เกมพยาบาท ตอนที่ 3
วรรณิศานอนหมดสติอยู่ที่เตียง มีถุงและสายน้ำเกลือโยงมายังแขน แผลจากการกรีดข้อมือมีผ้าพันแผลพันอยู่เรียบร้อยแล้ว อัคคีและหมอยืนอยู่ข้างเตียง
"ทางโรงพยาบาลต้องขอโทษด้วยนะครับที่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น"
"เป็นความผิดของผมเองครับที่ออกไปคุยโทรศัพท์นอกห้อง แล้วปล่อยให้ศาอยู่คนเดียว"
"ต่อไปเราคงต้องระมัดระวังให้มากขึ้น ตอนนี้คนไข้กำลังอยู่ในภาวะที่ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ถ้าฟื้นขึ้นมาคนไข้อาจจะพยายามฆ่าตัวตายอีกก็ได้"
"ครับ"
หมอเดินออกไป
อัคคีมองสภาพของวรรณิศาแล้วก็พาลโกรธฉัตรชนกขึ้นมาอีก
"เพราะแกคนเดียว ไอ้ฉัตรชนก!"
อัคคีแค้นมาก พาลโยนความผิดทั้งหมดไปให้ฉัตรชนก
เย็นวันนั้น ฉัตรชนกนั่งหน้าเซ็งอยู่ในร้านอาหาร เกษณีย์จงใจนั่งเบียด พยายามเอาใจตักอาหารให้
"ลองชิมนี่หน่อยนะคะ"
ฉัตรชนกรำคาญ เกษณีย์ออดอ้อน กระเง้ากระงอด
"คุณเกษกินเถอะครับ ผมไม่หิว"
"ถ้างั้นเกษป้อนนะคะ"
เกษณีย์ตักอาหารไปจ่อที่ปากฉัตรชนก เขาหันหน้าหนี
"ถ้าคุณอยากกินก็กินเองเถอะครับ ผมไม่หิวจริงๆ"
" ให้ฉันนั่งทานอยู่คนเดียวมันจะอร่อยได้ยังไงล่ะคะ"
เกษณีย์หันไปหยิบแก้วไวน์มาส่งให้ฉัตรชนก
"ถ้างั้นคุณก็ดื่มไวน์เรียกน้ำย่อยซะหน่อยนะคะ เผื่อจะทำให้คุณ" เธอมองสบตาแบบยั่วยวน "...อยากกินอะไรขึ้นมาบ้าง"
ฉัตรชนกรับแก้วไวน์ไปดื่มตัดรำคาญ
เกษณีย์หยิบกระเป๋าถือมาเปิดดู
"ตายจริง ฉันลืมมือถือไว้ในรถคุณน่ะค่ะ คุณช่วยไปหยิบมาให้หน่อยได้มั้ยคะ"
ฉัตรชนกไม่อยากไป
"ถ้าคุณจะโทรหาใคร ก็ใช้มือถือผมก่อนก็ได้นะครับ"
"เกษกลัวคุณแม่โทร.มา แล้วถ้าเกษไม่ได้รับสายแล้วคุณแม่จะเป็นห่วงนะคะ" เธอกอดแขนอ้อน "คุณฉัตรไปเอาโทรศัพท์มาให้ฉันหน่อยนะคะ"
"ก็ได้ครับ"
ฉัตรชนกเดินออกใจลอยออกไป
ฉัตรชนกเดินใจลอยออกมาที่ลานจอดรถ ไม่ทันมอง เดินตัดหน้ารถคันหนึ่ง ฉัตรชนกถูกชนล้มลง เพราะถูกชน แต่ไม่แรง เนื่องจากคนขับเบรกทัน
ประตูรถเปิดออก จิดาภาก้าวลงจากรถแล้วรีบวิ่งลงมาดูฉัตรชนก
จิดาภาประคองเขาให้ลุกขึ้น
"คุณคะ เป็นอะไรมั้ยคะ"
พอเธอเห็นหน้าฉัตรชนกก็ชะงักไป
"คุณฉัตรชนก"
ฉัตรชนกแปลกใจ
"คุณรู้จักผมด้วยเหรอครับ"
"เอ่อ...ฉันเคยอ่านบทสัมภาษณ์ของคุณในนิตยสารบ่อยๆ น่ะค่ะ คุณเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ ฉันขอโทษนะคะที่ขับรถไม่ระวัง"
จิดาภาจับเนื้อจับตัวฉัตรชนกดูด้วยความเป็นห่วงจริงๆ
"คุณไม่ต้องขอโทษผมหรอกครับ ผมต่างหากที่เป็นคนผิด เดินตัดหน้ารถคุณ"
"ว่าแต่คุณไม่เป็นอะไรแน่นะคะ"
"แน่ครับ ผมขอตัวนะครับ"
ฉัตรชนกเดินไปเปิดรถของตนที่อยู่ห่างออกไป ท่าทางเหมือนคนใจลอย จิดาภามองตามจับสังเกต
ในร้านอาหาร เกษณีย์แอบเอายาปลุกเซ็กส์ใส่ในแก้วไวน์ของฉัตรชนก
เกษณีย์ยิ้มร้าย
"ทำเป็นนั่งซึมกระทือไปเถอะ อีกเดี๋ยวคุณได้คึกทั้งคืนแน่"
ฉัตรชนกเดินกลับเข้ามานั่งที่โต๊ะ
"โทรศัพท์คุณไม่ได้อยู่ในรถนะครับ คุณลืมไว้ที่อื่นหรือเปล่า"
เกษณีย์ปั้นยิ้มพร้อมหยิบโทรศัพท์ให้ดู
"ขอโทษทีค่ะ พอดีมันตกอยู่ใต้โต๊ะน่ะค่ะ"
เกษณีย์ส่งแก้วไวน์ให้
"คุณดื่มไวน์ให้หมดแก้วก่อนนะคะ แล้วเราจะได้กลับบ้านกัน"
ฉัตรชนกยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้วเพื่อตัดรำคาญ เกษณีย์แอบมองแล้วยิ้มร้าย
ทั้งคู่นั่งกินอาหารกันไปครู่หนึ่ง ยาก็ออกฤทธิ์ ฉัตรชนกมีท่าทางร้อนรุ่ม เกษณีย์เห็นท่าทางฉัตรชนกก็รู้ว่ายาออกฤทธิ์แล้ว
เกษณีย์เอนตัวมาเกาะแขน ตัวแนบชิด
"เป็นอะไรไปคะฉัตร"
ฉัตรชนกฝืนความรู้สึกตัวเอง
"อย่าทำแบบนี้ครับคุณเกษ ใครเห็นเข้าคุณจะเสียหาย"
เกษณีย์ยื่นหน้าเข้าไปใกล้พร้อมลูบไล้ไปมา
"ฉันรู้นะคะว่าคุณเป็นอะไร อย่าฝืนตัวเองเลยค่ะ"
ฉัตรชนกจับมือเกษณีย์เอาไว้ แล้วมองสบตา สายตาฉัตรชนกเต็มไปด้วยความต้องการ
อัคคีนั่งเฝ้าวรรณิศาอยู่ข้างเตียง จิดาภาหิ้วถุงอาหารเดินเข้ามา
"ศาเป็นยังไงบ้างคะ"
"หมอให้ยานอนหลับ เพราะอยากให้ศาพักผ่อนมากๆ"
"ถ้างั้นคุณก็มาทานข้าวก่อนเถอะค่ะ คุณเครียดมากจนซูบไปแล้วนะคะ"
จิดาภาเดินไปที่มุมโต๊ะอาหาร จัดการแกะอาหารออกจากกล่อง พร้อมพูดไปด้วย
"ฉันแวะซื้ออาหารร้านโปรดมาให้คุณด้วยค่ะ อ้อ...ฉันเจอคุณฉัตรชนกด้วยนะคะ เค้าเดินใจลอยมาตัดหน้ารถฉัน ดีที่ฉันเบรกทัน ไม่งั้นคงได้ขับรถชนเค้าแน่ๆ"
"ถ้าเป็นผมจะขับรถทับมันให้ตายไปเลย"
อัคคีพูดอย่างอาฆาตแค้น จิดาภาแอบหนักใจที่อัคคีอาฆาตแค้นฉัตรชนกไม่เลิก
เวลากลางคืน ประตูห้องพักในโรงแรมถูกเปิดเข้ามา
ฉัตรชนกกับเกษณีย์นัวเนียกันเข้ามา
ฉัตรชนกที่โดนยาปลุกเซ็กส์เป็นฝ่ายรุกด้วยความเร่าร้อน เขาดันเกษณีย์ให้นอนลงบนเตียง แล้วโถมตัวตามลงไป
ในขณะที่นัวเนียกันอยู่ เกษณีย์ก็แอบหยิบมือถือออกมากดอัดวีดีโอคลิป กดอัดแล้วตั้งหลบๆ ไว้ไม่ให้ฉัตรชนกเห็น
ผ่านเวลา จนช่วงกลางดึก เกษณีย์นอนกอดซบอยู่กับอกของฉัตรชนก แสร้งบีบน้ำตา
"คุณได้ฉันแล้วต้องรับผิดชอบฉันนะคะ"
ฉัตรชนกยังมึนๆ งงๆ อยู่
"ผม..."
เกษณีย์แกล้งร้องไห้โฮ
"คุณอย่าบอกนะคะว่าคุณไม่ได้รักฉัน แต่งงานกับฉันไม่ได้" พลางทุบตีฉัตรชนกรัวๆ "ถ้าคุณไม่รักฉัน แล้วคุณทำแบบนี้กับฉันทำไม เห็นฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายหรือไง ถึงได้ทำกับฉันแบบนี้"
ฉัตรชนกจับมือเกษณีย์รวบไว้
"ผมไม่รู้ตัวจริงๆ ว่าผมทำแบบนั้นลงไปได้ยังไง"
"คุณพูดแบบนี้หมายความว่าคุณจะไม่รับผิดชอบฉันเหรอคะ"
ฉัตรชนกสีหน้าคิดทบทวน ครู่หนึ่งก็คิดออก
"คุณวางยาผม ใช่มั้ยคุณเกษ ไม่งั้นผมคงไม่ทำอะไรลงไปโดยไม่รู้ตัวอย่างนี้หรอก"
"คุณฉัตร!!! คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง"
"ผมจะรับผิดชอบคุณ แต่ไม่ใช่ด้วยการแต่งงาน ... คุณต้องการเงินไหร่สำหรับจบเรื่องนี้"
เกษณีย์โกรธ
"คุณจะดูถูกฉันมากไปแล้วนะคุณฉัตร"
"ดูถูกเหรอ? ผมรู้นะว่าที่คุณพยายามจับผมอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะต้องการเงินของผม"
"ฉันรักคุณนะคะคุณฉัตร ฉันต้องการแต่งงานกับคุณ"
ฉัตรชนกลุกจากเตียงไปใส่เสื้อผ้า ใส่เสร็จก็หันมาบอกเกษณีย์
"คุณจะลองกลับไปคำณวนดูก่อนก็ได้ว่าจะเรียกเงินเท่าไหร่ คิดได้แล้วค่อยโทร.มาบอกผม"
พูดจบ ฉัตรชนกก็เดินออกไปทันที
"แอร๊ย ! คอยดูนะคุณฉัตร ฉันจะทำให้คุณยอมแต่งงานกับฉันให้ได้ อ๊าย!"
เกษณีย์โกรธมาก กรีดเสียงระบายอารมณ์เสียงดังสนั่น ขว้างปาข้าวของกระจุยกระจาย
เช้าวันใหม่ ที่ห้องโถง ฉัตรชบาถือกระเป๋าฟิตเนสเดินมา กำลังจะออกไปเล่นโยคะ เห็นพี่ชายนั่งทำหน้าเครียดอยู่ก็เข้าไปถาม
"กลุ้มใจเรื่องคุณศาเหรอคะพี่ฉัตร"
"พี่กลุ้มใจเรื่องเกษณีย์ต่างหากล่ะ"
"พี่ฉัตรรำคาญที่เค้าคอยตามตื๊อพี่ใช่มั้ยคะ เดี๋ยวชบาจะช่วยเขี่ยพี่เกษให้กระเด็นออกไปจากชีวิตพี่ฉัตรเองค่ะ"
ฉัตรชนกถอนใจหนักๆ"มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก"
"แล้วมันจะยากตรงไหนล่ะคะ"
ฉัตรชนกท่าทางลำบากใจที่จะพูด แต่ก็ตัดสินใจบอกไป
"เมื่อคืนนี้พี่เผลอมีอะไรกับคุณเกษไปแล้ว" ฉัตรชนกเอามือกุมหัว เครียดๆ
"ซวยแล้วพี่ฉัตร คราวนี้พี่เกษเกาะแน่นยิ่งกว่าปลิงแน่ๆ"
ฉัตรชนกกลุ้ม
"แล้วพี่จะทำยังไงต่อไปล่ะคะ"
"พี่ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน"
ฉัตรชนกบอกเครียดๆ
หน้าสตูดิโอโยคะแห่งหนึ่ง
อัคคีขับรถเข้ามาจอดส่งจิดาภาที่หน้าสตูดิโอ ทั้งคู่ลงจากรถ
"ขอบคุณนะคะที่มาส่ง"
"ถ้างั้นเดี๋ยวผมไปทำธุระนิดนึงนะครับ เสร็จแล้วจะกลับมารับ"
จิดาภายิ้มแย้ม
"ไปทำธุระของคุณเถอะค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก"
จิดาภาเดินเข้าไปข้างในสตูดิโอโยคะ อัคคีกำลังจะเดินกลับขึ้นรถ ฉัตรชบาจะเดินเข้ามาในสตูดิโอ
อัคคีกับฉัตรชบาหันมาเจอหน้ากัน เขาไม่อยากเสวนาด้วย จะเดินหนี ฉัตรชบาแดกดันขึ้นลอยๆ
"ซวยจริงๆ มาเจอคนโรคจิต"
อัคคีหันขวับมาทันที
"นี่คุณ ผมบอกแล้วใช่มั้ยว่าผมไม่ใช่โรคจิต"
ฉัตรชบาลอยหน้าพูด
"ฉันแค่พูดลอยๆ ถ้าคุณไม่ใช่โรคจิตก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อน"
อัคคีโกรธแต่พยายามอดทน ไม่อยากมีเรื่องกับผู้หญิง กัดฟันบอก แววตาเคียดแค้น
"เจอคุณที่นี่ก็ดีเหมือนกัน ฝากไปบอกพี่ชายคุณด้วยว่าอย่าไปหาศาที่โรงพยาบาลอีก ไม่งั้นผมเอามันตายแน่"
"นี่ไง โรคจิตชัดๆ เอะเอะก็ใช้กำลัง แถมยังขู่ฆ่าอีก"
อัคคีเสียงแข็ง
"แล้วที่พี่ชายคุณจ้างคนมาทำร้ายศา แถมยังตามไปซ้ำเติมศาถึงโรงพยาบาลจนศาคิดจะฆ่าตัวตาย อย่างนี้เรียกว่าฆาตกรเลือดเย็นได้มั้ย!"
ฉัตรชบาอึ้งไป
"คุณศาฆ่าตัวตายเหรอ"
"ใช่! เมื่อวานนี้ศากรีดข้อมือตัวเอง" เขาตะคอก "ต้องให้ศาตายไปเลยใช่มั้ย พวกคุณถึงจะพอใจ"
"ไม่มีใครอยากให้ใครตายหรอกนะ คุณศาเป็นแบบนี้พี่ฉัตรก็เสียใจมากเหมือนกัน"
อัคคีแค่นยิ้ม
"ความเสียใจของมัน ยังน้อยกว่าผมร้อยเท่าพันเท่า ผมขอเตือนเป็นครั้งสุดท้ายนะว่าอย่าไปยุ่งกับศาอีก ถ้าศาเป็นอะไรไป ผมไม่ปล่อยพวกคุณไว้แน่"
อัคคีพูดอาฆาตแล้วเดินออกไป ฉัตรชบายืนอึ้งๆ ไม่คิดว่าวรรณิศาจะฆ่าตัวตาย
เวลาต่อมา เกสรโยนจดหมายทวงหนี้จากธนาคารลงบนโต๊ะอย่างหงุดหงิด
"โอ๊ย!!! ธนาคารบ้านี่ก็ทวงอยู่ได้ ถ้ามีเงินก็เอาไปจ่ายเองแหละ"
เกษณีย์บอก
"เรามีเวลาอีกกี่เดือนคะคุณแม่กว่าธนาคารจะมายึดบ้านเรา"
"ถ้าภายในสิ้นเดือนนี้ เรายังไม่มีเงินไปใช้หนี้ มันก็จะมายึดแล้ว"
"ภายในสิ้นเดือนนี้ ก็อีกแค่สิบวันเองนะคะคุณแม่ แล้วเราจะไปหาเงินมาจากไหนตั้งสิบล้าน"
"แกก็ต้องหาทางแต่งงานกับคุณฉัตรชนกให้ได้โดยเร็วที่สุด จะได้เอาเงินสินสอดไปใช้หนี้ อย่าโง่ให้เค้าหลอกกินฟรีล่ะ"
"คนอย่างเกษไม่โง่หรอกค่ะคุณแม่ เกษต้องเรียกคืนให้คุ้มกับสิ่งที่เกษเสียไป"
เกษณีย์กำมือถือไว้แน่นพร้อมยิ้มร้ายอย่างคนไม่ยอมแพ้
อ่านต่อหน้า 2
เกมพยาบาท ตอนที่ 3 (ต่อ)
ในห้องโถง บ้านฉัตรชนก อำภาดูคลิปที่เกษณีย์กับฉัตรชนกมีอะไรกัน แล้วทำท่าจะเป็นลม
"เฮ้อ...ฉันจะเป็นลม"
เกษณีย์แกล้งร้องไห้กระซิกๆ
เกสรรีบเข้าประคองรับไว้
"คุณอำภา! อย่าเพิ่งเป็นลมค่ะ"
เกสรรีบหยิบยาดมในกระเป๋าถือของตนมาอังที่จมูกอำภา
"เป็นยังไงบ้างคะ ดีขึ้นมั้ยคะ"
อำภาเริ่มดีขึ้น
"มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไงเนี่ย ตาฉัตรนะตาฉัตร ทำไมถึงได้ทำแบบนี้"
"คุณอำภาก็อย่าโกรธคุณฉัตรเลยค่ะ เพราะคุณอำภาก็อยากให้คุณฉัตรกับลูกเกษของดิฉันแต่งงานกันอยู่แล้วนี่คะ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ก็จะได้บังคับให้คุณฉัตรแต่งงานกับหนูเกษซะเลย"
เกษณีย์แกล้งร้องไห้กระซิกๆ ไม่หยุด
อำภาหันไปปลอบเกษณีย์
"โอ๋ๆ อย่าร้องนะหนูเกษ ป้าจะจัดการเรื่องตบแต่งให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุดนะลูกนะ"
"ดีค่ะคุณอำภา รีบแต่งซะก่อนที่จะเกิดท้องขึ้นมา จะงามหน้ากันไปหมด"
อำภาหอมแก้มรับขวัญเกษณีย์
"ยังไงป้าก็อยากได้หนูมาเป็นสะใภ้อยู่แล้ว ไม่ต้องร้องนะลูกนะ"
เกษณีย์กราบแทบอก
"ขอบพระคุณค่ะคุณป้า"
อำภากอดปลอบเกษณีย์
เกษณีย์แอบมองสบตากับเกสรแล้วยิ้มร้าย ที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผน
ต่อมา ฉัตรชนกพูดกับอำภาเสียงแข็ง
"ผมจะไม่แต่งงานกับคุณเกษเด็ดขาดครับคุณแม่"
อำภาสวนไปทันที
"ถ้าแกไม่อยากแต่งงานกับเค้า แล้วแกไปนอนกับเค้าทำไม"
ฉัตรชนกเงียบไป เถียงไม่ออก
"ในเมื่อได้เค้าเป็นเมียแล้วก็ต้องรับผิดชอบ"
"ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องรับผิดชอบศาเหมือนกัน เพราะผมได้ศาเป็นเมียก่อนที่ผมจะได้เกษซะอีก"
"นังวรรณิศามันมีผัวคืนเดียวตั้งกี่คน แกจะรับเดนจากไอ้พวกนั้นได้เหรอ"
ฉัตรชนกเงียบไปอย่างปวดร้าว เพราะสิ่งที่อำภาพูดเป็นความจริง
"แล้วถ้าผมบอกว่าผมยอมรับได้ล่ะครับ"
อำภาตบหน้าฉัตรชนกทันที
"สิ้นคิด! แม่เลือกของดีๆ ให้กินกลับไม่กิน ดันใฝ่ต่ำคิดจะไปกินของสกปรกข้างถนน ถ้าฉัตรไม่เชื่อฟังแม่ เราก็ขาดกัน ไม่ต้องมาเรียกแม่ว่าแม่อีก อยากขึ้นชื่อว่าเป็นลูกอกตัญญูก็เอาสิ!"
"คุณแม่..."
ฉัตรชนกอึ้งไปอย่างลำบากใจ
ผ่านเวลาหลายวัน ณ เวดดิ้งสตูดิโอ
ฉัตรชนกสีหน้าลำบากใจ เขากำลังถ่ายรูปชุดแต่งงานอยู่กับเกษณีย์ ฝ่ายว่าที่เจ้าสาวฉีกยิ้มหน้าบาน ในขณะที่ฉัตรชนกสีหน้าเซ็งสุดขีด เกษณีย์เริ่มไม่พอใจ น้ำเสียงหงุดหงิด
"ขอพักก่อนค่ะ"
ตากล้องกับทีมงานหลบออกไปเช็คไฟล์รูปที่ถ่ายแล้วที่คอมพิวเตอร์ที่อยู่ห่างออกไป
"เรามาถ่ายรูปแต่งงานนะคะฉัตร ทำไมคุณทำหน้าซังกะตายอย่างกับไม่เต็มใจมาอย่างนั้นแหละ"
"คุณก็รู้ว่าผมไม่เต็มใจจริงๆ"
เกษณีย์เชิดหน้าอย่างไม่ยอมแพ้
"ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจคุณค่ะ ไม่ว่าคุณจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ ยังไงเราก็ต้องแต่งงานกัน" เธอเรียกตากล้อง ทีมงาน "พร้อมถ่ายต่อแล้วค่ะ"
ตากล้องกับทีมงานเข้ามาประจำที่
เกษณีย์ยิ้มแย้มโพสต์ท่าไปเต็มที่ ในขณะที่ฉัตรชนกโพสต์ไปแบบแกนๆ ตากล้องก็ถ่ายไป
เวลาต่อมา พยาบาลเดินเข้ามาตรวจดูความเรียบร้อยของวรรณิศา ห่มผ้าให้ แล้วปรับสายน้ำเกลือ
พยาบาลมองวรรณิศาที่นอนหลับอยู่ด้วยสีหน้าเบาใจ แล้วเดินออกไป
เป็นจังหวะเดียวกับที่อัคคีเดินเข้ามาพอดี
"คุณอัคคีมาพอดีเลย คุณหมออยากจะคุยกับคุณเกี่ยวกับอาการของคุณวรรณิศาค่ะ"
"ตอนนี้คุณหมออยู่ที่ไหนครับ"
"เชิญทางนี้ค่ะ"
พยาบาลเดินนำอัคคีออกไปทางห้องทำงานหมอ
พยาบาลเดินนำอัคคีเข้ามาในห้องทำงานหมอ แล้วพยาบาลก็เดินออกไป อัคคีเดินเข้ามานั่งที่หน้าโต๊ะหมอ
"คุณหมอจะคุยอะไรกับผมเหรอครับ"
"หมอจะแจ้งให้คุณทราบว่า หลังจากที่ทางเรารักษาอาการบาดเจ็บทางร่างของคุณวรรณิศาจนหายดีแล้ว ทางเราจะส่งตัวคนไข้ไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านจิตเวช"
อัคคีอึ้งไป
"ศามีโอกาสหายมั้ยครับคุณหมอ"
"หมอยังตอบอะไรที่แน่ชัดตอนนี้ไม่ได้ คงต้องเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดต่อไปอีกซักระยะนึง"
อัคคีฟังแล้วใจหาย สงสารวรรณิศา
เกษณีย์เดินหลบๆ ท่าทางลับๆ ล่อๆ มาตามทางหน้าห้องพักของวรรณิศา มองซ้ายมองขวา พอเห็นว่าปลอดคนก็รีบเปิดประตูเข้าไปในห้องวรรณิศาทันที
เกษณีย์เข้ามาในห้องพักคนไข้ เห็นวรรณิศานอนหลับอยู่ก็เข้าไปเขย่าตัวแรงๆ พร้อมเรียกเสียงเขียว
"ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้นังวรรณิศา ฉันมีอะไรจะให้แกดู"
วรรณิศาไม่ตื่น เกษณีย์กระชากตัววรรณิศาแรงขึ้น
"ฉันบอกให้ตื่น" เกษณีย์ตีที่แขนที่ตัวแรงๆ
วรรณิศาลืมตาตื่นขึ้นมา ลุกขึ้นนั่งแล้วมองหน้าเกษณีย์แบบกลัวๆ
เกษณีย์หยิบมือถือออกมา เปิดคลิปที่ถ่ายไว้ในวันที่ถ่ายรูปชุดแต่งงานให้วรรณิศาดู
"ดูซะให้เต็มตาว่าคุณฉัตรชนกเค้ารักฉัน แล้วเราก็กำลังจะแต่งงานกัน"
วรรณิศามองคลิปในมือถือ เห็นภาพเกษณีย์กับฉัตรชนกถ่ายรูปชุดแต่งงานกันอยู่อย่างหวานชื่น ฉัตรชนกโอบเอว เกษณีย์หอมแก้มฉัตรชนก
วรรณิศามองคลิปแล้วน้ำตาไหลออกมาช้าๆ พูดพร่ำเพ้อ
"ไม่จริง...ไม่จริง"
เกษณีย์เก็บมือถือ "จริงซะยิ่งกว่าจริงอีก" ก่อนจะใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากวรรณิศาแรงๆ "จำใส่กะโหลกแกไว้ด้วยนะว่าคุณฉัตรเค้าไม่ได้รักแก เค้ารักฉัน"
"ไม่จริง...ไม่จริง"
วรรณิศาพูดพร่ำแต่คำเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา พร้อมยกมือขึ้นปิดหูเหมือนไม่อยากรับรู้อะไร
เกษณีย์ยิ้มสะใจ
หน้าห้องทำงานหมอ อัคคีเปิดประตูออกมา แล้วเดินกลับไปทางห้องพักของวรรณิศา
ภายในห้องคนไข้ วรรณิศานั่งร้องไห้ เอามือปิดหูพร้อมกับพูดพร่ำเพ้อคำเดิมซ้ำๆ
"ไม่จริง...ไม่จริง"
"ผู้หญิงที่ถูกรุมโทรมจนเหลือแต่ซากอย่างแก ไม่มีค่าอะไรให้คุณฉัตรรักหรอก"
วรรณิศา นึกถึงเหตุการณ์คืนนั้นก็มีสีหน้ากลัวสุดขีด ดึงผ้าห่มขึ้นมากอดแน่น
"อย่าทำอะไรฉันนะ ฉันกลัว" วรรณิศาถอยหนี "อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา"
เกษณีย์มองวรรณิศาแล้วยิ้มเยาะ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
วรรณิศาเห็นภาพหลอนของกลุ่มเด็กแว้นและกลุ่มวัยรุ่นที่เคยข่มขืนตน ยืนล้อมอยู่ข้างเตียง ทุกคนมองเธอด้วยสายตาหื่นกระหาย
วรรณิศากลัวตัวสั่น ยกมือปัดป้องพร้อมกระเถิบตัวหนี "อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามา"
ภาพหลอนกลุ่มเด็กแว้นและกลุ่มวัยรุ่นพวกนั้นยื่นมือใกล้เข้ามาทุกทีๆๆ
วรรณิศากลัวมาก วิ่งลนลานหนีออกไปนอกห้อง
วรรณิศาวิ่งหนีตรงไปทางบันไดหนีไฟซึ่งอยู่ติดกับห้องพักของเธอ เห็นเด็กแว้นกับกลุ่มวัยรุ่น เดินตามมาติดๆ
วรรณิศาหวาดกลัวมาก วิ่งลนลานไปเปิดประตูทางหนีไฟเข้าไป
อัคคีเดินกลับเข้ามาในห้อง ไม่เห็นวรรณิศานอนอยู่บนเตียงก็แปลกใจ เขาเดินไปเคาะประตูห้องน้ำเรียก
"ศาอยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า ศาๆ"
ไม่มีเสียงตอบรับจากในห้องน้ำ อัคคีเปิดประตูดู ไม่เห็นวรรณิศาอยู่ในห้องน้ำ
อัคคีตกใจ เป็นห่วงน้องสาว รีบวิ่งออกไปนอกห้องคนไข้ทันที
วรรณิศาวิ่งกระหืดกระหอบขึ้นมาบนดาดฟ้าด้วยความหวาดกลัว ภาพหลอนเด็กแว้นและกลุ่มวัยรุ่นวิ่งตามมา ทุกคนยื่นมือมาหาวรรณิศา พร้อมมองด้วยสายตาหื่นกระหาย
วรรณิศปัดมือขับไล่ไปมา
"อย่าเข้ามานะ ออกไปๆๆ"
วรรณิศาวิ่งหนีภาพหลอนไปจนมุมที่ขอบระเบียงดาดฟ้า แล้วปีนหนีขึ้นไปยืนบนขอบระเบียง
วรรณิศามองลงมาที่พื้น เหมือนเห็นภาพหลอน "อย่าเข้ามามา อย่าเข้ามา"
แม่บ้านเปิดประตูดาดฟ้าขึ้นมาพอดี เห็นวรรณิศายืนอยู่ที่ขอบระเบียงดาดฟ้าก็ตกใจ
"จะฆ่าตัวตายเหรอ! ... ช่วยด้วย ช่วยด้วย คนจะฆ่าตัวตาย ช่วยด้วย!"
วรรณิศายืนอยู่บนขอบระเบียงดาดฟ้า มองลงมาที่พื้นเหมือนเห็นภาพหลอนว่าพวกเด็กแว้นกับกลุ่มวัยรุ่นจะเข้ามาทำร้ายตน วรรณิศาท่าทางหวาดกลัวมาก
ภาพหลอนนั้น เปลี่ยนเป็นภาพของฉัตรชนกกับเกษณีย์ปรากฏขึ้นตรงหน้า ทั้งคู่ใส่ชุดแต่งงาน เกษณีย์กอดแขนฉัตรชนกแบบคู่รัก
ฉัตรชนกพูดตะคอกใส่หน้าวรรณิศา
"ผมไม่ได้รักคุณ ผมรักคุณเกษณีย์ ผมจะแต่งงานกับคุณเกษณีย์ ได้ยินมั้ยว่าผมจะแต่งงานกับคุณเกษณีย์"
"คุณฉัตรชนกเค้ารักฉัน เค้าไม่ได้รักแก!!" เกษณีย์หัวเราะเยาะใส่หน้าวรรณิศา
วรรณิศาน้ำตาไหลนองหน้า ยกสองมือขึ้นปิดหู "ไม่จริง!!! ไม่จริง!!"
วรรณิศา เห็นฉัตรชนกตะโกนใส่หน้า และเห็นเด็กแว้นและวัยรุ่นยื่นมือมาหาตน
วรรณิศาหวาดกลัว ถอยหนีกับภาพหลอนของตัวเอง
อัคคีวิ่งเข้ามา เห็นวรรณิศาก็ตกใจมาก
"ศา อย่าทำอะไรโง่ๆ นะ ลงมา"
อัคคีเดินเข้าไปใกล้วรรณิศาพร้อมพูดเกลี้ยกล่อม ยื่นมือเข้าไป พยายามจะดึงตัวลงมา
"ศาลงมาหาพี่นะ พี่จะดูแลศาเอง พี่จะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายศาได้อีก ศาลงมาหาพี่นะ...ลงมา..."อัตคียื่นมือไปรอรับ
วรรณิศาหวาดกลัวอัคคี จำไม่ได้ว่าเป็นพี่ชายตัวเอง พูดพร่ำเพ้อไป
"ไม่ อย่าเข้ามา อย่าทำอะไรฉันนะ ฉันกลัวแล้ว กลัวๆๆๆ"
วรรณิศาถอยหนี แล้วก็ก้าวพลาด พลัดตกราวระเบียงลงไปข้างล่าง
อัคคีช็อคสุดขีด "ศา!"
แม่บ้านกรีดร้องตกใจ
อัคคีวิ่งไปเกาะขอบระเบียงดาดฟ้า แล้วก้มมองลงไปข้างล่าง พร้อมกับร้องไห้อย่างเจ็บปวดแทบขาดใจ
อ่านต่อหน้า 3
เกมพยาบาท ตอนที่ 3 (ต่อ)
ในศาลาวัด ตอนกลางคืน ภาพถ่ายของวรรณิศายิ้มนิดๆ อย่างมีความสุข ตั้งอยู่หน้าโลงศพ
อัคคีนั่งอยู่ที่เก้าอี้แถวหน้าที่จัดไว้สำหรับนั่งฟังสวด สีหน้าเศร้าโศก จิดาภาคอยต้อนรับแขกที่มางาน แขกเหรื่อนั่งกันบางตา
อดุลย์เดินเข้ามาหาจิดาภา แล้วปรายตามองไปทางอัคคี
"น่าสงสารอัคคีนะครับ มีกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง อยู่ๆ ศาก็... ไม่น่าเลย อัคคีมันรักน้องสาวมาก ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน กว่ามันจะทำใจยอมรับได้"
"คงต้องใช้เวลาอีกนานเลยล่ะค่ะ"
จิดาภาหันไปมองอัคคีแล้วถอนใจ เป็นห่วง
"ฉันฝากคุณอดุลย์ช่วยดูอัคคีไว้ให้ด้วยนะคะ ฉันจะเข้าไปดูแม่ครัวเตรียมอาหารสำหรับเลี้ยงแขกหน่อย"
"ไม่ต้องห่วงครับ เดี๋ยวผมช่วยดูมันไว้ให้"
จิดาภาเดินเข้าไปทางโรงครัวด้านหลัง
อดุลย์เดินเข้าไปนั่งข้างๆ อัคคี แล้วตบบ่าให้กำลังใจ แล้วนั่งเป็นเพื่อนเงียบๆ ไป
ฉัตรชนกกับฉัตรชบาเดินมาตามทางเดินหน้าศาลาวัด
"พี่ฉัตรแน่ใจนะคะว่าจะเข้าไปจริงๆ"
"พี่อยากไปลาศาเป็นครั้งสุดท้าย"
ฉัตรชบาทำหน้าไม่อยากให้ฉัตรชนกเข้าไป
"ชบาทำหน้าเหมือนไม่อยากให้พี่เข้าไปอย่างนั้นแหละ"
"ชบากลัวนายอัคคีจะอาละวาดใส่พี่ฉัตรอีกน่ะสิคะ"
"คงไม่หรอก อย่างน้อยเค้าก็น่าจะให้เกียรติคนตายบ้าง"
ฉัตรชนกเดินนำไปที่ศาลาฉัตรชบาเดินตาม สีหน้าไม่วางใจ กลัวเกิดเรื่อง
สองพี่น้องเดินมานั่งคุกเข่าตรงหน้าโลงศพของวรรณิศา
ฉัตรชบาจุดธูปส่งให้ฉัตรชนกหนึ่งดอก และสำหรับตัวเองหนึ่งดอก
ฉัตรชนกไหว้ศพ โศร้าโศก
"ศา...ผมขอโทษที่ดูแลคุณไม่ดีอย่างที่ผมเคยให้สัญญาไว้ ถ้าคืนนั้นผมตามคุณออกไปเร็วกว่านั้น ก็คงไม่เกิดเรื่องเลวร้ายกับคุณแบบนี้" ฉัตรชนกน้ำตาไหล "เป็นความผิดของผมเอง"
ฉัตรชบาไหว้เคารพศพเสร็จก็เอาธูปปักในกระถาง แล้วมองฉัตรชนกด้วยความสงสารจับใจ
"ชบาบอกแล้วไงคะว่าไม่ใช่ความผิดของพี่ฉัตร พี่ฉัตรอย่าโทษตัวเองสิคะ"
อัคคีที่นั่งอยู่กับอดุลย์หันมาเห็นฉัตรชนกกับฉัตรชบาก็โกรธ ลุกพรวดเดินเข้าหา
อดุลย์กลัวเกิดเรื่อง รีบตามไปห้ามอัคคี
"ถ้าพี่ไม่ชวนศาไปงาน ศาก็คงไม่ตาย พี่เป็นคนทำให้ศาต้องตาย พี่เป็นคนทำร้ายศา พี่ผิดเอง"
ฉัตรชนกเอื้อมมือไปจะปักธูปในกระถาง ทันใดนั้นอัคคีก็ยื่นมือเข้ามาดึงธูปออกจากมือฉัตรชนก แล้วเอาหัวธูปปักลงในกระถาง พูดน้ำเสียงแข็งกร้าว
"ไม่ต้องมาไหว้ศพน้องกู" อัคคีกระชากคอเสื้อฉัตรชนกขึ้นมา "มึงยอมรับแล้วใช่มั้ยว่ามึงทำร้ายศาจริงๆ"
อัคคีจับฉัตรชนกเหวี่ยงออกไป ฉัตรชนกไม่ทันตั้งตัว ถูกเหวี่ยงล้มลงกับพื้น
แขกเหรื่อในงานแตกตื่นตกใจ
ฉัตรชบาตกใจ
"พี่ฉัตร! ทำบ้าอะไรของนาย ไอ้คนไร้มารยาท"
ฉัตรชนกลุกขึ้นมายืนข้างน้องสาว
"ขอให้ผมได้ลาศาเป็นครั้งสุดท้ายไม่ได้เหรอครับ"
" มึงทำให้ศาตาย แล้วจะมาลาศาเพื่ออะไร มึงจะออกไปดีๆ หรือให้กูจับโยนออกไป"
อดุลย์สะกิดอัคคี
"ใจเย็นสิวะอัคคี แขกแตกตื่นกันหมดแล้ว"
ฉัตรชนกหันไปมองรูปภาพหน้าศพอย่างอาลัยอาวรณ์ ไม่ยอมออกไป
อัคคีตะคอกใส่ "กูบอกให้มึงออกไป! หูแตกรึไงห๊ะ!"
อัคคีกระชากตัวฉัตรชนกลากออกไปข้างนอกศาลา ฉัตรชนกเศร้าเสียใจเรื่องวรรณิศาเลยไม่สู้ ปล่อยให้อัคคีลากออกไปแบบคนหมดอาลัยตายอยาก
"พี่ฉัตร!"
ฉัตรชบากับอดุลย์รีบวิ่งตามอัคคีกับฉัตรชนกออกไป
อัคคีลากฉัตรชนกออกมาโยนที่หน้าศาลาวัด ฉัตรชนกเสียหลัก เซเกือบล้ม ฉัตรชบาเข้ามาประคองรับไว้ทัน อดุลย์เข้ามายืนอยู่ข้างๆ อัคคี ดูสถานการณ์ไป
"ไสหัวไป แล้วอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก"
"ไอ้คนป่าเถื่อน โหดร้าย ใจยักษ์ พูดกันดีๆ ไม่เป็นหรือไง ทำไมต้องใช้กำลัง"
"พี่ชายคุณนั่นแหละที่ป่าเถื่อน โหดร้าย ใจยักษ์ มันทำกับศาอย่างนั้น มันยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า"
ฉัตรชนกเสียใจ
"ใช่ ผมผิด ผิดที่ปกป้องศาไม่ได้"
อัคคีกระชากคอเสื้อ
"แกยอมรับแล้วใช่มั้ยว่าแกเป็นคนทำให้ศาเป็นแบบนี้"
อดุลย์เข้าไปดึงตัวอัคคีออก
"พอแล้วอัคคี"
อัคคีไม่ยังยอมปล่อยมือจากคอเสื้อฉัตรชนก
"ศาตาย ไม่ใช่แต่คุณคนเดียวที่เสียใจ ผมเองก็เสียใจไม่น้อยกว่าคุณเหมือนกัน"
อัคคีต่อยหน้าฉัตรชนก
"เสียใจเหรอ! มึงกล้าพูดว่าเสียใจเหรอ"
ฉัตรชนกเซถอยหลังไปนิดหนึ่ง
"พี่ฉัตร!" ฉัตรชบาเข้าไปประคองพี่ชาย
อัคคีจะตามไปซ้ำ แต่ถูกอดุลย์จับตัวล็อคไว้ อดุลย์พยายามจะลากอัคคีเข้าไปข้างใน อัคคีฝืนตัวไว้
"หยุดบ้าได้แล้วอัคคี"
"ปล่อยฉัน ฉันจะฆ่ามัน!!! ปล่อยสิวะ"
อดุลย์บอกฉัตรชบา
"คุณพาพี่ชายคุณกลับไปก่อนเถอะครับ"
อดุลย์จะล็อคตัวอัคคีไม่ไหวแล้ว
"รีบกลับก่อนเถอะครับ ผมขอร้อง"
ฉัตรชบาหันมาจ้องหน้าอัคคีด้วยความโกรธ แล้วตบหน้าอัคคีอย่างแรงไปทีนึง
"สำหรับความป่าเถื่อน ไร้เหตุผลของนาย"
อดุลย์ที่ล็อคตัวอัคคีไว้อยู่ ถึงกับอึ้งกิมกี่
อัคคีโกรธ ดิ้นไปมา
"ยัยบ้าเอ๊ย! อดุลย์ปล่อยฉัน ปล่อยสิโว้ย!"
อดุลย์ลากอัคคีเข้าไปข้างในอย่างยากลำบาก เพราะอัคคีดิ้นแรงตลอดเวลา ฉัตรชบาประคองพี่ชายเดินห่างออกไป อัคคีมองตามอย่างอาฆาตแค้น
ผ่านเวลาหลายวัน ในห้องนอนวรรณิศา จิดาภากำลังเก็บเสื้อผ้าของวรรณิศาใส่ถุง อัคคีนั่งเศร้าๆ อยู่ที่โต๊ะทำงานของวรรณิศาตรงมุมห้อง
จิดาภาเก็บของไปพูดไป
"ฉันจะเอาเสื้อผ้ากับของใช้ของศาไปบริจาคให้นะคะ จะได้เป็นบุญกุศลกับศาด้วย"
อัคคีเศร้า
"ขอบคุณมากนะครับจิที่อยู่ช่วยผมจัดงานศพศาจนเสร็จเรียบร้อย"
"ในเวลาแบบนี้จะให้ฉันทิ้งคุณไปได้ยังไงล่ะคะ"
อัคคียิ้มให้จิดาภาอย่างอุ่นใจ แล้วหันไปหยิบสมุดไดอารี่ของวรรณิศามาเปิดอ่าน ครู่หนึ่งก็มีสีหน้าโกรธแค้น
ข้อความในไดอารี่ เขียนว่า “วันนี้ฉันยอมเป็นของคุณฉัตรเพราะฉันรักเค้ามาก...”
เสียงวรรณิศาดังเข้ามา
"วันนี้ฉันยอมเป็นของคุณฉัตรเพราะฉันรักเค้ามาก..."
ในอดีต วรรณิศานั่งเขียนไดอารี่อยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องนอน
"แล้วคุณฉัตรก็สัญญากับฉันว่าเราจะแต่งงานกัน คุณฉัตรจะไม่ทอดทิ้งฉัน วันนี้เป็นวันที่ฉันมีความสุขมากที่สุดในชีวิต แต่ถ้าคุณฉัตรไม่ทำตามสัญญา ฉันก็คงจะ...มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้"
วรรณิศามองเหม่อไปข้างหน้า สีหน้าไม่มั่นใจในอนาคตของตัวเองกับฉัตรชนก
อัคคี สีหน้าโกรธแค้นมาก ยิ่งนึกถึงคำพูดของพัฒนะที่บอกว่า
"คุณฉัตรชนกประกาศแต่งงานกับคุณเกษณีย์ต่อหน้าคุณศา คุณศาเสียใจมากก็เลยวิ่งหนีออกจากงานไป"
พัฒนะพูดโยนความผิดให้ฉัตรชนก
"ผมแอบได้ยินคุณฉัตรชนกพูดกับคุณฉัตรชบาด้วยว่าคุณศาตามตื๊อคุณฉัตรชนก ทั้งที่คุณฉัตรชนกไม่ได้รักคุณศาเลย แล้วคุณฉัตรชนกก็บอกคุณฉัตรชบาด้วย ว่าจะหาทางเขี่ยคุณศาออกจากชีวิตให้เร็ว คุณฉัตรชนกจะได้แต่งงานกับคุณเกษณีย์อย่างสบายใจ แต่ผมก็ไม่คิดว่าคุณฉัตรชนกจะใช้วิธีโหดถึงขนาดส่งคนไปข่มขืนคุณศาอย่างนี้"
อัคคีนึกถึงคำพูดของฉัตรชบา
เธอตั้งใจประชดเพื่อความสะใจ
"ตอนแรกฉันก็ว่าจะช่วยเชียร์น้องสาวคุณอยู่หรอกนะ แต่เห็นทำตัวแบบนั้นแล้วฉันคงรับเป็นพี่สะใภ้ไม่ลง ฉันเชียร์ให้พี่ฉัตรแต่งงานกับคุณเกษณีย์ซะยังดีกว่า"
อัคคีทุบกำปั้นลงบนโต๊ะอย่างแรกด้วยความโกรธแค้น
จิดาภาตกใจ รีบเดินมาหาอัคคี
"เป็นอะไรคะอัคคี"
อัคคีแค้น
"ไอ้ฉัตรมันได้ศาแล้วมันก็ทิ้งศา จะไปแต่งงานกับคนอื่น ยัยฉัตรชบาก็ร้ายพอกัน ยุยงส่งเสริมให้พี่ชายทำร้ายศา เลวเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง"
"คุณเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าคะอัคคี"
"ไม่ผิดแน่ เพราะจากคำพูดของคุณพัฒนะและยัยฉัตรชบาอะไรนั่น รวมถึงข้อความในไดอารี่ของศา มันบอกชัดเจนว่านอกจากไอ้ฉัตรชนกมันจะเลวทรามถึงขนาดจ้างคนไปทำร้ายศาแล้ว มันยังหลอกให้ศารักจนยอมเป็นเมียมัน แล้วมันยังคิดจะทิ้งศาไปแต่งงานกับคนอื่นอีก ไอ้สารเลว!"
อัคคีกัดฟันบอกอย่างแค้นจัด
หลายวันต่อมา ภาพข่าวการแต่งงานของฉัตรชนกกับเกษณีย์ในหน้าหนังสือพิมพ์ ภาพฉัตรชนกกับเกษณีย์ใส่ชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวยืนถ่ายรูปอยู่กับญาติของทั้งสองฝ่าย...ฉัตรชบายิ้มแย้มหน้าบานอยู่ข้างๆ ฉัตรชนก
หนังสือพิมพ์นั้นถูกอัคคีขยำแล้วปาทิ้งลงพื้น...
"ศาเพิ่งตายไม่กี่วัน มึงก็รีบแต่งงานกับคนอื่นแล้วเหรอ มึงอย่าหวังเลยว่ามึงจะได้อยู่อย่างมีความสุข ไอ้ฉัตรชนก!!"
อัคคีเดินปึงปังออกจากบ้านไป
อัคคีสะกดรอยตามฉัตรชบาไปตามที่ห้างสรรพสินค้า ฉัตรชบาเดินช้อปปิ้งเข้าร้านโน้นออกร้านนี้เธอรู้สึกเหมือนมีคนสะกดรอยตาม แต่พอหันมาดูก็ไม่เห็นใคร ฉัตรชบาคิดว่าคงคิดมากไป เลิกใส่ใจ เดินช้อปปิ้งต่อไป อัคคีมองตามหลังฉัตรชบาอย่างอาฆาตมาดร้าย
ฉัตรชบาหิ้วถุงช้อปปิ้งมาที่รถ เห็นมีรถมาจอดขวางปิดทางออกของรถตนเอาไว้ก็หงุดหงิด
เธอเดินไปเข็นรถคันนั้นออกให้พ้นทาง แต่เข็นเท่าไหร่รถก็ไม่ขยับ ฉัตรชบาเดินไปส่องที่กระจกรถด้านข้างคนขับ
ฉัตรชบาอารมณ์เสีย
"จอดรถขวางทางชาวบ้านแล้วยังจะใส่เบรกมืออีก"
ฉัตรชบามองซ้ายมองขวาจะหาคนช่วย แต่ไม่มีใครซักคน
ด้านหลังฉัตรชบา เห็นอัคคีเดินใกล้เข้ามา เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าที่โปะยาสลบเอาไว้แล้วออกมา เตรียมจะโปะยาสลบฉัตรชบา
ทันใดนั้น ฉัตรชบาก็ทำท่าเหมือนเห็นใครบางคนแล้วโบกมือเรียก
ฉัตรชบาตะโกน "รปภ. ทางนี้ค่ะ"
อัคคีชะงัก รีบหลบเข้าที่หลังรถคันหนึ่งทันที
รภป. เดินเข้ามาหาฉัตรชบา
"มีอะไรให้ช่วยครับ"
ฉัตรชนกหน้าเหวี่ยง
"ช่วยไปตามเจ้าของรถคันนี้มาเลื่อนรถให้หน่อยค่ะ"
"ได้ครับ"
รปภ. หันไปจดทะเบียนรถแล้วจะเดินออกไป
ทันใดนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินตรงมาที่รถเจ้าปัญหาพร้อมกดรีโมทปลดล็อครถ
รปภ. หันไปมองผู้หญิงคนนั้น
"เจ้าของรถมาพอดีเลยครับ"
ฉัตรชบาหันไปมองผู้หญิงคนนั้น พูด “คะ” แต่สีหน้าและน้ำเสียงจิกมาก
"ป้าคะ จะจอดรถขวางแบบนี้ทำไมไม่ปลดเบรกมือด้วยล่ะคะ ทำแบบนี้คนอื่นเดือดร้อนนะคะ"
"ขอโทษค่ะ ฉันลืมไป"
ผู้หญิงคนนั้นรีบขึ้นรถแล้วขับออกไป
ฉัตรชบาไปขึ้นรถ รปภ. อยู่คอยโบกรถให้ ฉัตรชบาขับรถออกจากลานจอดรถไป
อัคคีมองตามท้ายรถของฉัตรชบาไปด้วยสีหน้าเจ็บใจ ที่จับตัวฉัตรชบาไม่สำเร็จ
อ่านต่อหน้า 4
เกมพยาบาท ตอนที่ 3 (ต่อ)
วันใหม่ บริเวณหน้าบริษัทของฉัตรชนก ที่มุมลับตามุมหนึ่ง มีรถกระบะเก่าๆ คันหนึ่งจอดซุ่มอยู่
คนขับคืออัคคี สวมหมวก ใส่แว่นตาดำ หันหน้ามองเข้าไปในบริษัทฯ เหมือนซุ่มรอใครบางคนอยู่
อัคคีมีสีหน้าคิดร้าย
ฉัตรชบานั่งคุยกับฉัตรชนกอยู่ในห้องทำงานของฉัตรชนก
"ชบาจะออกไปดูที่ดินที่เราจะซื้อทำโครงการใหม่แถวรังสิตหน่อยนะคะพี่ฉัตร"
ฉัตรชนกเป็นห่วง
"ที่ตรงนั้นมันเปลี่ยวนะ ไม่มีบ้านคนเลย ชบาจะไปคนเดียวเหรอ"
"พี่ฉัตรไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ชบาจะไปกับภู ดูที่เสร็จแล้วเราก็จะเลยไปดูคอนเสิร์ตกันต่อด้วย ท่านประธานคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ยคะ"
ฉัตรชนกยิ้มๆ
"พี่จะไปว่าอะไรล่ะ"
เกษณีย์เปิดประตูพรวดพราดเข้ามาในห้อง...
เกษณีย์เข้ามาเกาะแขนสามี พูดจากระเง้ากระงอด
"เราเพิ่งจะแต่งงานกันแท้ๆ แทนที่คุณจะพาฉันไปฮันนีมูน แต่กลับเอาแต่ทำงานอย่างนี้ ฉันชักจะน้อยใจแล้วนะคะ"
ฉัตรชนกแอบทำหน้าเซ็งๆ ฉัตรชบาช่วยพูดแก้ตัวให้
ฉัตรชบาแอบทำหน้าเซ็งเกษณีย์ แล้วพูดเหน็บไป
"พี่ฉัตรรีบมาเคลียร์งานก็เพราะจะได้มีเวลาพาพี่เกษไปฮันนีมูนเร็วๆ ยังไงล่ะคะ แต่ถ้าพี่เกษยังตามมากวนพี่ฉัตรอย่างนี้ พี่ฉัตรก็คงเคลียร์งานไม่เสร็จ พี่เกษก็จะอดไปฮันนีมูนนะคะ"
เกษณีย์เชิดใส่
"ความจริงคุณฉัตรก็ไม่เห็นต้องห่วงงานเลยนี่คะ เพราะมีน้องชบาช่วยงานอยู่แล้วทั้งคน คุณจะไปฮันนีมูนรอบโลกซักเดือนสองเดือนก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย"
ฉัตรชบาสวนทันที
"งานชบาก็ตั้งเยอะแล้ว จะให้ไปช่วยงานของพี่ฉัตรอีก ชบาทำไม่ไหวหรอกค่ะ พี่ฉัตรเคลียร์กับเมียพี่เองนะคะ ชบาไปทำงานของชบาดีกว่า... " เหน็บเกษณีย์สักหน่อย " ไม่อยากทำตัวลอยไปลอยมาไร้สาระไปวันๆ เหมือนใครบางคน"
ฉัตรชบาเดินออกไป
เกษณีย์โกรธ
"แอร๊ย ! คุณฉัตรดูน้องสาวคุณนะคะ พูดจาไม่เห็นหัวฉันเลย"
ฉัตรชนกพูดนิ่งๆ
"ที่ชบาพูดก็ถูกแล้วนี่"
"แอร๊ย! คุณฉัตร! นี่คุณให้ท้ายน้องสาวคุณเหรอคะ"
"คุณกลับบ้านไปก่อนเถอะ ผมต้องรีบทำงาน"
"แล้วเรื่องฮันนีมูนของเรา คุณจะว่ายังไงคะ"
ฉัตรชนกเสียงเย็นชา
"ผมยังไม่ว่าง คุณอยากทำอะไรคุณก็ทำไปเลยแล้วกัน"
"ก็ได้! ถ้าคุณไม่สนใจ ฉันก็จะจัดการทุกอย่างเอง แล้วอย่ามาหาว่าฉันไม่บอกก็แล้วกัน"
เกษณีย์สะบัดหน้าแล้วเดินกระแทกเท้าออกไป
ฉัตรชนกถอนใจอย่างเหนื่อยใจ ที่พลาดได้เกษณีย์มาเป็นเมีย
ฉัตรชบาเดินมาที่รถ กำลังจะขึ้นรถ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
ฉัตรชบารับสาย
"ฉันกำลังจะออกไปแล้วค่ะภู"
ภูชิชย์คุยโทรศัพท์อยู่ในห้องทำงาน พร้อมกับดูเอกสารการประชุมไปด้วย ท่าทางงานยุ่งมาก
"ผมมีประชุมด่วน คงไปกับคุณไม่ได้แล้ว ขอโทษด้วยนะครับ"
"ถ้าติดงานก็ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไปคนเดียวได้ค่ะ"
ฉัตรชบาวางสายแล้วขึ้นรถขับออกไป
อัคคียังคงนั่งรอฉัตรชบาอยู่ในรถที่จอดซุ่มอยู่ในที่มุมลับตาหน้าบริษัทฯ เขาเห็นรถของฉัตรชบาขับผ่านประตูหน้าบริษัทออกมา จึงขับรถตามไป ทิ้งระยะห่างพอให้ฉัตรชบาไม่รู้ตัว
ฉัตรชบาขับรถมาตามถนนในกรุงเทพ โดยมีรถของอัคคีขับตามมาห่างๆ เธอขับรถออกมาถึงชานเมือง โดยมีรถของอัคคีขับตามอยู่ ฉัตรชบาไม่รู้ตัว
รถของฉัตรชบาแล่นเข้ามาจอดที่ใต้ต้นไม้ บริเวณที่ดินโล่งกว้างรกร้างแห่งหนึ่ง แถบๆ ชานเมือง
ฉัตรชบาลงจากรถ มองไปรอบๆ เห็นว่าไม่มีใคร ท่าทางลังเลใจนิดหนึ่ง
"ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว ลองไปดูซะหน่อย"
ฉัตรชบากำลังจะเดินไปดูที่ดิน ทันใดนั้นอัคคีก็เอาผ้าเช็ดหน้าชุบยาสลบยื่นเข้ามาปิดจมูกฉัตรชบาจากทางด้านหลัง อัคคีล็อคตัวฉัตรชบาไว้ ฉัตรชบาดิ้นขัดขืน ครู่หนึ่งก็หมดสติไป
เวลากลางคืน ฉัตรชนกกดวางสายโทรศัพท์มือถือ แล้วบอกอำภากับฉกาจที่นั่งอยู่ด้วยกัน
ฉัตรชนกท่าทางร้อนใจ
"ผมโทร. ถามภูแล้วนะครับ ภูบอกว่าวันนี้ติดประชุมด่วน เลยไม่ได้ไปดูคอนเสิร์ตกับชบา"
ฉกาจบอก
"แปลว่าชบาไปดูคอนเสิร์ตคนเดียวเหรอ? แล้วทำไมป่านนี้ยังไม่กลับอีกล่ะ นี่มันตีสองกว่าแล้วนะ"
"ชบาไม่ได้ไปดูคอนเสิร์ตหรอกครับ เพราะบัตรคอนเสิร์ตอยู่ที่ภู ชบาไม่ได้แวะไปเอาบัตร"
อำภาเริ่มร้อนใจ
"ถ้าอย่างนั้นชบาหายไปไหนล่ะ ฉัตรลองโทร.หาน้องอีกทีซิ"
"ผมโทร.เป็นร้อยรอบแล้วครับคุณแม่ แต่ชบาไม่รับสายเลย"
เกษณีย์ใส่ชุดนอนเดินลงมาจากชั้นบน เข้ามาเกาะแขนฉัตรชนกตาม
"ดึกป่านนี้แล้วขึ้นไปนอนกันเถอะค่ะคุณฉัตร"
ฉัตรชนกฝืนตัวไว้
"ผมจะรอชบากลับมาก่อน"
เกษณีย์หน้าหงิก โวยวาย
"ชบาไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะคะ ไม่ต้องห่วงมากนักหรอกค่ะ ตอนนี้ชบาอาจจะเที่ยวอยู่กับเพื่อนๆ สนุกเพลิน จนลืมไปว่ามีคนที่บ้านเป็นห่วงอยู่ก็ได้นะคะ ขึ้นไปนอนกันดีกว่าค่ะ ฉันนอนคนเดียวแล้วนอนไม่หลับ"
เกษณีย์ลากตัวฉัตรชนกขึ้นไปข้างบน ฉัตรชนกเดินขึ้นไป พร้อมมีสีหน้าเป็นห่วงฉัตรชบาอยู่
ฉกาจแขวะอำภา
"ลูกสะใภ้คนโปรดของคุณ ไม่คิดจะเป็นห่วงน้องผัวมั่งเลยหรือไง คนเค้าทุกข์ร้อนกันจะเป็นจะตาย ยังจะมาลากผัวขึ้นไปนอนอีก"
"คุณก็อคติ ยัยชบาอาจจะกำลังเที่ยวเพลินอย่างที่หนูเกษพูดก็ได้ ฉันว่าเราก็ขึ้นไปนอนกันเถอะค่ะ เดี๋ยวยัยชบาก็คงจะกลับมาเอง"
อำภากับฉกาจเดินขึ้นชั้นบนไป
กลางดึก ฉัตรชบานอนสลบอยู่ที่พื้นกระท่อม ครู่หนึ่งก็ลืมตาฟื้นขึ้นมา แล้วยันตัวลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ เห็นแต่ความมืดก็ตกใจ
"ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง"
ฉัตรชบามีสีหน้าย้อนคิด
ขณะกำลังจะเดินไปดูที่ดิน ทันใดนั้นอัคคีก็เอาผ้าเช็ดหน้าชุบยาสลบยื่นเข้ามาปิดจมูกฉัตรชบาจากทางด้านหลัง อัคคีล็อคตัวฉัตรชบาไว้ ฉัตรชบาดิ้นขัดขืน ครู่หนึ่งก็หมดสติไป
ฉัตรชบาเริ่มกลัว รีบลุกขึ้น จะวิ่งออกไปข้างนอก แต่ก็ถูกโซ่ที่ขารั้งไว้จนสะดุดหกล้ม เธอเอามือจับที่ขาตัวเอง เห็นว่ามีโซ่ล่ามไว้ก็ยิ่งกลัว เธอมองเห็นช่วงขาของผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในกระท่อม
ฉัตรชบาถอยหนีด้วยความหวาดกลัว
"แกเป็นใคร"
ฉัตรชบามองไล่จากช่วงขาของผู้ชายคนนั้นขึ้นไปถึงจนถึงใบหน้า แต่ภายในกระท่อมมืดมาก มองเห็นหน้าไม่ชัด
ฉัตรชบาตวาดถามอีกครั้ง
"ฉันถามว่าแกเป็นใคร!"
ผู้ชายคนนั้นเดินไปจุดตะเกียงเจ้าพายุ แล้วถือตะเกียงเดินมายืนตรงหน้าเธอ
ฉัตรชบาเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นชัดๆ ว่าที่แท้ก็คืออัคคีนั่นเอง
"นายอัคคี!"
อัคคีย่อตัวลงนั่งใกล้ๆ ฉัตรชบา แล้ววางตะเกียงลง
"ใช่ ผมเอง"
ฉัตรชบาปรี๊ดใส่
"นายจับฉันมาทำไม"
"คุณกับพี่ชายคุณต้องชดใช้ให้ศา"
"ชดใช้อะไร"
อัคคีสีหน้าเหี้ยม
"ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต!!! พี่ชายคุณทำให้น้องสาวผมต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน มันก็ต้องได้รับรู้รสชาติของการที่ต้องทนเห็นน้องสาวตัวเองทุกข์ทรมานจนตายอย่างผมดูบ้างเหมือนกัน"
"นายจะทำอะไรฉัน"
"ผมจะทรมานคุณแล้วส่งรูปไปให้ไอ้ฉัตรชนกดู อยากรู้เหมือนกันว่าถ้ามันเห็นน้องสาวของตัวเองถูกทรมานเยี่ยงนักโทษ มันจะรู้สึกยังไง"
"บ้านเมืองมีขื่อมีแป นายจะใช้ศาลเตี้ยตัดสินคนอื่นอย่างนี้ไม่ได้นะ"
"คนสารเลวอย่างคุณกับพี่ชายคุณ มันก็ต้องโดนลงโทษด้วยวิธีป่าเถื่อนอย่างนี้แหละ มันถึงจะสมน้ำสมเนื้อกัน"
ฉัตรชบาตะโกนใส่หน้า
"ไอ้บ้า นายมันบ้าไปแล้ว"
อัคคีรวบมือฉัตรชบาไว้ แล้วพูดใส่หน้า
"ก็เพราะคุณกับพี่ชายคุณนั่นแหละ ที่ทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้ เตรียมตัวรับการลงโทษจากผมไว้ให้ดีก็แล้วกัน"
อัคคีผลักฉัตรชบาล้มลงกองกับพื้น แล้วเดินออกไป
"นายอัคคี!!! ไอ้บ้า ไอ้ป่าเถื่อน อย่าให้ฉันหนีออกไปได้นะ ฉันจะแจ้งตำรวจมาลากคอนายเข้าคุก"
ฉัตรชบาตะโกนด่าเสียงดังไล่หลัง
บ้านฉัตรชนก เช้าวันใหม่
ในห้องโถง ภูชิชย์ถามฉัตรชนกด้วยความร้อนใจ
"ชบายังไม่กลับมาอีกเหรอครับพี่ฉัตร"
"ตำรวจแจ้งมาว่า เจอรถของชบาจอดทิ้งไว้ตรงที่ดินแถวรังสิต แต่ไม่รู้ว่าชบาหายไปไหน"
อำภานั่งท่าทางจะเป็นอยู่ โดยมีฉกาจถือยาดมอังที่จมูกให้อำภา
ภูชิชย์รู้สึกผิด
"เป็นความผิดของผมเอง ผมไม่น่าปล่อยให้ชบาไปคนเดียวเลย"
อำภาร้องไห้
"ไม่รู้ว่ายัยชบาจะถูกโจรจับไปเรียกค่าไถ่ หรือจะถูกจับไปทำมิดีมิร้ายอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้" อำภาคร่ำครวญ "โธ่เอ๊ยยัยชบาลูกแม่ ทำไมถึงได้เคราะห์ร้ายอย่างนี้นะ ป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไงบ้างก็ไม่รู้"
"ใจเย็นๆ ก่อนคุณ อย่าเพิ่งคิดอะไรในแง่ร้าย ลูกเราอาจจะไม่เป็นอะไรก็ได้" ฉกาจบอก
"ลูกหายไปทั้งคน จะให้ฉันใจเย็นอยู่ได้ยังไงคะคุณ" อำภาร้องไห้กระซิกๆ ไป
ฉัตรชนกเครียด เกษณีย์แต่งตัวสวยเดินเข้ามา
เกษณีย์มองอำภา แล้วแอบทำท่ารำคาญนิดหนึ่ง
"คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงน้องชบาหรอกค่ะ น้องชบาเก่งจะตาย ไปเรียนที่อเมริกาคนเดียวตั้งหลายปียังเอาตัวรอดได้ ครั้งนี้ก็คงไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ"
"แต่ชบาหายไปทั้งคืนเลยนะ แถมตำรวจก็เจอรถจอดทิ้งไว้อีก แม่ล่ะกลัวจริงๆ"
อำภาร้องไห้ ฉกาจลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจไป เกษณีย์ไม่สนใจอำภา เดินเข้าไปหาฉัตรชนก
เกษณีย์เกาะแขนออดอ้อน
"คุณฉัตรช่วยเซ็นเช็คให้ฉันซัก 2 ล้านสิคะ"
"เงินตั้งเยอะ คุณจะเอาไปทำอะไร"
"ฉันจะเอาไปลงทุนกับเพื่อนค่ะ"
"เรื่องลงทุนผมไม่อยากขัดหรอกนะ แต่ผมขอดูรายละเอียดก่อน แต่ขอคุยวันหลังนะ วันนี้ผมต้องตามหาชบาก่อน ยังไม่มีเวลาคุยกับคุณ " เขาแกะมือเกษณีย์ออกจากตัว
เกษีณีย์ไม่พอใจ
"คุณแม่ดูคุณฉัตรสิคะ ตั้งแต่แต่งงานกันมา คุณฉัตรก็ไม่สนใจไยดีเกษเลย"
อำภาเอาใจลูกสะใภ้
"ใจเย็นๆ นะหนูเกษ ถ้าตาฉัตรไม่ให้ เดี๋ยวแม่ให้เอง"
เกษณีย์ยิ้มดีใจ "จริงเหรอคะ"
"จริงสิจ้ะ"
ฉัตรชนกกับฉกาจมองหน้ากันแล้วทำหน้าไม่สบายใจที่อำภาเอาใจเกษณีย์จนเกินพอดี
ภายในเกาะร้าง อัคคีหิ้วถังน้ำเข้ามาในกระท่อม แล้วสาดใส่ฉัตรชบาที่นอนหลับอยู่
"จะนอนกินบ้านกินเมืองรึไงแม่คุณ ตื่นได้แล้ว!"สาดแล้วโยนถังกระแทกพื้นดังโครม
ฉัตรชบาสะดุ้งตื่น แล้วเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง
" ไอ้บ้า!!! ทำไมต้องป่านเถื่อนกับฉันอย่างนี้ด้วย ฉันไปทำอะไรให้นาย"
อัคคีตะคอกใส่
"เมื่อคืนผมก็บอกคุณไปหมดแล้วนี่ สมองเสื่อมรึไงห๊ะ"
ฉัตรชบาลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับอัคคีแบบไม่กลัว
"ถ้างั้นฉันก็จะบอกนายอีกครั้งเหมือนกันว่าการตายของน้องสาวนาย พี่ฉัตรไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย พี่ฉัตรไม่ผิด ได้ยินมั้ยว่าพี่ชายฉันไม่ผิด"
อัคคีจับต้นแขนสองข้างของฉัตรชบาบีบแรงๆ
"ถ้าไอ้ฉัตรนรกนั่นไม่ผิด แล้วหมาตัวไหนที่ผิด"
ฉัตรชบาตบหน้าอย่างแรง "หยาบคาย!"
อัคคีเอามือลูบแก้มข้างที่ถูกตบ แล้วมองหน้าฉัตรชบาด้วยสีหน้าแววตากวนประสาท
"ตั้งแต่รู้จักกันมา คุณตบหน้าผมกี่ครั้งแล้วห๊ะ"
"ถ้านายไม่ปล่อยฉันไป ฉันก็จะตบนายอีก"
พูดจบ ฉัตรชบาก็ตบหน้าอัคคีไปอีกที ทุบตีเขาแบบรัวๆ
"ปล่อยฉันนะไอ้บ้า ถ้าไม่ปล่อยฉัน ฉันจะฆ่านาย ปล่อยฉันๆๆ"
อัคคีจับข้อมือสองข้างของฉัตรชบากดล็อคไว้
"ถ้าคิดว่ามีปัญญาก็เชิญ"
ฉัตรชบาเอาหน้าผากมาโขกกับหน้าผากของอัคคีอย่างแรง เขาผงะไปเล็กน้อย แต่ยังไม่ปล่อยมือ "โอ๊ย! ยัยตัวแสบเอ๊ย"
"นายรู้จักฉันน้อยไป คนอย่างฉันไม่ยอมถูกรังแกง่ายๆ หรอกนะ ถ้านายคิดจะขังฉันไว้ที่นี่ ก็อย่าหวังว่านายจะได้อยู่อย่างสงบสุข"
"แล้วผมจะคอยดูว่าคุณกับผม ใครจะแน่กว่ากัน แล้วอย่ามาร้องขอชีวิตจากผมทีหลังก็แล้วกัน"
"ต่อให้ต้องตาย ฉันก็จะไม่มีวันร้องขอชีวิตจากนาย ฉันจะต้องหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้ แล้วฉันจะแจ้งตำรวจมาลากคอนายเข้าคุก"
"ปากดี อวดเก่งอย่างนี้ให้ตลอดก็แล้วกัน"
อัคคีหันหลังเดินปึงปังออกไปข้างนอก ฉัตรชบาหันไปหยิบถังน้ำปาใส่หลัง อัคคีหันกลับมามองด้วยสีหน้าโกรธจัด
"ฤทธิ์มากนัก วันนี้ก็อดข้าวไปละกัน"
อัคคีเดินปึงปังออกจากกระท่อมไป
คล้อยหลังอัคคี ฉัตรชบาก็ทรุดตัวลงนั่งร้องไห้ด้วยความอัดอั้นตันใจทันที
อ่านต่อตอนที่ 4