย์ไปขึ้นเรือ
"เออๆ กลับก็ได้"
อดุลย์เดินลงเรือ เข็มขับเรือออกไป อัคคียิ้มแย้มโบกมือลาอดุลย์
อัคคีขำๆฃ
"ไปแล้วไม่ต้องกลับมาที่นี่อีกนะโว๊ย"
อดุลย์โบกมือตอบ สีหน้าแอบติดใจสงสัยอะไรบางอย่าง
อัคคีเดินกลับเข้าไปในเกาะ สีหน้ายิ้มแย้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที
ข้าวปุ้นนั่งมองฉัตรชบาที่ถูกจับมัดอยู่ด้วยความสงสัย
"ทำไมพี่ถึงถูกจับมัดไว้อย่างนี้ล่ะครับ"
ฉัตรชบาถูกมัดปากอยู่ พูดอู้อี้
"ข้าวปุ้นแก้มัดให้พี่หน่อยสิ ช่วยพี่หน่อยนะ เร็วๆๆ"
ฉัตรชบาพยายามขยับตัวเข้าหา ข้าวปุ้นกำลังจะแก้มัดผ้าที่ปากให้ฉัตรชบา แต่แม้นมาศเข้ามาห้าม
"ข้าวปุ้น อย่ายุ่งกับนายหญิง"
"ทำไมล่ะจ๊ะป้า พี่ชบาถูกจับมัดไว้อย่างนี้น่าสงสารออก"
"ไม่ใช่เรื่องของเด็ก ออกไปเล่นข้างนอกไป"
ข้าวปุ้นมองฉัตรชบา ท่าทางลังเลอยากช่วย
แม้นมาศเสียงดุ
"ออกไปสิข้าวปุ้น"
"จ้ะป้า"
ข้าวปุ้นเดินออกไปเล่นข้างนอก
ฉัตรชบาพยายามพูดขอความช่วยเหลือจากแม้นมาศ เสียงอู้อี้
" แม้นมาศช่วยฉันด้วย ช่วยแก้มัดให้ฉันหน่อย" ฉัตรชบายื่นมือ ยื่นเท้าให้
"ฉันขอโทษนะจ๊ะนายหญิงที่ช่วยอะไรนายหญิงไม่ได้อีกแล้ว ฉันตอบแทนบุญคุณนายหญิงไปแล้วครั้งนึง แต่นายหญิงหนีไม่รอดเอง อย่าหาว่าฉันใจดำเลยนะ"
อัคคีเดินเข้ามา
"เลิกคิดที่จะหลอกคนของผมให้ช่วยซะทีเถอะ ... ออกไปก่อนไป"
"จ้ะนาย"
แม้นมาศเดินออกจากห้องไป แต่ไม่ไปไหนไกล แอบส่องอยู่หน้าประตู
อัคคีกระชากผ้าปิดปากฉัตรชบาออก แกะเชือกที่มัดมือมัดเท้าฉัตรชบาออกด้วย
"นายจะขังฉันไว้ที่นี่อีกนานแค่ไหนห๊ะ!"
อัคคีกวนประสาท
"จนกว่าจะพอใจ"
"แล้วแค่ไหนนายถึงจะพอใจ"
"แค่ไหนเหรอ ... ก็อาจจะจนกว่าจะได้เห็นพี่ชายคุณ กับพ่อคุณตายต่อหน้าผมล่ะมั้ง"
ฉัตรชบาชะงักตกใจ
"เกี่ยวอะไรกับคุณพ่อฉันด้วย"
อัคคียื่นหน้าเข้าไปใกล้หน้าฉัตรชบา
"เพราะพ่อคุณโกงพ่อผม ทำให้พ่อผมต้องตายยังไงล่ะ"
ฉัตรชบาตบหน้าอัคคีอย่างแรงจนหน้าหัน แม้นมาศตกใจ ไม่เคยเห็นใครกล้าทำแบบนี้กับอัคคีมาก่อน
"นายมันบ้าชัดๆ"
อัคคีตะคอกใส่
"ก็เพราะพวกคุณนั่นแหละที่ทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้ พ่อคุณฆ่าพ่อผม พี่ชายคุณก็ฆ่าน้องสาวผม"
"ไม่จริง! คุณพ่อกับพี่ฉัตรไม่ได้ทำอย่างที่นายพูด นายคิดเองเออเองทุกอย่าง เพราะไฟแค้นที่สุมอยู่ในหัวใจของนาย ทำให้จิตใจนายมืดบอด มองไม่เห็นความจริง"
อัคคีจับตัวฉัตรชบาเขย่าๆ
"ไม่ต้องมาสั่งสอนผม"
ฉัตรชบาตบหน้าอัคคีอย่างแรง
อัคคีโกรธ
"คุณตบหน้าผมสองครั้งแล้วนะ"
"ฉันช่วยตบเรียกสติให้นายยังไงล่ะ เผื่อนายจะมีสติแล้วมองเห็นความจริงขึ้นมาบ้าง"
อัคคีจ้องหน้าฉัตรชบา แววตาโกรธจัด แล้วกระชากตัวฉัตรชบาเข้ามาจูบสั่งสอนอย่างรุนแรง ฉัตรชบาดิ้น อัคคีจับหน้าฉัตรชบาล็อคไว้ไม่ให้หันหนี อัคคีปล่อยตัวฉัตรชบา ฉัตรชบาตบอัคคีด้วยความโกรธอีกที
ฉัตรชบาร้องไห้ "ไอ้ชั่ว!!! รังแกผู้หญิง"
อัคคีโกรธกระชกตัวฉัตรชบาเข้ามาจูบสั่งสอนอย่างรุนแรงอีก
แม้นมาศ ตกตะลึกกับภาพที่เห็น พูดเบาๆ
"คู่นี้ชักจะยังไงๆ ซะแล้วสิ ตกลงจะเกลียดกันหรือจะยังไงกันแน่เนี่ย"
ฉัตรชบาผลักอัคคีออก แล้ววิ่งร้องไห้ผ่านหน้าแม้นมาศออกไป
อัคคียืนอึ้ง งงตัวเองว่าทำไมถึงทำแบบนั้นกับฉัตรชบา และลึกๆ ก็รู้สึกผิดด้วยที่ข่มเหงผู้หญิงแบบนี้
ตอนเย็น ... หน้าคอนโดฯของจิดาภา
รถของฉัตรชนกแล่นเข้ามาจอดส่งจิดาภา
"ขอบคุณมากนะครับสำหรับวันนี้ ผมสบายใจขึ้นมากเลย"
จิดาภายิ้มแย้ม
"ฉันเห็นคุณสบายใจขึ้นฉันก็ดีใจค่ะ ฉันไปนะคะ"
จิดาภาลงจากรถ ฉัตรชนกขับรถออกไป
จิดาภาจะเดินเข้าตึก อดุลย์ก็เดินเข้ามาหาพอดี
"กลับมาแล้วเหรอคะคุณอดุลย์ เป็นไงคะ เจออัคคีมั้ยคะ"
"เจอครับ"
ฉัตรชนกมองกระจกข้างรถ ก็เห็นว่าจิดาภายืนคุยอยู่กับอดุลย์อยู่ ฉัตรชนกคุ้นหน้าอดุลย์
แล้วฉัตรชนกก็นึกถึงอดีต ... ที่งานศพ วรรณวิศา
อดุลย์เข้าไปดึงตัวอัคคีออก
"พอแล้วอัคคี"
อัคคีไม่ยังยอมปล่อยมือจากคอเสื้อฉัตรชนก
ฉัตรชนกเสียใจ
"ศาตาย ไม่ใช่แต่คุณคนเดียวที่เสียใจ ผมเองก็เสียใจไม่น้อยกว่าคุณเหมือนกัน"
อัคคีต่อยหน้าฉัตรชนก
"เสียใจเหรอ!!! มึงกล้าพูดว่าเสียใจเหรอ"
ฉัตรชนกเซถอยหลังไปนิดหนึ่ง
อัคคีจะตามไปซ้ำฉัตรชนก แต่ถูกอดุลย์จับตัวล็อคไว้ อดุลย์พยายามจะลากอัคคีเข้าไปข้างใน อัคคีฝืนตัวไว้
"หยุดบ้าได้แล้วอัคคี"
ภายในรถ ฉัตรชนกสงสัยว่าจิดาภารู้จักกับอดุลย์ได้ยังไง เขาเก็บความสงสัยไว้ในใจ แล้วขับรถออกไป
จิดาภากับอดุลย์คุยกันต่อ
"แล้วเจอคุณฉัตรชบาหรือเปล่าคะ"
"ไม่เจอครับ เมื่อวานนี้ตอนที่ผมไปถึง เธอก็หนีออกจากเกาะมาได้พอดี"
จิดาภาแปลกใจ
"ถ้าคุณฉัตรชบาหนีออกจากเกาะมาตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้ก็น่าจะกลับถึงกรุงเทพฯ แล้วสิคะ แต่นี่เธอยังไม่ได้กลับบ้านเลย ฉันว่าคุณโดนอัคคีหลอกแล้วล่ะค่ะ"
อดุลย์คิดๆ แล้วก็เห็นด้วยกับจิดาภา
"โธ่เอ๊ย! ผมเป็นเพื่อนกับอัคคีมาตั้งนาน ไม่น่าเสียรู้มันง่ายๆ อย่างนี้เลย เดี๋ยวจะเข้าไปที่เกาะนั่นอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมจะไม่ให้มันไหวตัวทันเลย"
อดุลย์บอกอย่างมุ่งมั่นตั้งใจจริง
อ่านต่อตอนที่ 9