xs
xsm
sm
md
lg

กะรัตรัก – Diamond Lover ตอนที่ 12

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กะรัตรัก - Diamond Lover ตอนที่ 12

เหลยอี้หมิงทนเก็บความอึดอัดใจไว้ไม่ไหว บ่นระบายให้เกาเหวินฟัง ขณะนั่งดื่มกันอยู่สองคนที่ท้ายรถอี้หมิง ซึ่งจอดอยู่ในสวนสาธารณะใต้สะพานข้ามแม่น้ำ

“เพราะเธอเป็นเพื่อนรักของผม และสำคัญที่สุดในชีวิตผมด้วย”
“เพื่อนของคุณชอบ คนอื่นงั้นเหรอ” เกาเหวินคิดตามช้าๆ ก่อนจะหันมาถามอี้หมิงว่า “เธอเป็นใครล่ะ”
อี้หมิงได้แต่ฮึดฮัดอึดอัดใจ สุดท้ายไม่กล้าบอกไปว่าเป็นมี่เหม่ยลี่
“ไม่ พูดไม่ได้ ผมกลัวว่าพูดออกไปแล้ว เราอาจไม่ได้เป็นแม้แต่เพื่อนกันอีก”
เกาเหวินเข้าใจและเห็นใจ “เรื่องของความรักเนี่ยนะ ถึงสถานะไม่ใช่ แต่ก็ไม่เป็นไร แม้แต่เวลาไม่ถูก ก็ไม่เป็นไร แม้ว่าทุกอย่างจะถูกหมด แต่มักมีคนๆ หนึ่งทำไม่ถูก อย่ามีความรักเลย รักแล้วเหนื่อยแบบนี้จะมีไปทำไม มา”
“ใช่ มา ดื่ม” อี้หมิงชนเหล้า “เฮ้อ…ถ้าผมไร้ความรู้สึกได้เหมือนคุณก็คงดี”
เกาเหวินประคองอี้หมิงซึ่งเมาหมดสภาพ มาตามทางเดินหน้าห้องพักของโรงแรมแห่งหนึ่งอย่างทุลักทุเล
“เดี๋ยวก่อน โอ๊ย”
อี้หมิงล้มลงไปนอนกองกับพื้นทางเดิน
“ถึงบ้านแล้วใช่มั้ย โอเค งั้นผมนอนก่อนนะ”
เกาเหวินคาบคีย์การ์ดห้องพักฉุดอี้หมิงขึ้น “ใกล้ถึงบ้านแล้ว ลุกขึ้นเร็ว”
อี้หมิงบ่นบ้า “คุณให้ผมลุกขึ้นทำไม”
“ลุกขึ้นก่อน” เกาเหวินฮึดฮัดลากอี้หมิงเดินถอยหลังมาอย่างทุลักทุเล “เดี๋ยวก็จะถึงแล้ว เดินอีกไม่กี่ก้าว ฉันจะตายอยู่แล้ว”
“คุณอย่าลากผมได้มั้ย ผมเดินเองได้ ผมเดินเองได้คุณไม่ต้องประคอง”
“ฉันไม่ได้ประคองคุณ”
“ดูคุณทำสิผมต้องเดินเฉียงๆ เลย”
“ไม่ต้องพูดแล้วได้มั้ย ยืนนิ่งๆ อย่าขยับนะ อย่าขยับ” เกาเหวินปล่อยอี้หมิงยืนไว้ ส่วนเธอหยิบการ์ดจากปากหันไปเปิดประตูห้อง “ฉันจะบ้าตายฉันเป็นหนี้คุณตั้งแต่ชาติไหนเนี่ย อย่าขยับ”
“ไม่เป็นไรผมยืนเองได้” อี้หมิงอวดเก่งยืนโงนเงนหน้าจะทิ่มลงพื้นรอมร่อ เกาเหวินต้องถลาไปรับไว้ทัน
“ได้ฉันไม่แตะต้องคุณ อย่าขยับนะๆ ยืนนิ่งๆ อย่าขยับ”
สุดท้ายเกาเหวินต้องรูดการ์ดแล้วใช้เท้าถีบประตู ลากอี้หมิงเข้าไปในห้องจนได้
“ผม...ผมถามหน่อยสิ คุณจำได้มั้ยตอนเด็กๆ ที่เราอยู่อู๋เจินด้วยกัน”
“ถึงบ้านแล้ว” เกาเหวินลากเกาเหวินมาทางเตียงนอน
“ถึงบ้านแล้วเหรอ”
“ถึงบ้านแล้ว”
อี้หมิงส่งเสียงโวยวายนึกว่าอยู่กับยัยอ้วน “คุณอย่าลืมล็อกประตูให้ผมด้วยนะ”
“ฉันไม่ลืมหรอกน่า”
เกาเหวินเหวี่ยงอี้หมิงคว่ำหน้าลงบนเตียงส่วนตัวเองนอนหงายหอบเหนื่อย
“โอ๊ย เฮ้อ...ทำไมฉันโชคร้ายอย่างนี้นะ ตอนเที่ยงถูกแฉรูปเข้าโรงแรมกับผู้ชาย พอตอนเย็นก็เปิดห้องกับผู้ชายอีกคน ทำไมฉันซวยอย่างนี้นะ”
อี้หมิงหน้าทิ่มอยู่กับที่นอนดิ้นไปมา “อึดอัดจะตายอยู่แล้ว ทำไมหายใจไม่ออกเลย”
เกาเหวินผลักหน้าขึ้นมา “เหลยอี้หมิง ฉันถามอะไรคุณหน่อยได้มั้ย”
อี้หมิงพยักหน้าหงึกหงัก “อื้ม ถามสิ”
“เพื่อนที่คุณหมายถึงเมื่อกี้ อย่าบอกนะว่าเป็นฉัน” อี้หมิงยักคิ้วให้ “โอ๊ย..ถ้ารู้ว่าเป็นอย่างนี้ ฉันรู้ว่าคนที่ชอบฉันมีเยอะมาก เพิ่มคุณมาอีกคนก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ว่าฉัน...ก็ยังไม่เข้าใจคุณอยู่ดี”
อี้หมิงเพ้อออกมา “นานขนาดนี้แล้ว ทำไมฉันยังรักเธอเพียงแค่เธอคนเดียวนะ”
เกาเหวินฟังไม่ถนัดหู เสือกตัวเอาหูมาฟังใกล้ๆ ปากหมอเหลย
“คุณพูดอะไรนะฉันได้ยินไม่ชัด” อี้หมิงคว้าคอเกาเหวินลากมาใกล้ๆ “โอ๊ะ...โอ๊ะ”
“ถ้ารู้แต่แรกว่าจะกลายเป็นแบบนี้ ฉันขอไม่เป็นเพื่อนกับเธอ ตั้งแต่แรกเลยจะดีกว่า”
เกาเหวินกลอกตาไปมองอี้หมิงอย่างคาดไม่ถึง “ฉันจริงๆ เหรอเนี่ย”
เหลยอี้หมิงกอดคอเกาเหวินซึ่งนอนหงายหลับกันไปในท่านั้น

อีกฟากหนึ่ง ฝนตกโปรยปรายขณะที่เซี่ยวเลี่ยวขับรถมาจอดส่งเหม่ยลี่ถึงที่หน้าบ้าน
“ถึงบ้านฉันแล้ว”
เซี่ยวเลี่ยงพยักหน้าให้ “อื้ม เข้าบ้านสิ”
“งั้น ฉันไปก่อนนะคะ” เหม่ยลี่ยิ้มเรี่ยราด ปลดเข็มขัด
เซี่ยวเลี่ยงพยักหน้าให้อีก “อื้ม”
เหม่ยลี่เปิดประตู แต่หันกลับมาถามอีกท่าทีเขินๆ “เอ่อ ฉันขอถามอะไรคุณอย่างนึงสิ ตอนนี้ถือว่าเราคบกันอยู่หรือเปล่า”
“เมื่อกี้ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอ คุณเข้าบ้านก่อนเถอะ”
“เอ่อ แต่ว่าฉันก็ยังไม่เข้าใจเลย แล้วก็ยังมีเรื่องของคุณกับเกาเหวินอีก...”
เซี่ยวเลี่ยงฮึดฮัด “ทำไมคุณสงสัยเยอะแบบนี้ล่ะ ผมบอกให้เข้าบ้านก่อน”
“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ”
พอเหม่ยลี่จะลงจริงๆ เซี่ยวเลี่ยงกลับดึงรั้งไว้ให้หันมาหา
“มี่โตะ หลายสิ่งหลายอย่างยังพูดไม่ได้ แต่คุณอย่ารู้สึกผิดต่อเกาเหวินเพราะเรื่องนี้ ผมเชื่อว่าถ้าเกาเหวินรู้ เธอจะอวยพรให้คุณแน่ ยังไงผมจะรีบจัดการเรื่องของผมกับเกาเหวินให้เรียบร้อย เรื่องก่อนหน้านี้ ขอให้คุณเชื่อผม ให้เวลาผมหน่อย รอผมนะ หืม”
เหม่ยลี่ยิ้มกว้าง ปลื้มลืมโลก ฟินเวอร์ หัวเราะคิกคักโบกมือให้แล้วลงรถไป เซี่ยวเลี่ยงยิ้มส่ง โบกมือให้แล้วถอยรถ ขับออกไป

ทางด้านเหลยอี้หมิงสะดุ้งตื่นขึ้นในตอนเช้า บนเตียงไม่มีเกาเหวินอยู่ด้วยแล้ว หมอเหลยงัวเงียรับสายเหม่ยลี่ที่โทร.มาหา และรีบแก้ตัวพัลวัน
“ฮัลโหลยัยอ้วน เธอฟังฉันอธิบายก่อน เมื่อวานที่ฉันไม่ได้กลับบ้านเพราะเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ”
เหม่ยลี่นอนยิ้มฟินเวอร์คุยสายอยู่บนเตียงนอน ในชุดนอนคิตตี้สีชมพูสุดโปรด
“ฉันไม่ว่านายหรอกน่า”
“เอ่อ...งั้นโอเค เธอรอนะ ฉันจะกลับบ้านเดี๋ยวนี้
เหม่ยลี่หัวเราะคิกคักเล่าให้ฟังเสียงระรื่น “เซี่ยวเลี่ยงเขา...สารภาพรักฉันแล้วล่ะ”
อี้หมิงชะงักกึกคาเตียง
“ฮิๆๆ ฉันไม่คุยกับนายแล้วฉันเขินมากเลย บ๊ายบาย” อี้หมิงวางสายโยนมือถือทิ้งนอนกลิ้งอย่างสุขใจ
ฝ่ายหมอเหลยฝืนยิ้มยินดีให้ยัยอ้วนออกไป ทั้งที่ในใจเจ็บปวดรวดร้าวสุดจะประมาณ ก่อนจะโยนโทรศัพท์

แล้วทิ้งตัวลงนอนขดตัวอยู่บนเตียงอย่างคนอกหักยับเยิน

เช้าวันต่อมา เซี่ยวเลี่ยงเดินเข้ามานั่งตรงมุมรับแขกในห้องทำงาน สั่งงานกับฉีหยูไปด้วย

“แจ้งบริษัทต้นสังกัดเกาเหวิน เมื่อข่าวลือเงียบลงให้รีบประกาศข่าวเลิกกัน”
“ครับ” ฉีหยูรับเอาคำ
มีเสียงเคาะประตูห้อง เซี่ยวเลี่ยงร้องบอกไป
“เข้ามา”
เหม่ยลี่แง้มประตูชะโงกหน้าเข้ามา รีบขอโทษเมื่อเห็นว่าเซี่ยวเลี่ยงคุยงานอยู่กับฉีหยู และทำท่าจะกลับไป
“เอ่อ ขอโทษค่ะฉันไม่ทราบว่าพวกคุณยุ่งอยู่”
“อื้ม ไม่เป็นไร เข้ามาสิ”
“ค่ะ”
เซี่ยวเลี่ยงหันมาถาม “มีอะไร”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่รอไม่ไหว เลยอยากมาหาคุณก่อน ฉันมีเรื่องสำคัญจะหารือกับคุณด้วยค่ะ”
เหม่ยลี่พูดเสียงกระซิบกระซาบ
ฉีหยูหันหน้าหนีไปแอบยิ้มกริ่ม ก่อนจะเก๊กขรึมหันมาขอตัว “คุณเซี่ยว งั้น ผมออกไปก่อนนะครับ”
เซี่ยวเลี่ยงกำชับ “อย่าให้ใครเข้ามานะ”
เหม่ยลี่รีบนั่งลงตรงหน้าเขา “ฉันคิดทบทวนอยู่ทั้งคืนเลยคิดว่าไม่เหมาะสม เกาเหวินเป็นเพื่อนของฉัน อย่างนี้ถือว่าฉันหักหลังหรือเปล่า”
เซี่ยวเลี่ยงโวยวาย “คุณกำลังปฏิเสธผมอยู่เหรอ ผมบอกแล้วไงว่าให้รอผม ผมจะจัดการเอง”
“ความหมายของคุณคือวางแผนเลิกกับเธอเหรอ” เหม่ยลี่ซักไซ้
เซี่ยวเลี่ยงตัดสินใจบอกความจริงออกไป
“ไม่ใช่หรอก แค่ยกเลิกสัญญาการเป็นแฟนเท่านั้น ที่จริงแล้วผมกับเธอคบกันหลอกๆ”
“หลอกๆ เหรอ ยังมีสัญญาเป็นแฟนด้วย” เหม่ยลี่ตกไป คาดไม่ถึง “คุณทำร้ายฉันมากมายขนาดนี้ ที่แท้เป็นแค่เรื่องสมมุติเหรอ”
เซี่ยวเลี่ยงหมั่นไส้เลยแกล้งถามไปว่า “คุณไม่พอใจเหรอ”
เหม่ยลี่ยิ้มกว้างหัวเราะหัวใคร่ออกมา “พอใจค่ะ พอใจมากเลยค่ะ”
ฉีหยูเคาะห้องเดินเข้ามารายงานอย่างร้อนใจ
“คุณเซี่ยวครับ มีคนมาพบคุณ บอกว่าเกี่ยวกับเรื่องของเกาเหวิน”
สองคนหันไปมองเห็นหานปิงเดินเข้ามา เซี่ยวเลี่ยงบอกเหม่ยลี่ทันที
“มี่โตะ คุณออกไปก่อน”
“ค่ะ”
เหม่ยลี่เดินออกไป หยุดมองขณะเดินผ่านหานปิง แต่อีกฝ่ายไม่สนใจทัก เอาแต่มองจ้องมายังเซี่ยวเลี่ยงเขม็ง

ฉีหยูออกไปแล้ว หานปิงเดินสำรวจไปรอบๆ ห้อง หยิบจับข้าวของอย่างถือวิสาสะ ในมือถือซองบางอย่างมาด้วย เอ่ยขึ้นในที่สุดว่า
“แฟนของดาราดังกับผมมันแตกต่างกันจริงๆ ห้องทำงานนี้ ตกแต่งได้มีสไตล์มากเลยนะ”
เซี่ยวเลี่ยงลุกเดินมาหา “ถ้านายมาเพื่อหึงหวงล่ะก็ นายมาหาผิดคนแล้ว ฉันไม่สนใจเรื่องสมัยก่อนของพวกคุณหรอก”
หานปิงลงนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานเซี่ยวเลี่ยง วางมาดโอหัง
“คุณเซี่ยว อย่าพูดตรงขนาดนั้นสิครับ ถ้าคนอื่นได้ยินเรื่องนี้เข้า รู้ว่าคุณกับเธอเป็นแฟนกันหลอกๆ เกรงว่ามันคงไม่ดี”
“พูดต่อไป นายต้องการอะไร” เซี่ยวเลี่ยงบอก
“ได้ คนตายเพราะทรัพย์ นกตายเพราะอาหาร ในมือของผมมีข้อมูลสำคัญมาก ผมแค่อยากขายมันแลกเงินเท่านั้น”
“งั้นก็ไปขายสิ ฉันไม่เป็นไร”
หานปิงยิ้มเยาะ “คุณไม่กลัวผมจะแฉเรื่องนี้ออกไปเหรอ”
เซี่ยวเลี่ยงก้มลงมองจ้องหน้า ชี้ที่ตัวเอง “นายคงยังไม่รู้จักฉันดีพอ ฉันเกลียดคนที่ข่มขู่ฉันที่สุด”
“จริงเหรอ งั้นถ้าหาก...บวกเรื่องนี้ด้วยล่ะ”
หานปิงหยิบรูปนู้ดเปลือยสัดส่วนของเกาเหวินที่เขาเป็นคนถ่ายก่อนเข้าวงการออกมาจากซองในมือ เซี่ยวเลี่ยงอึ้งไป หานปิงยิ้มร้ายอย่างผู้ชนะ
“คราวนี้ผมข่มขู่คุณได้แล้วใช่มั้ย ว่ายังไงคุณเซี่ยว สวยมั้ยล่ะ ที่ห้องผมยังมีน่าตื่นเต้นกว่านี้ คุณว่าถ้าผม...เอารูปไหนก็ได้ออกมาหนึ่งใบ มันจะทำลายอาชีพของเกาเหวินใช่มั้ย และผมจะทำให้ทุกคนรู้ว่าคุณเป็นคนหลอกลวง อ้อ จริงสิ คุณกับเขายังร่วมมือกันเรื่องธุรกิจไม่ใช่เหรอ คุณว่าถ้าเรื่องนี้ถูกแฉออกไป ความสูญเสียของคุณ คงมีมากหรือไม่ล่ะ”
เซี่ยวเลี่ยงมองจ้องหน้าหานปิง “เกาเหวินเป็นคนที่นายรักไม่ใช่เหรอ”
หานปิงหัวเราะเยาะพร้อมกับลุกขึ้น “รักเหรอ ความรักคือสิทธิ์ของคนรวยอย่างพวกคุณ แต่ผมไม่มี เพราะสุดท้ายผมก็ถูกพวกคุณไล่ไปอยู่ดี ผมเอาเงินมาไม่ดีกว่าเหรอ อ้อจริงสิ คุณก็อย่าคิดว่าเสียเปรียบ เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์ของคุณไม่ใช่เหรอ เงินก้อนนี้ คุณสามารถเพิ่มมูลค่าได้จากตัวของเธอ”
เซี่ยวเลี่ยงสุดจะทนหันมามองหน้ากระชากคอเสื้อหานปิงอย่างแรง “ไอ้คนสารเลว”
“ระวังหน่อยสิ ตอนนี้ผมเป็นบุคคลที่สามนะ ถ้าคุณตีผม ก็เท่ากับทำข่าวลือให้เป็นจริง”
เซี่ยวเลี่ยงคุมแค้นถามออกไป “อยากได้เท่าไหร่”
หานปิงบอก “สิบล้าน”
“สิบล้านเหรอ ได้” เซี่ยวเลี่ยงตะบันหน้าหานปิงเต็มแรงจนเขาเซไป กุมแก้มหันขวับมามองอย่างโกรธแค้น
“บวกหมัดนี้ฉันเพิ่มให้นายอีกล้าน ไอ้เลว”
ซีอีโอหนุ่มหันหลังให้ไม่ยอมต่อรองอีก หานปิงกุมแก้มเดินหุนหันออกไป สักครู่หนึ่งเซี่ยวเลี่ยงจึงเดินมาหยิบรูปเปลือยของเกาเหวินขึ้นมาดู
 
แล้วเขวี้ยงทิ้งลงพื้นอย่างอารมณ์เสีย

เหม่ยลี่ร้อนใจ เดินมาดักรออยู่ตรงบันไดหน้าแผนก จนเห็นหานปิงเดินลงมา รีบเข้าไปถาม

“เกิดเรื่องขึ้นกับเกาเหวินใช่มั้ยคะ”
หานปิงไม่ตอบ เดินออกไปเลย เหม่ยลี่หันมาเห็นเซี่ยวเลี่ยงเดินลงมากับฉีหยูพอดี รีบเข้าไปถาม
“คุณเซี่ยว”
เซี่ยวเลี่ยงเดินเลี่ยงออกไป แต่หยุดในอีก 2-3 ก้าว เดินเข้ามาหาเหม่ยลี่เอ่ยขึ้น โดยไม่สนทุกสายตาจับจ้องอยู่
“มี่โตะ วันนี้ผมไปส่งคุณกลับบ้านไม่ได้แล้ว ขอโทษนะ”
จากนั้นซีอีโอหนุ่มจึงเดินออกไปกับฉีหยู
สองสาวในแผนกที่อยู่ใกล้ๆ รีบลุกเดินมารุมถามเหม่ยลี่เป็นการใหญ่
“นี่ มี่โตะๆ คุณเซี่ยวหมายความว่าไง” คนแรกถาม
“ช่วงนี้เขาเดินใกล้กับเธอมากเลย ทำไมเขาต้องไปส่งเธอด้วย” อีกคนซักไซ้อย่างสาระแน
“เขาจะคุยเรื่องงานน่ะ” เหม่ยลี่บอกแล้วเดินกลับโต๊ะไปเลย

ฝ่ายเหลยอี้หมิง ในเสื้อกาวน์เดินนับก้าวต่อก้าวพึมพำๆ คำว่า “ชอบ ไม่ชอบ” อยู่ตามทางเดินในโรงพยาบาล
“ไม่ชอบ ชอบ ไม่ชอบ...”
พยาบาลเดินผ่านมาทักทาย “คุณหมอ” หมอเหลยเพียงโบกมือทักตอบ
นับไปนับมาอี้หมิงชักไม่ถูกใจ “ชอบ...เริ่มจากชอบหรือไม่ชอบดี ไม่ชอบ ชอบ ไม่ชอบ ชอบ ไม่ชอบ ชอบ ไม่ชอบ ชอบ ไม่ชอบ ชอบ ไม่ชอบ”
พยาบาลเสี่ยวเอ๋อซึ่งเข้าเวรอยู่ตรงเคาน์เตอร์ใกล้ๆ ร้องเรียกขึ้น “คุณหมอเหลยคะ”
อี้หมิงเดินมาหา วางสายตรวจชีพจรไว้ในเคาน์เตอร์ “มีอะไร”
“วันนี้คุณบ่นพยาบาลทุกคนเลยนะคะ ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า” เสี่ยวเอ๋อถาม
หมอเหลยเกยคางลงบนกำปั้นที่วางอยู่กับเคาน์เตอร์ บอกเหตุผล
“เรื่องผู้ชายน่ะ ในทุกเดือน จะมีไม่กี่วัน ที่อารมณ์ซึมเศร้า ผิดปกติทางจิต มีความผันผวน ผิดปกติทางจิต และก็ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ สรุปก็คือ...”
เสี่ยวเอ๋อสวนออกมาว่า “ถ้าคุณรู้สึกหดหู่ล่ะก็ บอกฉันได้นะคะ บางที ฉันอาจช่วยคุณได้”
“จริงสิ ดีที่ผมยังมีคุณเสี่ยวเอ๋อ” อี้หมิงคว้าแขนพยาบาลสาวหมับ ถามทันที “ถ้าหากว่า ผู้ชายที่คุณชอบสารภาพรักคุณจะทำยังไง”
เสี่ยวเอ๋อยิ้มเขิน “ฉัน...ฉันยินดีค่ะ”
“ว่าไงนะ”
“เอ่อ...เอ่อ...ฉันหมายความว่า ฉันจะตอบตกลงเขาค่ะ จากนั้นก็เป็นแฟนของเขา”
อี้หมิงฮึดฮัด “แต่ถ้าพวกคุณไม่เหมาะสมกันล่ะ มีวิธีไหนบ้างที่ทำให้พวกคุณแยกจากกัน”
เสี่ยวเอ๋อสวนออกมาทันที “ใครมีความคิดชั่วร้ายอย่างนี้ล่ะ ถ้าฉันหลงรักใครคนหนึ่งจริงๆ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา ฉันก็อยากคบกับเขาอยู่ดี”
เหลยอี้หมิงชีช้ำใจเหลือแสน กุมอกตัวเองทำท่าเหมือนคนจะตาย โบกมือบ๊ายบายให้พยาบาลสาว แล้วร่วงผล็อยลงไปที่พื้นหน้าเคาน์เตอร์นั่นเอง 
“เอ๊ะ หมอเหลย เป็นอะไรคะ เอ๊ะ”
 
เสี่ยวเอ๋องุนงงปนตกใจ

เจสันถึงกับตกใจ ที่จู่ๆ เซี่ยวเลี่ยงก็เดินหน้าเครียดบุกมาหาเกาเหวินถึงในห้องแต่งตัวภายในโรงแรมแห่งนี้ ขณะซุปตาร์สาวกำลังแต่งหน้าทำผมเตรียมจะไปเดินพรมแดงงานหนึ่ง
“โอ๊ะ คุณเซี่ยวมาได้เวลาพอดี เดี๋ยวเกาเหวินกำลังจะเดินพรมแดง คุณ...”
เซี่ยวเลี่ยงตรงมาหาเกาเหวินที่นั่งเล่นมือถือ ให้ช่างทำผมอยู่ พลางยกมือบอกเจสัน
“พวกคุณออกไปก่อน”
เกาเหวินแปลกใจ เงยหน้าจากมือถือ เจสันรีบพาทุกคนออกไป
“ครับๆ เร็วเข้าๆ ออกไปเร็ว ออกไปๆ ค่อยๆ คุยกันนะครับ”
เกาเหวินวางมือถือลงบนโต๊ะกระจกตรงหน้า ถามขึ้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“คุณเซี่ยวมีธุระอะไรคะ ถึงต้องการคุยกับฉันตามลำพัง อะไรเหรอทำลับๆ ล่อๆ”
เซี่ยวเลี่ยงยื่นซองในมือให้ เกาหลิบรับมาดู รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปขณะหยิบรูปในซองออกมาดู กลายเป็นความตื่นตะลึง
“หานปิงเป็นคนถ่ายให้คุณใช่มั้ย”
เกาเหวินยังตกใจไม่หาย ยัดรูปคืนลงไป กำซองรูปจนแน่น ก่อนจะเงยหน้าถาม
“รูปพวกนี้อยู่ที่คุณได้ยังไง”
“หานปิงขายให้ผม”
เกาเหวินไม่เชื่อ ลุกยืนขึ้น “เป็นไปไม่ได้ รูปพวกนี้หานปิงถ่ายให้ฉัน ส่วนตัวฉันทำลายมันตั้งนานแล้ว”
“ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีรูปถ่ายที่พวกคุณอยู่ในโรงแรมอีก ผมเช็คดูแล้วหานปิงเป็นคนแฉทั้งหมด”
เซี่ยวเลี่ยงบอกด้วยสีหน้าจริงจัง
“ฉันไม่เชื่อ เขาไม่มีทางทำแบบนั้นแน่” เกาเหวินช็อก ลงนั่งอย่างคนหมดแรง ไม่อาจยอมรับได้
“เขาใช้ประโยชน์จากคุณมาโดยตลอด”
เกาเหวินไม่เชื่ออยู่ดี “เฮ้อ ฉันมีอะไรให้เขาใช้ประโยชน์ล่ะ ทำแบบนี้แล้ว เขาจะได้อะไรเป็นการตอบแทน”
“คุณขอเลิกกับเขา ดังนั้นเขาจึงมาหาผม เกาเหวินคุณตื่นได้แล้ว เขาต้องการเงินเท่านั้น อดีตของพวกคุณ คือสิ่งที่เขาเอามาใช้หาเงิน” เซี่ยวเลี่ยงว่า
“เขาต้องการเท่าไหร่”
“สิบล้านเหรียญ”
“อย่าให้เขาแม้แต่เหรียญเดียว” เกาเหวินนัยน์ตาวาววับ
เซี่ยวเลี่ยงอึ้งไป “แต่ มันเกี่ยวข้องถึงอาชีพและอนาคตของคุณนะ”
“ถ้าคนที่คุณรักทรยศคุณเพื่อเงิน คุณจะนึกถึงอาชีพและอนาคตอีกหรือเปล่า”
เกาเหวินลุกเดินหนี
เซี่ยวเลี่ยงพยายามทัดทาน “เกาเหวิน”
“ขอโทษนะ ฉันอยากจบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
เกาเหวินหันมาหายืนกรานคำเดิมแล้วเดินออกไปพร้อมซองรูปในมือ
เซี่ยวเลี่ยงได้แต่ทอดถอนใจ

พอพ้นห้องออกมาได้ ทำนบน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ก็ไหลรินออกมา เกาเหวินสะอื้นไห้ออกมาด้วยความเสียใจ แต่รีบยกมือปิดปากไม่ให้ใครได้ยินเสียง ก่อนจะเดินออกไปอย่างคนหัวใจสลาย

สองหนุ่มเดินมาตามทางเดินของโรงแรมแห่งนั้น เซี่ยวเลี่ยงสั่งฉีหยูว่า
“แจ้งฝ่ายบัญชีว่าอย่าโอนเงินให้หานปิง
ฉีหยูตกใจพอๆ กับแปลกใจถามเสียงดัง “แล้วทางด้านคุณเกาเหวิน”
“ให้เธอจัดการเอง”
เซี่ยวเลี่ยงถอนหายใจ หวนนึกถึงเหตุการณ์ระหว่างเขากับเยี่ยฉี

ในตอนนั้นเยี่ยฉีคนรักของเซี่ยวเลี่ยงก้าวลงจากรถยนต์คันหรูที่ขับมาส่ง ไม่นานชายหน้าตาดีในชุดดำคนหนึ่งก็ตามลงมาเรียกไว้
“เยี่ยฉี โทร.หาผมด้วยนะ”
เยี่ยฉีหันมาหา “ค่ะ”
“บ๊ายบาย”
ชายชุดดำหอมแก้มลา เยี่ยฉีเอียงแก้มรับโดยไม่ขัดขืน เซี่ยวเลี่ยงเดินมาเห็นภาพนี้พอดี เขาชะงัก สีหน้าตื่นตกใจ
เมื่อรถคันนั้นเคลื่อนตัวพ้นไป เยี่ยฉีจึงหันมาเห็นเซี่ยวเลี่ยง เธอเดินเข้ามาหาโดยไม่สะทกสะท้าน
“ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ทำไมคุณถึงอยู่กับเขา”
“ในเมื่อคุณเห็นแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีก เซี่ยวเลี่ยงเราจบกันเถอะ”
เซี่ยวเลี่ยงอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะระเบิดอารมณ์ใส่ “ผมยอมทะเลาะกับพ่อเพื่อคุณ แม้แต่มรดกผมก็ไม่เอา ทำไมคุณต้องทรยศผมด้วย”
“คุณทิ้งทุกอย่างทั้งที่ควรมีไม่ใช่เพราะฉัน แต่เพราะความวู่วามและความโง่ต่างหาก คุณเคยคิดบ้างมั้ย ถ้าแม้แต่มรดกคุณก็ไม่มี คุณยังมีอะไรคู่ควรให้ฉันรักอีก”
เยี่ยฉีสวนกลับ แล้วเดินผ่านหน้าเขาไปเลย ทิ้งให้เซี่ยวเลี่ยงยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น ก่อนจะหันไปมองร่างคนรักที่เดินจากไปโดยไม่ยอมเหลียวหลังกลับมา

คิดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว เซี่ยวเลี่ยงจึงบอกเหตุผลกับฉีหยูออกไปอีกว่า
“เพราะฉันเข้าใจ ความรู้สึกที่ถูกคนรักทรยศ ถ้าเธอไม่จบด้วยตัวเอง มันอาจทิ้งเงามืดไว้ตลอดชีวิต”

ฉีหยูรับฟังโดยไม่ถามอะไรอีก สองหนุ่มเดินออกไป

เกาเหวินในสภาพดวงตาแดงช้ำ ดูออกว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก นั่งรออยู่ตรงมุมรับแขกในห้องพักที่เธอเช่าให้หานปิงอยู่

ซุปตาร์สาวนั่งนิ่งจ้องมองซองรูปที่วางอยู่บนเก้าอี้อีกตัวอย่างคนตัดสินใจเด็ดขาด จนกระทั่งมีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น ก่อนจะเห็นหานปิงเปิดเข้ามายิ้มให้ พร้อมกับเดินมานั่งลงข้างๆ
“เกาเหวิน ในที่สุดคุณก็ยอมเจอผม”
เกาเหวินหันมาหา “คุณรักฉันมั้ย”
หานปิงหัวเราะร่าเริงคว้ามือเกาเหวินมากุม
“คุณคิดว่าไงล่ะ ผมรอคุณมาหลายปี ก็ต้องรักอยู่แล้วสิ”
“คุณรักอะไรในตัวฉันเหรอ”
“รักคนๆ หนึ่ง คงไม่ต้องมีเหตุผลหรอกมั้ง”
เกาเหวินจ้องหน้าหานปิงนิ่งอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
“ดี” ก่อนจะลุกขึ้น เดินไปหยิบรูปในซองออกมา “งั้นฉันจะให้เหตุผลหนึ่งกับคุณ”
ขณะที่หานปิงงุนงงอยู่นั้น เกาเหวินก็เขวี้ยงรูปในมือลงตรงหน้าเขา
“เหตุผลแค่นี้พอมั้ย เสแสร้งสิ เพื่อเงินสิบล้านคุณเสแสร้งมาหลายปี มันง่ายขนาดนี้เลยเหรอ”
หานปิงยิ้มเยาะออกมา “เขาบอกคุณแล้วใช่มั้ย”
เกาเหวินระเบิดอารมณ์ใส่ “ฉันเกลียดคนที่ใช้ประโยชน์จากฉันที่สุด ทำไมคุณต้องทำกับฉันแบบนี้ด้วย”
หานปิงลุกเดินมาพูดใส่หน้าไม่เสียใจหรือรู้สึกผิดสักน้อย
“ช่วยไม่ได้นี่ คุณกับเซี่ยวเลี่ยงใช้ประโยชน์ร่วมกันก็มีความสุขแล้วใช่มั้ย ที่จริงผมเข้าใจ คุณกับผมไม่มีทางเดินไปด้วยกันได้ ผมเลยยินดีให้คุณเกลียด จะได้ทำให้คุณลืมผมไงล่ะ”
เกาเหวินหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา “เกลียดคุณเหรอ คุณมีค่าอะไรให้ฉันเกลียดคุณล่ะ ก็แค่เงินสกปรกไม่กี่เหรียญ คุณขอร้องฉันสิพูดไม่เป็นรึไง”
“ดี พูดได้ดีนี่ ในที่สุดคุณก็พูดคำนี้ออกมานะเกาเหวิน นับจากที่คุณเปิดตัว คุณก็เห็นผมเป็นขอทานมาตลอดใช่มั้ย แต่คุณเคยคิดบ้างมั้ยว่า ผมก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งผมมีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะ”
เกาเหวินยืนฟังหานปิงระเบิดอารมณ์ใส่ก่อนจะสวนกลับไปอย่างไม่ไว้หน้าอีกแล้ว
“แต่ศักดิ์ศรีของคน ตัวเองต้องสร้างมันขึ้นมา ในเมื่อคุณไม่พยายามแล้วฉันจะยอมรับได้ไงล่ะ ฉันเดินสายเปิดตัวจนถึงตีสองตีห้าฉันก็ต้องตื่นทำงานเพื่อไขว่คว้าโอกาสนี้ฉันดื่มเหล้าจนกระเพาะเลือดออกไปแค่ไหนแล้วคุณก็รู้ เพื่อหนังเรื่องหนึ่ง ฉันไม่ได้เจอกับคนที่ฉันรักที่สุดเลยซักครั้ง ทุกอย่างฉันไขว่คว้ามาด้วยตัวเอง ทำไมต้องทิ้งมันเพราะคุณด้วย”
“ดี คุณพูดไม่ผิดเลย ส่วนผม แบกชื่อเสียงของแฟน หักหลังคุณ แต่ว่าคุณก็ทิ้งผมไปเพื่ออาชีพไม่ใช่เหรอ พูดตามตรง สิ่งที่เราสองคนรักที่สุดคือตัวเอง คุณกับผม ไม่มีใครสูงส่งกว่ากันเลย คุณเป็นดาราดังไม่ใช่เหรอ งั้นสิบล้านนี้ ถือว่าเป็นค่าจ้างให้ผมเลิกกับคุณแล้วกัน คุณวางใจได้ ครั้งนี้ผมรับเงินไปแล้ว จะไม่มาก่อกวนคุณอีกแน่ ส่วนคุณ ก็ทำหน้าที่ดาราดังอย่างสบายใจเถอะ โอเคมั้ย”
“ได้ คุณขอร้องฉันสิ ขอร้องแล้วฉันจะให้เงินคุณ ไม่งั้นอย่าคิดว่าจะได้แม้แต่เหรียญเดียว” เกาเหวินยิ้มเยาะ
หานปิงแค้นแทบกระอัก “เกาเหวิน คุณต้องเสียใจแน่”
เกาเหวินจ้องตาเขาบอกอย่างหยิ่งทรนง “ฉันไม่เคยเสียใจในการกระทำของตัวเอง”
“ดี งั้นผมคงทำได้แค่ให้คุณเกลียดไปตลอดชีวิตเท่านั้น”
หานปิงหันตัวเดินออกไปจับประตูเหวี่ยงเปิดออกอย่างแรง แล้วหันมามองอย่างอาฆาตแค้นอีกครั้งจึงเดินจากไป

เกาเหวินทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างเจ็บปวดรวดร้าวสุดจะประมาณ
ความรักความหลังระหว่างเธอกับเขาผุดขึ้นมาในห้วงคิดราวกับสายน้ำไหล
หลังบอกเลิกหานปิงไป เธอหลงเชื่อคิดว่าเขาจะฆ่าตัวตายจึงรีบมาหา พอรู้ความจริงว่าโดนหลอกก็โกรธ
“ใช่ เมื่อเทียบกับคุณแล้ว ฉันรักตัวเองมากกว่า”
“แล้วยังไง คุณจะถีบผมออกไปใช่มั้ย”
เจสันเองก็เคยเตือนเธอในเรื่องนี้หลายครั้ง
“เธออยากมีแฟน อยากเอาแต่ใจ ยอมทำเพื่อผู้ชายแม้กระทั่งทิ้งทุกอย่างเหรอ”
“ผู้หญิงคนหนึ่งมีวัยสาวกี่ครั้งล่ะ เมื่อถลำตัวเข้าไปแล้ว ก็อย่าคิดจะยืนขึ้นอีก”
“เธอเลือกสายอาชีพนี้แล้ว มันไม่มีหนทางย้อนกลับหรอก”
“เธอมีวันนี้ได้ ควรจะดีใจที่ตอนนั้นเธอใจร้ายกับตัวเอง”
ยิ่งคิดเกาเหวินก็ยิ่งเสียใจ

ภาพนู้ดของเกาเหวินถูกเผยแพร่ไปยังบริษัทเจ้าของสินค้าแล้ว และในวันต่อมา เจสันเดินคุยโทรศัพท์มือถือกับลูกค้าเสียงดังลั่นออฟฟิศ เห็นลูกน้องกำลังก้มหน้าก้มตาเช็คข่าวทางอินเตอร์เน็ตวุ่นวายอยู่
“คุณวางใจได้ ๆ เมื่อผมเจอเกาเหวิน ผมจะสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง ชัดเจนนะ คุณ...”
เกาเหวินเดินเข้ามา แย่งโทรศัพท์จากเจสัน แล้วเดินไปนั่งที่โซฟาตรงมุมรับแขก
“นี่ เธอทำอะไรน่ะ ฉันคุยกับลูกค้าอยู่นะ” เจสันตามมาโวยวาย
“เธอก็รู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ไม่มีทางย้อนไปแก้ไขได้”
“ใช่ สปอนเซอร์ทุกรายยกเลิกสัญญาแล้ว งานที่เตรียมการไว้ก็ยกเลิกแล้ว ยังมีโฆษณา พวกเขาบอกว่าจะต้องจ่ายค่าชดเชย”
เกาเหวินฝืนยิ้มทำเป็นไม่แคร์ “ไม่เป็นไร เธอช่วยตอบพวกเขาด้วยว่า ฉันยินดีจ่ายค่าชดเชย”
“ไม่ เราจะยอมแพ้ง่ายๆ ไม่ได้” เจสันถลามานั่งข้างๆ “เธอฟังฉันนะ ฉันเตรียมงานแถลงข่าวให้เธอแล้ว แค่เธอให้ความร่วมมือกับฉัน กล่าวขอโทษผู้สื่อข่าวเท่านั้น”
“ทำไมฉันต้องขอโทษด้วย ทำไมฉันต้องเป็นฝ่ายขอโทษทุกครั้งด้วยล่ะ พวกเขาเอาของส่วนตัวของฉันไปเผยแพร่ คนที่ควรขอโทษควรเป็นพวกเขาไม่ใช่เหรอ”
เกาเหวินระบายออกมา เจสันเข้าใจและเห็นใจ
“ใช่ ฉันรู้ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาหาว่าใครผิดถูก เธอต้องทำให้ประชาชนเชื่อถือสิ”
“ฉันประนีประนอมมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ฉันไม่อยากเอาศักดิ์ศรีเข้าไปยุ่งด้วย ฉันไม่อยากอธิบายอีกแล้ว เธอไม่ต้องช่วยฉันกู้หน้าแล้วล่ะ”
“ไม่ใช่ เธอจะทิ้งทุกอย่างไปจริงเหรอ ความมุ่งมั่นที่เธอทุ่มเทไปล่ะ”
“ไม่เป็นไรหนิ ฉันคิดว่าคุ้มค่า” เกาเหวินยิ้มให้แล้วลุกเดินออกไปเลย
เจสันพยายามทัดทาน “ไม่ได้นะ เกาเหวิน”
เกาเหวินหยุดหันมาบอกว่า “ฉันขอโทษนะ”
จากนั้นก็เดินออกไป ทิ้งเจสันให้มองตามตาละห้อย

ท่ามกลางความรีบเร่งและวุ่นวายของมหานครเซี่ยงไฮ้ เซียนหนานเข็นรถเข็นเดินซื้อของอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ต โดยมีซือหยวนเดินหน้าบอกบุญไม่รับตามมาด้วย
“เอ๊ะ ผมชอบกินช็อกโกแล็ตอัลมอลด์ที่สุดเลย ลดราคาด้วย นี่ๆๆ ที่รักๆ ผมว่า ซื้อกลับบ้านซักสองซองดีมั้ย”
“คุณอายุเท่าไหร่แล้ว ยังกินขนมอีกเหรอ เดือนนี้เกินงบแล้ว ห้ามซื้อ”
ซือหยวนเดินหนีไป เซียนหนานเข็นรถตามมาเจอน้ำยาซักผ้า รีบหยิบมาดู
“เอ๊ะ ซุปเปอร์ สกัดมาจากน้ำมันมะพร้าวด้วย คุณเอาอันนี้มั้ย”
“น่าซื้อดีนี่ แต่ที่บ้านยังใช้ไม่หมดเลย รอให้ใช้หมดค่อยซื้อเถอะ”
“เหลือนิดเดียวเอง ทำไมงกจัง” เซียนหนานบ่น เก็บของคืน แล้วเข็นรถตามไป
“ที่รัก หิวน้ำแล้ว เอาน้ำขวดนึงนะ”
เซียนหน้าจะเปิดดื่ม ซือหยวนคว้ามาวางคืนชั้น เอ็ดเอา
“เอ๊ะ กลับบ้านค่อยดื่ม รู้จักแต่ใช้เงิน”
“ผมหิวน้ำนี่”
พนักงานหญิงตรงซุ้มสินค้าร้องเรียกเมื่อสองคนเดินผ่านมา “ชาลดหุ่นซื้อหนึ่งกล่องฟรีแก้วหนึ่งใบค่ะ”
“แก้วฟรีเหรอ ที่รักๆ ซื้อหนึ่งกล่องฟรีแก้วเอามั้ย นี่ แก้วฟรีคุณก็ไม่เอาเหรอ”
เซียนหนานหยิบมาหนึ่งกล่องพลางร้องถาม ซือหยวนหันมามองดุ แล้วเดินหนีไปเลย เซียนหนานงงวางกล่องคืนแล้วรีบตามไป

“เอ่อ...รอผมด้วยๆ”

สองคนเดินมาถึงแผนกอาหารสด เซียนหนานเข็นรถตามต้อยๆ พยายามเอาใจคนรัก

“ที่รักๆ ผมได้งานพนักงานไปรษณีย์แล้วนะ เฮ้อ แม้ว่าจะเหนื่อย แต่ได้เงินไม่น้อยเลยนะ”
พอเห็นซือหยวนเลือกซื้อไก่ เซียนหนานก็ยิ้มดีใจ
“โอ๊ะ ที่รักน่ารักจังเลย รู้ว่าผมจะทำงานเป็นพนักงานส่งของที่มีความสุข ก็จะทำของบำรุงให้ผม ใช่มั้ยจ๊ะ
“รูปร่างอย่างคุณต้องบำรุงอีกเหรอ ฉันจะเอาไปต้มซุปให้เจ้านายที่บริษัทน่ะ”
เซียนหนานหน้าเสีย “นึกว่าจะต้มให้ผม อ๋อ ต้มน้ำซุปให้เจ้านาย ประจบเหรอ สมควรแล้วๆ เขาเป็นอะไรไม่สบายเหรอ”
“หลายวันก่อน เขาบาดเจ็บเข้าโรงพยาบาล บอกว่าอยากกินซุปไก่ ฉันเห็นเขาเป็นผู้ชายทำอะไรไม่เป็น เลยรับปากจะต้มซุปให้เขา”
เซียนหนานอึ้งไป “ผู้ชายเหรอ”
“หัวหน้าฉันก็เป็นผู้ชายมาตลอดนี่ ฉันบอกคุณตั้งนานแล้วนะ”
“ไม่ใช่ เขาแต่งงานหรือยัง”
“น่าจะยังนะ คุณถามเรื่องนี้ทำไม”
“ถามเรื่องนี้ทำไมงั้นเหรอ ผู้ชายโสดบอกให้คุณต้มซุปให้ ต้องมีความสนใจคุณแน่ คุณไม่เคยต้มซุปให้ผมเลย ทำไมต้องต้มให้เขาด้วยล่ะ” เซียนหนานโวยวายเสียงดังอย่างไม่พอใจ
ซือหยวนเสียงดังกลับ “ฉันต้มซุปให้เขาก็เพื่องาน ฉันกับเขาไม่มีความสัมพันธ์อย่างอื่น หรือว่าจะให้ฉันเป็นเหมือนคุณ มือไม้ว่างงานทุกวัน”
“ใครมือไม้ว่างงานล่ะ โอเค งั้นคุณไปหาคนอื่นแล้วกัน”
เซียนหนานโกรธเดินหนีไปเลย
ซือหยวนหันกลับไปเลือกไก่อย่างเซ็งๆ “ประสาทจริงๆ เลย”

รุ่งเช้า จื่อเหลียงตรวจเอกสารที่ซือหยวนนำมาให้ที่ห้องพักฟื้นอย่างแปลกใจ
“ทำไมเอกสารของวันนี้น้อยจังล่ะ”
“โพรเจกต์ใหม่ของคุณถูกคุณเซี่ยวรับช่วงต่อแล้วค่ะ ดังนั้น...”
ซือหยวนพูดไม่ทันจบจื่อเหลียงก็อาละวาดใส่อย่างไม่พอใจ
“ใครให้เขารับช่วงต่อ นี่คือโครงการที่ประธานเซี่ยวมอบให้ผมนะ”
“ประธานเซี่ยวให้เขารับช่วงต่อเองค่ะ นอกจากนี้ แผนกของเรา ทุกอย่างค่อนข้างปกติ”
จื่อเหลียงอึ้งไป “แล้วมี่โตะล่ะ มีข่าวอะไรหรือเปล่า”
“เขาดูค่อนข้าง ผิดปกติ เมื่อวานคุณเซี่ยวยังไปหาเขาโดยเฉพาะ ฉันรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ปกติแน่”
จื่อเหลียงยิ้มร้ายก่อนจะหัวเราะออกมา “ในที่สุดหางสุนัขจิ้งจอก ก็ใกล้จะโผล่ออกมาแล้ว”
“ท่านรองหลิน ถ้าเขาสองคน มีความสัมพันธ์กันจริง คุณจะจัดการพวกเขายังไงคะ”
“จัดการเหรอ เพราะเขามีความสัมพันธ์กับประธานเซี่ยวถึงได้จัดการเขายาก ไม่ง่ายเลยที่จะจับไพ่ราชาได้ และตอนนี้ยังเปิดไพ่ไม่ได้ด้วย เอาละ คุณกลับไปก่อนเถอะ”
จื่อเหลียงล้มตัวลงนอน
“งั้นคุณพักผ่อนเยอะๆ นะคะ ท่านรองหลิน”
ซือหยวนรวบแฟ้มจะเดินออกไป

แต่แล้วเสียงนักข่าวชายรายงานข่าวอื้อฉาวดังมาจากจอคอมพ์ตรงหน้า เรียกให้สองคนหันมามองจ้องอย่างสนใจ
“ข่าวในวันนี้เป็นข่าวใหญ่ที่สุดในรอบปี ดาราสาวคนดังเกาเหวินถูกแฉภาพเปลือยกายออกสู่สาธารณะ เป็นข่าวใหญ่ทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวาย”
ภาพนู้ดของเกาเหวินถูกนำมาประกอบข่าวดัง เป็นภาพเดียวกับที่หานปิงนำมาขายกับเซี่ยวเลี่ยงนั่นเอง
“ภาพถ่ายเหล่านี้ถูกถ่ายขึ้นเมื่อหลายปีก่อน และช่างภาพที่เป็นคนถ่ายคือแฟนเก่าของเกาเหวินนั่นเอง สำหรับภาพถ่ายเหล่านี้ถูกเผยแพร่ออกมาจากไหนนั้น ตอนนี้ยังไม่มีคำชี้แจงที่ชัดเจน ส่วนทางด้านเกาเหวินกับเซี่ยวเลี่ยงก็ยังไม่มีคำตอบอย่างแน่ชัด”
จื่อเหลียงดีดตัวขึ้นมาจ้องจอ สั่งซือหยวนโดยไม่หันไปมองว่า
“ไปบอกหมอว่า ผมจะออกโรงพยาบาล”

กรรมการในที่ประชุมของบริษัทเทซีโร่กำลังถกเถียง และวิจารณ์ข่าวอื้อฉาวชิ้นนี้บนหน้าหนังสือพิมพ์อย่างไม่พอใจ
“นี่มันเรื่องไร้สาระอะไรกัน น่าเกลียดมาก ในฐานะประธานกรรมการ คุณดูสิ”
เซี่ยวเลี่ยงเดินเข้ามาลงนั่งที่หัวโต๊ะ “ผมคิดว่าทุกคนคงรู้สถานการณ์แล้ว เปิดประชุมโดยตรงได้”
เสียงจอแจดังขึ้นในทิศทางเดียวกัน และจะให้ปลดเกาเหวินออกจากการเป็นพรีเซ็นเตอร์
“คุณต้องอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนก่อน เกาเหวินมีข่าวฉาวอย่างนี้ คุณจะอธิบายว่ายังไง”
“ตอนแรกเราก็คัดค้านให้เขาเป็นพรีเซ็นเตอร์แล้ว”
“ใช่”
“ในเมื่อมีข่าวฉาวครึมโครมออกมาอย่างนี้”
“ตอนนี้ผู้บริโภคจะยินดีซื้อสินค้าของเราได้ยังไงล่ะ”
“ตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนทั้งบริษัท”
“ใช่ คุณต้องรับผิดชอบ”
เซี่ยวเลี่ยงมองหน้าแต่ละคน หลับตาระงับอารมณ์ ก่อนจะทุบโต๊ะปัง
“ทุกคนฟังผมพูดก่อน ตอนนี้บริษัทมีปัญหา สิ่งที่ผมอยากฟังไม่ใช่คำถามและข้อร้องเรียน แต่เป็นมาตรการที่สร้างสรรค์”
แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล แต่ละคนยังคัดค้าน และให้เลิกสัญญาอย่างเดียว
“ยังต้องถามมาตรการอีกเหรอ ยกเลิกสัญญากับเกาเหวินทันที ออกคำสั่งให้ตัดความสัมพันธ์กับเธอสิ จะได้ไม่พาภัยพิบัติมาให้บริษัทเรา”
“ใช่ ยกเลิกสัญญากับเธอ”
“ใช่ ยกเลิกๆๆ”
เซี่ยวเลี่ยงอธิบายด้วยเหตุผลด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“ก่อนอื่น ความสัมพันธ์ของผมกับเกาเหวิน เป็นเรื่องส่วนตัวของผม ทุกท่านในที่นี้ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่าย ตอนนั้น เกาเหวินเป็นพรีเซ็นเตอร์ ช่วยบริษัทของเราทำยอดขายทะลุสถิติมาแล้ว กำไรที่เธอนำมาสูงกว่าการสูญเสียของเรื่องอื้อฉาว สุดท้าย ผมจะประกาศในฐานะของประธานเทซีโร่จิวเอลลีผู้รับผิดชอบบริษัท และตัวแทนของท่านประธานเซี่ยว ผมตัดสินใจให้ความร่วมมือกับเกาเหวินต่อไป ดังนั้นเรื่องนี้ทุกท่านไม่ต้องกังวลอีก”

“ผมคัดค้าน”
เซี่ยวเลี่ยงหันไปมองเห็นจื่อเหลียงเดินเข้ามาหันมาทางเขา
“ทุกท่าน ขอโทษด้วยครับ ผมมาสายแล้ว ประธานเซี่ยว เมื่อกี้ผมได้ยินคุณพูดถึงท่านประธานใช่มั้ย เขายังไม่รู้ใช่มั้ยว่าเกิดเรื่องกับบริษัทของเรา”
เซี่ยวเลี่ยงยืนขึ้นมองอย่างไม่พอใจ “เกิดเรื่องอะไร การทำงานภายในบริษัทไม่มีเรื่องผิดปกตินี่”
“ที่ผมหมายถึงไม่ใช่เรื่องภายใน แต่เป็นข่าวอื้อฉาวในครั้งนี้”
“เรื่องนี้จำเป็นต้องหารือด้วยเหรอ”
“คุณเซี่ยว ผมบาดเจ็บขนาดนี้แต่ยังหนีกลับมา เพราะผมหวังดีกับคุณจริงๆ แม้คุณจะโกรธผมก็รอให้ผมพูดจบก่อนเถอะ”
จื่อเหลียงหันไปทางที่ประชุม
“ทุกท่าน ผมขอเสนอให้ลงคะแนนเสียง ใช้คะแนนเสียงในการตัดสิน ว่าจะยกเลิกสัญญาของเกาเหวินหรือไม่”
เสียงสนับสนุนจากบรรดากรรมการดังเซ็งแซ่
“วิธีนี้ดี”
“ใช่ วิธีนี้ดี”
“ใช่ ผมเห็นด้วยๆ”
“ผมเห็นด้วย ตกลงตามนี้”

เหม่ยลี่เดินตามเซี่ยวเลี่ยงเข้ามาในห้องทำงาน ทันทีที่เขาออกมาจากห้องประชุม
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้างคุณจะยกเลิกสัญญากับเกาเหวินจริงเหรอ”
“นี่คือการตัดสินของคณะกรรมการ”
“แต่คนเปิดเผยข่าวอื้อฉาวไม่ใช่เธอ ก่อนหน้านี้เธอก็ช่วยบริษัทมากมายนี่คะ”
“ผมบอกแล้วว่านี่คือการตัดสินของคณะกรรมการ คุณห้ามมองผมด้วยสายตาแบบนี้”
“ฉันรู้ว่าคุณต้องพิจารณาเพื่อผลประโยชน์ของบริษัท และไม่ชอบให้ใครทำลายกฎของคุณ แต่คุณจะยกเว้นเพื่อเกาเหวินซักครั้งไม่ได้เหรอ เธอเป็นเพื่อนของพวกเรานะคะ”
เซี่ยวเลี่ยงชักฉุน “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมไม่คัดค้านเรื่องนี้ทำไมคุณไม่เคยเชื่อผมเลย”
“แต่ว่าเธอ…”
“ผมไม่อยากได้ยินเรื่องนี้อีก ตอนนี้ผมไม่มีเวลาอธิบายกับคุณ ออกไปก่อนเถอะ”
เหม่ยลี่หน้าเสีย “ฉันขอโทษค่ะ ครั้งนี้ฉันช่วยคุณไม่ได้อีกแล้ว”
เซี่ยวเลี่ยงมองตามเหม่ยลี่เดินออกไปพร้อมกับถอนใจออกมา

เหม่ยลี่เดินถือแก้วเครื่องดื่มออกมาจากแพนทรี แล้วต้องตกใจเมื่อเห็นจื่อเหลียงเดินเข้ามาหยุดทักตรงหน้า
“มี่โตะ”
“ท่านรองหลิน”
จื่อเหลียงยิ้มให้ “ทำไม ตกใจงั้นเหรอ ผมไม่ควรมาทำงานในบริษัทเหรอ”
“ฉันไม่คิดว่าจะเร็วอย่างนี้”
“ก็ผมคิดถึงพวกคุณนี่นา ดังนั้นจึงรีบ กลับมาหาพวกคุณไงล่ะ เป็นอะไรยังตำหนิผมเพราะว่าเรื่องคืนนั้นเหรอ ที่จริงเรื่องในคืนนั้น ผมจำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ผมรู้ว่าผมเป็นคนที่เวลาเมาเหล้า ก็มักจะทำเรื่องแปลกๆ ไร้สาระลงไปบ้าง คุณคงตกใจสินะ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมคงต้อง ขอโทษคุณด้วยแล้วกัน อย่าเก็บมาใส่ใจเลย”
“ฉันลืมไปหมดแล้วล่ะ”
จื่อเหลียงทำเป็นยิ้มดีใจ “งั้นก็ดี ยังไงเราก็เป็นเจ้านายกับลูกน้อง ยังต้องมีการติดต่อกันในบริษัทนี้อีกมาก ผมคิดว่า ควรสร้างความสัมพันธ์ที่ดีไว้จะดีกว่า คุณว่าไงล่ะ”
“คุณพูดถูกค่ะ”
เหม่ยลี่ฝืนยิ้มตอบ แล้วเดินกลับโต๊ะทำงานไป

จื่อเหลียงมองตามรอยยิ้มจางหายไปจนสิ้น

เหม่ยลี่เป็นห่วงเกาเหวินมาก รีบลางานออกมาจากออฟฟิศ แหวกวงล้อมนักข่าวมาเคาะประตูคฤหาสน์กดออดร้องเรียก

“เกาเหวิน เกาเหวิน เกาเหวินฉันเอง”
เกาเหวินเดินดื่มเหล้าขวดเล็กในมือออกมาเปิดประตูให้
“อื้ม เฮ่อ มาแล้ว ไฮ้”
เหม่ยลี่ปิดประตู หอบเหนื่อย
เกาเหวินเดินมานั่งตรงม้านั่งตรงโถงประตู
“เธอทำงานอยู่ไม่ใช่เหรอมาได้ยังไง”
“ฉันรู้เรื่องของเธอหมดแล้วนะ”
“ฉันว่าคนทั้งโลกคงรู้หมดแล้วล่ะ”
เหม่ยลี่เดินมานั่งข้างๆ ถามอย่างเห็นใจ “เธอไม่เป็นไรใช่มั้ย”
“ไม่เป็นไรหรอก แค่งานทั้งหมดของฉันถูกยกเลิก ฉันก็ออกไปไม่ได้ ฉันจะคิดซะว่าอยู่บ้านพักร้อนแล้วกัน เธอเข้ามาได้ยังไง ข้างนอกมีนักข่าวเยอะไม่ใช่เหรอ”
“อาจเป็นเพราะฉันตื่นเต้นก็เลยวิ่งเข้ามา”
“เธอเท่านั้นที่ห่วงใยฉันที่สุด” เกาเหวินซาบซึ้งใจ ยิ้มเศร้าๆ
“ฉันขอโทษนะ”
เกาเหวินแปลกใจ “ขอโทษเรื่องอะไร”
“ฉันไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าฉันคิดอย่างนี้จริงๆ จริงสิ ถ้าเธอมีอะไรต้องการให้ฉันช่วย หรืออะไรที่ฉันทำเพื่อเธอได้ ถ้าเธอรู้สึกไว้วางใจ เธอก็มอบหมายให้ฉันได้เลยนะ”
“ต้องการให้เธอช่วยฉันเหรอ” เกาเหวินนิ่งนึก ก่อนจะหันมาหา “มีเรื่องหนึ่งที่เธอช่วยฉันได้”
“อะไรเหรอ”
เกาเหวินหัวเราะออกมาด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ “มาสิ”

อี้หมิงเคาะประตูบ้านเรียกให้เปิดเป็นการใหญ่
“เกาเหวิน เกาเหวิน”
พอประตูเปิดออก หมอเหลยก้าวพรวดเข้าไปมองหา แต่พอหันทางซ้ายมือก็ต้องตกใจสุดขีด
“เฮ้ย”
เหม่ยลี่ในชุดที่เกาเหวินจับแต่งตัว ใส่วิกผมสีเขียวอี๋ก็สะดุ้ง ร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ
“อ๊าย...นายมาที่นี่ได้ยังไง”
“เป็นเธอได้ไงเนี่ย”
“นายหาเกาเหวินใช่มั้ย ฮิๆๆ ไป”
เหม่ยลี่ลากอี้หมิงเข้าไปห้องด้านใน

เกาเหวินใส่วิกผมสีฟ้ากะลังร้องเพลงกระโดดโลดเต้นอยู่บนโซฟา เหม่ยลี่กระโดดขึ้นไปเต้นด้วย สองสาวเมาปลิ้น พากันร้องเพลงพร้อมอุปกรณ์ให้จังหวะครบครัน
“นี่พวกเธอทำอะไรน่ะ” อี้หมิงเท้าเอวมองสีหน้าดูออกว่าปวดตับ
“เรากำลังร้องเพลงอยู่” เกาเหวินหันมาทางเหม่ยลี่ “เราแอ็คท่าให้เขาดูดีกว่า”
“หนึ่ง สอง สาม เย้”
เกาเหวินกรี๊ดชอบใจ “อ๊าย”
“พอแล้วๆๆ ไม่ต้องกรี๊ดแล้วๆ” อี้หมิงร้องบอกพร้อมกับเข้าไปจับไม่ให้เต้นบนโซฟา แต่ไม่เป็นผล ถูกสองสาวจับใส่วิกผม
“หนึ่งสองสาม หักหลังความรักของฉัน เธอแอบหนีไปจากฉัน สุดท้ายฉันก็ธาตุแท้ของเธอ น้ำตาก็ไหลลงมา”
เหม่ยลี่ฮึดฮัด ถูกอี้หมิงจับไว้
“พอแล้วๆๆ เดี๋ยวก็ล้มหรอก เดี๋ยวล้มๆ นั่งลงๆๆ อย่าขยับๆ อย่าขยับ”
เกาเหวินร้องลั่น “อย่าจับคู่หูของฉัน”
“ปล่อยมือ หยุดกรี๊ดได้แล้ว ทำอะไร”
“สนุกจังเลยเหลยอี้หมิง” เหม่ยลี่อิงมาซบไหล่อี้หมิง
เกาเหวินหัวเราะร่าอิงมาซบไหล่อีกข้าง
“เธอเป็นอะไร หืม”
“เหลยอี้หมิง ฉันรู้ความลับอย่างหนึ่งของคุณ” เกาเหวินหัวเราะระรื่น
“หยุดพูดได้แล้ว ช่วยมีสติหน่อยได้มั้ย”
“ตอนที่คุณเมาเหล้าคุณบอกฉันหมดแล้ว” เกาเหวินหัวเราะไม่หยุด
อี้หมิงสะดุ้งโหยง “คุณอย่าพูดเพ้อเจ้อน่า”
“ฉันรู้ว่าคุณชอบใครคนหนึ่ง”
เหม่ยลี่หูผึ่ง “อะไรเหลยอี้หมิง นายมีคนที่ชอบแล้วเหรอ”
“คนที่คุณชอบเธอชื่อ...”
“พอแล้วไม่ต้องพูดแล้ว” อี้หมิงยกมือปิดปาก แต่ถูกเกาเหวินกัด
“คนๆ นั้นก็คือ คนๆ นั้นเธอคือ ฉันเอง” เกาเหวินหัวเราะร่า
เหม่ยลี่อึ้งไป อี้หมิงโล่งอกหัวเราะร่า “ใช่ๆๆ คนที่ผมชอบคือคุณ ฮ่าๆๆ โชคดีจังคนที่ผมชอบคือคุณ ฮ่าๆๆ”
เกาเหวินหัวเราะร่าลากคออี้หมิงไปร้องเพลงด้วยกัน

“ร้องเพลง ร้องเพลงเดียวกัน ร้องเพลงเดียวกันๆ”

อีกฟากหนึ่ง หานปิงนัดเจอกับหลินจื่อเหลียงในสถานที่เงียบๆ ลับตาคน ทันทีที่ลงรถมาเจอหน้าจื่อเหลียงหัวเราะชอบอกชอบใจพร้อมกับเอ่ยชม

“หานปิงนายแน่มาก เรื่องน้ำเน่าอย่างนี้นายยังสามารถทำได้ ไม่คิดเลยว่านายจะใจร้ายกับแฟนคนแรกได้ขนาดนี้”
“ถ้านายเคยถูกทิ้งอย่างโหดเหี้ยม อยู่ในมุมต่ำสุด ถูกคนอื่นกดทับจนลุกขึ้นยืนไม่ได้ นายก็จะรู้ว่าความเห็นใจเป็นเรื่องตลกทั้งเพ จริงสิท่านรองหลิน เมื่อกี้ฉันเห็นนายดูแปลกใจนะ สร้างเรื่องเกาเหวินเป็นข่าวใหญ่ทำให้เซี่ยวเลี่ยงอับอาย เป็นสิ่งที่นายต้องการไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ต้องพูดมาก เรียกฉันออกมา เพราะมีเรื่องอย่างอื่นด้วยใช่มั้ย”
“ถูกต้อง เรื่องครั้งนี้เป็นข่าวใหญ่มาก ฉันอยู่ในวงการโฆษณาเซี่ยงไฮ้ต่อไม่ได้แล้ว ครั้งนี้ก็ถือว่า...ฉันเอาชีวิตและอาชีพไปเดิมพัน เพื่อช่วยเหลือนาย จริงมั้ย”
“แต่สาเหตุที่นายเดิมพันเรื่องนี้ ก็เพื่ออยากรู้ว่า ฉันจะให้เงินนายเท่าไหร่ใช่มั้ย”
หานปิงหัวเราะชอบใจ “ถูกต้องท่านรองหลิน นายเข้าใจง่ายดีนี่”
“ฉันเตรียมเช็คไว้ให้นายแล้ว”
หานปิงรับเช็คมา พอเห็นตัวเลขแล้วโมโห “นายหมายความว่าไง จำนวนเงินในนี้ไม่ถึงครึ่งที่นายตกลงกับฉันไว้เลยนะ”
จื่อเหลียงยิ้มหยัน “งานที่ฉันให้นายทำคืออะไร ทำให้เซี่ยวเลี่ยงอับอายใช่มั้ย ใช่ นายทำลายชีวิตของเกาเหวินแล้ว แต่เซี่ยวเลี่ยงล่ะ วันนี้ตอนฉันประชุมที่บริษัท เซี่ยวเลี่ยงไม่ได้รู้สึกอับอายซักนิดเลย นายพยายามแต่แฉภาพอนาจาร แต่เซี่ยวเลี่ยงกลับไม่สะทกสะท้านเลย ยังมีหน้ามาขอเงินฉันอีกเรอะ”
“พูดแบบนี้หมายความว่านายเบี้ยวฉันใช่มั้ย ฉันจะบอกให้” หานปิงกระชากคอเสื้อจื่อเหลียงอย่างโกรธแค้น “นายเชื่อมั้ยว่าฉันจะไปหาเซี่ยวเลี่ยงตอนนี้ ฉันจะบอกเขานายเป็นคนสั่งให้ฉันทำเรื่องนี้”
จื่อเหลียงจับแขนหานปิงแล้วเหวี่ยงหน้าเขากดลงกับกระโปรงรถ
“แต่ฉันมีหลักฐานที่นายแฮ็กเมลของเทซีโร่ ฉันเป็นรองประธาน สามารถใช้หลักฐานในกล้องวงจรปิดเล่นงานนายได้ มาเล่นกับฉัน นายยังอ่อนเกินไปไอ้เพื่อน”
จื่อเหลียงเหวี่ยงร่างเขาออกไปอย่างแรง หานปิงหันกลับประจันหน้า
“ได้ ถือว่านายเก่ง”
หลินจื่อเหลียงเหลียวมองตามหานปิงที่เดินหุนหันจากไป ก่อนจะยิ้มชั่วออกมา

สองคนกลับมาถึงบ้านแล้ว เหลยอี้หมิงรีบวิ่งตามมาอธิบายให้เหม่ยลี่ที่นั่งหน้าหงิกมาตลอดทาง ฟังเรื่องที่เกาเหวินบอกว่าเขาแอบชอบเธอ
“ยัยอ้วนๆๆ ฟังฉันอธิบายก่อนนะ”
“แต่ฉันไม่อยากคุยกับนาย” อี้หมิงขวางทางไว้ไม่ให้ขึ้นบันได เหม่ยลี่เดินหนีมานั่งที่โซฟายาว
อี้หมิงตามมานั่งข้างๆ เหม่ยลี่กระโดดหนีออกห่าง ก่อนจะถามขึ้น
“เรื่องนายกับเกาเหวินยังไงกันแน่”
“ตอนนั้นฉันเมาเหล้าก็เลยพูดผิดไปเท่านั้น”
“งั้นก็แปลว่านายชอบเขาจริงๆ เหรอ”
“ฉันไม่ได้ชอบเขาหรอกน่า อีกอย่าง ฉันชอบใครแล้วเธอจะโกรธทำไม” อี้หมิงทำเป็นนึก “อ๋อ...ฉันรู้แล้ว เพราะว่าฉันชอบคนอื่น เธอเลยหึงหวงฉันใช่มั้ย”
“นายชอบเกาเหวินไม่เป็นไรหรอก แต่ที่ฉันโกรธคือทำไมนายไม่บอกฉัน นายเห็นเพื่อนอย่างฉันอยู่ในสายตามั้ย ฉันเคยปิดบังอะไรนายหรือเปล่า”
อี้หมิงงงโกรธกันเรื่องนี้เนี่ยนะ “หะ”
“ฉันเคยปิดบังเรื่องอะไรนายบ้าง เราตกลงกันไว้แล้วว่าจะไม่มีความลับต่อกันนี่”
“อ้อ เพราะเรื่องนี้เองเหรอ”
“ยังมีอีก เกาเหวินเป็นเพื่อนของเราสองคน ถ้านายชอบเขาจริงฉันช่วยนายอยู่แล้ว และอีกอย่าง ตอนนี้เกาเหวินเพิ่งถูกหักหลัง กำลังต้องการคนปลอบโยนแบบนี้มันดีมากไม่ใช่เหรอ”
“ฉันจะบอกเธออีกครั้งนะ คนที่ฉันชอบไม่ใช่เขา”
อี้หมิงโกรธหันหน้าหนี เหม่ยลี่ดึงกลับมาอย่างขัดใจ
“นี่ นายยังจะฟอร์มจัดอีกเหรอ นายชอบเขาคิดว่าฉันไม่รู้รึไง นายไปดูแลเขาได้มั้ย ถือว่าช่วยฉันนะ”
“เธอพูดแบบนี้หมายความว่าไง ช่วยเธอเรื่องอะไรเหรอ”
“เฮ้อ ฉันลองมาคิดๆ ดูแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน ช่วยทำให้เกาเหวินกับหานปิงเข้าใจกันในวันนั้น บางทีเรื่องราวร้ายๆ อาจจะไม่เกิดขึ้น ดังนั้น ฉันจึงรู้สึกผิดต่อเกาเหวินมาก”

เหลยอี้หมิงถึงกับอึ้งไปเลย

อ่านต่อตอนที่ 13
กำลังโหลดความคิดเห็น