xs
xsm
sm
md
lg

ระบำไฟ ตอนที่ 8

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ระบำไฟ ตอนที่ 8

โคลเวอร์สี่กลีบ แวววามอยู่ในดวงตาสุกใสไม่ต่างจากประกายโลหะบนจี้เล็กๆ แม้ในห้องอันทึมเทาซอมซ่อ แต่พัดชากลับมีความสุข โลกของเธอกำลังสวยงาม

ยิ่งเมื่อคิดถึงพยสส่งสร้อยพร้อมจี้โคลเวอร์สี่กลีบให้พร้อมคำอวยพร
“ต่อไปนี้ ผมก็ขอให้น้องพัดชาได้พบกับความสุข และสมหวังในความรักเช่นกัน”
พัดชามองจี้โคลเวอร์อย่างมีความหวัง เสียงข้อความไลน์ดังมาจากมือถือข้างตัว พัดชากดดูเป็นตรีประดับส่งไลน์มาทักถาม พร้อมส่งแรงใจมาให้
“น้องพัดเป็นยังไงบ้างคะ ทำงานเหนื่อยหรือเปล่าวันนี้ อย่าเพิ่งท้อนะคะ อดทนไว้ โลกของเรายังมีความหวังเสมอ พี่เชื่อและพี่จะช่วยให้น้องพัดได้ทำตามความฝัน”
พัดชาซาบซึ้งใจ ไลน์ตอบไปขอบคุณ
“ขอบคุณนะคะคุณตรี พัดมีเพื่อนเป็นงานหนักมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ แค่นี้สบายมากค่ะ พัดไม่อาจรบกวนอะไรหรอกค่ะ”
“ไม่ต้องเกรงใจนะคะ มีอะไรให้ช่วยก็บอก พี่ถือว่าน้องพัดเป็นน้องคนหนึ่งของพี่”
พัดชาอ่านแล้วเต็มตื้น “คุณตรี” ตอบไปว่า
“พัดไม่มีญาติที่ไหน ได้กำลังใจจากคุณตรีแบบนี้ โลกของพัดก็น่าอยู่ขึ้นเยอะแล้วค่ะ”
พัดชาส่งสติ๊กเกอร์ Thank you ไปด้วย สักพักได้รับตอบมาเป็นสติ๊กเกอร์ยิ้มแฉ่ง
พัดชายิ้มชื่นใจ อารมณ์ดี ลูบสร้อยจี้โคลเวอร์เบาๆ
“ความหวังที่ฉันอธิษฐานไว้ คงใกล้เป็นจริงแล้วสินะ”
พัดชาวางสร้อยในที่ทางของมัน ลุกเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว และชุดคลุมอาบน้ำเดินเข้าห้องน้ำไป

เมื่อเข้ามาในห้องน้ำ พัดชาพาดผ้าเช็ดตัวกับชุดคลุมที่ราวแขวน สายตามองไปเห็นว่ากระจกช่องลมระบายอากาศของห้องน้ำชำรุด มีรอยแตก ช่องลมเปิดอ้าอยู่
“เจ้าของบอกจะให้ช่างมาซ่อม ไม่เห็นมาสักที”
พัดชาส่องดูจนแน่ใจว่าปลอดภัยดี จึงเริ่มถอดเสื้อผ้า จังหวะหนึ่งพัดชารู้สึกเหมือนมีบางอย่างวูบไหวอยู่ตรงช่องระบายอากาศ พอมองไปเห็นรูโหว่เป็นปกติไม่มีใครแอบมอง หันมาทำธุระส่วนตัวต่อ
พัดชาเปิดวาล์วฝักบัวอาบน้ำ เรือนผมยาวสลวยเปียกลู่น้ำ พัดชาเสยผมขึ้นปิดตารับละอองน้ำแหงนหน้าไปทางช่องลมระบายอากาศ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างผ่อนคลาย
ตาสบตาพัดชาเห็นสายตาคนที่แอบดูผ่านช่องระบายอากาศจังๆ ร้องกรี๊ดออกมาสุดเสียง
“อ๊าย...”
หนุ่มนักถ้ำมองตาฉ่ำ ไม่ยอมหนีไปไหน
“แกๆๆ”
พัดชาหวาดผวาเหลียวซ้ายแลขวา จนคว้าได้ไม้ขัดส้วมปลายแหลมทิ่มผ่านช่องกระจกออกไป หนุ่มถ้ำมองร้อง “อ๊าก” ยกมือปัดออกพัลวัน
พัดชาทิ่มไม้ใส่จนมันหายไปจากช่องระบายนั้น พัดชารีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมออกจากห้องน้ำไปโดยไว

พัดชายืนหน้าซีด ยังหวาดผวาและกังวลไม่หาย เดินไปเลิกผ้าม่านมองดูที่ระเบียงหลังห้องอย่างไม่วางใจ
พอม่านเปิดปุ๊บ หนุ่มถ้ำมองจอมหื่นยืนกุมเบ้าตาตัวเองข้างที่โดนแทง สีหน้าโมโหและยิ่งทวีความหื่นกระหาย
“สู้แบบนี้ กูชอบ”
หนุ่มถ้ำมองพยายามจะบิดประตูเปิดเข้ามา
พัดชาจับประตูหมับยันไม่ให้มันเปิดเข้ามาได้ ยื้อกันอยู่สักพัก พัดชากดล็อกประตูระเบียงได้ หนุ่มถ้ำมองจอมหื่นยืนฮึดฮัดอยู่ที่ระเบียง พัดชาถอยกรูดมาตั้งหลักอยู่กลางห้อง ร้องออกไปสุดเสียง
“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วยค่ะ”
ไม่มีใครสักคนในอพาร์ตเม้นต์แสดงตัวมาช่วย พัดชาคว้าโทรศัพท์บนเตียงเปิดหาเบอร์จะกดเบอร์
“เจ๊เจ้าของ ตำรวจ เบอร์อะไร...”
สติ๊กเกอร์ฝันดีจากตรีประดับส่งเข้ามาพอดี
“คุณตรี”
หนุ่มถ้ำมองใช้ไขควงปลายแหลมงัดบานเกล็ดกระจกติดประตู เสียงดังพอที่จะทำให้พัดชาหันไปมองด้วยความตกใจ รีบกดโทรศัพท์หาตรีประดับโดยไว เร่งให้อีกฝ่ายรีบรับสาย
“คุณตรีช่วยพัดด้วย”

ไม่นานต่อมาพัดชาในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำนั่งตัวสั่นอยู่ตรงโต๊ะด้านหน้าอพาร์ตเมนต์ มีตรีประดับนั่งโอบปลอบอยู่ พยสอยู่กับเจ๊เจ้าของอพาร์ตเม้นต์ และตำรวจท้องที่สองคน
“ไม่เป็นไรแล้วนะคะน้องพัด”
บรรดาขาเม้าท์ประจำอพาร์ตเม้นต์วิจารณ์เซ็งแซ่ เม้าท์มอยกันไปเรื่อย มีทั้งกลุ่มเห็นใจ กลุ่มจับผิด กลุ่มผสมโรง
“เปิดอ้ารอเองหรือเปล่า” ชายคนหนึ่งโพล่งขึ้น
ตรีประดับได้ยินแล้วโมโห จะตอบโต้ แต่พยสเดินออกมาจากด้านในได้ยินพอดี เลยสวนกลับเสียงเข้ม
“ในห้องมีร่องรอยงัดแงะ แปลว่าคนร้ายมุ่งหวังทำร้ายโดยที่คนของผมไม่ได้มีการเชิญชวนให้หรือให้ท่านะครับ กรุณาระงับคำพูดคุณด้วย อาจจะเข้าข่ายหมิ่นประมาท”
พัดชามองพยสอย่างชื่นชม พยสพยักหน้าให้กำลังใจ เป็นเชิงปลอบเด็กสาวว่าไม่ต้องกลัว ผมกับตรีมาช่วยแล้ว
“ถ้ามีอะไรเกี่ยวกับคดีนี้ ติดต่อผมโดยตรงเลยนะครับ ผมเป็นทนาย ส่วนผู้เสียหายก็ เป็นน้องภรรยาผมเอง”
พยสยื่นนามบัตรทนายความให้ ตำรวจท้องที่รับไป อ่านชื่อแล้วเงยหน้ามองเชิงรู้จักว่าเป็นทนายชื่อดัง ตำรวจขอตัวกลับไปทำคดี
ตรีประดับเกาะแขนพยสยิ้มให้เชิงขอบคุณที่ช่วย พยสยิ้มตอบ พัดชามองสองคนอย่างซาบซึ้ง
ขาเม้าท์อีกกลุ่มเปิดประเด็นเผือกใหม่ โดยหญิงเผือกหุ่นพังหัวกระเซิง จ้องจับผิดพัดชา
“ชั้นอยู่มาเป็นสิบปี ไม่เคยมีใครมาแอบดู เรื่องจริงป่าวเหอะ หรือว่าให้ท่าผู้ชายก่อน ผู้หญิงสมัยนี้ไว้ใจได้ที่ไหน”
พัดชาได้ยินถึงกับน้ำตาร่วง เหมือนโดนจี้จุด ถึงแม้จะไม่เคยอ่อยหรือให้ท่าเดฟ แต่ต่อมาก็ปั่นหัวพ่อเลี้ยงด้วยเรือนร่างและโลกีย์ จนอยู่หมัด
ตรีประดับไม่รู้เรื่อง เข้าใจผิดคิดไปว่าพัดชาทั้งเสียใจและเสียขวัญ หนำซ้ำยังมาโดนขาเมาท์ว่าร้าย
“คุณคะ ใครจะอยากถูกถ้ำมอง ใครกันจะบ้าพอทำตัวเองให้เสี่ยงแบบนั้น”
“ก็ดูแต่งตัว” หญิงหุ่นพังบุ้ยใบ้มาที่พัดชา
“เดี๋ยวนะคะ คนจะอาบน้ำ ไม่ได้ไปเปลื้องผ้าในที่สาธารณะให้ใครเห็น ถ้าไม่ให้เกียรติเพศหญิงด้วยกัน ก็เมตตาความเป็นคนเหมือนกันเถอะค่ะ ต่อไป อย่าได้ปรามาสคนอื่นโดยใช้มาตรฐานคิดของตัวเอง”
ตรีประดับดึงตัวพัดชาลุกขึ้น ปล่อยให้หญิงปากเสียยืนเกาหัวงงๆ ถอดความไม่ออกว่าโดนด่าแปลว่าอะไร
“ไปเถอะน้องพัด”
ตรีประดับประคองพัดชาไปขึ้นรถ พยสจัดการเรื่องห้องแล้วจึงตามไป

พัดชากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนแขกที่บ้านพยส ตรีประดับกลับขึ้นมาพร้อมยื่นแก้วชาร้อนให้ พัดชารับไปจิบ วางบนโต๊ะหัวเตียงข้างตัว
“คืนนี้ก็นอนให้สบาย ไม่ต้องคิดมากนะจ๊ะ” นักแปลชื่อดังจับเนื้อตัวเด็กสาวดูอย่างเป็นห่วงเป็นใย “เอ๊ะ ทำไมตัวร้อนๆ ล่ะ ยสดูน้องพัดไว้นะคะ ตรีจะไปเอายามาให้”
พัดชาไอออกมาเบาๆ พอเอี้ยวตัวก็เจ็บแปล๊บ ร้อง “โอ๊ย” ออกมา
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
พยสถลาเข้ามานั่งลงริมเตียงจับไหล่พัดชาดูอาการ
“ตัวร้อนจริงๆ ด้วย”
พยสมองไปเห็นผ้าชุบน้ำที่ตรีประดับเตรียมไว้ จึงจับตัวพัดชานอนลง วางผ้าบนหน้าผากให้
พัดชาตัวแข็งทื่อ รับรู้ถึงสัมผัสอ่อนโยนจากพยสที่จับต้องร่างกายตรงจุดนั้น จุดนี้ พยายามสลัดความวูบวาบในใจทิ้ง
“พัดไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
พัดชาจับผ้าจะทำเอง แต่มือแตะวางบนมือพยส พัดชาเผลอมองจ้องในจังหวะที่พยสมองมา ทั้งคู่มองสบตากัน
พยสร้อนวูบไปทั้งกายวาบหวามในใจ จนเมื่อได้สติพยสรู้สึกตัวว่าอยู่ผิดที่ผิดทาง รีบดึงมือออกลุกยืนทันที

ตรีประดับกลับเข้ามาพร้อมยาแก้ไขและแก้วน้ำ ไม่เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ รีบรุดเข้าไปดูแลพัดชา

สองคนเข้านอน ตรีประดับอยู่ในอ้อมกอดพยสใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน

“เรื่องที่อยู่ของน้องพัด เราน่าจะช่วยอะไรน้องพัดได้มากกว่านี้นะคะ”
“หาเรื่อง”
“การที่ตรีอยากช่วยคนๆ หนึ่ง มันจะเหลือบ่ากว่าแรงตรงไหนคะยส”
ตรีประดับงอน เสียงแข็งขึ้นมาหน่อยๆ ละตัวออกจากอ้อมกอดสามี พยสดึงกลับมาพูดดีๆ
“คุณเองก็ภาระเยอะ ทั้งงานแปลหนังสือ ไหนจะดูแลชิงฉัตร ยังเทียวไปมาบ้านสวนดูแลพ่อกับแม่ของคุณอีก ไหนจะญาติผมอีก”
“อีกคนเดียวเองนี่คะ”
“ถ้าเราจะช่วยใคร ผมว่าควรให้โอกาสเขาได้ช่วยเหลือตัวเองก่อนดีกว่า”
พยสตัดบทพร้อมกับหลับตาลง ส่วนตรีประดับเอาแต่ครุ่นคิดวุ่นวายว่าจะช่วยพัดชายังไงได้บ้าง จนผล็อยหลับไปในอ้อมกอดสามี
พยสลืมตาโพลงขึ้นมามองเมีย ทว่าไพล่นึกถึงรสสัมผัสจากพัดชา
พยสวาบหวามไปทั้งกาย มือพัดชาแตะมือเขา พยสกับพัดชามองตากัน
พยสกระชับวงกอดตรีประดับแน่นขึ้นอีก ราวกับจะกลบเกลื่อนความรู้สึกวาบหวามที่ก่อตัวขึ้นเมื่อครู่ และการย้ำเตือนตัวเองถึงคนที่อยู่ในอ้อมแขน

ทางด้านพัดชานอนกอดตัวเอง ลูบไล้ไปตามร่างกายในทุกจุดที่ทิ้งรอยสัมผัสของพยสเอาไว้
ขณะที่เขาถลาเข้ามาดูแลใกล้ชิด ถึงเนื้อถึงตัว
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
พยสจับตัวให้พัดชานอนลง วางผ้าบนหน้าผาก
พัดชาจับผ้ามาจะทำเอง มือจึงแตะกับมือพยสโดยบังเอิญ พัดชาเงยหน้ามองในจังหวะที่พยสมองมาพอดี สองคนมองสบตากัน
คิดเรื่องนี้ขึ้นมา พัดชากอดตัวเองอย่างอุ่นใจโดยประหลาดล้ำ ราวกับอยู่ในอ้อมกอดของพยสกระนั้น
“ขอบคุณนะคะคุณพยส”

รุ่งเช้าชิงฉัตรออกมาจากห้องมาในชุดเสื้อช็อปเด็กช่าง กำลังจะไปเรียน สายตามองไปด้วยวี่แววฉงนฉงายเมื่อเห็นว่าที่ห้องอาหารมีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเตรียมอาหาร ชิงฉัตรพยายามเพ่งมองว่าเป็นใคร
พัดชาถือเหยือกน้ำนำมาวางที่โต๊ะทานอาหาร หันมาเจอชิงฉัตรมองจ้องอยู่จังๆ
“คุณ”
ชิงฉัตรเข้ามาประชิดตัวจนพัดชาตกใจ น้ำในเหยือกกระฉอกออกมาเปียกเลอะเสื้อพัดชา
“เธอเป็นใคร” ชิงฉัตรถาม
พัดชาผงะกายถอยหนี
ชิงฉัตรกวาดสายตามองเรือนร่างตรงหน้า แววตาเด็กหนุ่มหื่นกระหายโดยไม่ปิดบัง
พัดชาเบี่ยงตัวให้รอดพ้นสายตาชิงฉัตร แต่ไม่ได้ผล เพราะเขาจดสายตามองไม่กะพริบตา ที่ทำได้คือเลี่ยงออกห่าง
“คุณ คงเป็นคุณชิงฉัตร เชิญทานอาหารเช้าเถอะค่ะ”
“ชวนกินข้าว”
ชิงฉัตรเดินเข้ามา พัดชานึกว่าเขาจะลงนั่ง แต่ไม่ใช่ชิงฉัตรเข้ามาใกล้อีก พัดชามัวแต่มองหน้า เลยไม่ทันเห็นว่าเขายื่นมือมา
“อย่างอื่นน่ากินกว่า”
ชิงฉัตรไล้มือผ่านสะโพกผาย พัดชารู้ตัวรีบเบี่ยงออก
“คุณ”
ชิงฉัตรหัวเราะหึๆ ในลำคอ เสียงกวนประสาทนั้นเสียดแทงใจนัก จนพัดชาต้องเดินหนี

พัดชาเดินหนีออกมาระงับอารมณ์ตรงมุมลับตาหลังบ้าน จับดูเสื้อที่น้ำหกใส่ บีบ รีดน้ำออก พยายามสะบัดๆ ให้เสื้อแห้ง คล้ายพยายามสะบัดอารมณ์ตัวเองไม่ให้กระเจิดกระเจิงไปตามสายตาดิบเถื่อนของชิงฉัตรที่กระตุกแรงปรารถนาในกาย

พยสและตรีประดับนั่งที่โต๊ะทานอาหารด้วยสีหน้าประหลาดใจ มองบนโต๊ะทุกอย่างเตรียมพร้อมเสร็จสรรพ
พัดชาเสื้อแห้งดีแล้ว วางผ้ากันเปื้อน ช้อนส้อม มีด แก้วน้ำ อย่างถูกหลักมารยาทบนโต๊ะ
“นานแล้วนะที่ผมไม่ได้ทานฟูล เบรกฟัสต์ แบบนี้” พยสว่า
“ตรีอายนะคะยส น้องพัดรู้ไหม พี่ยังไม่เคยดูแลสามีดีแบบนี้เลย”
“แทนคำขอบคุณที่คุณตรีกับคุณพยสช่วยพัดไว้เมื่อวานค่ะ”
ชิงฉัตรสอดขึ้นว่า “ถ้าอาตรีจะรับอุปถัมภ์ผู้ตกทุกข์ได้ยาก จ้างไว้เป็นแม่บ้านก็ไม่เลวนะฮะ”
พัดชาหน้าเจื่อนไป ชิงฉัตรพูดกดขี่ จนเธอเหมือนคนไร้ศักดิ์ศรีกระนั้น
พยสไม่พอใจ “นายฉัตร พูดอะไรให้เกียรติพัดชาบ้าง เค้าเดือดร้อนมา ถ้านายยังเป็นคน มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น ก็รู้จักมีน้ำใจซะบ้าง”
พัดชารู้ได้ทันที อากับหลานไม่ลงรอยกันอย่างแรง บรรยากาศบนโต๊ะตึงเครียดทันควัน ตรีประดับต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“ใจเย็นๆ ค่ะยส” ตรีประดับมองหน้าหลานสามี “ชิงฉัตร สำหรับอา พัดชาเหมือนน้อง เพราะฉะนั้นฉัตรต้องเคารพพัดชาเหมือนเคารพอา”
“คุณตรีคะ คุณชิงฉัตรไม่เคยรู้จักกับพัดมาก่อน อาจจะยังไม่สนิทใจ” พัดชาออกตัวให้
ชิงฉัตรหันมาด่า “อาหลานกำลังคุยกัน อย่าสอด”
“นายฉัตร พี่เขายังเปิดกว้างกับเรา แล้วเราล่ะ โตแล้วก็ทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่ ไหว้พี่เขาซะ ขอโทษพี่พัดชา”
ตรีประดับบอกเชิงสั่งเสียงเรียบ
ชิงฉัตรฉุนปนน้อยใจ ที่ตรีประดับดูจะชื่นชมพัดชาเอามาก แถมมาบังคับให้เขาเคารพ เด็กหนุ่มลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้เสียงดังปาผ้ากันเปื้อนลงตรงหน้าพัดชา
“ผมเคารพอาตรีคนเดียว ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ญาติ ไม่แม้กระทั่งคนรู้จักกับผม ผมไม่จำเป็นต้องเสียมือ”
ชิงฉัตรเดินออกไปจากห้องอาหารเลย พยสทนฟังอยู่นาน โกรธจัดลุกขึ้นเรียกหลาน
“นายฉัตร กลับมาเดี๋ยวนี้ นายฉัตร”
เมื่อเรียกไม่หันพยสจึงตามออกไป ตรีประดับพยายามรั้งพยสแต่ไม่ทันแล้ว

พยสตามหลานชายวัยคะนองมาจนทัน ดึงตัวชิงฉัตรให้หันกลับมา
“นายฉัตร”
ชิงฉัตรมองจ้องหน้าพยสอย่างไม่สะทกสะท้าน หรือยำเกรงใดๆ สองสาวตามออกมา ตรีประดับพยายามบอกให้พยสใจเย็น
“ยสคะ ใจเย็นๆ”
“ขอโทษพัดชา” พยสสั่งเสียงเด็ดขาด
“ทำไมต้องขอโทษ”
“ฉันสั่งให้ขอโทษ”
“อายสแคร์ผู้หญิงคนนี้นักเหรอ หรืออยากรับอุปการะ เป็นการส่วนตัว”
“นายฉัตร”
พยสบันดาลโทสะ คว้าคอเสื้อชิงฉัตร ตรีประดับรีบเข้าขวาง
“ชิงฉัตร จะไปโรงเรียนก็รีบไป เดี๋ยวสาย”
ตรีประดับดันให้ชิงฉัตรรีบออกจากบ้านไป เด็กหนุ่มยอมให้ตรีประดับคนเดียวเท่านั้น พยสหัวเสียไม่หาย
“เราต้องจัดการนายฉัตรให้รู้เรื่องนะตรี ตรีเข้าข้างมัน มันก็ลำพองตัว นึกว่ามีคนถือหาง”
“เถอะค่ะ ตรีจะคุยกับชิงฉัตรเอง”
ตรีประดับส่งพยสขึ้นรถ จุ๊บแก้มเอาใจ
พัดชายืนมองภาพสามีภรรยาแสดงความรัก ความอาทรต่อกัน แล้วนึกอิจฉาขึ้นมาวูบหนึ่ง ต้องเบือนหน้าหนี เดินกลับเข้าบ้านไป

ตรีประดับมองมาแล้วนึกสงสาร มโนไปเองว่าพัดชาเสียใจที่โดนชิงฉัตรหยามหยัน

พัดชาเก็บโต๊ะอาหารไปเงียบๆ ภาพพยสเอียงแก้มให้ตรีประดับจุ๊บผุดขึ้นมาในห้วงคิด

“อย่าถือนายฉัตรเลยนะ พี่อบรมเขาไม่ดีเอง” เสียงตรีประดับทำให้พัดชาหลุดจากภวังค์
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณตรี”
ตรีประดับมองพัดชาที่ก้มหน้าก้มตาทำงานตรงหน้าแล้วนึกชื่นชม
“มาเถอะ ถ้าพี่ไม่ได้ช่วยเธอจนถึงที่สุด พี่คงไม่สบายใจ”
พัดชามองฉงน ว่ายังจะมีอะไรอีก

ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ภายในห้องแต่งตัวถูกเปิดออกโดยตรีประดับ เผยให้เห็นด้านในเต็มไปด้วยเสื้อผ้าผู้หญิงดีไซน์เนี้ยบหลากสไตล์ สวยหวาน หรูหรา เรียบ โก้ แขวนเต็มตู้
พัดชามองเสื้อผ้าอย่างตะลึงตะไล เพราะไม่เคยมีอะไรแบบนี้
“อะไรกันคะคุณตรี”
“ถ้าวันนี้ต้องไปพบผู้ใหญ่ น้องพัดลองเลือกมาสักชุดสองชุดสิจ๊ะ พี่จะไปเลือกกระเป๋ากับรองเท้า”
ตรีประดับปล่อยพัดชาไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้า พัดชาแหวกดูชุดสวย ด้วยความตื่นตา แม้ตรีประดับจะให้เลือกชุดทำงาน พัดชาอดไม่ได้เมื่อเห็นชุดราตรีแสนสวย แอบเอาชุดราตรีมาทาบตัวดู
ตรีประดับส่งเสียงมาถามว่า “น้องพัดใส่รองเท้าเบอร์อะไรจ๊ะ”
พัดชารีบเก็บชุดราตรีสวยกลับที่เดิม หันไปเลือกชุดดูเรียบร้อยสำหรับใส่ไปสัมภาษณ์งาน
“38 ค่ะ”
ตรีประดับเดินกลับมาพร้อมรองเท้าสวยในมือ
“คนละไซส์กัน เสียดาย” พอมองเห็นเสื้อผ้าที่พัดชาเลือกดูธรรมดาไป “ชุดนี้เหรอจ๊ะ ลำลองไปนะ”
ตรีประดับเก็บเสื้อผ้าเดิมเข้าตู้ เลือกชุดใหม่มาให้อีก 2-3 ชุด ลองทาบกับตัวพัดชา
“อันนี้สีเรียบไปนิด ภาพลักษณ์แรกสำคัญที่สุด ชุดนี้ดีกว่าจ้ะ เอ มันต้องใส่กับเข็มขัดถึงจะเก๋”
ตรีประดับไปค้นตู้เข็มขัดรองเท้าอีกครั้ง เจอกล่องรองเท้าคู่หนึ่ง นึกแปลกใจจึงเปิดออกดู
“อ้าว คู่นี้ 38 อา...จำได้แล้ว พี่ซื้อมาผิดไซส์เลยไม่ได้ใส่ น้องพัดลองสิคะ ถ้าใส่ได้ พี่ให้”
พัดชาลองสวมรองเท้า พอดีอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแค่ใส่ส้นสูงพัดชาก็ดูงามระหงขึ้นมาทันที มองเสื้อผ้าราคาแพงที่ไม่เคยมีดวงตาเปล่งประกายเจิดจ้า
“พอดีจริงๆ สงสัยวันนี้น้องพัดจะโชคดี”
“นี่มันอะไรกันคะคุณตรี”
“สานฝันของเธอยังไงล่ะ พัดชา”

ตรีประดับยิ้มกระหยิ่ม พัดชางุนงงสงสัย

ตรีประดับให้พัดชาถือชุดทาบตัวไว้ แล้วลองรวบ จับ เซ็ตผมให้เข้ากับชุดสวย พัดชามองเงาตัวเองในกระจก กับลุคใหม่ด้วยหัวใจพองโต สิ่งที่ไม่เคยมี ไม่เคยได้ จู่ๆ กำลังเติมเข้ามาทีละนิด โดยผู้หญิงร่างบอบบางแสนวิเศษที่ชื่อตรีประดับ

เทศราชยืนรออยู่หน้าตึกสำนักพิมพ์ พลันสายตาที่ทอดมองไปเห็นใครคนหนึ่งอยู่เบื้องหน้า ถึงกับทำให้เทศราชนิ่งงัน
ตรีประดับเดินเข้ามาพร้อมพัดชาที่ถูกจับแต่งตัวใหม่ ดูเก๋และคลาสสิก เหมาะแก่การสมัครงานนักเขียน
“นายเทศ มองไม่กะพริบตาเชียวนะ”
“มองตรีนั่นแหละ ว่าพาใครมา เหมือนไม่ใช่พัดชาคนที่เคยรู้จัก”
พัดชาเขินอยู่เหมือนกัน รู้สึกดีในชุดสวยที่ไม่เคยใส่มาก่อน
“พัดไม่เคยแต่งตัวแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ นี่เป็นครั้งแรก”
“ไม่น่าเชื่อว่าตรีกับน้องพัดจะใส่ชุดไซส์เดียวกันได้”
“รู้ได้ยังไงว่าชุดนี้เป็นของเรา”
“ก็ตอนเลือก เรานั่งรออยู่ในร้าน เล่นเกมจนแบตมือถือหมด ได้มาชุดนี้ชุดเดียว”
ตรีประดับและเทศราชหัวเราะให้กับความหลังอย่างเบิกบานใจ พัดชาสังเกตได้ แต่ไม่ได้คิดอะไร
“ไปเถอะ ผมแจ้งท่านบอกอไว้แล้วว่า นักเขียนใหญ่จะพาน้องใหม่มาสมัครงาน”
พัดชาตะลึง มองตรีประดับเป็นเชิงถาม ตรีประดับยิ้มให้พลางเดินนำไปกับเทศราช
ระหว่างที่เดินตามมา พัดชาตื่นตากับบรรยากาศของสำนักพิมพ์ชื่อดัง เทศราชเหลียวมองพัดชาพลางกระซิบกระซาบตรีประดับ
“โมซะเนี้ยบเลยนะ จะเป็นพี่เลี้ยงนางงามเหรอเรา”
“หรือว่าไม่ต้องสมัครละงานนักเขียน พาไปเดินสายประกวดดีมั้ย”
“เฮ้ย อุตส่าห์เกริ่นไว้แล้ว อย่าให้เสีย” เทศราชรับลูกท่าทีทะเล้น
“บ้า ล้อเล่น ดีจัง เทศคนเดิมกลับมาแล้ว คนที่หน้ามุ่ยๆ เป็นฮิปสเตอร์ตลอดเวลานั่นไม่เอาแล้วนะ”
เทศราชยิ้มตอบจนตาหยี ในใจเขาตอนนี้ ขอเพียงให้ตรีประดับสบายใจ เรื่องที่เขารัก(และยังรัก)ตรีประดับนั้นเก็บไว้ให้เวลาพาให้เลือนไปก็พอ

พยางค์มองพัดชานิ่งๆ ไม่แสดงอาการอื่นใด นอกเหนือจากความเป็นผู้ใหญ่ สุขุม ภูมิฐาน
“ในฐานะบอกอ พัดชามีคุณสมบัติผ่านพอที่จะได้เป็นนักแปลที่นี่ แต่ในฐานะที่เป็นลูกจ้างของสำนักพิมพ์อีกที นโยบายของบริษัทตอนนี้ไม่สามารถรับพนักงานใหม่ได้”
เทศราชยืนเท้าสะเอวท่าทีกดดันผู้เป็นอาเต็มที่ ตรีประดับและพัดชาต่างหน้าเจื่อนลงไป
“ทำไมรับพัดชาเข้าทำงานไม่ได้ บอกอมีอำนาจตัดสินใจไม่ใช่เหรอ งั้นในฐานะอาหลาน ผมขอร้องอาให้รับพัดชา”
“นั่นยิ่งไม่ได้ใหญ่เลย เพราะมันคือการใช้เส้นสาย”
“คุณเทศราชคะ ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าตำแหน่งเต็มจริงๆ พัดเข้าใจ”
“งั้นรับน้องพัดไว้ในฐานะเด็กฝึกงานได้ไหมคะ เงินเดือนไม่ต้องจ่ายก็ได้” ตรีประดับเสนอ
“ผมก็อยากนะ แต่มันไม่ได้จริงๆ เศรษฐกิจแบบนี้ ธุรกิจหนังสือซบเซา บริษัทอาจจะต้องลดจำนวนพนักงานด้วยซ้ำ หากผมรับพัดชาไม่ว่าจะในฐานะอะไร คนที่จะถูกให้ออกเขาก็คงรู้สึกไม่ดี”
ตรีประดับและเทศราชจำนนต่อเหตุผล เพราะเป็นเรื่องจริงที่เข้าใจได้ในธุรกิจสิ่งพิมพ์ยามนี้
“พัดเข้าใจค่ะ พัดมาถึงตรงนี้ได้ก็ดีใจแล้ว ได้รู้จักบอกอก็ถือเป็นก้าวแรกที่พัดจะต้องหาทางต่อไป” พัดชายิ้มบางๆ ระบายลงในสีหน้าผุดผ่อง
“ผมชื่นชมความมุ่งมั่นของคุณ แต่เสียใจจริงๆ”
ตรีประดับรู้สึกเห็นใจมาก ยิ่งเมื่อเห็นพัดชาเก็บระเบียนประวัติส่วนตัวเข้าแฟ้มหงอยๆ ตรีประดับจึงตัดสินใจเด็ดขาด
“ไม่เป็นไรค่ะ ตรีจะรับน้องพัดไว้เอง ให้เป็นผู้ช่วยแปลงานของตรี”
เทศราชพยายามทักท้วง “ตรี”
“ตรีจะสอนน้องพัดให้แปลหนังสือ แล้วขออนุญาตส่งให้บอกอช่วยตรวจ ถ้าฝีมือน้องพัดดีจริง ถึงวันนั้นน้องพัดคงได้เป็นนักเขียนสมใจ”
พยางค์ยักไหล่ “โอเค แบบนั้นก็ได้”
“ในฐานะผู้ช่วยของตรี น้องพัดเริ่มงานวันนี้เลยนะคะ”
เทศราชอึ้งไป ไม่นึกว่าตรีประดับจะทุ่มเทให้เด็กสาวที่รู้จักกันไม่นานมากขนาดนี้

ขณะที่พัดชามองตรีประดับอย่างตื้นตันใจ


ที่โต๊ะมุมหนึ่งของสำนักพิมพ์ พัดชานั่งตรวจปรู๊ฟภาษาไทยเทียบเคียงกับต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นอยู่ที่นั่น ท่วงท่าอ่านหนังสือดูสบายๆ แต่มั่นใจ เจอคำผิดเขียนวงไว้ แล้วขีดเส้นโยงความหมายใหม่ไว้ข้างๆ

พยางค์ทำทีเป็นมาดูงานที่โต๊ะบรรณาธิการ หยิบหนังสือขึ้นมาเปิดผ่านๆ สายตาจับจ้องมองสำรวจรูปร่างพัดชา ตั้งแต่หัวจรดเท้า ริมฝีปากเผยอนิดๆ ตามจังหวะการออกเสียงหนัก เบา ดูเย้ายวน มือที่ไล่ระไปทุกตัวอักษร เหนือข้อมือนั้นคือแขนยาวสีน้ำผึ้งน่าสัมผัส จังหวะหนึ่งพัดชาเสยผมขึ้นทัดหู ขยับเนื้อตัว บิดคอคลายความเหนื่อย ช่างเป็นกิริยาที่เพลินตาน่าดูมาก ขาที่ชันอยู่นิ่งๆ บางครั้งถูกยกขึ้นไขว่ห้างปรากฏทรวดทรงองค์เอวชัดแจ้ง
พัดชาเงยหน้าขึ้น พยางค์เบนสายตาหนีไปโดยไว เนียนจนไม่มีใครสังเกตเห็น แม้แต่คนถูกมอง
“ท่าทางเธอคงทำงานได้ดี แต่ฉันก็รับไว้ไม่ได้จริงๆ อย่าว่าฉันใจร้ายเลยนะ”
“มิได้ค่ะ”
“ถ้ามีอะไร ฉันจะติดต่อแล้วกัน”
“ค่ะ”
พัดชาคิดว่าเป็นเรื่องงาน รับเอาคำแล้วทำงานต่อ แอบนึกสยองในความดุของบอกอร่างยักษ์
พยางค์เดินออกไปทำเป็นไม่สนใจ

เทศราชและตรีประดับยืนมองพัดชาทำงานอยู่จากมุมหนึ่ง
“ไหวเหรอตรี รับเด็กคนนึงมาปั้น ทั้งเป็นผู้ช่วย ทั้งให้ฝึกงานเป็นนักแปล ค่าใช้จ่ายจะเท่าไหร่”
“ค่าใช้จ่ายในการดูแลคนๆ นึง ตรีว่าตรีไหวนะ”
“ซึ่งไม่ได้เป็นอะไรกับตรีเลย เพิ่งรู้จัก แต่ทุ่มเทให้มากขนาดนี้”
“เทศพูดเหมือนไม่รู้จักตรี”
“เพราะรู้จักดี ถึงได้เตือน”
“สำหรับเรา การฝึกเด็กคนหนึ่งให้มีอาชีพ มีอนาคต มันไม่ใช่แค่โอกาสที่เราให้น้องพัดชา แต่เป็นโอกาสของเราที่จะได้พัฒนาตัวเอง ได้รู้จักให้ รู้จักแบ่งปันด้วย”
“จ้า นางฟ้าอารี อย่าให้จนหมดตัวแล้วกัน”
ตรีประดับขำในคำเตือน มองพัดชาที่ตั้งใจทำงานอย่างสมใจ คิดว่าไม่มีทางจะสูญเสียอะไรไปกับเด็กคนนี้
“เราให้เขา เราไม่เสียอะไรไปหรอก มีแต่จะได้ความสบายใจ เชื่อสิ”

เทศราชยืนมองผ่านกระจกห้อง ดูตรีประดับสอนงานพัดชาอยู่ในห้อง สักครู่หนึ่งจะกลับไปทำงาน ถูกพยางค์สะกิดเรียก
“ไงไอ้เศร้า เอ้อ เรียกไอ้เศร้าไม่ได้แล้วสิ ยิ้มออกแล้วนี่”
“จะด่าก็ด่าเลยอา เกริ่นมาแบบนี้ ไม่รู้จะเข้าประเด็นอะไร”
“แกกับหนูตรี สนิทกันเหมือนเดิมแล้วเรอะ”
“ก็ ทำนองนั้น”
“อย่าให้เกินเลย ผู้หญิงเขาแต่งงานแล้ว”
“เกินเลย เกินเส้นไหน ล้ำเส้นความเป็นเพื่อน หรือล้ำเส้นศีลธรรม อาเอาอะไรมาวัด” เทศราชตีฝีปากเล่นลิ้น
พยางค์ยัวะ “วะ ไอ้นี่ เตือนดีๆ ขึ้นเสียง เลิกหวังกับหนูตรีได้แล้ว เปิดตาดูคนอื่นซะ เด็กพัดชาคนนั้นไม่เลวเลยนะ อาจจะเหมาะกับแก”
เทศราชขำก๊าก “ว่างมากใช่ไหม จะจับคู่ชี้โพรงให้ผม ไม่ต้องเลยอา ถึงผมจะตัดใจจากตรีได้แล้ว ผมก็ยังไม่อยากหาใครมาวุ่นวายในชีวิต”
ตรีประดับกำลังสอนพัดชาอยู่หันมาเห็นอากับหลานที่หน้าห้อง จึงส่งยิ้มมาให้ ก่อนจะหันไปทำงานต่อ
เทศราชมองเคลิ้ม พยางค์แทบจะตบกบาล
“โธะ ตัดใจได้”

เทศราชนั่งสบายใจเฉิบที่เบาะข้างคนขับ กดปุ่มเปิดเลือกเพลงอย่างเบิกบานใจ จนตรีประดับเริ่มหมั่นไส้
“ขับไป ดูทางด้วย ไม่ต้องดูตรงนี้”
“แล้วทำไมไม่ขับรถมาเอง”
“ขี้เกียจ ก็ไปกินข้าวด้วยกันอยู่แล้ว เอาไปทำไมหลายคัน”
เทศราชเจอสถานีเปิดเพลงโปรด ตรีประดับฮัมตาม พอสักพักเทศราชแกล้งเปลี่ยนสถานี ตรีประดับหมั่นไส้ ตบมือเทศราชที่เปลี่ยนไปมาไม่หยุด
“อาศัยเขามาก็อย่าซนนัก”
พัดชานั่งนิ่งอยู่ข้างหลัง รู้สึกราวกับเป็นส่วนเกินกรันั้น
ขณะรถติดไฟแดง มีวิดีโอจากพยสโทร.มา ตรีประดับบอกเทศราชก่อนจะรับสาย
“เบาเสียงหน่อยจ้ะ”

พยสคุยนึกว่าตรีประดับขับรถอยู่คนเดียว
“ขับรถไปไหนครับที่รัก”
ในรถที่แล่นมา ตรีประดับรับสาย มีเสียงพยสที่ทำให้เทศราชได้ยินเขาแกล้งเลือกเพลงไปเรื่อยๆ
“ทานข้าวค่ะ ไปทานด้วยกันไหมคะยส”
“ดีเลย ผมกำลังหิว คุณ เอ๊ย คิดถึงคุณอยู่เหมือนกัน”
พัดชานั่งเบาะหลังได้ยินเสียงพยส อดยิ้มชื่นชมในความหวานไม่ได้
เทศราชแกล้งเร่งเสียงเพลงดังขึ้นอีก พยสงงคิดว่าตรีประดับเป็นคนเร่งเสียง
“นายเทศ”
ตรีประดับเอ็ด พร้อมกับยื่นมือมาปิดเสียง ยังผลให้โทรศัพท์ไหวมาทางเทศราช

พยสเลยเซ็งเมื่อเห็นว่าเทศราชนั่งหน้าคู่กับตรีประดับ แถมเทศราชโบกมือทักทายมาด้วย

ทั้ง 4 คน นั่งทานอาหารร่วมโต๊ะ พยสมีท่าทีกระอักกระอ่วนใจมาก ไม่พอใจที่เทศราชมาด้วย ส่วนเทศราชระรื่น ไม่รู้ไม่ชี้

“เมื่อกี๊ได้ยินว่ากำลังหิว ไม่ทานล่ะ อันนี้อร่อยนะ”
“นายมา...” พยสตั้งใจจะถามว่า มาทำไม แต่ถามคำนี้ออกไปแทน “บังเอิญเจอกับตรีเหรอ”
“ตรีพาน้องพัดไปสมัครงานที่สำนักพิมพ์ค่ะ ตอนนี้เลยมาเลี้ยงฉลองที่น้องพัดได้งานทำแล้ว”
“ยินดีด้วยนะพัดชา ได้งานทำที่ไหนเหรอ”
พัดชาอึกอัก “ก็...เอ้อ...เป็นผู้ช่วยคุณตรีค่ะ”
พยสงงมองตรีประดับ ไม่คิดว่าจะตกลงใจเองโดยไม่ฟังที่เขาบอกเมื่อคืน แต่ตรีประดับก็ตัดสินใจไปแล้ว สีหน้าอ้อนสุดฤทธิ์
“เป็นนักแปลฝึกหัดไงคะ ตรีจะเทรนน้องพัดเอง ส่วนเรื่องงานในบ้าน น้องพัดช่วยอะไรได้ ก็คงให้ดูแล ตรีจะได้เบาแรง”
พัดชาลอบมอง พอดูออกว่าพยสไม่พอใจอยู่บ้าง
พยสเองก็ชำเลืองมองพัดชาแว่บหนึ่ง ในเสื้อผ้าของตรีประดับเธอดูสวยสะพรั่งผิดกับวันก่อนๆ ทนายคนดังต้องข่มใจมองข้ามความสวยความสาวนั้นไป
“งั้นก็ตามใจตรีแล้วกัน ผมตามใจตรีอยู่แล้ว”
“ขอบคุณนะคะยส ยสน่ารักที่สุดเลย”
ตรีประดับอ้อนเอาใจ พยสหวานกลับ คราวนี้เทศราชรู้สึกกระอักกระอ่วนแทน
“ตรีครับ ลองทานนี่สิครับ อร่อยไหม” พยสป้อนเมีย ชำเลืองมาทางเทศราช “อ้าว เทศ เมื่อกี๊บอกว่าอันนี้อร่อยไม่ใช่เหรอ ไม่ทานต่อล่ะ น้องพัดตักให้นายเทศหน่อยสิครับ”
พยสมองเห็นอะไรบางอย่าง เปิดประเด็นใหม่ เขี่ยเทศราชไปทางพัดชา
“ค่ะ”
พัดชาตักให้ เทศราชยิ้มขอบคุณสีหน้าเจื่อนๆ
“ฉันละเห็นใจนายจริงๆ เทศราช กินข้าวคนเดียวบางทีก็ไม่อร่อย ฉันว่านายน่าจะมีใครดูแลได้แล้ว น้องพัดชาเห็นด้วยไหมครับ”
พัดชาอึ้งไป เลิ่กลั่ก ตอบไม่ถูกเลยได้แต่นิ่ง เทศราชรู้ว่าพยสกำลังคิดอะไร
ตรีประดับมองเทศราชสลับกับพัดชาแล้วยิ้มออก หันไปกอดแขนสามีอย่างเห็นด้วย เทศราชเห็นกิริยานั้นของตรีประดับยิ่งหน้าตึง รวบช้อนส้อม
“ฉันอิ่มแล้ว”
“เอ่อ พัดเพิ่งนึกออกว่า พัดยังไม่ได้ไปลาออกจากงานที่ร้านกาแฟค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ” พัดชาไหว้ลาลุกเดินออกไป
พยสยั่วเทศราชต่อ ทำเป็นกระซิบกระซาบบอกแผนการกับตรีประดับ เทศราชเห็นตรีประดับยิ้มเห็นด้วยแล้วยิ่งเซ็ง

พยสและตรีประดับบ๊ายบายกัน พยสมองเทศราช
“เสียดาย ผมขับรถมาเอง ถ้าให้คนรถมาส่งคงกลับกับคุณ ส่วนนาย กลับเองได้ใช่ไหมเทศ”
“อือ”
เทศราชพยักหน้าไปงั้นๆ รู้ว่าพยสกันท่าไม่ให้กลับกับตรีประดับ
“มาด้วยกันก็กลับด้วยกันสินายเทศ”
“ไม่เป็นไร ว่าจะไปที่อื่นต่อ”
เทศราชแยกไปเรียกรถตรงฟุตบาท
พยสออกรถไปแล้ว ตรีประดับเห็นเทศราชโบกมอเตอร์ไซค์ เรียกแท็กซี่ยังไม่ได้จึงเดินไปลากแขนที่โบกรถ
“ไป นายเทศ”
“เฮ้ย” เทศราชมองมือ โดนลากไปเฉย
“ไปเถอะ จะไปไหน เดี๋ยวไปส่ง”
เทศราชอึ้งๆ แต่ยอมให้ตรีประดับลากไปรถ

ในรถที่ตรีประดับขับแล่นมาตามท้องถนน เทศราชนั่งสบายใจ ตรีประดับจับสังเกต คิดไปเองว่าเทศราชอารมณ์ดีอาจจะเพราะพัดชา
“เราว่าน้องพัดน่ารักนะ เพิ่งไปมาหาสู่กันได้ไม่กี่วัน น้องพัดดูแลเรากับครอบครัวดีมาก จนเรารู้สึกว่าถ้าใครที่ได้น้องพัดชามาดูแลคงเป็นคนที่โชคดีมากๆ เทศว่าไหม”
“ก็แล้วแต่ว่าคนๆ นั้นต้องการให้ดูแลหรือเปล่า”
“เทศ กับนางแบบคนนั้น จริงจังแค่ไหน”
“ถามทำไม”
เทศราชเริ่มอึออัด ความน้อยใจตีตื้นขึ้นมาเป็นระลอก
ตรีประดับยังหวังดีและโลกสวยงามต่อไป คิดว่าเพื่อนคงจะสบายตัวสบายใจและเริ่มมีใครอีก เลยคิดจะแนะนำคนดีๆอย่างพัดชาให้
“เราเห็นเทศคบคนนั้นคนนี้ แต่ก็ยังดูเหงาๆ”
“ตรีสนใจด้วยเหรอว่าเราจะคบจะคุยกับใคร จะรู้สึกยังไง”
“ก็เราเป็นห่วงเทศน่ะสิ เพื่อนทั้งคนก็อยากให้มีคนดูแล อย่างน้องพัดไง...ดีมั้ย”
รถจอดสนิท ติดไฟแดงที่สี่แยกใหญ่ จังหวะนั้นตรีประดับพูดจบหันมายิ้มให้
เทศราชจุกเหมือนโดนชก เป็นหมัดหนักที่ต่อยมาทีละหมัด จากคำว่า “เพื่อนทั้งคน” เรื่อยมาถึงชื่อ “พัดชา” และรอยยิ้มซื่อใสที่มองมา
“ทำไมตรีต้องยัดเยียดเราให้ใคร หัวใจเรา เรารู้ว่าเราจะรักใคร”
เทศราชเปิดประตูรถลงกลางสี่แยกไฟแดง เดินหนีไปโดยไม่เหลียวหลัง ผู้คนในรถ มองงงๆ เทศราชเดินอย่างทระนงไปอีกฝั่ง ตรีประดับจะตาม
“เทศ เดี๋ยวก่อนสิ เทศ เป็นอะไรไป เทศ”
ไฟเขียวพอดี รถข้างหลังบีบแตรไล่กระชั้น ตรีประดับเลยต้องรีบขึ้นรถขับออกไป

พัดชาในชุดพนักงานร้านกาแฟ ทำงานอย่างขยันขันเข็งเป็นวันสุดท้าย เห็นศักยภาพด้านงานบริการครบครัน เป็นแคชเชียร์กดคิดเงินยิ้มแย้มกับลูกค้า ซึ่งลูกค้าพอใจมาก พัดชาเก็บโต๊ะ เก็บแก้วเปล่าที่ลูกค้าทิ้งไว้เช็ดโต๊ะจนเรี่ยมเร้พร้อมรับลูกค้าใหม่ หยิบเงินที่ลูกค้าทำร่วงไว้ ลูกค้ายิ้มชื่นชมและขอบคุณ
เมื่อหมดกะ พัดชาออกจากห้องเก็บของด้านหลังร้าน พับผ้ากันเปื้อนมาคืนรุ่นพี่พนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์ โบกมือลากัน แล้วเดินออกจากร้านไปทางด้านหลัง
เป็นจังหวะเดียวกับที่สิงคารเดินเข้ามาหยุดที่เคาน์เตอร์กาแฟ รุ่นพี่คนที่โบกมือลาพัดชา เป็นคนรับออเดอร์
“รับอะไรดีคะ”
“ลองแบล็กครับ เอ้อ น้องพนักงานคนที่สูงๆ ผมยาวๆ เค้าอยู่ไหนหรือครับ”
สิงคารเดินมาทางหลังร้าน มองไปทางที่รุ่นพี่พนักงานชี้ไม้ชี้มือไป แต่ไม่เห็นมีพัดชา
ผู้กำกับชื่อดังนั่งลงมุมหนึ่ง พลางถอนหายใจอย่างเสียดาย จังหวะที่สิงคารยกกาแฟขึ้นจิบ พัดชาเดินผ่านกระจกหน้าร้านไป โดยที่สิงคารไม่ทันเห็นเพราะแก้วกาแฟบังไว้ ครั้นพอเขาวางแก้วลง พัดชาก็หายไปแล้ว คลาดกันเพียงเสี้ยวนาที

ทางด้านตรีประดับมองจอมือถือ ชักจะมีอาการหงุดหงิด
“นายเทศ มันน่านัก งอนอะไรนักหนา จู่ๆ ก็ลงจากรถ ส่งข้อความก็ไม่อ่าน”
ตรีประดับส่งสติ๊กเกอร์ การ์ตูนพ่นไฟ ควันออกหูโมโห ไปรัวๆ
พยสกลับมาพอดี เห็นตรีประดับยืนหันหลัง จึงเดินเข้ามากอดทางข้างหลัง
ตรีประดับตกใจ รีบปิดหน้าจอมือถือ “อุ๊ย ยส กลับมาเมื่อไหร่คะ”
“ทำอะไรครับตรี ยุ่งจนไม่ได้ยินเสียงรถผม”
พยสดูท่าทางเหนื่อยมาก ตรีประดับไม่อยากให้สามีสบายใจ เลยไม่บอกเรื่องเทศราชงอนหนีลงรถ
“ตรี เอ้อ คุยงานอยู่ค่ะ ยสเป็นไงคะ หิวไหม”
“ก็นิดนึง แล้วตรีล่ะครับ จะทานข้าวพร้อมผมเลยไหม”
ฎ”ตรียังไม่หิวเลยค่ะ ยสทานก่อนเลยนะคะ กับข้าวน้องพัดเตรียมไว้ให้แล้ว ต้องอุ่นนิดหน่อย รอแป๊บนะคะ ตรีปิดคอมพ์ก่อนเดี๋ยวจัดการให้”
พยสเห็นว่าตรีประดับยุ่งๆ เลยจะเอาใจเมีย
“ไม่เป็นไร ผมจัดการเองได้ เดี๋ยวอุ่นเผื่อตรีไว้เลยนะครับ”

พยสหยิบอาหารในตู้เย็น ที่พัดชาเตรียมไว้ เป็นชุดสลักผัก อาหารคลีนฟู้ด หน้าตาดูดี พยสหยิบมาอุ่นเองและเผื่อตรีประดับ พลางนึกถึงคำพูดตรีประดับ
“พรุ่งนี้น้องพัดชาจะมาเป็นผู้ช่วยตรี ทำงานที่บ้านเรา ตรีรับประกันว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไปยสจะไม่ลำบาก มีคนดูแลเพิ่มคนอีกคน”
พยสนั่งทานอาหารคนเดียว มองหน้าตาอาหารที่ดูดีกับโต๊ะที่ว่างเปล่า เผลอนึกถึงหน้าพัดชาอย่างช่วยไม่ได้

รุ่งเช้าวันใหม่ บริเวณสี่แยกกลางเมืองมีจอโพรเจกเตอร์ขนาดใหญ่ และหน้าตึกสูงบางตึกมีจอโพรเจกเตอร์เช่นกัน ทุกที่เปิดรายการเมาท์ดารา สลับกับสปอตโฆษณาสินค้าดัง มีข่าวหนึ่งที่ออกมาในทิศทางเดียวกันว่า “เมาท์สนั่นโซเชียล คลิปหลุดชินานาง ชาวเน็ตตาไวชื่นชมสุภาพบุรุษปริศนา” เป็นคลิป ตอนที่ชินานางมีเรื่องกับเมียเสี่ยจิว และมีคนถ่ายคลิปไว้ได้ แล้วนำมาปล่อย หนุ่มปริศนาที่ว่าคือเทศราช แสดงความเป็นสุภาพบุรุษปกป้องตรีประดับนั่นเอง
ในความรีบเร่งของคนเมืองสังคมก้มหน้า ในตอนเช้า แทบทุกคนก้มหน้าดูจอมือถือ
และเริ่มเมาท์กับเพื่อนทางไลน์
“ชินานางเกือบโดนตบแน่ะ”
มีข้อความตอบกลับมา “ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร ที่ช่วยนักเขียนดังตรีประดับอ่ะ”
ไอจีของอีกคน เป็นภาพตอนเทศราชปกป้องตรีประดับ ซึ่งถูกแคปส่งต่อๆ กันมา มีเม้นต์ใต้ภาพว่า
“ผู้ชายคนนี้เท่สุดๆ ปกป้องผู้หญิงที่รักแหงๆ”
ในเฟซบุ๊ก ขึ้นสเตตัส “ถ้าจะโดนรังแก ขอมีคนแคร์เหมือนโอปป้า”
ด้านล่างมีภาพเทศราชกำลังปกป้องตรีประดับ เป็นภาพเดิมๆ ส่งต่อๆ กัน เป็นไวรัลในเวลาอันรวดเร็ว
เทศราชเดินเข้าออฟฟิศตามปกติ แต่ชักเริ่มงงกับสายตาของพนักงานสำนักพิมพ์ ตั้งแต่ยามที่ตะเบ๊ะเปิดประตูให้อย่างซูฮก แถมยังยกสองนิ้วโป้งให้
เทศราชเดินผ่านโต๊ะประชาสัมพันธ์ สาวๆ ส่งยิ้มให้ นางหนึ่งใจกล้าดูคลิปแล้วทวนตามคำพูดไวรัล
“ถ้าจะโดนรังแก ขอมีคนแคร์เหมือนโอปป้า”
เทศราชงง อะไรกัน ใครโอปป้า
เทศราชเดินผ่านโถงสำนักพิมพ์ แทบทุกคนมองมายังเขาเป็นตาเดียว
“มองอะไรกัน ผมไม่ได้มาสายนะ ไม่ได้ฝากใครตอกบัตรด้วย”
“พี่เทศ เจ๋งสุดๆไปเลย”
“มาทำงานเช้า เจ๋ง” เทศราชงง
พนักงานอีกคนบอก “หล่อมากค่ะน้องเทศ พี่ไม่เคยรู้ว่าน้องเทศแมนขนาดนี้”
“พี่อยากเป็นหญิงคนนั้นในอ้อมแขนน้องเทศ”

บรรดาสาวแท้สาวเทียมโถมมาใส่ เหมือนในคลิปที่เทศราชปกป้องตรีประดับ

ตรีประดับตกอยู่กลางศึกระหว่างชินานางและเมียเสี่ยจิว เทศราชดึงตัวตรีประดับมาหลบหลังตน ปกป้องเต็มที่ ขณะที่พยสมัวดึงชินานางหลบ
ภาพทั้งหมดอยู่ในคลิปที่พยางค์เปิดให้เทศราชดู

“หล่อมาก พ่อพระเอก”
“ผมไม่ได้ต้องการโชว์แมนอะไรสักหน่อย”
“ฉันรู้ ถึงแกจะปกป้องหนูตรีไว้ได้ แต่ข่าวตอนนี้คงกระพือไปทั่ว ไม่ต้องห่วงแม่นางงามชินานาง ได้ข่าวว่าปิดมือถือหนีนักข่าวไปแล้ว”
“แล้วตรี” เทศราชเป็นห่วงตรีประดับครามครัน

เทศราชรีบจ้ำผ่านพนักงาน พุ่งตรงไปทางโต๊ะบันเทิง
“ถ้านักข่าวตามชินานางไม่ได้ เขาก็ต้องตามคนอื่นที่อยู่ในคลิป”
ที่โต๊ะข่าวบันเทิง มีรูปดาราเต็มไปหมด นักข่าวเผือกขาเมาท์คนหนึ่ง เปิดคลิปเทศราช ตรีประดับ และ ชินานาง อีกคนมองคลิปพลางรอสายโทรศัพท์อยู่
“แกว่าพี่เทศจะให้สัมภาษณ์ไหม”
“บ้าเหรอ เดี๋ยวได้โดนเหวี่ยง คุณตรีดีกว่า” นักข่าวบันเทิงชี้มือถือที่กำลังโทร “นางใจดี แต่ทำไมยังไม่รับสายฟระ อุ๊ย”
เทศราชดึงโทรศัพท์ออกจากมือนักข่าวไปดื้อๆ นักข่าวทั้งสองอึ้งไป จะขัดขืนก็เกรงใจความเหวี่ยงที่ขึ้นชื่อของเทศราช
“ไม่ต้องโทร. แล้วก็อย่าได้โทร.หาคุณตรีประดับอีก เรื่องนี้คุณตรีไม่รู้เรื่อง แล้วก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วย”
เทศราชวางโทรศัพท์ของนักข่าวอย่างเบามือ สุภาพ แต่เยือกเย็น เด็ดขาด แต่แล้วมีเสียงรายงานข่าวจากโทรทัศน์ตรงมุมห้องดังขึ้น เทศราชเหลียวไปดูอย่างเซ็งๆ
“กลายเป็นคลิปที่กำลังโด่งดังเพียงชั่วข้ามคืนนะครับ กับคลิปของดาราสาวชินานาง”
เทศราชทำอะไรไม่ได้กับข่าวเมาท์ในจอทีวี

ในจอโทรทัศน์ เป็นรายการ บันเทิง 8 HOT NEWS เมาท์ข่าวดาราแซบๆ ของช่อง 8 เจ๊อ้วน พิธีกรเมาท์ข่าวร้อนเรื่องชินานางและโยงไปที่คลิปสุภาพบุรุษสุดโรแมนติกของพยสกับตรีประดับ
“คือในคลิปเนี่ยดาราสาวชินานางโดนหาเรื่องนะคะ แต่ว่าคนดูพากันมุ่งความสนใจไปดูความเป็นสุภาพบุรุษของผู้ชายในภาพ”
รายการเปิดคลิปไปด้วย ใส่สีตีข่าวไปด้วยราวกับอยู่ในเหตุการณ์

เจ๊อ้วน พิธีกรรายการ บันเทิง 8 HOT NEWS กำลังเมาท์ถึงคลิปชินานางถูกแย่งซีนจากคู่รักพยสและตรีประดับอย่างออกรส
พนักงานในออฟฟิศพยสกำลังสุมหัวดูคลิปผ่านไอแพด
“ดูนะคะ หนุ่มปริศนา ข่าวว่าเป็นเพื่อนกับคุณตรีประดับ นักแปลชื่อดังเป็นคนกันไม่ให้คุณตรีโดนลูกหลง”
“แล้วสามีคุณตรีล่ะคะ” พิธิกรอีกคนถาม
“นั่นไง อยู่กับเจ๊ชินานาง”
พยสเดินมาเคาะเคาน์เตอร์ พนักงานตะลึงถูกจับได้แอบดูทีวี หนำซ้ำดูข่าวเจ้านาย
“ว่างกันมากไหมครับ สรุปรายงานประชุมเมื่อเช้าเสร็จหรือยัง อีก 15 นาทีต้องวางที่โต๊ะผม”
พยสสั่งนิ่งๆ ก่อนจะเข้าห้องไป

ทางด้านพัดชาจัดการเอกสารอยู่ที่ห้องรับแขกข้างล่าง เปิดทีวีไปด้วย พัดชาฟังรายการจนพิธีกรพูด เลยวางมือยืนดู
“ดู...ดูยัยชินานางสิค๊า ผัวเค้า ดึงผัวคนอื่นเค้ามาเป็นโล่”
พัดชามองไปทางห้องทำงานตรีประดับที่ชั้น 2
ตรีประดับยังนั่งทำงานไม่รู้เรื่องราวว่าตกเป็นข่าวดังไปแล้ว

ที่กองถ่ายละครช่อง 8 ชินานางเห็นคนในกองเปิดคลิปดู มีเสียงแว่วๆออกมา
“คุณนางคะ คุณทำได้ยังไง นั่นสามีคนอื่นนะคะ”
“อ๊าย อะไรกัน ปิดซะ ไม่ให้ดู”
แทบทุกมุม ทุกคนในกองเปิดคลิปดู เมาท์อย่างสนุกสนาน
“ก็นางกำลังของขึ้น คนที่นางดึงมาช่วยนางก็คือคุณพยส ทนายความที่เคยว่าความให้นางชนะคดีฟ้องหย่า นี่ถ้าคุณพยสไม่ดึงไว้”
พิธีกรพูดพร้อมๆ กัน “นางเละ ฮ่าๆๆ”
พิธีกรอีกคนเสริม “คลิปนี้ ชินานางต้องบอกว่า กูตาย ฮ่าๆๆ”
ชินานางมองไปทางไหน ก็เห็นแต่คนดูคลิป แม้แต่ทีมงาน ชินานางทนไม่ได้ กรี๊ดขึ้น
“อร๊าย ปิด ปิดเดี๋ยวนี้ ปิดให้หมดทุกคน ห้ามดู”
ชินานางไล่ตามปิดมือถือชาวบ้าน ทีมงานบางคนหงอก็เอามือถือลง บางคนไม่แคร์ ก็เดินไปดูที่อื่น ชินานางไล่ปิดจนไปคว้าเอาของชายคนหนึ่งที่นั่งหันหลังให้
“ฉันบอกให้ปิด”
ชินานางคว้ามา สิงคารหันตามมา
“ทำไมครับ เพราะประโยคมันจี้ใจใช่ไหม คลิปนี้ชินานางตาย ฮ่าๆ”
“ผู้กำกับ นางไม่ขำนะคะ โอ๊ย อารมณ์ไม่ดี ไม่ถ่งไม่ถ่ายแล้ว”
ชินานางโวยวายเดินหนีออกไป เทกองถ่ายทิ้ง ทั้งกองวงแตก

ไม่นานต่อมาชินานางพาตัวเองมาซบอกอ้อนพยสอยู่ในออฟฟิศของเขา
“เอาไงดีคะ คุณต้องช่วยนางนะคะ”
พยสเบื่อหน่ายเต็มกลืน พยายามแกะมือปลาหมึกออก
“ผมจะทำอะไรได้ ตอนนั้นผมเตือนคุณแล้วให้ใจเย็นๆ คนมองอยู่เยอะแยะ”
“ก็มันมีคลิปหลุดมาแล้วอ่ะ ยสเคยบอกนางเอก ทุกอย่างมีทางแก้ ยสต้องช่วยแก้ไขเรื่องนี้ให้นางนะคะ”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ถ้าสามีเก่าคุณเอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็น”
“คุณแก้ไขได้”
“คุณโดนเขาฟ้องกลับแน่”
“ยส”
“เถอะน่า ไม่ได้มีคุณคนเดียวที่เดือดร้อนกับเรื่องนี้”
พยสไม่ได้ใส่ใจชินานางมากนัก เพราะขณะพูดคุยก็พยายามต่อโทรศัพท์ตลอดเวลา ชินานางมองแล้วจึ๊ปาก ไม่ได้ดั่งใจ
“ห่วงแต่เมีย น่าเบื่อ”
พยสทำจุ๊ปากให้เบาเสียงเพราะกำลังต่อโทรศัพท์ แต่ชินานางหมั่นไส้โผเข้ากอดแล้วจุ๊บแก้มจนพยสเหวอตกใจมาก
“คุณนาง”
เลขาเอาแฟ้มงานมาให้ พร้อมของว่างมาเสิร์ฟยังต้องตกใจ เกือบทำแก้วน้ำหลุดมือ

พยสหน้าเสีย ชินานางยิ้มกริ่ม หนำซ้ำยังไม่เอามือปลาหมึกออกจากคอพยส เลขาอ้าปากค้าง

น้ำผลไม้วางเสิร์ฟข้างโน้ตบุ๊กคู่กายของตรีประดับ พัดชาเป็นคนเอามาเสิร์ฟให้

“บ่ายๆ อากาศอบอ้าว ขอเปลี่ยนจากชาเขียวร้อนเป็นน้ำผลไม้สกัดเย็นนะคะ คุณตรีจะได้อารมณ์ดี”
“ขอบใจนะจ๊ะ แต่พี่ก็ไม่ได้ร้อนจนหงุดหงิดอะไรนะ”
พัดชาอึกอัก โทรศัพท์มือถือตรีประดับมีสายเข้า แต่ปิดเสียงไว้ โทรศัพท์จึงสั่น เมื่อมีคนโทร.เข้า หรือมีข้อความเข้าตลอดเวลา
“แล้วข่าว”
ตรีประดับยักไหล่ ยิ้มอย่างสบายใจ ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนอะไรทั้งสิ้น
“ข่าวก็คือข่าว เราจะทำอะไรได้”
พัดชาฟังแล้วทึ่ง “คุณตรีไม่รู้สึกอะไรเลยหรือคะ”
“เรารับรู้ว่ามีเรื่องราว เราอาจจะปรากฏอยู่ในนั้น แต่ไม่ต้องเอามาคิดมาก เรื่องที่เราต้องใส่ใจคือเรื่องที่อยู่ตรงหน้าเรามากกว่า ซึ่งสำหรับพี่ ตอนนี้ก็คืองาน”
ตรีประดับจิบน้ำผลไม้อีก ชื่นใจ ยิ้มกว้างให้พัดชา
“ชื่นใจจัง ได้น้องพัดเป็นผู้ช่วยนี่ดี๊ดี”
“ถ้าอย่างนั้น นอกจากเรื่องจัดการเอกสาร คุณตรีจะให้พัดทำอะไรบ้างคะ”

ไม่นานต่อมา บนโต๊ะอาหารมีกองกระดาษหลายปึก และหนังสือหลายเล่ม มีดิกชันนารี อังกฤษ-ญี่ปุ่น และ ไทย-ญี่ปุ่น ตรีประดับเริ่มสอนงานพัดชา เช็คคำถูกผิด ใช้ปากกาขีด แปะโพสต์อิทกำกับให้
“งานแปลที่สำคัญคือต้องคงความหมายของประโยคไว้ให้ได้ นอกจากความหมายที่ถูกต้อง การแปลให้เป็นภาษาที่สละสลวยก็สำคัญมากเช่นกัน น้องพัดลองอ่านงานเก่าของพี่เป็นแนวทาง แล้วแปลเล่มบางๆ ก่อนนะจ๊ะ”
พัดชาลูบคลำหนังสือ มีความหวัง มีความมุ่งมั่น
“คิดว่าทำได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
“พี่เป็นกำลังใจให้นะ”
ตรีประดับขึ้นไปทำงานต่อที่ห้องทำงานตัวเอง
พัดชามองตาม มุ่งมั่นตั้งใจ / จากสายตาที่ประตูที่ตรีประดับเพิ่งเดินออกไป ใกล้ประตูมีโต๊ะกลม วางรูปคู่ตรีประดับและพยส
พัดชาอดไม่ได้ เดินมาดูรูปในกรอบเล็กๆ หลายชิ้น รูปหนึ่งเป็นรูปตรีประดับตอนเผลอขณะกำลังแปลหนังสือ ภาพดูสวยงาม สมกับเป็นนักแปลชื่อดัง
พัดชามองๆ วางลง ข้างกับรูปพยส ฝันอยากจะเป็นอย่างนี้

ตรีประดับดูมือถือ มีหลายสิบ missed call กดไล่ดู เห็นพยสโทร.มาแต่ไม่ได้รับ 4 ครั้ง ตรีประดับส่งไลน์กลับไป
“ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะยส ตรีทำงาน ขอเวลาเงียบๆสักพัก”
เทศราชส่งคลิปวิดีโอมาให้
“อย่าบอกว่าส่งคลิปข่าวนั่นมานะนายเทศ”
ตรีประดับว่าจะไม่ดู แต่เพราะเป็นเทศราช เลยเปิดดูเสียหน่อย
เป็นคลิปภาพถ่ายการ์ตูน stop motion วาดง่ายๆ ใส่กระดาษแผ่นเล็กๆ เห็นมือคนวางกระดาษที่วาดการ์ตูนทีละแผ่น
แผ่นที่ 1 เป็นภาพหญิงสองคนทะเลาะกัน ชายท่าทางหัวเนี้ยบแทนตัวพยส กำลังห้ามหญิงปากแดงแทนชินานาง หญิงเรียบร้อยแทนตรีประดับ กับผู้ชายหัวยุ่งแทนตัวเทศราช ยืนงงๆ อยู่ข้างๆ
แผ่นที่ 2 เป็นภาพหญิงคนหนึ่งสาดน้ำ หญิงปากแดง มีไฟลุกที่หัวโกรธจัด ชายเนี้ยบปกป้องชินานาง ชายหัวฟูยืนกันหญิงเรียบร้อย มีวงแหวนเทวดาบนหัว
แผ่นที่ 3 เป็นภาพหญิงตัวการก่อเรื่อง โมโหเตะปลั๊กไฟ
แผ่นที่ 5 เฉลยให้เห็นว่าปลั๊กไฟจุ่มน้ำ
แผ่นที่ 6 ชายเนี้ยบโดนไฟช็อต เห็นเป็นกระดูกข้างในตัว ผู้หญิงตัวการโดนไฟดูด ผู้หญิงปากแดงโดนไฟดูดด้วย หญิงเรียบร้อยติดปีกนางฟ้า ลอยขึ้นข้างบนโดยไม่โดนไฟดูด ผู้ชายหัวยุ่งขี่ม้าขาวเหาะตามนางฟ้าไป
แผ่นที่ 7 The End
ตรีประดับดูแล้วระเบิดหัวเราะออกมา เทศราชทำให้เธออารมณ์ดีได้ในทุกสถานการณ์

การ์ตูนทั้ง 7 แผ่นวางอยู่บนโต๊ะทำงานเทศราช ซึ่งกำลังโทรศัพท์คุยกับตรีประดับ สองคนถามออกไปพร้อมๆ กันว่า
“อารมณ์ดีแล้วสินะ”
จากนั้นทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน
เทศราชเบาใจลงไป ไม่ได้โกรธตรีประดับที่วันก่อนทำท่ายุยงจับคู่เขากับพัดชา เพียงแค่น้อยใจ
“เราต่างหากต้องถามเทศ โอเคแล้วนะ หายงอนแล้วใช่ไหม”
“ใครงอน อะไร ไม่มี”
“แล้ววันก่อน”
เทศราชนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาหนีตรีประดับลงรถไปกลางสี่แยกไฟแดง
“ทำไมตรีต้องยัดเยียดเราให้ใคร หัวใจเรา เรารู้ว่าเราจะรักใคร”
เทศราชเปิดประตูรถลงกลางสี่แยกไฟแดง เดินจากไปโดยไม่เหลียวหลัง
ช่างภาพหนึ่งขำตัวเองที่ปล่อยอารมณ์ให้ตรีประดับเห็น
“พอดีอยากกินกล้วยแขก เขาขายตรงสี่แยกนั้นพอดี” เทศราชเปลี่ยนประเด็น “ตรีเถอะ โอเคหรือเปล่า เรารู้ตรีคงไม่ได้คิดอะไรกับข่าวหรอก คงรำคาญที่มีนักข่าวพยายามโทรหาล่ะสิ”
“แสนรู้เหมือนเดิม”
“เฮ้ย ได้ยินเสียงโอเคละ แค่นี้นะ ทำงานแล้ว มีอะไรก็บอกแล้วกัน...”
ตรีประดับยิ้ม ตอบ “อือ” แล้ววางโทรศัพท์ไป
เทศราชรู้ว่าโทรศัพท์อีกฝั่งวางไปแล้ว เลยพูดคำที่ค้างไว้ออกมา
“เราอยู่ตรงนี้”

พัดชาแปลงานอยู่ สะดุ้งเพราะเสียงโทรศัพท์บ้าน งุนงงเล็กน้อย มองหา
สีหน้าแปลกใจ ว่าใครโทร.เข้าสายบ้าน “สวัสดีค่ะ บ้านคุณพยสค่ะ”
“พัดชา”
พัดชาได้ยินเสียงพยส ถึงกับมือเย็น ตั้งใจกว่าเดิม
“คุณพยสมีอะไรคะ”
พยส เขาก็ชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงพัดชา
“เธอ มาช่วยงานตรีที่บ้านแล้วเหรอ”
“ค่ะ
พยสแปลกใจตัวเอง ประหม่าจนพูดออกไป
“ตรีเป็นไงบ้าง เขาบอกว่าทำงานแล้วก็ปิดโทรศัพท์ เธอไปดูๆ เขาบ้างนะ ฉันเป็นห่วง”
“ได้ค่ะ”
“ฉันฝากด้วยนะ พัดชา”
พยสวางโทรศัพท์ลง ใจเต้นโครมคราม
การพูดคุยกับพยส ได้รับรู้ความห่วงใยที่เขาส่งถึงภรรยาแสนดี

บางแว่บพัดชากลับรู้สึกว่าความห่วงใยนั้นส่งผ่านมาถึงเธอด้วย

พัดชาทำกับข้าวด้วยความตั้งอกตั้งใจ มื้อนี้เตรียมอาหารญี่ปุ่น เมนูสลัดเต้าหู้ และปลาย่าง คิดว่าน่าจะถูกปากตรีประดับและพยส

ชิงฉัตรยืนมองพัดชาอยู่ทางด้านหลัง พิจารณาทรวดทรงองค์เอว หยุดสายตามองบั้นท้ายอย่างจงใจ
“ยังไม่กลับอีกเหรอ”
พัดชาสะดุ้ง หันมามองทักอย่างสำรวม ไม่ต่อล้อต่อเถียง หันกลับไปทำกับข้าวต่อ
“เธอเป็นใคร เอาตัวเข้ามายุ่มย่ามในบ้านได้ขนาดนี้”
“คุณตรีประดับจ้างดิฉันมาเป็นผู้ช่วยในบ้าน”
“ฉันไม่รู้ว่าอาตรีเห็นดีเห็นงามอะไร แต่สำหรับฉัน เธอ แปลกๆ”
“แปลกหรือไม่แปลก ก็แล้วแต่คุณจะคิดค่ะ ดิฉันมีหน้าที่ทำงานแบ่งเบาภาระให้คุณตรีประดับเท่านั้น”
”เก่ง เอาให้ตลอดรอดฝั่งนะ ฉันจะจับตาดูเธอไว้”
ชิงฉัตรหัวเราะเสียงต่ำๆ มองพัดชาอย่างไม่ไว้ใจ ในแววตาไม่อาจปิดบังความหื่นกระหายไว้ได้

พัดชาเช็ดถูโต๊ะเก้าอี้อยู่แถวริมสระ ผ้าขนหนูถูกเหวี่ยงผ่านหน้าพัดชาไปอย่างจงใจ พัดชามองตามจะเก็บหรือไม่เก็บดี ชิงฉัตรปรากฏตัวออกมา ดูว่าพัดชาจะทำอย่างไร พัดชาจำใจเก็บ แล้วส่งคืนให้
“คุณทำผ้าหล่นค่ะ”
ชิงฉัตรกระชากผ้า พัดชาลืมปล่อย เลยเหมือนโดนกระชากเข้าหาตัวชิงฉัตร
พัดชาอึ้งไป ยืนตะลึง ชิงฉัตรยืนประชิดตัวถอดเสื้อต่อหน้าต่อตา
“เห็นแบบนี้ แล้วรู้สึกยังไง”
พัดชาเบือนหน้า เดินหนี ชิงฉัตรเดินไปขวาง
“ไม่ต้องแอ๊บ เธอไม่ได้ใสซื่อจนต้องเขินเวลามีผู้ชายมาถอดเสื้อตรงหน้า”
“คุณจะเล่นน้ำก็เชิญเถอะค่ะ ดิฉันจะทำงาน”
“ไม่อยากดู หรือดูแล้วกลัวจะทนไม่ได้”
พัดชาฉุน “คุณฉัตร”
“ฉันจะทำให้เธออยู่บ้านนี้ไม่ได้”
ชิงฉัตรลากพัดชาจะพาลงน้ำด้วยกัน พัดชาขืนตัวเต็มกำลังแกะมือออก ชิงฉัตรลากพัดชามาใกล้ขอบสระ ถือโอกาสรวบตัวจะเหวี่ยงลงน้ำด้วยกัน
พัดชาโกรธ “คุณจะทำอะไรคุณฉัตร อย่านะ”
“บททดสอบความอดทนไงล่ะ ทนไม่ได้ก็ไปซะ”
“ไม่ค่ะ คุณฉัตร ปล่อย”
พัดชาโดนจับเหวี่ยง แต่ด้วยความที่สู้มาตลอดเลยเหวี่ยงกลับ และผลักชิงฉัตรตกน้ำตูม

ตรีประดับเดินลงบันไดมา ได้ยินเสียงมองไปที่สระน้ำเห็นเหตุการณ์
“นายฉัตร”
ชิงฉัตรแกล้งว่ายน้ำไม่เป็น ทำท่าจะจมลงๆ ยื่นมือให้พัดชาช่วย
“ช่วยด้วยๆ”
พัดชาลังเล ไม่แน่ใจว่าจริงหรือเล่น
“คุณฉัตรๆ”
ชิงฉัตรยื่นมือมาให้ แต่ยังไม่ถึง พัดชายื่นมือออกไป
“นายฉัตร”
พัดชาหันไปบอกตรีประดับ
“คุณตรีคะ คุณฉัตร”
“นายฉัตรว่ายน้ำเป็น” ตรีประดับบอก
โดนจับได้ชิงฉัตรยิ้มหึๆ ว่ายเข้ามาใกล้ขอบสระ
พัดชามองจ้องรู้ว่าชิงฉัตรหาเรื่องแกล้งตนตลอดเวลา
“แกล้งพี่พัดเขาทำไม” ตรีประดับเอ็ด
“ผมไม่ได้แกล้ง ผมแค่อยากรู้ว่าคนที่จะมาเป็นผู้ช่วยอาตรี เขาจะดูแลคนในบ้านนี้ได้ดีแค่ไหน”
“น้องพัดอย่าถือสานายฉัตรเลยนะ ซนไม่เข้าท่า ไปกันจ้ะ วันนี้ทำอะไรให้พี่ทาน”
ตรีประดับพาพัดชาเข้าด้านใน พัดชาเหลียวกลับไปมองเด็กหนุ่มคู่ปรับแว่บหนึ่ง รู้ดีว่าเขาไม่ยอมรามือแน่

ชิงฉัตรมองตามตาขุ่น ตีน้ำอย่างขัดใจที่แกล้งไม่ได้ผล หนำซ้ำดูเหมือนพัดชาจะเป็นคนที่ตรีประดับโปรดปรานเอามากๆ

อ่านต่อตอนที่ 9
กำลังโหลดความคิดเห็น