เกมพยาบาท ตอนที่ 5
บริษัทฉัตรชนก ตอนกลางวัน
ในห้องทำงาน ฉัตรชนกนั่งคุยอยู่กับภูชิชย์
"นักสืบหาตัวเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ที่ส่งคลิปชบามาให้พี่ได้แล้วนะ"
"มันเป็นใครครับ" ภูชิชย์ถาม
"เจ้าของเบอร์ที่จดทะเบียนไว้เป็นคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เค้าบอกว่าขายโทรศัพท์ให้กับผู้ชายคนนึงไป แล้วเค้าก็จำหน้าผู้ชายคนนั้นไม่ได้แล้วด้วย"
ภูชิชย์ร้อนใจ
"แล้วเราจะทำยังไงต่อครับล่ะครับ ผมเป็นห่วงชบาจนจะบ้าอยู่แล้ว" ภูชิชย์ครุ่นคิดก่อนบอกว่า "ผมว่าเราต้องให้ตำรวจช่วยแล้วนะครับพี่ฉัตร"
"คนร้ายมันขู่ไว้ว่า ถ้าบอกตำรวจมันจะฆ่าชบา พี่กลัวชบาจะไม่ปลอดภัยน่ะสิ พี่จะรออีกสองวัน ให้คนร้ายมันติดต่อกลับมาอีกครั้ง"
"แล้วพี่มั่นใจได้ยังไงว่าสองวันนี้ชบาจะไม่เป็นอะไร"
"ชบาไม่ใช่คนโง่ พี่มั่นใจว่าชบาจะต้องหาทางเอาตัวรอดได้ ภูอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้ให้พ่อกับแม่พี่รู้นะ พี่ไม่อยากให้ท่านกังวลมากไปกว่านี้"
"ครับ แต่จะว่าไปมันก็น่าแปลกนะครับ ชบาเพิ่งกลับมาจากอเมริกา ก็ไม่น่าจะมีศัตรูที่ไหน แถมคนร้ายมันจับตัวชบาไปแล้วยังส่งคลิปมาให้พี่ฉัตรอีก เหมือนต้องการจะเล่นสงครามประสาทกับพี่ฉัตร" ภูชิชย์สงสัย "พี่ฉัตรมีศัตรูที่ไหนหรือเปล่าครับ"
ฉัตรชนกมีสีหน้าฉุกคิดอะไรบางอย่าง
"คนที่เห็นพี่เป็นศัตรูก็มีอยู่แค่คนเดียว"
"ใครครับ"
"นายอัคคี"
ฉัตรชนกเริ่มคิดว่า คนร้ายอาจจะเป็นอัคคีจริงๆ
ฉัตรชบาเดินโซเซหลบตามต้นไม้บ้าง โขดหินบ้างมาตามทางเดินริมชายหาด เธอหันหน้าหันหลัง ระแวงกลัวอัคคีตามมา ท่าทางเธอดูอ่อนเพลีย แต่ก็กลั้นใจเดินไป จนมองเห็นท่าเรืออยู่ไกลลิบๆ
ฉัตรชบาดีใจ
"เรือ! รอดแล้วเรา"
ฉัตรชบารีบวิ่งไปที่ท่าเรือ ไม่คาดคิด อัคคีโผล่พรวดออกมาจากพุ่มไม้ มาขวางหน้าไว้ ตะคอกใส่
"จะหนีไปไหน"
ฉัตรชบาชะงักกึก
"นายอัคคี!" เธอตั้งท่าจะวิ่งหนี
อัคคีกระชากตัวกลับมาแล้วเหวี่ยงลงไปกองกับพื้น พูดเสียงดุดัน
"คุณหนีผมไม่พ้นหรอก คุณจะต้องอยู่รอวันตายที่นี่"
ฉัตรชบายันตัวลุกขึ้นแบบไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่ จ้องหน้า ตะเบ็งเสียงใส่
"คนอย่างฉัน ไม่มีวันนั่งงอมืองอเท้ารอวันตายหรอก ถ้านายเผลอ ฉันก็จะหนีอีก ยังไงฉันจะต้องหนีไปให้พ้นจากเกาะนรกนี่ให้ได้"
ฉัตรชบาจะวิ่งหนี อัคคีจับตัว อุ้มพาดบ่า แล้วพากลับไปที่กระท่อม
ฉัตรชบาดิ้น พร้อมทุบหลังอัคคีรัวๆ
"ปล่อยฉันนะไอ้บ้า ไอ้เลว ไอ้ชั่ว ปล่อย"
อัคคีฟาดก้นฉัตรชบาแรงๆ
"หุบปาก!"
"แอร๊ย ! ไอ้ลามก ไอ้คนฉวยโอกาส" เธอดิ้น พร้อมทุบตีอัคคีไม่หยุด "ปล่อยฉัน!"
ฉัตรชบาทั้งทุบหลัง ทั้งดีดขาไม่หยุดจนอัคคีเดินลำบาก
"หยุดดิ้น แล้วก็หยุดแหกปากด้วย ถ้าไม่หยุด ผมจะจับคุณปล้ำตรงนี้แหละ"
ฉัตรชบาไม่หยุด ทั้งดิ้นทั้งทุบหลังอัคคีไม่ยั้ง
"บอกให้หยุด!" อัคคีฟาดก้นไปอีกที
ฉัตรชบาเสียงดังสู้ "ไม่หยุด!"
" ไม่หยุดใช่มั้ย"
อัคคีเอียงหน้าไปกัดต้นขาฉัตรชบาอย่างแรง
ฉัตรชบากรี๊ดสนั่น" แอร๊ย! ไอ้ทุเรศ! ปล่อยฉัน"
"หยุดออกฤทธิ์ได้แล้ว ไม่งั้นจะโดนยิ่งกว่านี้อีก"
อัคคีแบกฉัตรชบากลับไปที่กระท่อม ฉัตรชบาก็โวยวายดิ้นไปตลอดทาง
อัคคีแบกฉัตรชบาเข้ามาโยนโครมลงที่พื้นในกระท่อม
"โอ๊ย!" ฉัตรชบาตาแข็งกร้าว
"อย่าคิดหนีอีก ต่อให้คุณไปถึงที่ท่าเรือนั่นได้ คุณก็ขับเรือออกไปไม่ได้ เพราะกุญแจมันอยู่กับผม"อัคคีล้วงกุญแจเรือออกจากกระเป๋ากางเกงออกมาให้ดู
ฉัตรชบากระโดดเข้าใส่ จะแย่งกุญแจเรือ อัคคีชูกุญแจเรือขึ้นเหนือหัวจนสุดแขน เธอพยายามกระโดดๆ จะแย่งมาให้ได้ แต่เอื้อมไม่ถึง อัคคีใช้มืออีกข้างล็อคเอวฉัตรชบาแล้วกระชากตัวเข้าหาตัว ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันแค่คืบ
อัคคีจ้องตา
"อย่าพยายามให้เหนื่อยเปล่าเลย"
ฉัตรชบาชะงัก รู้ตัวว่าใกล้ชิดอัคคีมากเกินไป รีบดีดตัวออก
"ไม่ต้องทำเป็นหวงเนื้อหวงตัวหรอก เมื่อคืนนี้ผมทำมากกว่ากอดคุณอีก"
ฉัตรชบาเริ่มระแวง
"นายทำอะไรฉัน"
อัคคีทำยิ้มยั่วใส่
"ไข้ขึ้นจนจำเรื่องเมื่อคืนเลยเหรอ?" อัคคีเดินเข้าหา "สงสัยเราคงต้องมาทบทวนความจำกันอีกครั้งแล้วล่ะมั้ง"
ฉัตรชบาถอยหลังหนีตามจังหวะการก้าวรุกของอัคคี จนหลังชนฝา เขาใช้สองแขนกักตัวฉัตรชบาไว้กับผนัง
"ถ้าคุณหนีออกไปจากที่นี่เมื่อไหร่ ผมจะไปยิงหัวไอ้ฉัตรชนกทิ้งทันที"
ฉัตรชบาตกใจ "นาย!!"
"คนอย่างผมพูดจริงทำจริง ถ้าไม่เชื่อจะลองดูก็ได้"
อัคคียกแขนออกจากตัวฉัตรชบาแล้วขยับตัวเปิดทางให้
"เชิญ!"
ฉัตรชบาจ้องหน้าอัคคีอย่างชั่งใจ ว่าจะเอายังไงดี
"ผมให้โอกาสหนีแล้วไง หนีไปสิ อยากหนีมากนักไม่ใช่เหรอ" อัคคีตะคอก "ไปสิ!!! คุณก้าวออกจากเกาะนี้ไปเมื่อไหร่ วันนั้นจะเป็นวันตายของไอ้ฉัตรชนก"
"นายไม่กล้าทำจริงๆ หรอก ฆ่าคนมันผิดกฎหมาย นายไม่กลัวติดคุกเหรอ"
อัคคีตะคอกใส่ แววตาเจ็บปวดอยู่ลึกๆ
"ผมไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ที่ผ่านมาชีวิตผมเหลือแค่ศาคนเดียวที่เป็นครอบครัวของผม แต่คุณกับพี่ชายคุณก็ทำร้ายศา จนศาต้องฆ่าตัวตาย"
"เรื่องที่เกิดขึ้นกับน้องสาวนาย ไม่เกี่ยวกับพี่ฉัตร นายอย่ามาโยนบาปให้พี่ชายฉันนะ"
อัคคีตะคอก
"จะไม่เกี่ยวได้ยังไง ในเมื่อมีคนบอกผมว่า ไอ้ฉัตรชนกเป็นคนจ้างกุ๊ยพวกนั้นมาทำร้ายศา ที่ศาต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะมัน"
"ถ้าพี่ฉัตรทำแบบนั้นจริง นายก็ไปแจ้งตำรวจสิ บ้านเมืองมีขื่อมีแป นายจะมาลงโทษคนอื่นตามอำเภอใจแบบนี้ไม่ได้"
อัคคีแค่นยิ้ม
"ตอนนี้ชีวิตผมไม่เหลือใครแล้ว ผมจะทำเลวยังไงก็ได้เพื่อแก้แค้นให้ศา " อัคคีเข้าบีบคอฉัตรชบา"แม้แต่ฆ่าคุณกับพี่ชายคุณ ผมก็ทำได้"
ฉัตรชบาหายใจไม่ออก พยายามแกะมืออัคคีออกจากคอ
ฉัตรชบาพูดอย่างยากลำบาก
"ถึงนายจะฆ่าฉันให้ตาย น้องสาวนายก็ไม่วันฟื้นขึ้นมา แล้วนายจะทำอย่างนี้ไปทำไม"
อัคคีบีบคอฉัตรชบาแน่นขึ้น
"ผมเคยบอกคุณแล้วไงว่า ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต มันถึงจะสาสม!"
ฉัตรชบาหายใจไม่ออก อ่อนแรงลงเรื่อยๆ เหมือนจะขาดใจตาย
อัคคีปล่อยมือ แววตาเลือดเย็น
"ผมยังไม่ให้คุณตายตอนนี้หรอก คุณต้องอยู่เพื่อให้ไอ้ฉัตรชนกมันทุกข์ทรมานให้นานกว่านี้"
อัคคีเดินออกไป
"นายจะทำอะไรพี่ฉัตร"
ฉัตรชบารูดตัวลงนั่งกองกับพื้น หายใจเหนื่อยหอบ กลัวความบ้าของอัคคี
อัคคีเดินเข้ามาบอกเข็มกับแม้นมาศที่บ้านพักคนงานท้ายเกาะ
"ฉันจะเข้าเมืองวันนึงนะ แม้นกับเข็มช่วยเฝ้าชบาไว้ให้ดีด้วย อย่าให้หนีไปได้เด็ดขาด ถ้าชบาหนีไปได้ โดนหนักแน่ทั้งสองคน"
เข็มกับแม้นมาศรีบตอบรับพร้อมกัน สีหน้าท่าทางกลัวๆ
"ครับนาย / จ้ะนาย"
อัคคีเดินออกไป
บรรยากาศของกรุงเทพฯ ในตอนเย็น
ณ หน้าห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง จิดาแอบเดินตามหลังฉัตรชนกอยู่ห่างๆ เหมือนสะกดรอยตาม
ฉัตรชนกเดินหายไปกับกลุ่มผู้คน จิดาภาเดินมองหามาถึงบริเวณริมถนน บ่นพึมพำ
"คุณฉัตรชนกหายไปไหนแล้ว"
ทันใดนั้นมีคนร้าย1 วิ่งมากระชากกระเป๋าถือของจิดาภาไป
จิดาภาตกใจร้องเสียงดัง
"ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย"
จิดาภาตะโกนให้คนช่วย ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาไม่มีใครกล้าช่วย
คนร้าย1 วิ่งหนีไปที่ริมถนน จิดาภาวิ่งตามไป คนร้าย2 ขับมอเตอร์ไซค์มาจอดตรงหน้า คนร้าย1 จะขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ของคนร้าย2 จิดาภากระชากตัวคนร้าย1 เอาไว้ คนร้าย1 หันมาผลักจิดาภาล้มลงกับพื้น
จิดาภาล้มกระแทกพื้น ข้อเท้าพลิก
คนร้าย1 จะขึ้นมอเตอร์ไซค์ ทันใดนั้น ฉัตรชนกก็เข้ามากระชากตัวคนร้าย1 ให้ลงมาจากมอเตอร์ไซค์ ชกหน้าคนร้าย1 ไปหนึ่งหมัด แล้วดึงกระเป๋าถือของจิดาภาคืนมา
ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาเริ่มมอง และจะเข้าไปช่วยฉัตรชนกจัดการกับคนร้าย คนร้าย1 เห็นท่าไม่ดี รีบหนีขึ้นมอเตอร์ไซค์ คนร้าย2 บิดมอเตอร์ไซค์หนีไปทันที
ฉัตรชนกเข้ามาประคองจิดาภาให้ลุกขึ้น
"เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ"
จิดาภาลุกขึ้นยืนแล้วเจ็บ
"เจ็บข้อเท้าค่ะ"
จิดาภาเซไปเล็กน้อย ฉัตรชนกช่วยประคองไว้
อ่านต่อหน้า 2
เกมพยาบาท ตอนที่ 5 (ต่อ)
ร้านกาแฟในห้างสรรพสินค้า
ฉัตรชนกนั่งอยู่ที่พื้น ทายาแก้เคล็ดและนวดข้อเท้าให้จิดาภา เธอก้มมองฉัตรชนกด้วยความรู้สึกขอบคุณและเกรงใจอยู่ในที
"เดี๋ยวฉันทำเองค่ะคุณฉัตรชนก"
ฉัตรชนกทายาให้ พร้อมนวดเบาๆ
"ให้ผมทำให้ดีกว่าครับ คุณทำเองคงไม่ถนัด"
ฉัตรชนกทายาให้จิดาภาเสร็จ ลุกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้
"ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ได้คุณช่วยไว้ ฉันคงแย่" จิดาภาเสียขวัญ
ฉัตรชนกแตะหลังมือปลอบใจ "ไม่เป็นไรแล้วนะครับ " เมื่อรู้ตัวว่าไม่เหมาะสมรีบดึงมือออก "ขอโทษครับ"
จิดาภายิ้มนิดๆ อย่างขอบคุณ
"ไม่เป็นไรค่ะ"
"เราบังเอิญเจอกันสองครั้งแล้วนะครับ เจอกันทีไรก็ต้องมีเรื่องทุกทีเลย"
"นั่นสิคะ"
จิดาภายิ้มเจื่อนๆ เพราะความจริงไม่ใช่บังเอิญ แต่จิดาภาตั้งใจสะกดรอยตามฉัตรชนกมาต่างหาก
"คุณชื่ออะไรครับ คราวก่อนที่เจอกันผมก็ไม่ทันได้ถามชื่อคุณ"
"จิดาภาค่ะ เรียกว่าจิเฉยๆ ก็ได้ค่ะ"
"คุณจิจะไปหาหมอมั้ยครับ เดี๋ยวผมพาไป"
"แค่ข้อเท้าเคล็ดนิดหน่อย ไม่ต้องไปหาหมอก็ได้ค่ะ"
จิดาภาสังเกตเห็นฉัตรชนกสีหน้าไม่ซึมๆ เหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ
"คุณฉัตรชนกมีเรื่องไม่สบายใจอะไรหรือเปล่าคะ ฉันสังเกตตั้งแต่ครั้งก่อนที่เราเจอกันแล้ว วันนั้นคุณก็ดูเหม่อๆ เศร้าๆ จนเกือบจะถูกรถฉันชน"
ฉัตรชนกอัดอั้นมานาน อยากระบายออกมาบ้างเลยยอมเล่า
ฉัตรชนกถอนใจหนักๆ ก่อนตอบ
"ผมมีเรื่องไม่สบายใจหลายเรื่องครับ แฟนผมที่กำลังจะแต่งงานกันเพิ่งเสียชีวิต น้องสาวผมก็หายตัวไป แถมเลขาก็มาลาออกกะทันหันอีก ตอนนี้ชีวิตผมเลยวุ่นไปหมด ทั้งเรื่องงานเรื่องส่วนตัว"
จิดาภาแปลกใจ
"น้องสาวคุณหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่คะ"
"สองวันแล้วครับ"
จิดาภาติดใจสงสัยอะไรบางอย่าง แล้วปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
"ฉันขอให้คุณเจอน้องสาวคุณเร็วๆ นะคะ"
ฉัตรชนกยิ้มรับแห้งๆ ประมาณว่าอยากให้เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน
"ฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ"
"คุณเจ็บข้อเท้าอยู่คงขับรถไม่สะดวก ให้ผมไปส่งดีกว่าครับ ส่วนรถคุณ ผมจะให้คนรถที่บ้านมาขับกลับไปให้"
"ก็ดีเหมือนกันค่ะ ขอบคุณนะคะ"
จิดาภายิ้มบางๆ ให้ และรู้สึกว่าฉัตรชนกไม่น่าจะเป็นคนเลวร้ายอย่างที่อัคคีเข้าใจ
อัคคีนั่งอ่านหนังสือพิมพ์รอจิดาภาอยู่ที่ล็อบบี้คอนโด เห็นฉัตรชนกประคองจิดาภาเข้ามาส่ง เขารีบยกหนังสือพิมพ์ขึ้นมาบังหน้า แล้วแอบมองทั้งคู่คุยกัน
"ดูแลตัวเองดีๆ นะครับ ถ้ามีอะไรก็โทรหาผมได้ตลอดเวลานะครับ"
"ขอบคุณค่ะ"
ฉัตรชนกเดินออกไป
อัคคีหึง วางหนังสือพิมพ์ลงอย่างแรง แล้วเดินเข้าไปหาจิดาภา พูดเสียงแข็ง
"คุณไปญาติดีกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่"
จิดาภาพูดอย่างใจเย็น
"ฟังฉันก่อนค่ะอัคคี"
จิดาภาดึงตัวอัคคีให้ไปนั่งคุยกันที่โฟซารับแขก
"วันนี้ฉันไปสะกดรอยตามคุณฉัตรชนกเพื่อจะสืบหาความจริงเรื่องการตายของวรรณิศาให้คุณ แล้วพอดีฉันถูกกระชากกระเป๋า คุณฉัตรชนกก็เลยมาช่วย แล้วก็พามาส่งที่คอนโดนี่แหละค่ะ"
อัคคีท่าทีอ่อนลง
"แล้วคุณเป็นอะไรมากหรือเปล่า"
อัคคีจับเนื้อตัวจิดาภาดูด้วยความเป็นห่วง
"แค่ข้อเท้าเคล็ดนิดหน่อย ไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ ความจริงคุณฉัตรชนกเค้าก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรเลยนะคะ ออกจะมีน้ำใจด้วยซ้ำ บางทีเค้าอาจจะไม่ใช่คนที่ทำร้ายศาอย่างที่คุณเข้าใจก็ได้นะคะ"
"นี่คุณรู้จักมันไม่เท่าไหร่ก็เข้าข้างมันแล้วเหรอ"
"ฉันไม่ได้เข้าข้างเค้านะคะ ฉันแค่พูดไปตามที่ฉันรู้สึก"
อัคคีทำหน้าเหมือนหึงๆ
"แล้วนี่คุณหายไปไหนมาคะ" จิดาภามองจับพิรุธ "คุณหายตัวไปวันเดียวกับวันที่คุณฉัตรชบาหายตัวไปเลยนะคะ"
อัคคีปั้นหน้ากลบเกลื่อน ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
"คุณไม่ต้องมามองผมอย่างนี้เลย ผมไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรอกนะ"
"แน่นะคะ"
อัคคีหลอกถาม
"แล้วฉัตรชนกมันเป็นยังไงบ้างที่น้องสาวมันหายตัวไป"
"คุณฉัตรชนกเครียดมากค่ะ เป็นห่วงน้อง กลัวน้องจะเป็นอะไรไป"
อัคคีสะใจ
"สมน้ำหน้า ให้มันรู้สึกซะบ้าง"
"เลิกอาฆาตแค้นเค้าซะทีเถอะค่ะ ความโกรธแค้นมันเหมือนไฟ ที่จะเผาตัวคุณเองให้ร้อนรุ่ม ถ้าเป็นแบบนี้ ชีวิตคุณจะมีความสุขได้ยังไงคะ"
"มันทำเลวกับศาขนาดนั้น คุณจะให้ผมยกโทษให้มันอย่างงั้นเหรอ"
"แล้วถ้าเค้าไม่ได้ทำล่ะคะ"
อัคคีปักใจ
"มันทำ!"
"ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะสืบหาความจริงเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของคุณฉัตรชนก"
อัคคีทั้งโกรธทั้งหึงระคนกัน
"คุณจะไปยืนยันความบริสุทธิ์ให้มันทำไม คุณปกป้องมันเหรอ"
จิดาภาแตะแขนอัคคีให้ใจเย็น
"ฉันทำเพื่อคุณต่างหาก ฉันไม่อยากให้คุณจมอยู่กับความอาฆาตพยาบาทแบบนี้ไปตลอดชีวิต แล้วฉันก็ไม่อยากปักใจเชื่อโดยไม่มีหลักฐานด้วยว่าคนอย่างคุณฉัตรชนกจะทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้นได้"
"คำพูดของคุณพัฒนะกับศายังไม่พออีกเหรอ"
"แต่สำหรับฉัน แค่นี้ยังไม่พอค่ะ"
อัคคีกำหมัดแน่นด้วยความแค้นฝังใจ จิดาภายื่นมาจับมืออัคคีที่กำไว้แน่น
"ฉันรักคุณนะคะอัคคี ฉันไม่อยากเห็นคุณเป็นแบบนี้ ฉันอยากให้คุณกลับมาเป็นอัคคีที่น่ารักคนเดิมของฉันนะคะ"
อัคคีปวดร้าว
"แต่ผมทำใจให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นกับศาไม่ได้ และยิ่งผมเห็นคนผิดมันยังลอยหน้าลอยตาใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ ผมก็ยิ่งทำใจไม่ได้"
จิดาภาจับมือให้กำลังใจและปลอบใจอัคคีอย่างเข้าใจความรู้สึก
ฉัตรชนกเดินกลับเข้ามาในห้องโถง อำภากับฉกาจที่นั่งอยู่ในห้องโถงก็รีบถาม
"ได้ข่าวน้องมั่งมั้ยฉัตร พ่อโทร.ถามตำรวจก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย"
ฉัตรชนกอึกอัก แล้วตอบโกหกไปเพราะไม่อยากให้พ่อกับแม่เครียดมากกว่าเดิม
"ยังไม่ได้ข่าวอะไรเลยครับคุณพ่อ"
อำภาคร่ำครวญ
"โธ่เอ๊ย...ยัยชบาลูกแม่ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง"
ฉกาจโอบไหล่อำภา ปลอบใจไป
"ผมสัญญาว่าผมจะตามชบากลับมาให้ได้ คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ"
"ฉัตรต้องตามหาน้องให้เจอนะลูก"
"ครับคุณแม่ แล้วนี่คุณเกษยังไม่กลับอีกเหรอครับ"
ฉกาจรีบตอบ ท่าทางไม่ปลื้มลูกสะใภ้
"วันๆ เคยอยู่บ้านซะที่ไหน"
"ก็เพราะตาฉัตรนั่นแหละที่เอาแต่ทำงาน ไม่สนใจเมีย หนูเกษก็คงจะเหงา เลยต้องออกไปหาเพื่อนข้างนอก"
"ผมไม่มีเวลาไปเอาใจใครหรอกครับคุณแม่ ทุกวันนี้ผมก็เครียดเรื่องชบาจะแย่อยู่แล้ว แถมเลขาผมก็มาลาออกกะทันหันอีก นี่ก็ยังหาคนใหม่ไม่ได้เลย งานก็รวนไปหมด"
"ถ้างั้นก็ให้หนูเกษไปเป็นเลขาฉัตรสิลูก ผัวเมียจะได้มีเวลาใกล้ชิดกันมากขึ้นด้วย"
ฉกาจแขวะ
"ลูกสะใภ้คุณ ทำงานเป็นด้วยเหรอ ผมเห็นวันๆ เอาแต่งตัวกับช็อปปิ้ง"
อำภาค้อนขวับ
"คุณนี่ยังไง ชอบว่าหนูเกษอยู่เรื่อย"
"ผมเห็นด้วยกับคุณพ่อนะครับ ขืนให้คุณเกษไปช่วยงาน ผมคงปวดหัวยิ่งกว่าเดิมแน่ๆ เรื่องเลขาใหม่ เดี๋ยวผมจะจัดการเองครับ"
"พอกันทั้งพ่อทั้งลูก"
อำภามองค้อนฉัตรชนกกับฉกาจอย่างไม่ชอบใจนัก...
บนเกาะร้าง ฉัตรชบาถามแม้นมาศ
"นายอัคคีหายไปไหน ฉันไม่เห็นตั้งแต่เมื่อตอนสายๆ แล้ว"
"นายเข้าเมืองจ้ะ"
ฉัตรชบาดีใจ แต่เก็บอาการ
"แล้วคืนนี้จะกลับมั้ย"
"ไม่กลับจ้ะ"
ฉัตรชบาแอบยิ้มที่จะได้มีโอกาสหนี
"นายสั่งให้ฉันกับตาเข็มเฝ้านายหญิงไว้ นายหญิงหนีไปไหนไม่ได้หรอก"
ฉัตรชบาเฉไฉกลบเกลื่อน
"ฉันยังไม่หายไข้ดีเลย ไม่มีแรงหนีไปไหนหรอก แม้นกลับไปนอนเถอะ ฉันก็จะนอนแล้วเหมือนกัน"
"ฉันจะนอนเฝ้านายหญิงที่นี่แหละ"
"แม้นมาศนอนที่นี่แล้วข้าวปุ้นจะนอนกับใครล่ะ"
"ข้าวปุ้นมันนอนกับตาเข็มได้ ไม่ต้องห่วงมันหรอก"
ฉัตรชบาแอบทำหน้าเซ็งๆ แล้วแกล้งปั้นหน้าดุ
ฉัตรชบาสั่ง
"ฉันจะนอนคนเดียว ถ้าไม่เชื่อฟังฉัน นายอัคคีกลับมาฉันจะฟ้อง"
แม้นมาศลังเลใจ ใจนึงก็กลัวอัคคี อีกใจก็กลัวฉัตรชบาหนี
"นายหญิงจะไม่หนีแน่นะ"
ฉัตรชบาแกล้งรับปากไป
"มีแต่ทะเลกับป่า ฉันจะหนีไปไหนได้ล่ะ"
"ถ้างั้นก็ได้จ้ะ"
แม้นมาศเดินออกไป สีหน้าไม่ค่อยไว้ใจฉัตรชบา
แม้นมาศหันกลับไปมองฉัตรชบา ก็เห็นว่าฉัตรชบานอนลงแล้วห่มผ้าห่มเรียบร้อย
"ปิดประตูด้วยนะ"
"จ้ะ"
แม้นมาศออกจากห้องไปแล้วปิดประตู ฉัตรชบาแอบยิ้มเจ้าเล่ห์
บรรยากาศมืดสลัวยามค่ำคืนบนเกาะร้าง ฉัตรชบาแอบเดินออกมาจากกระท่อม แล้วมุ่งหน้าเดินไปท่าเรือ เธอรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามมาก็หันไปมองข้างหลัง แต่ไม่มีใคร บรรยากาศก็มืดๆ น่ากลัว เธอทำท่าเหมือนกลัวผี แต่ก็กลั้นใจวิ่งต่อไปจนมาถึงที่ท่าเรือ
ฉัตรชบาดีใจมาก มองหาเรือไปรอบๆ แต่ไม่เห็นเรือ
"เฮ้ย! ทำไมไม่มีเรือล่ะ"
ทันใดนั้นเสียงเข็มก็ดังขึ้น
"นายขับเรือออกไปครับ"
ฉัตรชบาหันขวับไปมอง
"นายเข็ม!"
"นายหญิงกลับไปที่บ้านพักเถอะครับ ไม่มีเรือก็ไปไหนไม่ได้หรอก"
ฉัตรชบาเจ็บใจ
"เหนื่อยฟรีเหรอเนี่ย"
ฉัตรชบาเดินกระฟัดกระเฟียดกลับไป เข็มเดินตามไปห่างๆ
บ้านวรรณิศา ตอนกลางคืน
ในห้องโถง อัคคียืนมองกรอบรูปของวรรณิศาอยู่
"พี่ทำทุกอย่างเพื่อศานะ ฉัตรชนกกับฉัตรชบาทำให้ศาต้องเจ็บปวด มันสองคนก็ต้องชดใช้"
อัคคีวางกรอบรูปลงที่เดิม พร้อมมีสีหน้าเหมือนพยายามบอกตัวเองว่า สิ่งที่ตนทำอยู่นั้นถูกต้องแล้ว
เช้าวันใหม่
ฉัตรชบาถือขันน้ำกับอุปกรณ์อาบน้ำเดินเข้าไปในป่าท้ายเกาะ พร้อมกับสอดส่ายสายตามองหาทางหนีไปด้วย
เข็มกับแม้นมาศโผล่พรวดออกมาขวางหน้าฉัตรชบาไว้ ฉัตรชบาตกใจ
"เฮ้ย! เข็ม แม้นมาศ ฉันตกใจหมด"
"นายหญิงคิดจะหนีอีกแล้วเหรอ"
ฉัตรชบาแก้ตัว
"ฉันไม่ได้จะหนี ฉันจะไปอาบน้ำที่น้ำตากท้ายเกาะ"
"ทำไมไม่อาบบนบ้านล่ะครับ" เข็มถาม
"บนบ้านมีห้องน้ำด้วยเหรอ"
ฉัตรชบาแปลกใจ
อ่านต่อหน้า 3
เกมพยาบาท ตอนที่ 5 (ต่อ)
ต่อมา แม้นมาศเปิดประตูห้องน้ำบนกระท่อมให้ฉัตรชบาดู
"นี่ไงจ๊ะห้องน้ำ"
ฉัตรชบาเจ็บใจ
"ทำไมนายอัคคีไม่บอกฉัน"
เข็มกับแม้นมาศมองหน้ากันไปมา ไม่กล้าพูดอะไร
"เข็มกับแม้นมาศมีอะไรก็ไปทำเถอะ ไม่ต้องมานั่งเฝ้าฉันหรอก เรือก็ไม่มี ฉันไม่มีทางหนีหรอก"
"จ้ะ ... ไปตาเข็ม นายหญิงจะได้อาบน้ำ"
เข็มกับแม้นมาศเดินออกไป...
ฉัตรชบาเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ
ฉัตรชบาเข้ามาในห้อง เห็นว่าไม่มีฝักบัว ไม่มีน้ำอุ่น มีแต่ตุ่มใส่น้ำอยู่หนึ่งใบ ฉัตรชบาลองเอามือแตะๆ น้ำดู พบว่าน้ำเย็นมาก
"น้ำเย็นขนาดนี้จะอาบได้ยังไง น้ำอุ่นก็ไม่มี" ฉัตรชบาโวยวาย "ทำไมฉันต้องมาเจอเรื่องบ้าๆ แบบนี้ด้วย ... ฉันก็ต้องหาทางหนีให้ได้ ถึงจะไม่มีเรือ แต่มันก็ต้องมีทางอื่นให้หนีมั่งแหละ"
ฉัตรชบามุ่งมั่น จะต้องหนีไปจากที่นี่ให้ได้ ...
ฉัตรชนกนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงาน เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดเข้ามา ฉัตรชนกเงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นว่ามีพนักงานคนหนึ่งพาจิดาภาเข้ามาในห้อง พนักงานเดินออกไป จิดาเดินเข้ามาหาฉัตรชนก
ฉัตรชนกแปลกใจ
"คุณจิดาภา"
จิดาภายิ้มแย้ม "สวัสดีค่ะ"
"มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ ถึงมาหาผมถึงที่นี่"
"ฉันมาสมัครงานค่ะ"
"สมัครงาน"
"ค่ะ ก็คุณกำลังต้องการเลขาอยู่ไม่ใช่เหรอคะ แล้วฉันก็กำลังหางานทำอยู่พอดี ก็เลยคิดว่ามาของานคุณทำก็น่าจะดี" เธอส่งซองเอกสารให้ "เอกสารการสมัครงานของฉันค่ะ"
ฉัตรชนกรับเอกสารไปเปิดดูแบบผ่านๆ
"ตกลงครับ ผมรับคุณเป็นเลขาของผม"
"นี่คุณรับฉันง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอคะ ฉันอุตส่าห์เตรียมตัวมาให้คุณสัมภาษณ์ซะอย่างดีเลย"
ฉัตรชนกยิ้มเป็นมิตร
"ไม่ต้องสัมภาษณ์อะไรหรอกครับ เราเจอกันมาสองครั้งแล้ว ผมถือว่าคุณเป็นเพื่อนของผมคนนึง"
จิดาภายิ้มดีใจ)
"ขอบคุณค่ะบอส ถ้างั้นฉันขอเริ่มงานวันนี้เลยนะคะ"
"แล้วแต่คุณเลยครับคุณเลขา"
ฉัตรชนกเห็นรอยยิ้มที่สดใสของจิดาภาก็เผลอยิ้มอย่างสบายใจออกมาโดยไม่รู้ตัว
ฝ่ายอัคคีกำลังเดินเข้าบริษัท โทรศัพท์มือถือดังขึ้น อัคคีกดรับสาย
"ว่าไงครับคุณจิ"
จิดาภานั่งคุยมือถืออยู่ที่โต๊ะทำงานหน้าห้องฉัตรชนก
" ตอนนี้ฉันมาทำงานเป็นเลขาคุณฉัตรชนกแล้วนะคะ"
อัคคีเดินคุยโทรศัพท์เข้าไปในบริษัท
" คุณจิ! นี่คุณคิดจะทำอะไรของคุณ"
จิดาภาคุยมือถือ
"ฉันบอกแล้วไงคะ ว่าฉันจะสืบหาความจริงว่า คุณฉัตรชนกทำผิดจริงอย่างที่คุณเข้าใจหรือเปล่า"
"ทุกอย่างมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าไอ้ฉัตรชนกมันผิดจริง คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เลย คุณลาออกเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่าไปอยู่ใกล้ตัวอันตรายอย่างมัน"
"ไม่ค่ะ แล้วถ้าฉันสืบได้ว่าคุณฉัตรชนกไม่ผิด คุณต้องยุติความอาฆาตพยาบาททุกอย่างนะคะ"
จิดาภาเห็นฉัตรชนกเดินออกจากห้อง แล้วตรงมาที่โต๊ะทำงานของตน จึงคุยมือถือ...พูดเบาๆ
"แค่นี้ก่อนนะคะ คุณฉัตรชนกเดินมาแล้ว"
จิดาภากดวางสาย
"เดี๋ยวก่อนคุณจิ...คุณจิ…ฮึ่ย!"
อัคคีหงุดหงิดที่จิดาภาไม่เชื่อฟัง
อดุลย์นั่งทำงานอยู่ในห้อง อัคคีเปิดประตูเข้ามาแรงๆ แบบอารมณ์เสีย
"เฮ้ย...อัคคี! หายไปไหนมาตั้งหลายวัน นี่คุณจิเค้าก็ตามหาแกอยู่นะ"
อัคคีเข้ามานั่ง หงุดหงิด
"เจอกันแล้ว"
"ทำหน้าแบบนี้มีเรื่องกับใครมาอีก"
"ก็คุณจินั่นแหละ"
"มีเรื่องอะไรกัน"
อัคคีไม่อยากเล่
"ช่างเถอะ คุยเรื่องงานกันดีกว่า แกช่วยสืบให้ฉันหน่อยว่าการประมูลครั้งที่แล้ว ฉัตรชนกมันเล่นสกปรกอะไรหรือเปล่า ทำไมเราถึงแพ้มันไปแบบเฉียดฉิวแบบนั้น"
"ได้"
"แล้วแกก็ไปกว้านซื้อที่ดินฝั่งตรงข้ามกับที่ดินแปลงที่มันประมูลได้ด้วยนะ"
"อย่าบอกนะว่าแกคิดจะทำคอนโดแข่งกับฉัตรชนก"
"ใช่! งานนี้ฉันจะสู้กับมันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน"
"โอเค แล้วฉันจะจัดการให้"
"ฉันไม่อยู่หลายวัน มีเอกสารอะไรให้เซ็นมั้ย"
"กองอยู่ในห้องทำงานแกเต็มไปหมด ช่วยเข้าไปเซ็นด้วย เสร็จแล้วไปดูไซต์งานกันหน่อยนะ"
อัคคีพยักหน้ารับ
อัคคีกับอดุลย์เดินคุยกันออกมาที่หน้าบริษัท
"ตำรวจจับตัวคนร้ายที่ทำร้ายศาได้หรือยัง"
"ก่อนมานี่ฉันก็ไปคุยกับตำรวจมา ตำรวจยังตามตัวคนร้ายไม่ได้เลยซักคน"
"ก็คงตามตัวยากหน่อยล่ะ ไม่มีพยานรู้เห็นซักคน แถมศาก็ให้ข้อมูลอะไรกับตำรวจไม่ได้เลย"
"ถึงจะจัดการกับไอ้พวกที่มันลงมือไม่ได้ แต่ฉันก็จะจัดการกับไอ้คนที่มันว่าจ้างคนไปทำร้ายศาได้"
อดุลย์หนักใจ
"นี่แกยังปักใจเชื่ออยู่อีกเหรอว่านายฉัตรชนกเป็นคนจ้าง"
อัคคีไม่ตอบ เดินหนีอดุลย์ไปขึ้นรถ อดุลย์รีบตามไป
มุมหนึ่งห่างออกไป นักสืบคนหนึ่งแอบซุ่มถ่ายรูปอัคคีอยู่
ณ ไซต์งานก่อสร้าง ในเวลาต่อมา
อดุลย์พาอัคคีเดินดูตามจุดต่างๆ ที่ห่างออกไป นักสืบสะกดรอยตามแอบถ่ายรูปอยู่
อัคคีเดินตรวจงาน พร้อมกับหางตามองไปทางนักสืบ อัคคีรู้ตัวแล้วว่าถูกสะกดรอยตาม แต่ยังทำนิ่งไม่ให้นักสืบรู้ตัว
อัคคีบอกอดุลย์
"แกรออยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา"
อัคคีเดินออกไป
"จะไปไหน"
อดุลย์มองตามหลังอัคคีไป สีหน้างงๆ ว่าอัคคีจะไปไหน
นักสืบซุ่มอยู่ที่มุมหนึ่งในไซต์งานก่อสร้าง สอดส่ายสายตามองหาอัคคี แต่ไม่เห็น
"หายไปไหนแล้ววะ"
เสียงอัคคีดังขึ้นจากทางด้านหลังนักสืบ
" อยู่นี่"
นักสืบชะงักกึก แล้วหันมามองหน้าอัคคี
อัคคีมองดุถาม
"ใครใช้ให้แกมาตามฉัน"
"ไม่มี"
นักสืบผลักอัคคีออกแล้ววิ่งหนี อัคคีกระชากนักสืบกลับมา นักสืบต่อสู้ขัดขืน อัคคีตอบโต้ ต่อยนักสืบจนล้มคว่ำ อัคคีตามไปกระชากคอเสื้อนักสืบให้ลุกขึ้นมา แล้วจับตัวไปอัดกระแทกติดกำแพง
"ใครใช้แกมา"
นักสืบปิดปากเงียบ ไม่ยอมบอก
"ถ้าไม่บอก ฉันจะจับตัวแกส่งตำรวจ"
อัคคีลากคอนักสืบออกไป
"บอกแล้ว"
อัคคีหยุด
"มันเป็นใคร"
"คุณฉัตรชนก"
อัคคีแค้น
"ไอ้ฉัตรชนก! แล้วแกตามฉันมากี่วันแล้ว"
"วันนี้วันแรก"
"งั้นแกก็กลับไปรายงานไอ้ฉัตรชนกได้เลยว่าฉันทำงานอยู่ที่นี่ แล้วแกก็ห้ามตามสืบเรื่องของฉันอีก ไม่งั้นฉันเอาแกตายแน่"
"ครับๆ"
"ไสหัวไป!"
อัคคีเหวี่ยงนักสืบออกไปอย่างแรง นักสืบลนลานหนีไป
ฉัตรชบาเดินเข้ามาในป่าลึก หยุดมองไปรอบๆ รู้สึกเหมือนกำลังหลงทาง ไม่รู้จะไปทางไหนดี
"ฉันยอมตายในป่าดีกว่าตายเพราะนายอัคคี"
ฉัตรชบาตัดสินใจเดินตรงไปข้างหน้า
พระอาทิตย์กำลังจะตกหายไปในทะเลตอนเย็น
บนกระท่อม แม้นมาศยกถาดอาหารเย็นมาให้ฉัตรชบา พร้อมเรียกหา
"นายหญิงจ้ะ ฉันเอาข้าวเย็นมาให้จ้ะ"
แม้นมาศเอะใจ กระท่อมเงียบผิดปกติ จึงรีบเข้าไปดูตามห้องต่างๆ
แม้นมาศเข้ามาดูฉัตรชบาในห้องนอน แต่ก็ไม่เห็น แม้นมาศใจไม่ดี รีบร้อนออกไปดูที่ห้องอื่น
แม้นมาศเข้ามาดูฉัตรชบาในห้องน้ำ แต่ก็ไม่เห็น
"นายหญิงหายไปไหนเนี่ย"
แม้นมาศหน้าเสีย รีบร้อนออกไปดูที่ห้องอื่น
แม้นมาศเข้ามาดูฉัตรชบาในห้องครัว แต่ก็ไม่เห็น
"นายหญิงหายตัวไป ... โดนนายอัคคีเล่นงานตายแน่"
แม้นมาศรีบวิ่งออกไปข้างนอก
แม้นมาศวิ่งหน้าตาตื่นมาที่บ้านพักคนงานท้ายเกาะ
"ตาเข็มโว้ย ตาเข็ม"
"อะไรๆ เสียงดังโวยวายไปได้"
แม้นมาศวิ่งมาเหนื่อยหอบ
"นายหญิงหาย!"
เข็มตกใจ
"หายไปไหน!"
"ไม่รู้ แกรีบไปตามหาเร็วเข้า ถ้านายอัคคีกลับมาแล้วไม่เจอนายหญิง พวกเราได้ตายหมู่แน่"
เข็มวิ่งออกไปตามหาฉัตรชบาทางด้านชายป่าด้านหลัง เข็มวิ่งไปพร้อมตะโกนเรียกหาไปด้วย
"นายหญิง! นายหญิง! อยู่ที่ไหนครับ"
แม้นมาศหันไปบอกข้าวปุ้นที่นั่งเล่นอยู่ที่แคร่หน้าบ้าน
"อยู่นี่นะข้าวปุ้น ป้าจะไปช่วยลุงตามหานายหญิง"
"จ้ะป้า"
แม้นมาศวิ่งออกไปตามหาฉัตรชบาทางด้านหน้าชายหาด
ฉัตรชบาเดินโซเซ ท่าทางหิวน้ำมาก ฉัตรชบาหันไปเห็นลำธาร ดีใจ
"น้ำ!"
ฉัตรชบารีบวิ่งไปที่ลำธาร ใช้สองมือตักน้ำขึ้นมาจ่อที่ปาก กำลังจะดื่ม แต่แล้วก็ชะงัก ทำหน้าแบบรังเกียจ กลัวความสกปรก แต่แล้วก็ฝืนใจดื่มเข้าไป
เสียงเข็มดังแทรกเข้ามา
" นายหญิง! นายหญิงอยู่ไหนครับ"
ฉัตรชบารีบเข้าไปซ่อนตัวที่หลังโขดหินใกล้ๆ แล้วมองออกมาจากหลังโขดหิน เห็นเข็มเดินเข้ามาเข็มกวาดตามองหาฉัตรชบาไปทั่ว แต่ไม่เห็น เข็มเดินออกไปตามหาทางอื่น
"นายหญิงครับ นายหญิง"
ฉัตรชบามีสีหน้าโล่งอก แล้วแอบหนีออกไปอีกทาง
แม้นมาศเดินกระวนกระวายอยู่หน้ากระท่อม เข็มวิ่งกะหืดกะหอบกลับเข้ามา
แม้นมาศรีบถาม
"ไม่เจอนายหญิงเหรอตาเข็ม"
"ไม่เจอ ไม่รู้จะหลงป่าไปถึงไหนแล้ว"
ทันใดนั้น เสียงดุๆของอัคคีก็ดังขึ้น
" ฉัตรชบาไปไหน"
แม้นมาศกับเข็มชะงักกึก หันไปมองหน้าอัคคี หน้าแหยทั้งคู่
"ฉันสั่งให้เฝ้าไว้ให้ดี ปล่อยให้หายไปได้ยังไง"
แม้นมาศอึกอัก
"นายหญิงออกจากเกาะนี้ไปไม่ได้หรอกจ้ะ อย่างมากก็หลงอยู่ในป่า"
"ผมเข้าไปหาในป่าท้ายเกาะแล้ว แต่ไม่เจอเลยครับนาย ไม่รู้หลงเข้าไปในป่าลึกหรือเปล่า"
"เดี๋ยวฉันจะเข้าไปตามเอง"
อัคคีวิ่งเข้าไปในกระท่อม ครู่หนึ่งก็กลับออกมาพร้อมกับไฟฉายและปืน อัคคีเอาปืนเหน็บไว้ที่เอว แล้ววิ่งเข้าไปในป่าท้ายเกาะ
แม้นมาศยกมือไหว้ท่วมหัว
"เจ้าประคุณ เจ้าป่าเจ้าเขา ช่วยปกป้องคุ้มครองนายหญิงด้วยเถอะ"
แม้นมาศกับเข็มเป็นห่วงฉัตรชบา
อ่านต่อหน้า 4
เกมพยาบาท ตอนที่ 5 (ต่อ)
ฉัตรชบาเดินลึกเข้าไปในป่า เห็นแสงไฟวิบๆ ก็สงสัย
"แสงไฟของใคร หรือจะเป็นนายเข็ม"
แสงไฟใกล้เข้ามา ฉัตรชบารีบหลบเข้าหลังต้นไม้ใหญ่ แล้วแอบดู
เห็นเป็นชายฉกรรจ์หน้าตาไม่น่าไว้ใจสองคนกำลังเดินตรงเข้ามาที่ต้นไม้ที่ตนหลบอยู่ ฉัตรชบาทำตัวให้เล็กลีบที่สุดไม่ให้คนร้ายเห็น คนร้าย1 ถือไฟฉาย คนร้าย2 ถือมีดเล่มใหญ่
ฉัตรชบาครุ่นคิด พูดเบาๆ
"คนของนายอัคคีหรือเปล่า"
คนร้าย2 ใช้มีดบากเปลือกไม้เป็นสัญลักษณ์กากบาท พลางบอก
"ต้นนี้ใหญ่ดี"
"ไปเถอะ เอาไว้ค่อยมาแอบตัดวันหลัง"
"แต่มันดันมีคนมาอยู่บนเกาะนี้ เราจะแอบมาตัดไม้กันยังไงวะ"
"จะกลัวอะไร ถ้ามันมาขัดขวาง เราก็ฆ่ามันหมกไว้ที่นี่ซะเลย"
ฉัตรชบารู้สึกกลัวคนร้ายสองคนนี้ ไม่กล้าออกไป แล้งวก็เผลอเหยียบกิ่งไม้จนเกิดเสียงดัง คนร้ายทั้งสองคนเตรียมป้องกันตัว
"มีคนอยู่แถวนี้เหรอ"
คนร้าย 2 กำลังจะเดินไปทางฉัตรชบา
ฉัตรชบากลัว พยายามทำตัวเล็กลีบ
ทันใดนั้น เสียงของอัคคีก็ดังขึ้น
"ฉัตรชบา! คุณอยู่ไหน ฉัตรชบา!"
คนร้าย2 ที่กำลังจะถึงตัวฉัตรชบาชะงักกึก
"ไปก่อนดีกว่า"
คนร้าย1 พูดแล้ววิ่งหนีนำออกไป คนร้าย 2 ตามไป
ฉัตรชบาเป่าปากโล่งอก
"หนีเสือปะจระเข้าชัดๆ"
เสียงอัคคีดังใกล้เข้ามา
" ฉัตรชบา!"
ฉัตรชบารีบหนีออกไป
คล้อยหลังฉัตรชบา อัคคีก็เดินเข้ามา มองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นฉัตรชบา
"อยู่ไหนนะยัยบ้าเอ๊ย! ปล่อยให้โดนงูกัดตายในป่าซะเลยดีมั้ยเนี่ย"
อัคคีบ่นอย่างหงุดหงิด
คนร้ายทั้งสองคนแอบออกมาขึ้นเรือยนต์ที่จอดไว้ที่อีกฝากของเกาะ แล้วขับเรือออกไป
ฝ่ายฉัตรชบาเดินโซเซเข้ามาในป่าลึก ท่ามกลางความมืด เธอสะดุดรากไม้จนลื่นไถลตกเนิน กรีดเสียงดังลั่น แล้วหายไปในความมืด
อัคคีได้ยินเสียงกรี๊ดของฉัตรชบา
"ฉัตรชบา!"
อัคคีรีบวิ่งไปตามทิศทางของเสียง
อัคคีวิ่งเข้ามาบริเวณปากเนินที่ฉัตรชบาตกลงไป
"ฉัตรชบา! ฉัตรชบา!"
ฉัตรชบาที่อยู่ข้างล่างเนิน นั่งเอามือกุมข้อเท้าตัวเอง สีหน้าเจ็บปวดมาก ตะโกนตอบไป
"ฉันอยู่นี่"
อัคคีได้ยินเสียงฉัตรชบา แต่ยังไม่เห็นตัว
อัคคีมองหา
"คุณอยู่ไหน"
ฉัตรชบาตะโกนตอบมา
"ฉันอยู่ข้างล่างนี่"
อัคคีเอาไฟฉายส่องลงไปที่ข้างล่าง เห็นฉัตรชบานั่งอยู่ข้างล่างเนิน ก็รีบปีนตามลงไป
อัคคีลึกๆ โล่งอก แต่ก็ถามแบบเย็นชากึ่งประชด
"มานั่งเล่นอะไรอยู่ตรงนี้"
"ฉันลื่นตกลงมา ข้อเท้าแพลง"
อัคคีจับข้อเท้ามาดู
"ไหนดูสิ"
ฉัตรชบาเจ็บ
"โอ๊ย! เบาๆ สิ"
"อย่าสำออย ลุกขึ้น" อัคคีดึงตัวให้ลุก
ฉัตรชบาลุกขึ้นยืน แต่ก็เจ็บข้อเท้ามาก เซไปจนเกือบล้ม จนอัคคีค้องจับประคองไว้
"อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่องเจ็บตัว"
ฉัตรชบาดันตัวออก
"ฉันบอกแล้วไงว่าถ้ามีโอกาสฉันก็จะหนี"
อัคคียิ้มเยาะ
"แต่ก็หนีไม่รอด"
อัคคีเห็นงูเขียวหางไหม้เลื้อยมาทางด้านหลังฉัตรชบา และกำลังจะเลื้อยผ่านไป
อัคคีมองที่งูพร้อมพูดกับฉัตรชบา
"อยู่นิ่งๆ อย่าขยับ"
ฉัตรชบาใจไม่ดี ไม่กล้าขยับตัว ได้แต่ส่งสายตามองไปตามสายตาของอัคคี สีหน้าหวั่นๆ)
"มีอะไร"
"งูอยู่ข้างหลังคุณ"
ฉัตรชบาตกใจ กรี๊ดลั่น พร้อมกับกระโดดไปมาด้วยความกลัว
"แอร๊ย ! อยู่ไหน มันอยู่ไหน"
อัคคีตวาด
"บอกให้อยู่นิ่งๆ"
ฉัตรชบาพลาดไปเหยียบหางงูเข้า งูตวัดตัวมาจะฉกฉัตรชบา อัคคีรีบจับตัวฉัตรชบาให้หลบมาอยู่ด้านหลังตน
งูฉกเข้าที่ข้อเท้าของอัคคี แล้วเลื้อยหนีไป
อัคคีนั่งลงบีบเลือดออกจากแผลให้มากที่สุด เพื่อรีดพิษงูออก แล้วฉีกชายเสื้อออกมาเป็นเส้น มัดเหนือแผลไว้
ฉัตรชบานั่งลงข้างๆ อัคคี
"นายถูกงูกัด"
อัคคีจ้องหน้าฉัตรชบาตาแข็ง "ก็เพราะใครล่ะ บอกให้อยู่เฉยๆ ก็ไม่ฟัง"
ฉัตรชบารู้สึกผิด "ฉัน..." ความจริง ฉัตรชบาอยากพูดว่าขอโทษ แต่ปากแข็งไม่พูด
อัคคีลุกขึ้น
"รีบออกจากป่าได้แล้ว ก่อนที่จะมีตัวอะไรโผล่มาอีก"
ฉัตรชบาลุกตาม
"ใช่ เราต้องรีบออกจากป่า นายต้องไปหาหมอ"
"แค่นี้ไม่ต้องหาหมอหรอก"
ฉัตรชบาเผลอแสดงความเป็นห่วง
"นายอาจจะตายได้นะ"
"ถ้าผมตายคุณน่าจะดีใจนะ"
"ฉันไม่ใช่คนใจยักษ์เหมือนนายนะ ที่เห็นคนตายต่อหน้าแล้วจะดีใจ"
"เลิกพูดมากได้แล้ว น่ารำคาญ"
อัคคีดึงแขนฉัตรชบาให้เดินออกจากป่า
ฉัตรชบาลอบมองหน้าอัคคีด้วยความรู้สึกผิด และสับสนที่อัคคีช่วยตนไว้ทั้งที่แค้นตนมาก
แม้นมาศกับเข็มนั่งรออัคคีกับฉัตรชบาอยู่หน้ากระท่อม ทั้งคู่ท่าทางกระวนกระวาย เป็นห่วง
ทั้งคู่เดินประคองกันเข้ามา อัคคีท่าทางปวดแผล แต่พยายามอดทน ไม่แสดงออกมากนัก
แม้นมาศกับเข็มหันไปเห็นอัคคีกับฉัตรชบาก็ดีใจมาก รีบวิ่งเข้าไปหา
เข็มสังเกตเห็นหน้าอัคคีดูซีดๆ
"นายเป็นอะไรครับ"
อัคคีหน้าซีด ท่าทางอ่อนแรง
"ไม่เป็นไร"
"นายอัคคีถูกงูกัด"
แม้นมาศตกใจ "งูกัด!"
"จะโวยวายทำไม แค่งูเขียวหางไหม้กัดแค่นี้ไม่ตายหรอกน่า"
"เดี๋ยวผมพาไปหาหมอในเมืองนะครับนาย" เข็มจะประคองไป
"สมุนไพรที่เรามีก็เอาอยู่ ไม่ต้องไปหาหมอให้เสียเวลาหรอก"
"ครับๆ เดี๋ยวผมรีบไปเอายามาให้"
"เอายาประคบแก้ข้อเท้าแพลงมาให้ชบาด้วยนะเข็ม"
"ครับนาย" เข็มรีบวิ่งออกไป
ฉัตรชบาแอบมองหน้าอัคคี อึ้งไปเล็กน้อยที่อัคคีใส่ใจตน
แม้นมาศประคองอัคคี
"รีบขึ้นบ้านเถอะจ้ะนาย"
แม้นมาศประคองอัคคีเดินขึ้นกระท่อม ฉัตรชบาช่วยประคองไปอีกข้าง
ผ่านเวลา ... เข็มใช้สมุนไพรประคบที่แผลให้อัคคีแล้วเอาผ้าพันแผลพันไว้ เสร็จแล้วก็หันไปใช้รากไม้ฝนกับเหล้าขาว ส่งให้อัคคีกิน
"กินยานี่ด้วยครับนาย"
อัคคีรับยาไปกิน
ฉัตรชบาที่นั่งให้แม้นมาศนวดประคบข้อเท้าให้อยู่ก็มองยาที่อัคคีกินอย่างสนใจ
"ยาอะไรเหรอนายเข็ม แล้วจะรักษาได้จริงๆ เหรอ"
"รากโลดทะนงแดงฝนกับเหล้าขาวครับ ใช้ถอนพิษงูชะงัดนักล่ะ"
ฉัตรชบาเผลอทำน้ำเสียงเหมือนเป็นห่วงอัคคี
"แล้วกี่วันถึงจะหาย"
"น่าจะปวดบวมอยู่ซัก 2-5 วันก็หายแล้วครับ แต่ก็ไม่แน่ว่าคืนนี้นายอาจจะมีไข้ขึ้นนิดหน่อยด้วยก็ได้"
แม้นมาศพูดเสริม
"นายหญิงคงต้องดูแลนายให้ดีๆ หน่อยนะจ๊ะ"
"ฉันดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องให้ใครมาดูแลหรอก"
ฉัตรชบาเบ้หน้าใส่
"ทำเป็นปากดี แล้วฉันจะคอยดู"
"เข็มกับแม้นมาศไปนอนได้แล้วไป ปล่อยข้าวปุ้นไว้คนเดียวเดี๋ยวก็กลัวแย่"
"จ้ะนาย"
เข็มกับแม้นมาศเดินออกไป
ฉัตรชบาเดินกระเผลกๆ ไปปูเสื่อแล้วกางมุ้ง ฉัตรชบากำลังจะมุดเข้าไปนอนในมุ้ง แต่ก็ฉุกคิดขึ้นได้ หันไปมองที่เตียงอัคคี เห็นว่ายังไม่ได้กางมุ้ง ฉัตรชบาเดินไปกางมุ้งให้อัคคี
"จะทำอะไร"
"ก็จะกางมุ้งให้นายไง ลุกขึ้นมาทำเองไหวมั้ยล่ะ"
อัคคีปั้นหน้าเฉยชา แต่ลึกๆ ก็รู้สึกแปลกใจที่ฉัตรชบาใส่ใจตนทั้งที่ถูกตนทรมานแทบตาย
อัคคีนอนดูฉัตรชบากางมุ้งให้จนเสร็จ ฉัตรชบาเดินกลับไปนอนในมุ้งของตัวเอง
ในมุ้ง ฉัตรชบานอนครุ่นคิดลังเลใจ ทำท่าจะพูดอะไรกับอัคคี แล้วก็เปลี่ยนใจอยู่หลายครั้ง
ฉัตรชบานอนลืมตาโพลงอยู่ในมุ้ง พลิกตัวไปมาหลายรอบ แล้วก็ตัดสินใจเรียกอัคคี เก๊กเสียงเข้มๆ
"นี่นาย!"
อัคคีตะโกนเสียงแข็งตอบกลับมา
"มีอะไรอีก"
ฉัตรชบากลั้นใจพูดไป "ขอบใจนะ"
พูดจบ ฉัตรชบาก็ดึงผ่าห่มขึ้นมาคลุมโปงนอน
ในมุ้งของอัคคี เขานอนทำสีหน้านิ่งๆ เดาไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นก็หลับตาลง
เช้าวันใหม่ ฉัตรชบาตื่นนอนแล้วเปิดมุ้งออกมา มองไปที่เตียงของอัคคี เห็นอัคคีนอนหลับอยู่
ฉัตรชบาแปลกใจ
"ทำไมวันนี้ตื่นสาย หรือว่าจะไข้ขึ้นอย่างที่แม้นมาศบอก"
ฉัตรชบาลุกขึ้นแล้วเดินกระเผลกๆ ไปที่เตียงอัคคี ตลบมุ้งอัคคีขึ้น แล้วใช้หลังมือแตะหน้าผากอัคคีดู
"ตัวร้อนจริงๆ ด้วย"
ฉัตรชบามองหน้าอัคคีพร้อมมีสีหน้าครุ่นคิด
"นายไม่สบายก็ดี ฉันจะได้หนีไปจากที่นี่ได้ซะที"
ฉัตรชบาหันไปหยิบกุญแจเรือที่วางอยู่ที่หัวเตียง แล้วรีบออกจากกระท่อมไป
ฉัตรชบาเดินกระเผลกๆ ออกมาที่หน้ากระท่อม กะจะหนีออกไปให้ได้ แต่แล้วก็หยุดเดิน สีหน้าฉุกคิด...
ฉัตรชบาถอยหลังหนีตามจังหวะการก้าวรุกของอัคคี จนหลังชนฝา อัคคีใช้สองแขนกักตัวฉัตรชบาไว้กับผนัง
"ถ้าคุณหนีออกไปจากที่นี่เมื่อไหร่ ผมจะไปยิงหัวไอ้ฉัตรชนกทิ้งทันที"
ฉัตรชบาตกใจ "นาย!"
"คนอย่างผมพูดจริงทำจริง ถ้าไม่เชื่อจะลองดูก็ได้"
ฉัตรชบาพลาดไปเหยียบหางงูเข้า งูตวัดตัวมาจะฉกฉัตรชบา อัคคีรีบจับตัวฉัตรชบาให้หลบมาอยู่ด้านหลังตน งูฉกเข้าที่ข้อเท้าของอัคคี แล้วเลื้อยหนีไป
อัคคีนั่งลงบีบเลือดออกจากแผลให้มากที่สุด เพื่อรีดพิษงูออก แล้วฉีกชายเสื้อออกมาเป็นเส้น มัดเหนือแผลไว้
ฉัตรชบานั่งลงข้างๆ อัคคี
"นายถูกงูกัด"
อัคคีจ้องหน้าฉัตรชบาตาแข็ง "ก็เพราะใครล่ะ บอกให้อยู่เฉยๆ ก็ไม่ฟัง"
ฉัตรชบา สีหน้าครุ่นคิดลังเลใจนิดหนึ่ง แล้วก็ตัดสินใจเดินกลับเข้าไปในกระท่อม
ฉัตรชบาเดินกลับเข้ามาในกระท่อม อัคคีนอนลืมตาอยู่บนเตียง ท่าทางอ่อนแรง เพราะไข้ขึ้น
"นึกว่าหนีไปแล้ว"
"ตอนแรกก็ว่าจะหนี"
"แล้วทำไมไม่หนี"
"ฉันมีเหตุผลสองข้อที่จะยังไม่หนีไปตอนนี้ ขอที่หนึ่ง...ฉันไม่อยากให้นายไปทำร้ายพี่ฉัตร ข้อที่สอง...ที่นายเป็นแบบนี้ก็เพราะช่วยฉัน เพราะฉะนั้นฉันจะอยู่ที่นี่จนกว่าจะแน่ใจว่านายจะไม่ตาย ฉันไม่อยากมีบาปติดตัว"
ฉัตรชบาจะเดินออกไป อัคคีรีบเรียกไว้
"จะไปไหน"
"จะไปหาข้าวให้กิน"
อัคคีแปลกใจ
"ทั้งที่ผมทำร้ายคุณ จับคุณมากักขังทรมาน แล้วคุณจะมาทำดีกับผมทำไม"
"ฉันเป็นคนแยกแยะได้ บุญคุณที่นายช่วยฉันไว้ ฉันก็ต้องทดแทน ส่วนเรื่องเลวๆ ที่นายทำกับฉัน ฉันก็ไม่มีวันลืมเหมือนกัน"
ฉัตรชบาจ้องตาอัคคีอย่างเอาเรื่อง อัคคีสงสัยท่าทีของฉัตรชบา
อ่านต่อตอนที่ 6