xs
xsm
sm
md
lg

เกมพยาบาท ตอนที่ 6

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เกมพยาบาท ตอนที่ 6

ฉัตรชบาเดินออกมาจากด้านในกระท่อม แม้นมาศร้องเพลงลูกทุ่งพร้อมยกถาดข้าวต้มกุ้งเดินสวนเข้ามาพอดี

"อารมณ์ดีแต่เช้าเลยนะแม้นมาศ"
"ต้องซ้อมลูกคอไว้ก่อนจ้ะ เผื่อจะได้เป็นนักร้องกะเค้ามั่ง แล้วนี่ข้อเท้านายหญิงหายดีแล้วเหรอจ๊ะถึงได้ออกมาเดินได้"
"ดีขึ้นแล้วล่ะ"
ฉัตรชบามองถาดอาหารในมือแม้นมาศ
"เอาข้าวมาให้นายอัคคีเหรอ"
"ใช่จ้ะ นายเป็นยังไงบ้างจ๊ะ"
"ไข้ขึ้น"
แม้นมาศตกใจมาก
"ตายแล้ว!"
"ยังไม่ตาย! ยังปากดีได้เหมือนเดิม ไม่ตายง่ายๆ หรอก"
"ถ้างั้นฉันรีบเอาข้าวไปให้นายกินก่อนดีกว่า แล้วจะได้หาหยูกหายาให้กินด้วย"
แม้นมาศจะยกถาดอาหารเข้าไปในกระท่อม
ฉัตรชบาฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ รีบดึงถาดอาหารมาจากมือแม้นมาศ
"เดี๋ยวฉันเอาเข้าไปให้เค้าเอง แม้นมาศมีอะไรก็ไปทำเถอะ"
แม้นมาศยิ้มๆ
"มีนายหญิงคอยดูแลอย่างนี้ นายอัคคีต้องหายเร็วแน่ๆ"
"ฉันจะดูแลเค้าให้ถึงใจเลย"
ฉัตรชบายิ้มร้ายแบบมีแผนการในใจแล้วถือถาดอาหารเดินเข้าไปในกระท่อม แม้นมาศเดินกลับออกไป

ฉัตรชบายกถาดข้าวต้มมาวางโครมที่โต๊ะหัวเตียงที่อัคคีนอนอยู่ อัคคีท่าทางเพลียเพราะพิษไข้ และปวดแผล
ฉัตรชบาเสียงห้วน
"ลุกขึ้นมากินข้าว"
ฉัตรชบากระชากตัวอัคคีให้ลุกขึ้น
"เบาๆ ไม่เป็นหรือไง"
"ฉันก็ทำกับนายเหมือนที่นายเคยทำกับฉันไง"
อัคคียิ้มเยาะ
"เอาคืนว่างั้น?"
ฉัตรชบาลองเอานิ้วจิ้มที่ข้าวต้มดูว่าร้อนหรือไม่ แล้วก็สะบัดมือแบบร้อนๆ
ฉัตรชบายิ้มร้าย "อูย...ยังร้อนอยู่เลย"
ฉัตรชบาหยิบชามข้าวต้มมาถือไว้ ยิ้มร้าย
"ไม่ต้องพูดมาก กินข้าวต้มนี่ซะ กำลังร้อนๆ ควันฉุยเลยเห็นมั้ย"
ฉัตรชบาจะจับชามข้าวต้มกรอกปากเหมือนที่อัคคีเคยทำกับตน อัคคีจับมือฉัตรชบาดันไว้
"ช้อน!"
"ตอนที่นายเอาข้าวต้มให้ฉันกินไม่เห็นต้องใช้ช้อนเลย ทีอย่างนี้จะมาเรียกหาช้อน" ฉัตรชบาจะจับข้าวต้มกรอกปากอัคคีให้ได้ "กินเข้าไป"
อัคคีจับข้อมือฉัตรชบาบิดอย่างแรง แล้วดึงชามข้าวต้มมาถือไว้ ฉัตรชบาเจ็บข้อมือ
"คิดจะเอาคืนผมแต่ทำได้แค่นี้ บอกเลยว่ากระจอกมาก"
อัคคียกชามข้าวต้มซดโฮกๆ รวดเดียวจนหมดชามแบบสบายๆ ฉัตรชบามองอย่างอึ้ง อัคคีโยนชามข้าวต้มลงใกล้ๆ เท้าฉัตรชบาจนเธอสะดุ้งเฮือก ขยับตัวหนีแทบไม่ทัน
"อย่าคิดลองดีกับผมอีก คนอย่างคุณ ไม่มีวันชนะผม"
อัคคีจ้องหน้าฉัตรชบาตาดุ เธอสยองความบ้าของอัคคี

เข็มกับแม้นมาศคุยกันอยู่ที่หน้าบ้านพัก
แม้นมาศถาม
"แกว่านายหญิงกับนายอัคคีเป็นผัวเมียกันจริงๆ หรือเปล่าวะ"
"นอนห้องเดียวกัน เตียงเดียวกันขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่ผัวเมียกันแล้วจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ"
"แต่แกไม่เห็นเหรอว่าในห้องนั้นมีที่นอนอยู่สองชุด แล้วนายหญิงก็คอยแต่จะหนีออกจากเกาะท่าเดียวเลย ข้าว่ามันแปลกๆ อยู่นะ"
"ก็คงจะทะเลาะกันอยู่ล่ะมั้ง ผัวเมียกันก็อย่างนี้แหละ ทะเลาะกันบ้าง ดีกันบ้างเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนแกกับฉันไง"
แม้นมาศทำหน้าเบ้ใส่เข็ม
"ฉันไปตามหาข้าวปุ้นก่อนดีกว่า ไม่รู้ไปเล่นซนที่ไหน เดี๋ยวก็ได้ตกน้ำตกท่ากันพอดี"

แม้นมาศเดินออกไป

ฉัตรชบานั่งคุยกับข้าวปุ้นอยู่ที่ริมชายหาด

"พี่ชื่อชบานะ หนูชื่อข้าวปุ้น เป็นหลานของแม้นมาศกับนายเข็มใช่มั้ย"
"ใช่ครับ"
"ข้าวปุ้นรู้มั้ยว่าที่นี่ที่ไหน"
"ที่นี่ก็ที่ทะเลไง"
ฉัตรชบาสีหน้าห่อเหี่ยวผิดหวัง
"แล้วข้าวปุ้นมาอยู่ที่เกาะอย่างนี้ ไม่ต้องไปโรงเรียนเหรอ"
"ตอนนี้ปิดเทอมอยู่ครับ"
แม้นมาศเดินเข้ามา
"ข้าวปุ้นมันเรียนอยู่ในเมืองจ้ะ นายอัคคีเป็นคนออกค่าเล่าเรียนให้ ตอนนี้ปิดเทอม ฉันก็เลยพามาอยู่ที่นี่ด้วย จะทิ้งไว้ในเมืองก็ไม่มีใครดูแลมัน เพราะฉันกับตาเข็มก็มาอยู่ที่นี่กันหมด"
"แล้วแม้นกับเข็มมาทำอะไรที่เกาะนี่ล่ะ ฉันไม่เห็นว่าที่นี่จะมีอะไรให้ทำเลย"
"ปกติฉันเปิดร้านขายของชำอยู่ในเมือง ส่วนตาเข็มก็ขับเรือรับจ้างอยู่แถวนี้แหละ แต่พอดีช่วงนี้นายอัคคีจะมาทำรีสอร์ตที่เกาะนี่ ก็เลยให้ฉันกับตาเข็มมาช่วยดูแลเกาะให้ แล้วตอนนี้ฉันกับตาเข็มก็มีหน้าที่เฝ้านายหญิงเพิ่มมาอีกหนึ่งหน้าที่ด้วย"
ฉัตรชบาทำหน้าเซ็งๆ
"แม้นมาศกับเข็มคงจะรักนายอัคคีมากสินะ ถึงได้เชื่อฟังคำสั่งเค้าทุกอย่างขนาดนี้"
"นายอัคคีมีบุญคุณกับครอบครัวเรามากจ้ะ หลายปีก่อน ฉันกับตาเข็มเปิดร้านขายวัสดุก่อสร้างอยู่ในเมือง ร้านใหญ่เลยล่ะ แต่โชคร้ายร้านโดนไฟไหม้ ตาเข็มเกือบโดนไฟครอกตายอยู่ในกองไฟ ดีที่ได้นายอัคคีเข้าไปช่วยออกมาได้ ไม่งั้นฉันคงได้เป็นหม้ายไปแล้ว ไฟไหม้คราวนั้นทำเราหมดเนื้อหมดตัวไป แล้วพอดีนายคิดจะทำรีสอร์ตที่นี่ ก็เลยให้ตาเข็มกับฉันมาช่วยดูแลเกาะให้"
ฉัตรชบาทำหน้าเบ้
"ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนอย่างนายอัคคีจะมีน้ำใจขนาดนี้"
"นายอัคคีเป็นคนดีมากจริงๆ นะจ๊ะ บุญคุณของนาย ชาตินี้ฉันกับตาเข็มก็คงชดใช้ไม่หมด"
"พอแล้วๆ ไม่ต้องมายกย่องสรรเสริญเค้าให้ฉันฟัง ฉันไม่อยากฟัง แล้วนี่นายอัคคีจับฉันมาขังไว้ที่ไหนกันแน่เนี่ย"
แม้นมาศแปลกใจ
"ทำไมนายอัคคีต้องขังนายหญิงด้วยล่ะจ๊ะ หรือว่าทะเลาะกัน เพราะตั้งแต่มา ฉันยังไม่เห็นนายกับนายหญิงพูดดีๆ กันซักทีเลย ผัวเมียกันก็อย่างนี้ล่ะจ้ะ เหมือนลิ้นกับฟัน กระทบกระทั่งกันบ้างเป็นธรรมดา"
"ฉันไม่ได้เป็นเมียเค้า ฉันถูกเค้าจับมากักขักเพื่อทรมาน คอยดูนะ ถ้าฉันหนีออกไปจากที่นี่ได้เมื่อไหร่ ฉันจะให้ตำรวจมาลากคอนายอัคคีเข้าคุก ส่วนแม้นมาศกับนายเข็มก็จะพลอยติดร่างแหไปด้วย ในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิด"
แม้นมาศหวั่นๆ เริ่มกลัว
"ตกลงนายหญิงไม่ได้เป็นเมียนายอัคคีจริงๆ เหรอจ๊ะ"
"ก็จริงน่ะสิ คนป่าเถื่อนอย่างนั้น ชาตินี้คงไม่มีผู้หญิงคนไหนยอมเป็นเมียเค้าหรอก"
แม้นมาศเริ่มกลัว
ฉัตรชบาเห็นแม้นมาศเริ่มกลัวก็แอบยิ้มแบบเข้าทาง
"ถ้าแม้นมาศไม่อยากมีความผิดไปด้วย ก็ต้องช่วยให้ฉันหนีไปจากที่นี่ให้ได้"
แม้นมาศมีสีหน้าครุ่นคิดลังเลใจนิดหนึ่งแล้วเปลี่ยนเป็นไม่เชื่อ
"อย่ามาหลอกฉันซะให้ยากเลย ฉันไม่เชื่อหรอก"
"ฉันพูดจริงๆ นะแม้นมาศ ฉันไม่ได้โกหก แม้นมาศลองคิดดูดีๆ สิ ถ้าฉันเป็นเมียนายอัคคีจริง เค้าคงไม่ป่าเถื่อนกับฉันขนาดนี้หรอก"
"นายหญิงกับนายคงจะทะเลาะกันอยู่ล่ะสิ ผัวเมียกันก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นธรรมดาอย่างนี้ล่ะจ้ะฉันเข้าใจ เพราะฉันก็มีผัวเหมือนกัน"
ฉัตรชบาเซ็ง
แม้นมาศพูดกับข้าวปุ้น
"กลับไปเล่นที่บ้านพักไปข้าวปุ้น มาเล่นแถวนี้เดี๋ยวก็ได้ตกน้ำตกท่าอีกหรอก"
"จ้ะป้า"
"ฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะจ๊ะนายหญิง"
ฉัตรชบาพยักหน้าแบบเซ็งๆ
"อือ จะไปทำอะไรก็ไปเถอะ"
แม้นมาศกับข้าวปุ้นเดินออกไป ฉัตรชบานั่งทำหน้าเซ็งๆ ไป

บริษัทฉัตรชนก ตอนกลางวัน
โต๊ะทำงานของจิดาภาที่อยู่หน้าห้องทำงานของฉัตรชนก จิดาภาคุยกับนักสืบอยู่
"ผมมาพบคุณฉัตรชนกครับ"
จิดาภาเปิดดูสมุดนัด
"ไม่ได้นัดไว้นี่คะ"
"ผมมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับคุณฉัตรชนกครับ"
ฉัตรชนกเดินออกมาจากห้องทำงานพอดี
"เค้าเป็นนักสืบที่ผมจ้างให้ช่วยตามหาชบาน่ะครับ ไปคุยกันในห้องดีกว่า" ฉัตรชนกบอก
ฉัตรชนกเดินนำนักสืบเข้าไปในห้องทำงาน
"นักสืบเหรอ"

จิดาภาสีหน้าติดใจสงสัย
 
อ่านต่อหน้า 2

เกมพยาบาท ตอนที่ 6 (ต่อ)

ฉัตรชนกเดินนำนักสืบเข้ามาในห้อง ถามด้วยความร้อนใจ

"ได้เรื่องอะไรบ้างมั้ย"
ฉัตรชนกเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงาน นักสืบเข้ามานั่งที่หน้าโต๊ะทำงานของฉัตรชนก
"เมื่อวานนี้ผมตามไปดูคุณอัคคีที่เชียงใหม่ เค้ายังทำงานอยู่ที่นั่นตามปกตินะครับ"
ฉัตรชนกรีบถาม
"แล้ววันนี้ล่ะ"
นักสืบอึกอักเล็กน้อย
"เอ่อ...วันนี้ผมไม่กล้าตามต่อแล้วครับ"
"เพราะอะไร"
"คุณอัคคีขู่ว่า ถ้าผมตามเค้าต่อ เค้าจะแจ้งตำรวจ ผมขอโทษนะครับ ผมคงทำงานให้คุณฉัตรชนกต่อไม่ได้แล้ว"
ฉัตรชนกเครียด
"แล้วเค้ารู้หรือเปล่าว่าผมเป็นคนจ้างคุณไปตามสืบเรื่องของเค้า"
นักสืบหลบตานิดหนึ่ง
"รู้ครับ ผมต้องขอโทษด้วย แต่ผมจำเป็นต้องพูดจริงๆ ไม่อย่างนั้นเค้าจะจับผมส่งตำรวจ"
"ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ"
จิดาภามาแง้มประตูแอบฟังอยู่หน้าห้อง
"ถ้าคุณฉัตรชนกสงสัยว่าคุณอัคคีเป็นคนจับตัวคุณฉัตรชบาไป คุณก็น่าจะบอกตำรวจไปเลยนะครับ ให้ตำรวจช่วยจัดการน่าจะง่ายกว่า"
จิดาภากังวลใจ กลัวว่าคนร้ายจะเป็นอัคคีจริงๆ
"ถ้าผมแจ้งตำรวจได้ ผมคงไม่ต้องจ้างคุณหรอก แต่ถ้าคุณไม่สะดวกใจที่จะทำงานนี้ต่อก็ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ"
"ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ"
ฉัตรชนกพยักหน้ารับ นักสืบลุกขึ้น จิดาภารีบปิดประตูอย่างเบามือที่สุด แล้วหลบออกไป นักสืบเปิดประตูเดินออกจากห้องไป ฉัตรชนกทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ ท่าทางเครียดจัด เป็นห่วงน้องสาว

จิดาภารีบวิ่งกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน แล้วแกล้งทำเป็นดูเอกสาร แต่สายตาชำเลืองมองนักสืบตลอดเวลา จนนักสืบเดินผ่านหน้าโต๊ะทำงานของเธอออกไป
"หรือว่าอัคคีจะทำจริงๆ"
จิดาภาครุ่นคิดสงสัย

ฉัตรชนกนั่งสีหน้าเคร่งเครียดอยู่ที่โต๊ะทำงาน จิดาภาเดินเข้ามา
"ยังไม่ได้ข่าวคุณฉัตรชบาเหรอคะ"
"ยังเลยครับ นี่นักสืบก็มาถอนตัวจากงานี้อีก เพราะกลัวคำขู่ของนายอัคคี"
จิดาภาหลอกถาม
"เกี่ยวอะไรกับคุณอัคคีคะ หรือว่าเค้าเป็นคนจับตัวคุณฉัตรชบาไปคะ"
"ตอนแรกผมก็คิดว่าเป็นเค้าเลยให้นักสืบไปตามดู แต่นักสืบบอกว่านายอัคคียังทำงานอยู่ที่เชียงใหม่ตามปกติ"
จิดาภาแอบมีสีหน้าโล่งอก
"ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าไม่ใช่เค้า"
ฉัตรชนกติดใจสงสัย
"แต่ผมกับชบาก็ไม่มีศัตรูที่ไหน นอกจากนายอัคคีคนเดียว"
จิดาภาถามหยั่งเชิง
"แล้วถ้าคนร้ายคือคุณอัคคีจริงๆ คุณจะทำยังไงกับเค้าคะ"
"ถ้าเค้าทำร้ายชบา ผมก็จะไม่ปล่อยเค้าไว้เหมือนกัน"
ฉัตรชนกบอกอย่างไม่ยอมเหมือนกัน
จิดาภาชักหวั่นใจกลัวว่าคนร้ายที่จับฉัตรชบาไปจะเป็นอัคคีจริงๆ

จิดาภาเดินเข้ามาที่มุมลับตามุมหนึ่ง แล้วกดโทรศัพท์มือถือ โทร.ออก
... "หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้"...
จิดาภากดโทรศัพท์มือถือโทร.ออกอีกครั้ง
"คุณอดุลย์คะ อัคคีอยู่กับคุณหรือเปล่าคะ ฉันติดต่อเค้าไม่ได้อีกแล้ว โทร.ไปก็ปิดเครื่อง"
อดุลย์คุยโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงานที่เชียงใหม่
"อัคคีมาเชียงใหม่เมื่อวานนี้ครับ แต่อยู่แค่แป๊บเดียว แล้วก็รีบร้อนกลับไป ... ตกลงมันไม่ได้กลับไปกรุงเทพเหรอครับ"
"เปล่าค่ะ"
"หายไปไหนของมัน ผมว่าอัคคีชักจะทำตัวน่าสงสัยขึ้นทุกวันๆ แล้วนะครับ"
"ฉันกำลังสงสัยว่า อัคคีอาจจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของคุณฉัตรชบาค่ะ"
"เอาอย่างนี้ดีกว่าครับคุณจิ พรุ่งนี้ผมจะไปทำงานให้อัคคีที่กรุงเทพ เอาไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกทีก็แล้วกันครับ"
"โอเคค่ะ แล้วเจอกันนะคะ"
จิดาภากดวางสาย สีหน้าไม่สบายใจ

จิดาภาโทรศัพท์เสร็จก็เดินกลับมาที่โต๊ะทำงาน เกษณีย์เดินเข้ามาพอดี
เกษณีย์แปลกใจ
"พนักงานใหม่เหรอ ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้า"
"ฉันเป็นเลขาใหม่ของคุณฉัตรชนกค่ะ"
เกษณีย์เชิดใส่จิดาภาทันที ลึกๆ ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่เพราะเห็นว่าจิดาภาหน้าตาดี
เกษณีย์มองเหยียด
"ฉันเป็นภรรยาของคุณฉัตรชนก ถ้าไม่อยากตกงานก็อย่ายุ่งกับเค้าเด็ดขาด"
จิดาภายิ้มอย่างใจเย็น
"ฉันไม่ชอบยุ่งกับคนมีเจ้าของหรอกค่ะ อีกอย่าง ฉันก็มีแฟนแล้ว คุณสบายใจได้ค่ะ"
"อย่าให้ฉันรู้ก็แล้วกันว่าเธอคิดจะยั่วคุณฉัตร ถ้าฉันรู้ ฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่"
เกษณีย์เชิดหน้า เดินเข้าไปในห้องทำงานของฉัตรชนก

จิดาภาส่ายหน้าแบบระอาใจกับพฤติกรรมของเกษณีย์

ฉัตรชนกนั่งทำงานอยู่ เกษณีย์เดินเข้ามา

เกษณีย์ไม่พอใจ
"คุณรับเลขาใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย"
ฉัตรชนกตอบเย็นชา
"ผมจะรับพนักงานใหม่อีกกี่คน ต้องรายงานคุณด้วยเหรอ"
ฉัตรชนกก้มหน้าทำงานต่อ ไม่สนใจ
เกษณีย์ชักสีหน้าไม่พอใจนิดหนึ่ง แล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มเอาใจ เข้ามากอดแขนเอาใจ
"เรื่องพนักงานช่างเถอะค่ะ ที่ฉันมาเนี่ย ฉันจะมาชวนคุณไปทานข้าวกลางวันด้วยกันค่ะ ไปนะคะฉัตร"
"ผมไม่ว่าง"
"อะไรกันคะ ทำงานก็ต้องมีเวลาพักทานข้าวบ้างสิคะ"
ฉัตรชนกพูดพร้อมเก็บเอกสารบนโต๊ะไปด้วย
"ผมต้องรีบออกไปพบลูกค้าข้างนอก วันนี้คุณทานข้าวคนเดียวไปก่อนก็แล้วกันนะ"
ฉัตรชนกถือแฟ้มเอกสารเดินออกจากห้องไปหน้าตาเฉย
"คุณฉัตร! คุณจะทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ"
เกษณีย์เดินเร็วๆ ตามฉัตรชนกออกไป

ฉัตรชนกถือแฟ้มเอกสารเดินเร็วๆ ผ่านมาที่หน้าโต๊ะทำงานของจิดาภา...เกษณีย์เดินเร็วๆ ตามมาทางด้านหลัง
จิดาภารีบถาม
"คุณฉัตรชนกจะไปไหนคะ"
ฉัตรชนกหางตามองไปที่เกษณีย์นิดหนึ่งก่อนตอบ
ฉัตรชนกอึกอักเล็กน้อย
"ผมจะออกไปพบลูกค้า"
จิดาภาดูสมุดนัด สีหน้างงๆ
"แต่วันนี้คุณไม่มีนัดที่ไหนนี่คะ"
ฉัตรชนกขยิบตาส่งสัญญาณบอกจิดาภา
"ลูกค้าเพิ่งโทรมานัดกะทันหันเมื่อกี๊นี้เอง"
จิดาภาเห็นเกษณีย์เดินใกล้เข้ามาก็รู้ทันทีว่า ฉัตรชนกต้องการหนีเกษณีย์
จิดาภาอยากแกล้งเกษณีย์
"อ๋อ...ฉันนึกออกแล้วค่ะ ... บอสออกไปพบลูกค้า เลขาอย่างฉันก็ต้องตามไปทำหน้าที่ด้วยสิคะ"
จิดาภาหยิบสมุดจนงานและกระเป๋าถือขึ้นมา จะไปกับฉัตรชนก
เกษณีย์เดินเข้ามาถึงตัว เกาะแขนฉัตรชนก
"ให้ฉันไปด้วยนะคะคุณฉัตร คุณคุยงานกับลูกค้าเสร็จ แล้วเราค่อยไปทานข้าวด้วยกันก็ได้"
ฉัตรชนกแกะมือเกษณีย์ออก
"อย่าเลยครับคุณเกษ ผมไม่รู้ว่าจะคุยงานนานแค่ไหน"
จิดาภาแกล้งทำเป็นดูนาฬิกาข้อมือ แล้วพูดเร่งฉัตรชนก
"ใกล้ถึงเวลานัดแล้ว รีบไปกันเถอะค่ะคุณฉัตรชนก ไปพบลูกค้าสายไม่ดีนะคะ"
จิดาภาทำทีจะรีบเดินออกไป เกษณีย์หมั่นไส้ แอบขัดขา จิดาภาแก้เกมด้วยการแกล้งหกล้มใส่ฉัตรชนก เขารีบประคองรับเอาไว้
ฉัตรชนกท่าทางเป็นห่วงจริงๆ
"คุณจิ! เป็นอะไรหรือเปล่าครับ"
จิดาภายังซบอยู่กับอกฉัตรชนก แอบส่งสายตาเย้ยเกษณีย์ "ไม่เป็นไรค่ะ"
เกษณีย์โกรธ กระชากตัวจิดาภาออก
เกษณีย์ปรี๊ด
"คิดจะอ่อยผัวฉันเหรอ"
เกษณีย์เงื้อมือจะตบจิดาภา ฉัตรชนกจับมือเกษณีย์ไว้ได้ทัน ส่งเสียงปราม
"คุณเกษ!"
"นี่คุณปกป้องมันเหรอ"
"ที่นี่ที่ทำงานของผม จะทำอะไรก็ให้เกียรติผมบ้าง แล้วเมื่อกี๊นี้ผมก็แค่ช่วยประคองคุณจิไว้ไม่ให้ล้ม " ฉัตรชนกมองหน้าอย่างรู้ทัน "เพราะถูกคุณแกล้งขัดขา อย่าคิดว่าผมไม่เห็นนะ"
เกษณีย์เสียหน้า เถียงไม่ออก จิดาภายิ้มเย้ย เกษณีย์เจ็บใจ
"ไปกันเถอะครับคุณจิ"
ฉัตรชนกแตะข้อศอกจิดาภาให้เดินออกไป จิดาภาแอบหันมายิ้มเย้ยเกษณีย์อีกครั้ง
"นังจิดาภา! เห็นทีแกกับฉัน จะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ซะแล้ว"

เกษณีย์เจ็บใจสุดๆ มองตามหลังจิดาภาไปด้วยสายตาอาฆาตแค้น
 
อ่านต่อหน้า 3

เกมพยาบาท ตอนที่ 6 (ต่อ)

เกษณีย์เดินกระฟัดกระเฟียดเข้ามาในห้องโถง บ้านตัวเอง

"อารมณ์เสียอะไรมาอีกล่ะ"
"ก็คุณฉัตรน่ะสิคะ รับเลขามาใหม่ หน้าตาดีเชียวค่ะ"
"อ๋อ...ที่แท้ก็หึงผัว"
"จะไม่ให้หึงได้ยังไงล่ะคะคุณแม่ ในเมื่อคุณฉัตรปกป้องมันออกนอกหน้าขนาดนั้น ถึงขนาดต่อว่าเกษต่อหน้ามันเลยนะคะ ถ้าคุณฉัตรเกิดหลงเสน่ห์มันขึ้นมาจริงๆ จะทำยังไงล่ะคะคุณแม่"
เกสรพูดประชดไปเล่นๆ
"ถ้าหวงผัวมากนัก ก็ไปนั่งเฝ้าไว้สิยะ"
เกษณีย์คล้อยตาม "จริงด้วยค่ะคุณแม่"
"ฉันประชด!"
"แต่เกษจะทำจริงๆ ค่ะ เกษจะขอไปทำงานที่บริษัทคุณฉัตร จะได้คอยกันไม่ให้นังเลขานั่นมันมาอ่อยคุณฉัตรด้วย"
"แกทำงานเป็นด้วยเหรอ"
"คุณแม่อ่ะ"
เกสรคิดๆ แล้วก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
"แกเข้าไปทำงานที่บริษัทคุณฉัตรก็ดีเหมือนกันนะ เผื่อจะมีช่องทางหาเงินมาให้แม่ใช้บ้าง"
"คุณแม่ก็หายใจเข้าหายใจออกมีแต่เรื่องเงินๆๆ"
เกษณีย์ทำหน้าเบื่อๆ

เข็มเดินเข้ามาสำรวจป่า เห็นต้นไม้มีรอยบากเป็นรูปกากบาท จึงมองอย่างสงสัยแล้วเปลี่ยนเป็นเครียด

เข็มรายงานอัคคีสีหน้าเครียด
"ผมเข้าไปสำรวจป่าท้ายเกาะมา เห็นต้นไม้มีรอยบากอยู่หลายต้น คิดว่าน่าจะมีคนลักลอบเข้ามาที่เกาะนะครับนาย"
"มันคงจะทำสัญลักษณ์เอาไว้ แล้วค่อยแอบเข้ามาตัดไม้ทีหลัง"
"ไม่รู้มันเป็นพวกไหนนะครับ"
อัคคีโกรธ
"จะเป็นพวกไหนก็ช่าง แต่ถ้ามันกล้ามาเหยียบจมูกฉันถึงที่นี่ มันไม่ตายดีแน่ ช่วงนี้แกก็คอยระวังเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน ถ้ามีอะไรผิดปกติก็รีบมารายงานฉันทันที"
"ครับนาย"
อัคคีสีหน้าเคร่งเครียด

บ้านฉัตรชนก ตอนหัวค่ำ
ในห้องกินข้าว ฉัตรชนก เกษณีย์ ฉกาจและอำภานั่งกินข้าวอยู่ด้วยกัน
ฉกาจพูดกับฉัตรชนก
"ป่านนี้แล้วตำรวจยังไม่ได้เบาะแสอะไรเกี่ยวกับยัยชบาเลย พ่อจะไม่รออะไรแล้วนะฉัตร พ่อจะลงประกาศตามหาชบา"
"ครับคุณพ่อ ผมจะรีบจัดการให้ครับ"
"รีบจัดการเลยนะฉัตร พ่อเป็นห่วงน้อง ประกาศไปเลยว่าถ้าใครหาตัวชบาเจอ พ่อจะให้เงินรางวัล 5 ล้านบาท"
เกษณีย์ตาโตกับเงินรางวัล
อำภากินข้าวไม่ลง เป็นห่วงฉัตรชบา
"ไม่รู้ป่านนี้ยัยชบาจะเป็นยังไงบ้าง คนร้ายมันต้องการอะไร มันไม่ติดต่อมาบ้างเลยเหรอตาฉัตร"
ฉัตรชนกตอบโกหกไป
"ไม่เลยครับคุณแม่"
"หรือว่าจริงๆ แล้วชบาจะไม่ได้ถูกคนร้ายจับไปคะ ความจริงชบาอาจจะแค่หนีไปเที่ยวที่ไหนซักที่นึงก็ได้ค่ะ"
ฉัตรชนกดุเกษณีย์เสียงแข็ง "ถ้าคุณไม่รู้อะไรก็อย่าพูดดีกว่า"
"แล้วคุณรู้อะไรอย่างนั้นเหรอคะคุณฉัตร"
"ผมรู้ว่าชบาไม่ใช่คนเหลวไหลอย่างที่คุณพูดน่ะสิ ผมขอตัวก่อนะครับคุณพ่อคุณแม่"
ฉัตรชนกลุกออกจากโต๊ะอาหารไปทันที เกษณีย์ชักสีหน้าไม่พอใจ ฉกาจแอบส่ายหน้าเบื่อๆ

ในห้องนอน เวลาต่อมา
ฉัตรชนกยืนคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ริมหน้าต่าง
"ขอโทษนะครับคุณจิที่ผมโทร. มารบกวนตอนนี้"
จิดาภาคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องนอน กำลังจะเข้านอน
"คุณฉัตรมีงานด่วนอะไรหรือเปล่าคะ"
"ผมอยากให้คุณช่วยจัดการเรื่องลงประกาศตามหาชบาให้หน่อย คุณพ่อท่านร้อนใจมาก ผมเลยต้องโทร . มารบกวนคุณตอนนี้"
"ได้ค่ะ แล้วฉันจะรีบจัดการให้นะคะ"
"ขอบคุณมากนะครับคุณจิ"
ฉัตรชนกกดวางสายแล้วหันมาเห็นว่าเกษณีย์ยืนมองอยู่
เกษณีย์ไม่พอใจ
"ดึกขนาดนี้แล้ว คุณยังมีอะไรต้องคุยกับเลขาของคุณอีกเหรอคะ"
"ผมก็แค่โทร. ไปสั่งงาน"
ฉัตรชนกเดินหนีไปที่เตียง จะนอน เกษณีย์ตามไปหาเรื่องต่อ พูดประชด
"คงจะเป็นงานด่วนมากล่ะสิ ถึงได้โทร.หากันดึกดื่นป่านนี้"
"แค่นี้ผมก็มีเรื่องเครียดมากพออยู่แล้ว คุณอย่ามาหาเรื่องทะเลาะกับผมอีกได้มั้ย"
ฉัตรชนกนอนลงที่เตียง สีหน้าเบื่อสุดๆ เกษณีย์ลงไปนอนข้างๆ ฉัตรชนกทำหน้าเย็นชา เกษณีย์ขยับตัวเข้าไปใกล้ฉัตรชนก
"ฉันขอโทษนะคะ ฉันก็แค่หึงคุณมากไปหน่อยแค่นั้นเองค่ะ"
เกษณีย์จะกอด ฉัตรชนกพลิกตัวหันหลังให้เกษณีย์ พร้อมขยับตัวหนี เกษณีย์ไม่ยอมแพ้ขยับตัวตามไปนอนกอดฉัตรชนกเอาไว้จากทางด้านหลัง
 
ฉัตรชนกนอนนิ่ง ท่าทางเย็นชาสุดๆ เธอทั้งโกรธทั้งน้อยใจที่ฉัตรชนกไม่สนใจเธอเลย

บริเวณลานจอดรถหน้าผับของพัฒนะ กลางดึก ผับปิดแล้ว ไม่ค่อยมีคน พัฒนะเดินออกมาจะขึ้นรถ

ทันใดนั้น ลูกน้องเสี่ยเป้าสองคนที่ซุ่มอยู่ก็โผล่ออกมาทำร้าย โดยที่พัฒนะไม่ทันตั้งตัว พัฒนะสู้สุดชีวิต แต่สู้ไม่ได้ โดนซัดหมอบอยู่ข้างรถ
ลูกน้องเสี่ยเป้า1บอก
"เดี๋ยวนี้ไม่เห็นโผล่หน้าไปที่บ่อนเสี่ยเป้าเลยนะคุณพัฒนะ"
ลูกน้องเสี่ยเป้า2 ถาม "เป็นหนี้แล้วคิดจะชิ่งเหรอ"
"คนอย่างกูไม่เคยหนีหนี้ เงินแค่สิบล้านกูมีปัญญาจ่าย แต่ขอเวลานิดนึง"
ลูกน้องเสี่ยเป้า1บอก
"เสี่ยเป้าให้เวลาคุณเดือนนึง ถ้ายังหาเงินมาใช้หนี้ไม่ได้ ตาย!"
ลูกน้องเสี่ยเป้าสองคนเดินออกไป
พัฒนะสีหน้าเครียด กลัวตาย

บริษัทฉัตรชนก เช้าวันใหม่
เกษณีย์เดินควงแขนฉัตรชนกเข้ามาตามทางเดินในบริษัท พนักงานสาวๆ หลายคนเดินสวนไปมา เกษณีย์เชิดใส่พวกพนักงาน ทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของฉัตรชนกเต็มที่
ฉัตรชนกสีหน้าเย็นชา
"คุณแน่ใจนะว่าจะมาช่วยผมทำงานจริงๆ"
"ทำไมคุณถึงถามอย่างนี้ล่ะคะ"
"ผมคิดว่าคุณจะถนัดแต่ช้อปปิ้งซะอีก"
เกษณีย์โกรธ แต่ระงับอารมณ์ไว้ก่อน

ฉัตรชนกพาเกษณีย์เข้ามาในห้องทำงานของฉัตรชบา
"นี่มันห้องทำงานของชบานี่คะ คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม ฉันจะมาช่วยงานคุณก็ต้องไปทำงานที่ห้องคุณสิคะ"
"ผมมีคุณจิดาภาช่วยงานอยู่แล้ว แต่งานในส่วนของชบายังไม่มีคนทำ ระหว่างที่ชบาไม่อยู่ คุณก็ช่วยทำแทนไปพลางๆ ก่อนก็แล้วกัน"
เกษณีย์จะไม่ยอม "คุณฉัตรคะ"
ฉัตรชนกหยิบแฟ้มงานบนโต๊ะทำงานมาเปิดดูนิดหนึ่ง แล้วส่งแฟ้มให้เกษณีย์
"คุณช่วยทำแผนการตลาดสำหรับคอนโดโครงการใหม่ให้ผมหน่อยก็แล้วกัน ผมขอภายในบ่ายนี้นะ"
ฉัตรชนกพูดจบก็เดินออกไป
เกษณีย์วางกระแทกแฟ้มลงบนโต๊ะอย่างแรง
"คุณคิดจะแกล้งฉันเหรอคุณฉัตรชนก"
เกษณีย์โกรธ

ฉัตรชนกนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน จิดาภาเอากาแฟเข้ามาเสิร์ฟ
"กาแฟค่ะ"
ฉัตรชนกรับถ้วยกาแฟไปดื่ม
"ฉันจัดการเรื่องประกาศตามหาคุณฉัตรชบาให้คุณแล้วนะคะ มีทั้งทางหนังสือพิมพ์ และโซเชียลมีเดียต่างๆ ค่ะ"
ฉัตรชนกมีสีหน้ารับทราบ
"ได้ยินพนักงานพูดกันว่าวันนี้คุณเกษณีย์มากับคุณด้วย แล้วเธอไปไหนแล้วล่ะคะ"
"คุณเกษเธออยากมาช่วยงานผม ผมก็เลยให้ไปทำงานของชบาน่ะครับ"
"แต่ฉันว่าคุณเกษณีย์เธอคงอยากมาทำงานกับคุณในห้องนี้มากกว่านะคะ"
ฉัตรชนกพูดยิ้มๆ
"คุณพูดเหมือนไปนั่งอยู่ในใจคุณเกษเลยนะครับเนี่ย"
จิดาภายิ้มๆ "ผู้หญิงด้วยกันดูกันออกค่ะ" แล้วเธอก็หลอกถามอีก "ฉันมีเรื่องนึงที่อดแปลกใจไม่ได้"
"เรื่องอะไรเหรอครับ"
จิดาภาแกล้งทำท่าเหมือนลังเลใจที่จะถา
"ถ้าฉันถามอะไรตรงๆ คุณอย่าโกรธฉันนะคะ"
"ถามมาเถอะครับ ผมไม่โกรธคุณหรอกครับ"
"วันก่อนคุณบอกฉันว่าคนรักของคุณที่กำลังจะแต่งงานกันเพิ่งเสียชีวิต แล้วทำไมคุณถึงได้แต่งงานกับคุณเกษณีย์เร็วนักล่ะคะ"
ฉัตรชนกอึ้งไปนิดหนึ่ง
"ที่ผมต้องแต่งงานกับคุณเกษก็เพราะความจำเป็น"
"ไม่ใช่แต่งเพราะความรักหรอกเหรอคะ"
ฉัตรชนกส่ายหน้าปฏิเสธ
"แล้วคนรักของคุณเสียชีวิตเพราะอะไรคะ"
ฉัตรชนกตาแดงก่ำ ทั้งโกรธทั้งเสียใจ "ศาถูกไอ้พวกเดนมนุษย์ทำร้าย"
จิดาภามองฉัตรชนกแบบพยายามจับพิรุธ แต่ก็ไม่พบพิรุธอะไร
"ฉันขอโทษนะคะ ฉันไม่ควรถามเรื่องนี้ให้คุณสะเทือนใจอีกเลย"
ฉัตรชนกสีหน้าซึมๆ ไม่ตอบอะไร

จิดาภาเห็นอาการของฉัตรชนกแล้วก็ยิ่งมั่นใจว่า ฉัตรชนกไม่ใช่คนที่ทำร้ายวรรณิศาแน่นอน
 
อ่านต่อหน้า 4

เกมพยาบาท ตอนที่ 6 (ต่อ)

เกษณีย์นั่งคิดงานสีหน้าเบื่อๆ เซ็งๆ อยู่ที่โต๊ะทำงาน

"ทำไมฉันต้องมานั่งทำอะไรบ้าๆ พวกนี้ด้วยเนี่ย"
เกษณีย์ปัดแฟ้มบนโต๊ะตกกระจายเต็มพื้น
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น เกษณีย์กดรับสายน้ำเสียงเหวี่ยงเต็มที่
"มีอะไรคุณพัฒนะ"
"ผมต้องการความช่วยเหลือ ออกมาพบผมหน่อยได้มั้ย"
เกษณีย์สีหน้าหงุดหงิดพร้อมเหวี่ยง

ผับของพัฒนะ ตอนกลางวัน เกษณีย์ถามพัฒนะ สีหน้าเหวี่ยง
"มีอะไร ทำไมต้องให้ฉันมาหาถึงที่นี่"
"ผมกำลังเดือดร้อน คุณพอจะมีเงินให้ผมยืมซักสิบล้านมั้ย"
"สิบล้าน! พูดง่ายๆ เหมือนยืมเงินแค่สิบบาทเลยนะคุณ เงินมากขนาดนั้นฉันไม่มีหรอก"
"ถ้างั้นผมขอยืมซักสี่ห้าล้านก่อนก็ได้"
เกษณีย์ตอบปัดไป ไม่อยากช่วย
"สี่ห้าล้านฉันก็ไม่มีอยู่ดี"
เกษณีย์มองหน้าพัฒนะ เห็นว่ามีรอยฟกช้ำดำเขียวเหมือนถูกซ้อมมา
"นี่คุณถูกซ้อมมาด้วยเหรอ? ตกลงคุณเป็นหนี้ใครกันแน่เนี่ย"
พัฒนะรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อย
"คุณช่วยหาเงินให้ผมหน่อยสิ ผมไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้วจริงๆ"
"เรื่องอะไรฉันต้องช่วยคุณ ปัญหาของคุณ คุณก็จัดการเองสิ"
เกษณีย์ลุกขึ้น จะเดินหนี พัฒนะตามมาดึงตัวไว้
"ผัวคุณมันรวยมากนี่ คุณก็ไปอ้อนขอมันมาให้ผมหน่อยสิ"
"ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้นด้วย"
พัฒนะบีบแขนเกษณีย์แน่น พร้อมจ้องหน้าข่มขู่
"ถ้าคุณไม่อยากให้ความลับเรื่องที่คุณจ้างคนไปข่มขืนวรรณิศารู้ถึงหูคุณฉัตรชนก ก็หาทางไปขอเงินมันมาให้ผมให้ได้"
"กล้าขู่ฉันเหรอ"
"ช่วยไม่ได้ ในเมื่อผมพูดกับคุณดีๆ แล้ว แต่คุณไม่ยอมช่วยผมเอง"
พัฒนะยิ้มร้ายอย่างเป็นต่อ

ฉัตรชนกนั่งเปิดคลิปที่ฉัตรชบาถูกทรมานดูอยู่ในห้องทำงาน
"พี่จะต้องหาทางช่วยชบาให้ได้"
ทันใดนั้น ก็มีคนโทรเข้ามาที่มือถือของฉัตรชนก หน้าจอมือถือ ฉัตรชนกเมมชื่อไว้ว่า “คนร้าย”
ฉัตรชนกรีบกดรับสายทันที
"แกจับชบาไปไว้ที่ไหน แล้วแกต้องการอะไรกันแน่"
อัคคีหลบมุมคุยโทรศัพท์อยู่ในมุมลับตามุมหนึ่ง น้ำเสียงเยือกเย็น
"ฉันต้องการแก้แค้นแก แกทำยังไงกับศา ฉันก็จะทำอย่างนั้นกับน้องสาวแก"
"อัคคี! เป็นนายจริงๆ ด้วย"
"เก่งนี่ จำเสียงฉันได้ด้วย" อัคคีเย้ยหยัน
ฉัตรชนกร้อนใจเป็นห่วงฉัตรชบามาก
"นายห้ามทำอะไรชบานะ ชบาไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย แล้วฉันก็ไม่ได้เป็นคนทำร้ายศาอย่างที่นายเข้าใจ"
"ไม่ต้องมาแก้ตัว แกรอดูความเจ็บปวดทรมานของน้องสาวแกให้ดีก็แล้วกัน แล้วแกจะได้รู้ว่าตอนที่ฉันเห็นศาเจ็บ คนเป็นพี่อย่างฉัน เจ็บมากแค่ไหน"
"ฉันจะบอกตำรวจ ว่านายคือคนที่จับชบาไป"
"ถ้าแกบอกตำรวจ ฉันจะปล้ำฉัตรชบาทันที"
"อย่าทำอย่างนั้นนะ!"
"ไปถอนแจ้งความซะ แกจะบอกตำรวจว่ายังไงก็ได้ แต่ตำรวจจะต้องเลิกยุ่งกับเรื่องนี้ ไม่งั้นแกคงได้ฉันเป็นน้องเขยแน่ๆ"
อัคคีกดวางสาย
"อัคคี! อัคคี "
ฉัตรชนกกำโทรศัพท์มือถือไว้ในมือแน่น ทั้งโกรธทั้งเป็นห่วงฉัตรชบา
จิดาภาวิ่งเข้ามาในห้อง สีหน้าตกใจ
"เกิดอะไรขึ้นคะ"
ฉัตรชนกพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
"ไม่มีอะไรครับ"
"แต่เมื่อกี๊ฉันได้ยินเสียงคุณเรียกชื่ออัคคี ... เค้าโทรมาเหรอคะ"
จิดาภาเห็นโทรศัพท์ในมือ ฉัตรชนกไม่อยากเล่า
"เปล่าครับ ไม่มีอะไร"
จิดาภาสงสัยว่าต้องมีอะไรที่เกี่ยวกับอัคคีแน่ๆ

บ้านวรรณิศา ตอนเย็น
ในห้องโถง จิดาภานั่งคุยอยู่กับอดุลย์ ข้างๆ อดุลย์มีกระเป๋าเดินทางวางอยู่
"คุณอดุลย์มาทำงานอะไรให้อัคคีเหรอคะ"
"อัคคีให้ผมมากว้านซื้อที่ดินฝั่งตรงกันข้ามกับที่ดินที่คุณฉัตรชนกเพิ่งประมูล
ไปได้น่ะครับ ผมคงต้องพักอยู่ที่นี่ซักพักใหญ่เลยล่ะครับ"
"ก็ดีค่ะ ฉันจะได้มีคนคอยปรึกษาได้บ้าง ฉันกลุ้มใจเรื่องอัคคีจะแย่อยู่แล้ว"
"คุณจิคิดว่าอัคคีจะเป็นคนจับตัวคุณฉัตรชบาไปอย่างที่บอกจริงเหรอครับ"
"คุณฉัตรชนกกับคุณฉัตรชบาไม่มีศัตรูที่ไหน นอกจากอัคคีคนเดียว แล้วอัคคีก็มาหายตัวไปพร้อมกับคุณฉัตรชบาอีก คุณอดุลย์คิดว่าไม่น่าสงสัยเหรอคะ"
"ที่คุณพูดก็มีเหตุผลนะครับ"
"คุณอดุลย์พอจะเดาได้มั้ยคะ ว่าอัคคีจะจับตัวคุณฉัตรชบาไปไว้ที่ไหน"
อดุลย์ทำท่าคิดนิดหนึ่ง แล้วก็คิดออก
"หรือว่าจะเป็นที่เกาะนั่น"
"ที่ไหนคะ"
"เป็นเกาะร้างที่อัคคีกำลังเตรียมจะทำรีสอร์ตน่ะครับ เอาไว้อีกสองวัน ผมจะลองไปดูให้นะครับ ว่าอัคคีมันอยู่ที่นั่นจริงหรือเปล่า"
จิดาภาร้อนใจ
"ไปเลยไม่ได้เหรอคะ ทำไมต้องรออีกตั้งสองวัน"
"พรุ่งนี้ผมมีนัดกับนายหน้าค้าที่ดินครับ ต้องรีบไปคุยงานก่อน ก่อนที่จะมีคนอื่นมาซื้อตัดหน้าไป"
"ฉันกลัวว่าถ้าคุณฉัตรชนกตามหาอัคคีกับคุณฉัตรชบาเจอก่อนเรา แล้วเรื่องมันจะไม่จบง่ายๆ น่ะสิคะ"

จิดาภาไม่สบายใจ

อัคคีนั่งอยู่ที่โขดหินริมชายหาด หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดเปิดเครื่อง มองหน้าจอมือถือ แล้วตัดสินใจกดโทร.ออก

จิดาภานั่งเหม่อๆ อยู่ที่โซฟารับแขกในคอนโดฯ มือถือวางอยู่ข้างๆ ดังขึ้น จิดาภารีบหยิบมาดู
" อัคคี"
จิดาภาดีใจรีบกดรับสาย
" อัคคี คุณอยู่ที่ไหนคะ แล้วทำไมต้องปิดเครื่องด้วย" ลิดาภาเอะใจ "เสียงคลื่น คุณอยู่ชายทะเลเหรอคะ หรือว่า...คุณจะอยู่ที่เกาะนั่นจริงๆ"
อัคคีชวนคุยเรื่องอื่นกลบเกลื่อนไป
"ผมเห็นมิสคอลคุณตั้งหลายสาย คุณมีอะไรหรือเปล่าครับ"
"อัคคีคะ คุณเป็นคนจับตัวคุณฉัตรชบาไปใช่มั้ยคะ สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่มันไม่ถูกต้องนะคะ หยุดเถอะค่ะอัคคี ไม่อย่างนั้นคุณเองที่จะต้องเป็นฝ่ายเสียใจทีหลัง"
อัคคีไม่ยอมรับ
"คุณพูดเรื่องอะไร ผมไม่รู้เรื่อง ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรก็แค่นี้ก่อนนะครับ แล้วผมจะโทร. หาใหม่" อัคคีกดตัดสาย
"เดี๋ยวก่อนค่ะอัคคี อัคคี!"
จิดาภาถอนหายหายหนักๆ สีหน้าเครียด

ฉัตรชบาปูที่นอนกับกางมุ้งของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วกำลังจะเข้านอน แต่ก็ชะงัก หันไปมองที่เตียงของอัคคี แล้วเดินไปกางมุ้งเตรียมไว้ให้ อัคคีเดินเข้ามาหยุดมอง สีหน้าครุ่นคิดว่าสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่นั้นถูกต้องแล้วหรือไม่ ครู่หนึ่ง อัคคีก็ปรับสีหน้าเป็นดุเหมือนเดิม
อัคคีทำเสียงแข็ง ประชด
"ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณจะมีน้ำใจ กางมุ้งให้ผมด้วย"
ฉัตรชบาพูดไปด้วยกางมุ้งไปด้วย
"ฉันเห็นว่านายไม่สบายอยู่หรอก ถึงได้ทำให้"
อัคคีมองไม่ไว้ใจ
"ทำตัวดีผิดปกตินะเนี่ย ไม่โวยวายอยากหนีไปจากที่นี่แล้วเหรอ"
ฉัตรชบาพูดหลอกให้อัคคีตายใจไปก่อน จริงๆ มีแผนการบางอย่างอยู่ในใจ
"ฉันพยายามหนีตั้งหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่รอด พอนายจับได้ ฉันก็เจ็บตัวทุกที ฉันขออยู่อย่างสงบดีกว่า จะได้ไม่เจ็บตัว"
ฉัตรชบากางมุ้งให้อัคคีเสร็จก็เดินกลับไปนอนที่มุ้งของตัวเอง ฉัตรชบาแอบทำหน้าเจ้าเล่ห์ อัคคีไม่เห็น
อัคคีมองฉัตรชบาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าฉัตรชบาเลิกคิดหนีแล้วจริงๆ

บริเวณห้องโถง บ้านฉัตรชนก ตอนกลางคืน
ฉกาจโวยวายใส่ฉัตรชนก อำภากับเกษณีย์นั่งอยู่ข้างๆ
"ทำไมอยู่ๆ แกถึงได้ไปถอนแจ้งความ แกไม่คิดจะตามหาน้องแล้วเหรอ"
ฉัตรชนกโกหกไปแบบอึกอักเล็กน้อย
"ที่ผมไปถอนแจ้งความก็เพราะชบาติดต่อกลับมาแล้วครับ"
อำภารีบถาม
"ยัยชบาอยู่ไหน แล้วทำไมไม่กลับบ้าน"
ฉัตรชนกอึกอัก
"เอ่อ...ชบาไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่ต่างจังหวัดน่ะครับ"
"ถ้าชบาจะไปเที่ยว แล้วทำไมต้องจอดรถทิ้งไว้กลางทางอย่างนั้นด้วยล่ะคะ แถมยังหายตัวไปดื้อๆ ไม่บอกใครซักคนอีก ฉันว่ามันแปลกๆ อยู่นะคะ"
ฉกาจกับอำภาเห็นด้วยกับเกษณีย์
"พ่อโทร.หายัยชบาหน่อยดีกว่า"
ฉกาจจะเดินไปโทรศัพท์ ฉัตรชนกรีบห้าม
" โทร.ไม่ได้ครับคุณพ่อ"
ฉกาจแปลกใจ
"ทำไมถึงโทร.ไม่ได้"
"เอ่อ...ตอนนี้ชบาไม่มีมือถือใช้ครับ ตอนที่โทร.มาหาผมก็ใช้เบอร์เพื่อนโทร. มา"
"ถ้างั้นฉัตรก็โทร. กลับไปที่เบอร์เพื่อนของชบาสิ ต่อสายให้แม่หน่อย แม่อยากได้ยินเสียงชบา ว่าชบาปลอดภัยแล้วจริงๆ"
ฉัตรชนกแก้ตัวไป
"ชบาโทร. เข้าเบอร์ออฟฟิศครับคุณแม่ ไม่ได้โทร. เข้ามือถือผม ผมเลยไม่มีเรคคอร์ดเบอร์ที่ชบาใช้โทร.มา"
อำภาสีหน้าไม่สบายใจ ในขณะที่ฉกาจท่าทางไม่ค่อยเชื่อที่ฉัตรชนกพูด
"พรุ่งนี้ชบาอาจจะโทร.มาอีก แล้วผมจะบอกให้ชบาโทร.หาคุณพ่อกับคุณแม่นะครับ"
"ถ้าน้องโทร. มา ฉัตรต้องบอกให้น้องโทร. มาหาแม่ให้ได้นะ"
"ครับคุณแม่ ผมขอตัวนะครับ"
ฉัตรชนกรีบเดินเลี่ยงขึ้นข้างบน เกษณีย์รีบตามฉัตรชนกไป
ฉกาจมองตามฉัตรชนก สีหน้าไม่เชื่อเรื่องที่ฉัตรชนกพูด

ฉัตรชนกเปิดประตูห้องนอนเข้ามา สีหน้าเครียดๆ เกษณีย์เดินตามหลังเข้ามาติดๆ
"คุณกำลังปิดบังอะไรคุณพ่อคุณแม่คุณอยู่ใช่มั้ยคะ"
"คุณพูดเรื่องอะไร"
"ก็เรื่องชบายังไงล่ะคะ ชบาติดต่อกลับมาแล้วจริงๆ เหรอคะ"
"นี่คุณอย่ามาถามเซ้าซี้ได้มั้ย"
ฉัตรชนกเดินหนีไปเข้าห้องน้ำ เกษณีย์มองตาม สงสัย

บริเวณสวนหน้าบ้านฉัตรชนก ตอนกลางคืน
ฉัตรชนกที่นอนไม่หลับเลยออกมาเดินครุ่นคิดเรื่องน้องสาว
" นอนไม่หลับเหมือนกันเหรอ"
ฉัตรชนกหันไปมองทางต้นเสียง เห็นฉกาจนั่งอยู่ในสวนก่อนแล้ว
"คุณพ่อ"
"มานั่งคุยกันหน่อยสิ"
ฉัตรชนกเข้าไปนั่งกับฉากจ พร้อมมีสีหน้าอึดอัดใจ
"คุณพ่อมีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ"
"พ่อสงสัยเรื่องชบา" ฉกาจจ้องหน้าลูกชาย "ฉัตรโกหกพ่อ ความจริง ชบายังไม่ได้ติดต่อกลับมาใช่มั้ย"
ฉัตรชนกอึ้งไปเหมือนโดนหมัดน็อค

เกษณีย์นอนหลับอยู่พลิกตัวมาจะกอดฉัตรชนก แต่คว้าได้แต่ความว่างเปล่า
เกษณีย์ลืมตาขึ้น ไม่เห็นฉัตรชนก
"คุณฉัตรไปไหน"
เกษณีย์เดินไปดูในห้องน้ำก็ไม่เห็นฉัตรชนก
เกษณีย์ระแวง
"หรือว่าจะแอบไปโทร. หานังเลขานั่นอีกแล้ว"
เกษณีย์เดินออกจากห้องไป สีหน้าไม่พอใจ

ฉัตรชนกตัดสินใจสารภาพความจริงให้ฉกาจฟัง
"ผมขอโทษครับที่โกหกคุณพ่อไปอย่างนั้น"
ฉัตรชนกถอนใจหนักๆ เป็นห่วงฉัตรชบา
"ตกลงเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่"
"ความจริงก็คือนายอัคคีเป็นคนจับตัวชบาไปครับ"
ทางด้านหลัง เกษณีย์เดินเข้ามาได้ยินพอดีก็ชะงัก หาที่หลบมุมเพื่อแอบฟัง
ฉกาจตกใจ
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับอัคคี"
"อัคคีเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นคนทำร้ายวรรณิศาจนเสียชีวิต เค้าก็เลยจับชบาไปทรมานเพื่อแก้แค้นผม" ฉัตรชนกเครียดมากและรู้สึกผิด "เป็นเพราะผม ชบาถึงได้เดือดร้อนแบบนี้"
"แต่อัคคีเค้าปักใจเชื่อแบบนั้น"
"อัคคีทำแบบนี้ไม่ถูก เค้าจับชบาไปไว้ที่ไหน พ่อจะไปช่วยน้อง" ฉกาจจะไปทันที
ฉัตรชนกห้ามไว้
"ผมจะหาทางช่วยชบาเองครับคุณพ่อ"
ฉาจหนักใจ
"นอกจากเราจะต้องหาทางช่วยชบาให้เร็วที่สุดแล้ว เราจะต้องหาตัวคนร้ายที่ทำร้ายวรรณิศาให้ได้ด้วย อัคคีจะได้เลิกอาฆาตพยาบาทฉัตรซะที"
"ผมก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันครับ แล้วผมเองก็จะไม่ปล่อยให้คนที่มันทำร้ายศาลอยนวลอยู่ได้นานหรอกครับ ผมต้องหาตัวมันมาลงโทษให้ได้"

เกษณีย์กลัวถูกจับได้ว่าแท้จริงแล้วตนเป็นคนจ้างคนไปข่มขืนวรรณิศา
 
อ่านต่อตอนที่ 7
กำลังโหลดความคิดเห็น