ระบำไฟ ตอนที่ 2
เทศราชทิ้งตัวลงนอนพักเหนื่อยในลานหญ้ากลางสวนสวย หลับตานิ่งอยู่ สักครู่หนึ่งมีหยดน้ำค่อยๆ หยดลงที่ใบหน้าของเขา ริมฝีปากเทศราชขยับ ยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
“เรารู้นะ ฝีมือตรี...”
ตรีประดับหัวเราะคิก ยิ้มขำ
ไล่ๆ กันนั้นเองน้ำถูกเทจากขวดราดรดลงบนหน้าอีกโครมใหญ่ เทศราชสะดุ้งลุกพรวดขึ้น โวยวาย
“เฮ้ย อันนี้ไม่ใช่ละ”
พยสเป็นคนเทราดน้ำใส่หน้าเทศราช ส่วนตรีประดับแค่ใช้นิ้วพรมน้ำใส่เท่านั้น
“สวมรอยนะแกไอ้ยส ฉันก็นึกว่าตรี”
“เห็นนอนพักเหนื่อย คิดว่าหิวน้ำ”
พยสยิ้มให้ ยื่นมือออกไปให้จับ เทศราชมองหน้าไม่ไว้ใจ สุดท้ายยอมจับมือตอบ พยสดึงตัวเทศราชลุกขึ้น ด้วยจังหวะบางอย่าง ทำให้ดูเหมือนตรีประดับอยู่ตรงกลางระหว่างสองชาย
“ขอบใจมากเพื่อน ช่วยฉันเซอร์ไพรส์ตรี”
“แค่นี้เอง ไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรอก”
“เยี่ยมมากทั้งคู่”
เทศราชมองตรีประดับที่ในชุดยูกาตะสวยงามมาก ทั้งเขาและพยสยังอยู่ในชุดเคนโด้
“พอยัง ถอดได้แล้วใช่ไหม”
“เดี๋ยวก่อนสิ พวกเธออุตส่าห์ลงทุนเซอร์ไพรส์ เราเองก็แต่งตัวออกจะ...”
สองหนุ่มรู้ทันว่าสาวเจ้าอยากให้ชม จึงประสานเสียงพร้อมกันว่า
“สวย”
ตรีประดับยิ้มเขิน “ไปถ่ายรูปด้วยกันเถอะ นานแล้วนะ ตั้งแต่เรียนจบที่เราไม่ได้เที่ยวด้วยกันเลย”
พร้อมกับว่าตรียิ้มอ่อนหวานขอร้อง เทศราชและพยส ต่างคนต่างละลาย
ใครเลยจะใจแข็งกับผู้หญิงแสนอ่อนหวานอย่างตรีประดับได้ลง
ในเวลาเดียวกันนี้ ลานน้ำพุอันสวยงามของวัดนาริตะซัง ชินโชจิ อวดตัวอยู่ต่อหน้ากรุ๊ปทัวร์ นักท่องเที่ยวชาวไทย โดยมีเสียงพัดชาให้คำอธิบายประกอบในฐานะไกด์
“วัดนาริตะซัง ชินโชจิ เป็นวัดขนาดใหญ่มีอายุเก่าแก่กว่า 1,000 ปี ใครมาที่นี่ก็ต้องถ่ายรูปเก็บความงดงามกลับไปค่ะ”
พัดชาหันหน้ามาหาบรรดาลูกทัวร์ ใบหน้าสวยเศร้าของเธอถูกตากล้องคนหนึ่งกดถ่ายไว้พอดี
พัดชายิ้มเขินนิดๆ
“อย่าถ่ายไกด์เลยค่ะ กลัวเปลืองแบต”
“น้องพัดชาออกจะสวย ดูสิครับ”
พร้อมกับว่าตากล้องเปิดจอโชว์ภาพให้ดู พัดชาเดินมาดู
ในภาพพัดชาอยู่กลางเฟรม โดยที่ด้านหลังของหล่อน เห็นเป็นชายหนุ่มในชุดเคนโด้ 2 คน และสาวสวยในชุดยูกาตะ ซึ่งก็คือ พยส เทศราช ตรีประดับ นั่นเอง
ตากล้องชะงัก ขยายดู “อ้าว ติดคน พี่ขอถ่ายใหม่นะครับ”
พัดชาจ้องมองภาพนิ่ง ก่อนจะเหลียวหน้าไปดู เห็นไกลๆ ลิบตา สามคนเดินมาด้วยกัน ด้วยท่าทางสนิทกัน
“น่ารักจัง ใส่ยูกาตะด้วย อยากได้ภาพในละครแบบนี้” ลูกทัวร์คนหนึ่งบอกแววตาชื่นชม
“มีเทรนด์คู่รักใส่ยูกาตะมาออกเดทด้วยนะคะ แต่นั่นมีกันสามคนคงไม่ใช่...เราไปตรงโน้นกันดีกว่าค่ะ พัดจะพาพี่ๆไปดูที่สวยๆ เผื่อไว้ถ่ายละครที่อื่นนะคะ”
พัดชาเดินนำกลุ่มคณะทัวร์ไทยไปด้านหลัง อีกมุมไกลออกไป ตรีประดับ พยสและเทศราชเดินไปอีกด้าน
พัดชาพาคณะทัวร์ไทยมาถึงสถานที่อันสวยงามอีกมุมหนึ่งของวัด
“กลุ่มอาคาร วิหาร รวมถึงเจดีย์ ของวัดนาริตะซังสะท้อนให้เห็นร่องรอยอารยธรรมของยุคสมัยเอโดะ อย่างเจดีย์ 3 ชั้น ตรงนั้น สร้างในปี 1712 ค่ะ งานสถาปัตยกรรมและงานแกะสลักที่เห็นที่บานประตูเทวดาด้านโน้น ก็แสดงให้เห็นความรุ่งเรืองของฝีมือช่างไม้ยุคเอโดะ”
ลูกทัวร์ชื่นชม “น้องพัดชาเก่งจัง เรียนด้านไกด์มาโดยตรงเหรอคะ”
“พัดแค่มือสมัครเล่นค่ะ รับดูแลกรุ๊ปคนไทยนี่เป็นรายได้พิเศษ เพราะพัดต้องช่วยที่บ้านพ่อแม่บุญธรรมดูแลร้านราเมนด้วย”
“พ่อแม่บุญธรรมของน้องต้องรักน้องพัดมากนะคะ น้องขยันแบบนี้” ลูกทัวร์ยิ้มแย้ม
“ค่ะ”
พัดชานึกถึงพ่อแม่บุญธรรม ยิ้มตอบรับไปตามปกติ ทั้งที่มีความทุกข์ใจที่ซ่อนอยู่มาก จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ไปดูตรงโน้นกันนะคะ เป็นมุมโรแมนติกที่สุดที่คู่รักจะมาเดินจูงมือกันชมสะพานค่ะ”
พัดชายิ้มฝัน นึกถึงชายหนุ่มหญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในห้วงรักจูงมือกันเดินเล่น
ลูกทัวร์กำลังเพลินถ่ายรูปอยู่มุมหนึ่ง พัดชาจึงเหลียวมองไปอีกทาง
แลเห็นพยสและตรีประดับเดินเคียงข้างกันไปราวกับเป็นคู่รักกัน
ตรีประดับเดินอยู่เคียงใกล้กับพยสแค่คืบ มือสองคนใกล้กัน ดูเผินๆ ราวกับหนุ่มสาวที่เป็นแฟนกันจูงมือกันเดินไป
เทศราชทำหน้าตากล้อง ถือกล้องคู่ใจ เลนส์ซูมตัวยาวใหญ่ ในมือเล็งแล คอยถ่ายภาพไปเรื่อย จังหวะนั้นเทศราชสังเกตเห็นมือของตรีประดับกับพยสที่ใกล้กัน เทศราชแอบสะท้อนใจนิดๆ นิ่งงันไป จนพยสแปลกใจที่เขาไม่ยอมถ่ายสักที
“เทศราช มีอะไรหรือเปล่า”
เทศราชหัวเราะตลกกลบเกลื่อน
“แบตหมดน่ะ ขอเวลาแป๊บนึง”
“โธ่ช่างภาพใหญ่ ยังไม่ทันได้ถ่ายสักรูปแบตหมดแล้ว”
เทศราชหัวเราะเออออตาม หันหลังทำท่าจะเปลี่ยนแบตกล้อง แต่จริงๆ ไม่ใช่ เป็นแบตเตอรี่หัวใจเขาที่อ่อนแรงลงต่างหากเล่า
พยสใช้กล้องมือถือชวนตรีประดับเซลฟี่
“ตรีครับ เราใช้มือถือก่อนก็ได้ เลนส์มันไม่กว้าง ตรียืนชิดๆ ได้ไหมครับ”
“อ๋อ เซลฟี่เหรอ มาสิ”
เทศราชได้ยินหมดจดทุกคำ แอบชำเลืองมอง ใจเต้นอ่อนลง เห็นพยสและตรีประดับถ่ายด้วยกันไปสองสามรูป ตรีประดับร้องเรียกเทศราช
เทศราชรีบปรับสีหน้าโโยเร็ว กระโดดเข้าไปสนุกเซลฟี่กับสองเพื่อน
ทางฝ่ายพัดชานำทัวร์นักท่องเที่ยวไปถ่ายรูป คณะทัวร์เฮกันไปถ่ายรูปที่มุมหนึ่ง
พยส เทศราชและตรีประดับเดินมาด้วยกัน ผ่านมาทางพัดชา
ตรีประดับอยู่ตรงกลาง มีพยสและเทศราชขนาบข้าง ทั้งสามคนคุยกัน ยิ้มหัวให้กันอยู่ในโหมดความสุขของโลกใบนั้น สามคนเดินสวนกับพัดชา โดยที่ไม่มีใครมองพัดชาแม้แต่คนเดียว
สามคนเดินผ่านไปแล้ว พัดชาเดินสวนไม่กี่ก้าว ก็หยุดเดิน มองตามทั้งสาม จนเหลียวหลัง
เทศราชกลายเป็นตากล้องถ่ายรูปให้ตรีประดับกับพยสไปเลย ตรีประดับพยายามคะยั้นคะยอให้เทศราชถ่ายรูปด้วยกัน เทศราชเออออร่วมเฟรมไม่กี่รูป
“มาถ่ายด้วยกันสิ ให้ยสเป็นตากล้องให้บ้าง”
“ไม่เป็นไร เราเป็นตากล้องนะ ถ่ายให้ตรีกับพยสได้อยู่แล้ว”
“มาด้วยกัน ก็ต้องถ่ายด้วยกัน...ดื้อนัก งั้นเอาอย่างนี้”
พยสกับเทศราชยืนคู่กัน ตรีประดับเป็นตากล้อง เจ้าหล่อนสนุกสนาน กำกับและบังคับให้พยสกับเทศราชทำท่าตลกๆต่างๆ นานาๆ
“ใกล้กันกว่านี้หน่อยสิ”
“ไม่ใช่คู่จิ้นนะตรี” เทศราชโวย
“ทำเป็นวางมาดเขม่นกันก็ได้”
ตรีประดับหัวเราะชอบใจ ก้มหน้าลงปรับโฟกัสกล้อง
จังหวะนั้นพยสกับเทศราชมองหน้ากัน ต่างคนต่างรู้ว่าอีกฝ่ายชอบตรีประดับ ทั้งคู่พูดขมุบขมิบในลำคอ ขณะที่ตรีประดับถ่ายรูปคู่ให้
“ฉันชอบตรี” พยสบอก
เทศราชถามทั้งที่ยังทำหน้ายิ้มกับกล้องได้
“แล้วไง”
“ฉันอยากให้นายช่วย”
ตรีประดับเล็งเลนส์กล้อง
“ยส....เทศ...ยิ้มหน่อยค่ะ”
พยสตัดสินใจ เทศราชกำลังยิ้มๆ ไม่คิดว่าจะเจอหมัดน็อกด้วยคำนี้
“เราจะขอตรีแต่งงาน”
พยสหันไปยิ้มมองกล้อง เทศราชมองหน้าพยสอึ้ง นิ่งงันไปเลย
มองผ่านเลนส์ พบว่าพยสยิ้มหล่อมองกล้อง ขณะที่เทศราชมองพยส สีหน้านิ่ง
เทศราชเดินถ่ายรูปวิวและบรรยากาศสวยๆ ภายในวัดมาเรื่อยๆ จนหันเห็นพยสกับตรีประดับหยุดยืนอยู่คู่กัน คุยกันท่าทางสนิทสนม พยสเทคแคร์ตรีประดับดีมาก ลมพัดผมตรีประดับปลิว พยสทัดผมให้
เทศราชลดกล้องในมือลง อึ้ง มือชาจนกดชัตเตอร์ไม่ลง พลางนึกถึงคำพูดที่พยสเคยบอกไว้
“ฉันจะขอตรีแต่งงาน”
เทศราชละสายตาจากสองคน สีหน้าใคร่ครวญครุ่นคิด
พยสโบกมือให้ทำท่าว่าจะไปซื้อน้ำมาให้ ตรีประดับพยักหน้ารับยิ้มๆ แล้วหันมามองหาเทศราช
ช่างภาพหนุ่มเหมือนไม่คิด หรือไม่แคร์ที่พยสพูด เขาเล็งแลหามุมสวยเพื่อถ่ายรูป จู่ๆ ในวิวฟายเดอร์ ตรีประดับก็โผล่หน้าเข้ามาในกล้อง ยิ้มหวาน สวย สะกดหัวใจเทศราชอยู่หมัด
“เทศ”
เทศราชลดกล้องลง หัวใจเขาชา และเต้นช้าลง นึกถึงเรื่องที่คุยกับพยส
ก่อนแข่งเคนโด้สองหนุ่มยืนอยู่ด้วยกัน พยสวัดใจเทศราช คอยพูดดักคอและทำนองกันไว้ด้วย
“นายกับตรีเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก”
“แล้วยังไง”
“ถึงจะสนิทกัน แต่นายคงไม่ได้ชอบตรีแบบที่ฉันชอบ”
เทศราชแทบจะถลึงตาใส่ แต่เพราะนิสัยกวนๆ ของเขา จึงแค่พ่นลมหายใจหัวเราะหึๆ ทั้งๆ ที่ในใจอยากจะร้องด่า...กันท่าสินะมึง
“เพราะงั้น....”
พยสมองจ้องหน้าเทศราช เพื่อขอร้องเรื่องสำคัญ
เทศราชดึงตัวเองออกมาจากห้วงคิด มองจ้องหน้าตรีประดับนิ่งนาน แววตาหม่น ตรีประดับมองตาเทศราช แล้วอี้งๆ เอะใจ เหมือนจะรู้สึกว่ามีบางอย่างในแววตานั้น แต่คลี่ยิ้มกว้างสลัดความคิดนั้นทิ้งไป
“มองอะไรอยู่เหรอเทศ”
“เปล่า”
เทศราชรีบเบี่ยงกล้องไปด้านหลัง
“แน่ะ พิรุธ แอบถ่ายสาวสวยล่ะสิ ที่ญี่ปุ่น การแอบถ่ายเป็นเรื่องผิดกฎหมายนะ”
“คนนี้ไม่ผิดกฎหมาย”
ที่จอภาพ เห็นเป็นรูป สแนปช็อต ตรีประดับ
“มีด้วยเหรอ ขอตรีดูหน่อย”
ตรีประดับเข้ามาจะขอกล้อง เทศราชหลบเป็นพัลวัน ในความใกล้สนิทสนมกันนี้ตรีประดับไม่ทันคิดอะไร
“เทศ อย่าทำอย่างนี้นะ ไม่ดีรู้มั้ย ส่งมานี่”
“เราไม่ได้แอบถ่ายแบบผิดกฎหมาย เชื่อสิ”
“ไม่เชื่อ”
เทศราชสบตาตรีประดับจังๆ เหมือนเล่มเกมจ้องตา ว่าใครมีพิรุธจะหลบสายตา
ระหว่างนี้พยสไปซื้อน้ำเดินกลับมา เขามองเห็นภาพนี้จากระยะไกลกิริยาของตรีประดับสนิทสนมใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัวกับเทศราช
เทศราชจ้องตาแล้วหลบวูบยอมแพ้ ส่อพิรุธเต็มๆ จังหวะนั้นเอง ตรีประดับฉวยกล้องไปได้ กำลังจะก้มลงมองหน้าจอ ถูกเสียงพยสเรียกร้องความสนใจขึ้นก่อน
“ตรีครับ”
ตรีประดับหันไปมองพยส เทศราชสบช่องดึงกล้องกลับ ลบรูปตรีประดับโดยเร็ว
พยสเดินเข้ามา ส่งน้ำให้ตรีประดับ พลางมองเทศราช เชิงย้ำว่าจำเรื่องที่ขอไว้ได้มั้ย แต่คำออกไปว่า
“มีอะไรเหรอเทศ ดูเหมือนนายจะทำให้ตรีเข้าใจผิด”
เทศราชมองหน้าพยส รู้ทันว่าอีกฝ่ายหมายถึงเรื่องที่เคยพูดไว้เกี่ยวกับตรีประดับ
“เพราะงั้น...เก็บสายตาของนายไว้ เพราะมันอาจทำให้ตรีเข้าใจผิด”
เทศราชยิ้มนิ่ง ตรีประดับมองสองหนุ่มไปมาไม่เข้าใจนัยยะระหว่างพยสกับเทศราช ตรีประดับมองกล้องในมือเทศราชอย่างหมายมาด
สามคนเดินมาอีกมุมหนึ่งของวัด พยสและเทศราชเหลียวมองไปคนละทาง คล้ายประเมินท่าทีกันและกัน ตรีประดับกำลังกดดูรูปในกล้อง
“ก็ไม่มีรูปแอบถ่ายนี่นา ทำเป็นพิรุธไปได้”
พยสได้ยินชำเลืองมองเทศราชแว่บหนึ่ง ตรีประดับยังไม่รู้เรื่องอะไร กดดูภาพในจอต่อไป เจอมารูปที่เทศราชจ้องหน้าพยส เหมือนสองคนคุยบางอย่างกัน
“รูปนี้ตรีถ่ายนี่ เธอสองคนทำหน้าอะไรกันน่ะ”
ตรีประดับยื่นภาพให้สองหนุ่มดู
“คุยอะไรกันอยู่เหรอ”
เทศราชมองพยส รอว่าเขาจะพูดไหม แต่พอเห็นพยสจะพูด เทศราชรีบชิงพูดขึ้นก่อน
“ยสอยากให้เราช่วย...”
“ช่วยอะไรอีกจ๊ะ วันนี้ก็ช่วยเซอร์ไพรส์แล้วนี่”
พยสยิ้มเยาะ ชำเลืองมองเทศราชแว่บหนึ่ง
“เราจะขอ...” พยสพูดไม่ทันจบ เทศราชแกล้งขัดคอ
“พยสจะขอให้เราช่วยพาตรีกับมันเที่ยวไง เพราะเราคล่องกว่า รู้จักคนเยอะ”
พยสมองเทศราช รู้ว่าอีกฝ่ายตีรวนกวนตีนตัวเอง
“นึกว่าอะไร เรื่องแค่นี้เอง ไม่ต้องขอให้ช่วย เทศก็เต็มใจอยู่แล้วนี่”
“เพื่อตรี เราเต็มใจอยู่แล้ว”
“งั้นไปยืนคู่กัน ทำหน้าดีๆ ด้วย ตรีถ่ายรูปคู่ให้ใหม่ อันเดิมไงไม่รู้”
ตรีประดับชี้รูปเดิมในกล้อง
ขณะที่พยสกับเทศราชยืนคู่กัน
“แกทำอะไรอยู่เทศราช ตกลงแกจะยังไง”
“แกไม่รู้เหรอว่าฉันคิดยังไงกับตรี”
รูปในกล้องที่ตรีประดับถ่าย เป็นรูปเทศราชกับพยสโอบคอกันแบบเพื่อน แต่สีหน้าต่างอารมณ์กันโดยสิ้นเชิง พยสมองเทศราชนิ่งๆ เทศราชมองพยสยิ้มกวน
พัดชาพาลูกทัวร์มาหยุดที่มุมขายของที่ระลึกในวัด พาเดินมาดูเครื่องราง
“ที่วัดต่างๆ จะมีเครื่องรางขายเป็นที่ระลึกค่ะ มีทั้งแบบเจาะจงประเภท เช่น เครื่องรางเพื่อให้สุขภาพดี การงานสำเร็จ หรืออย่างนักเรียน จะนิยมซื้อเครื่องรางเพื่อสอบได้ค่ะ”
ลูกทัวร์กิ๊วก๊าวกันยกใหญ่ ออกอาการตื่นเต้น
“มีเครื่องรางความรักไหมคะน้องพัดชา” ลูกทัวร์ร้องถาม
“มีค่ะ”
“ถ้าพกแล้ว จะสมหวังในความรักมั้ยเนี่ย”
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ พัดไม่เคยซื้อไป”
“น้องพัดชาน่ารักอย่างนี้ ไม่ต้องพกเครื่องรางหรอกค่ะ สมหวังทุกเรื่องแน่ๆ”
ลูกทัวร์จอมเมาท์ทั้งหมดหันไปซื้อเครื่องราง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องความรัก
พัดชายืนอึ้งไปนิดๆ ยิ้มบางๆ ให้กับคำพูดของคนอื่นที่ว่าเธอสมหวังทุกเรื่อง พัดชาเดินไปจับๆ เครื่องรางความรัก โดยไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนจะซื้อหรือไม่ซื้อ
เย็นลง พัดชายืนส่งและอำลาลูกทัวร์ก่อนขึ้นรถบัส
“ขอบคุณพี่ๆ ทุกคนที่ให้โอกาสพัดได้ดูแลและเป็นไกด์จำเป็นนะคะ พี่ไกด์คนเดิมหายป่วยแล้ว กลับมาทำหน้าที่เย็นนี้ค่ะ”
พัดชาส่งลูกทัวร์ขึ้นรถไป ลูกทัวร์คนหนึ่งรีบจับมือพัดชาก่อนขึ้นรถ
“อย่าลืมนะครับ กลับเมืองไทย ไปหาพวกพี่ เมืองไทยยังไงก็บ้านเรา มีคนรอน้องพัดอยู่แน่นอนครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
พัดชาอึ้งๆ กับคำพูดลูกทัวร์คนนั้น ขณะที่โบกมืออำลากรุ๊ปทัวร์
ร่างพัดชายืนโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางลาดจอดรถโล่งๆ ความครึกครื้นและรอยยิ้มหายไป เหลือแต่ความเงียบ
พัดชาหันไป เจอตรีประดับ พยสและเทศราชอยู่ไกลๆ ลิบตา เทศราชกำลังโบกมือเรียกเพื่อน ตรีประดับมีท่าทีดูปวดขาเดินช้าลง เทศราชจะกลับมาดึงมือ แต่พยสจูงแขนตรีประดับแล้วพาเดินไปเลย เทศราชเก้อเล็กน้อย
พัดชามองทั้งสามคนนิ่งๆ อิจฉาผู้หญิงคนนั้นที่มีผู้ชายดูแลถึงสองคน ส่วนตัวเองเงียบเหงาไม่มีใคร
เทศราชพาตรีประดับและพยสมาถึงถนนสายเล็กๆ เป็นตลาดสด
“ตรีเมื่อยมากแล้ว ยังจะพาเดินอีกเหรอเทศราช”
“ดูลักษณะนายจะเหนื่อยกว่าตรีนะ เป็นทนายไม่เคยต้องเดินทั้งวันแบบนี้ล่ะสิ”
“เราโอเค แล้วยสล่ะ ไหวหรือเปล่า”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับตรี ผมสบายมาก ตรีเถอะ พักหน่อยนะ” พยสเหลียวมองไปรอบๆ “ที่นี่มันก็...นายพามาที่ไหนเนี่ยเทศ ไม่เห็นมีอะไร”
“นี่มันตลาดบ้านๆ โคตรจะมีอะไร ของขายเพียบ เอางี้ พวกนายสองคนรอตรงนี้ ชั้นจะไปซื้อกับข้าว คืนนี้จะทำหม้อไฟให้กิน”
ตรีประดับตาลุกวาวขึ้นมา ยิ้มร่า หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
“เดินตลาดเหรอ น่าสนุกออก ตรีไปด้วย”
เทศราชยิ้มออก เหล่มองพยส ฝ่ายนั้นรีบลุกขึ้นท่าทางกระปรี้กระเปร่า
“ตรีคิดเหมือนผมเลย เราไปสำรวจตลาดกัน”
เทศราชอึ้ง มองตามหลังพยสที่เดินรื่นเริงสดชื่นออกไปกับตรีประดับ
เทศราชฝากกล้องไว้ที่ตรีประดับ ตัวเขาไปจ่ายของสดเพื่อทำหม้อไฟ ท่าทางคล่องแคล่ว เลือกผักปลาเครื่องปรุง ดูออกว่าเป็นคนทำอาหารเป็น
ตรีประดับเดินช้ากว่าเทศราช พยสคอยอยู่ข้างๆ ตรีประดับมองท่าอันคล่องแคล่วในการเลือกซื้อกับข้าวของเทศราชอย่างชื่นชม อดไม่ได้ยกกล้องขึ้นเก็บภาพนั้นไว้ พยสมองอยู่ หวั่นใจว่าตรีประดับอาจจะชอบเทศราช
“นายเทศมุมนี้ไม่ค่อยได้เห็นนะคะยส น่ารักจัง”
พยสถามเสียงเบา “ตรี....เอ้อ....ผู้หญิงชอบผู้ชายทำกับข้าว”
“ไม่รู้สิคะ อาจจะไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่ชอบ”
“แล้วตรีล่ะครับ”
“ตรีเหรอ ผู้ชายทำกับข้าวทำให้เห็นว่าเขาใส่ใจแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆละเอียดอ่อนอย่างเรื่องอาหาร งานครัว....มันทำให้อุ่นใจว่าเขาน่าจะใส่ใจเราด้วย”
“แต่ก็มีผู้ชายบางคน ที่อาจจะทำครัวไม่เก่ง ทำอาหารให้สุกอร่อยไม่เป็น แต่เขาพร้อมจะทำทุกอย่างให้คนที่รักมีความสุข”
พยสมองสบตาตรีประดับลึกซึ้ง ตรีประดับรับรู้ได้ถึงความจริงใจที่เขาส่งมา
คนขายปลาเข็นลังใบใหญ่ร้องขอทางเป็นภาษาญี่ปุ่น และแหวกทั้งคู่ต้องแยกจากกัน
เมื่อเทศราชหันมามอง จึงพบว่าทั้งคู่ยืนอยู่ห่างกัน เทศราชชูปูตัวใหญ่ในมือขึ้นยิ้มให้กับตรีประดับ
ตรีประดับยิ้มตอบ แต่ลอบชำเลืองมองพยส เทศราชเห็นพอดีและเริ่มเอะใจว่าพยสอาจจะทำคะแนนนำไปแล้ว
ฟากพัดชาเดินทอดน่องช้าๆ มาตามทาง ข้างหน้าเป็นอุโมงค์ทางลัดกลับร้านราเมน สมองวนเวียนคิดถึงที่ลูกทัวร์คนไทยพูด
“เมืองไทยยังไงก็บ้านเรา มีคนรอน้องพัดอยู่แน่นอนครับ”
พัดชามองทางข้างหน้าที่เป็นอุโมงค์มืดดำ นึกถึงอดีตอันขมขื่น เดินเข้าไปในอุโมงค์ ค่อยๆกลืนไปในความมืด
ทันทีที่พัดชาเลิกผ้าบังหน้าร้านขึ้นจะเข้าร้าน จู่ๆ ก็มีผ้ากันเปื้อนปาเข้ามาใส่หน้าทันที
พัดชาลดผ้าลงมองไป เห็นเจ้าของผลงานคือเดฟที่อยู่หลังเคาน์เตอร์อาหาร ชำเลืองมองมาแว่บหนึ่ง
ยูอิมองจ้องพัดชาอย่างเอาเรื่อง ปรายตามองนาฬิกาเชิงตำหนิว่ามาสาย
“ขอโทษที่กลับมาช้าค่ะ”
“ถ้าเธอ...”
ยูอิอ้าปากค้างถูกพัดชาสวนออกมาเพราะฟังคำนี้มาแต่เล็กจนโต “ถ้าเธอไม่จดทะเบียนเป็นลูกบุญธรรม ฉันไล่เธอออกจากบ้านนี้นานแล้วฉันจำได้ค่ะ โอก้าซังพูดแบบนี้หลายครั้งแล้ว”
“ไม่มีใครไล่พัดจังหรอก ถ้าพัดจังยังทำให้เราพอใจ” เดฟบอก
พัดชาโค้งให้ ขอโทษและขอตัว เอากระเป๋าซุกเก็บ ใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วรีบทำงานมือเป็นระวิง
ที่ห้องโถงในแมนชั่นที่พักของตรีประดับ หม้อไฟชุดใหญ่ ถูกเปิดฝาออก น้ำกำลังเดือด ทุกอย่างกำลังสุกน่าทาน
เทศราชดูแลบริการทุกอย่าง คล่องแคล่ว
“น่าทานจัง ใส่อะไรบ้างเนี่ย”
“ใส่ใจ”
ตรีประดับยิ้มขำๆ พยสมองเทศราช รู้ว่าภายใต้ท่าทางกวนๆ ขี้เล่น นั้น เทศราชพูดจริง
พยสรีบแย่งซีนเอาใจ “ตรีครับ ผมตักให้ ตรีไม่ค่อยทานหมู งั้นเอาปูไปเยอะๆ นี่เต้าหู้ ตรีชอบ ต้นหอมญี่ปุ่นตรีก็ชอบ”
“ขอบคุณค่ะ รู้ใจจังเลย”
“เราก็เลือกที่ตรีชอบมาทั้งนั้น แถมชอบเหมือนเราด้วย ดีเลย ตักให้ชั้นด้วยพยส”
พร้อมกับว่าเทศราชยื่นถ้วยมาให้ ในสายตาพยส เทศราชนั้นสุดแสนจะกวนตีน
เวลาผ่านไป ตรีประดับอยู่ตรงมุมล้างจานชามในแพนทรี เตรียมจะล้างจาน เทศราชช่วยเก็บกวาดจานชามมาให้ดูเข้าคู่กัน พยสนั่งนิ่งที่โต๊ะ มองสองคนอยู่
“เทศจะดื่มต่อไหมจ๊ะ ถ้าไม่ดื่ม เอาแก้วมาเราจะได้ล้างทีเดียวเลย”
“นายว่าไงยส จะดวลเหล้าบ๊วยกันสักขวดมั้ย”
เทศราชวางขวด ทำท่าจะลงนั่งที่โต๊ะกับพยส แต่พยสกลับลุกขึ้นฉวยโอกาส
“นายตามสบายเลยเทศ เราช่วยตรีล้างจานดีกว่า”
พยสรีบเก็บแก้วลุกเข้าไปที่อ่างล้างจานข้างตรีประดับทันที
เทศราชก๊งเหล้าบ๊วยที่โต๊ะ อดแอบมองพยสกับตรีประดับที่ช่วยกันล้างจานไม่ได้ ตรีประดับล้างไป พยสคอยช่วย ดูน่ารักมาก
“เดี๋ยวตรีล้างน้ำยาเองจ้ะ มันลื่น ยสรอล้างน้ำเปล่านะ”
“ไม่เป็นไร ผมช่วย....โอ้ว...” จานลื่นจากมือ พยสเกือบทำจานตก ตรีประดับรับได้ทัน จังหวะนั้นมือตรีประดับและพยสที่รับจาน ซ้อนมือกันและกัน
เสียงไอของเทศราชดังขัดจังหวะ สีหน้าเทศราชดูซื่อ ไม่รู้ไม่เห็นอะไร พลางว่า
“บ๊วยติดคอ”
พยสสบตาตรีประดับ จนเธอเขิน จุ่มมือล้างจานในอ่าง พยสจุ่มมือลงตาม พยสจับมือกตรีประดับใต้ฟองน้ำยาล้างจาน ตรีประดับเขิน สักพักดึงมือออก
เทศราชนั่งนิ่ง รับรู้ว่ามีบางอย่างในความเงียบงันระหว่างตรีประดับและเทศราช
ช่างภาพหนุ่มซดเหล้าบ๊วยย้อมใจ
อีกฟากหนึ่ง ภายในร้านราเมนยามนี้ พัดชาวิ่งเสิร์ฟวุ่นวายสายตัวแทบขาด เดฟอยู่หลังเคาน์เตอร์ปรุงอาหาร ยูอิคอยคิดเงินและบงการนี่นั่นโน่น
ลูกค้าเต็มร้าน บางโต๊ะเมาได้ที่ บางโต๊ะเริ่มกรึ่มๆ ลูกค้ายกมือเรียกขอเบียร์เพิ่ม
เดฟปรุงอาหารเสร็จวางที่เคาน์เตอร์กวักเรียกให้พัดชานำไปเสิร์ฟ สายตาที่มองพัดชาดูลึกล้ำ ไม่รู้ว่าเกลียด รำคาญหรือคิดหมกมุ่นอะไรอยู่
พัดชาพยายามไม่สบตาเดฟ รับจานมาโดยไม่ใกล้มือพ่อเลี้ยง พอจะเดินไปเสิร์ฟ ยูอิร้องด่ามาจากเคาน์เตอร์
“ลูกค้าสั่งเบียร์ เอาไปเสิร์ฟด้วย”
พัดชามองประเมินมือตัวเองที่เต็มไปหมด ไม่รู้กี่จาน
“ค่ะ”
พัดชารับคำหน้านิ่ง เดินไปรวบขวดเบียร์เข้ากับรักแร้หอบมาจนได้
พัดชายกเสิร์ฟอย่างคล่องแคล่ว ส่งเบียร์ให้โต๊ะนึง อีกโต๊ะส่งเกี๊ยวซ่า แต่ยังเหลือจานอาหารในมืออีกจานกับขวดเบียร์อีกสอง
ลูกค้าโต๊ะหนึ่งเมา คุยกันออกไม้ออกมือ ในจังหวะนั้นเองมือของลูกค้าก็โบกมาโดนก้นพัดชา พัดชายื่นนิ่ง สีหน้าเย็นชา
ลูกค้าสบตากันยิ้มหื่น ยกมือตะปบบีบก้นพัดชาเล่นอีก
พัดชาจะร้องโวยวาย แต่หันเจอกับสายตาปรามและเอาเรื่องของยูอิ รู้ว่าโวยไม่ได้ รีบเสิร์ฟขวดเบียร์ที่โต๊ะ ลูกค้าฉวยโอกาสจังหวะนั้นลูบแขนพัดชาแล้วเลยลามมาถึงบริเวณหน้าอก
พัดชาตกใจ มือสั่น มือที่ถือถาดโอโคโนมิยากิร้อนๆ หล่นใส่หัวลูกค้าคนที่ลวนลามโดยบังเอิญ ลูกค้าลุกพรวดสลัดเนื้อตัวแหกปากร้องลั่น พัดชาถอยหลังยืนนิ่ง ไม่ขอโทษ
ยูอิและเดฟ แล่นออกมาจากเคาน์เตอร์
ยูอิค้อมหัวขอโทษลูกค้าปลกๆ “ขอโทษนะคะ”
เดฟตวาดพัดชา “แกทำอะไรลูกค้า”
“ฉันไม่ได้ทำ เขาต่างหากที่ทำ”
ลูกค้าร้องโวยวายปฏิเสธ “ฉันเปล่านะ เธอแกล้งฉัน”
ยูอิสั่งเสียงเข้ม “ขอโทษลูกค้าเดี๋ยวนี้”
“แต่ฉันไม่ผิด เขาลวนลามฉัน”
เดฟตะคอก “ขอโทษ”
“ผู้ชายคนนี้ลวนลามฉะ...”
พัดชาพูดไม่ทันขาดคำ ยูอิกดหัวพัดชาลงกับกับโต๊ะให้ขอโทษ พัดชาขืนตัว ยูอิยิ่งกด จนร่างพัดชาทรุดลงพื้น
กัดฟันแน่น
“ขอโทษ” ยูอิสั่ง
พร้อมกับว่ายูอิบีบคอพัดชาแน่น พัดชาฝืนใจพูดออกมาเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า
“ขอโทษ”
พัดชาหน้านิ่ง
พัดชาล้างชามอยู่หลังร้าน เหลียวมองลอดผ้าออกไปในร้าน เห็นยูอิเอาใจลูกค้าจอมหื่นด้วยการเสิร์ฟเบียร์ไม่อั้น พูดคุยเอาใจสารพัด
ผ้ากั้นถูกเลิกขึ้น เป็นเดฟโผล่หน้านิ่งๆ เข้ามาใกล้ๆ พัดชาหันมาล้างจานชามในอ่าง เดฟยื่นมือมาจับแขน เด็กสาวสะบัดแขนออก แต่มือยังคาอยู่ในอ่าง
“จับแค่นั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่” เดฟว่า
“แต่ฉันถือ ฉันเป็นผู้หญิง”
“จริงสินะ ฉันลืมไป ตอนฉันรับเธอมาอยู่ด้วย เธอยังเป็นเด็ก แต่ตอนนี้เธอโตเป็นสาวแล้ว”
เดฟมองสำรวจเรือนร่างพัดชา สายตานิ่งๆ ไม่ได้หื่นกาม แต่ดูน่ากลัวเหลือคณา
เสียงยูอิร้องตะโกนบอกออเดอร์ว่ามีลูกค้าสั่งอาหาร เดฟเดินกลับเข้าไปในครัว
พัดชาเกร็งแขน ค่อยๆ ยกมือขึ้นมาจากอ่าง พบว่าในมือสองข้างกุมมีดและส้อมจนแน่น
พัดชาอัดอั้นจนน้ำตาเอ่อ มีด ส้อม ร่วงจากมือ พัดชารีบยกชายผ้ากันเปื้อนปาดเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว ก้มหน้าทำงานต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉยเย็นชา
มองจากด้านนอกเข้าไป เห็นไฟในแมนชั่นที่พักเปิดไฟสว่าง ท่ามกลางวิวสวยของเมืองนาริตะยามราตรี
ส่วนในห้องพัก ตรีประดับยกมือขึ้นจากอ่างล้างจาน อารมณ์ความรู้สึกตรงข้ามกับพัดชา มองหาผ้าเช็ดมือ ก่อนที่พยสจะคว้าผ้ามาใช้ห่อมือตรีประดับ เช็ดให้เบาๆ
“ขอบคุณค่ะยส
ตรีประดับขัดเขิน อยากจะดึงมือออก สุภาพบุรุอย่างพยสรู้จังหวะดี เขาปล่อยมือทันที
“ดูนายเทศสิคะ วันนี้คงเหนื่อยมาก หลับไปแล้ว”
ตรีประดับเดินมาจากบริเวณอ่างล้างจาน มองเทศราชที่หลับตานิ่งอยู่ที่เก้าอี้นวม พยสตามมาสมทบ
“ผมว่าเมาจนหลับไปมากกว่า”
ที่โต๊ะกลางมีขวดเหล้าบ๊วยดื่มหมดไป 2 ขวด ดูเผินๆ เหมือนเทศรายเมาหลับ
ตรีประดับนั่งลงที่โซฟายาว ขยับเนื้อตัวบีบนวดแขนขา
“แต่วันนี้เราก็เดินเยอะนะคะ ได้ไปที่สวยๆ ตั้งหลายที่ ต้องขอบคุณนายเทศเค้า”
“เวลาเรามีความสุข ไปที่ไหนก็สวยงามไปหมด ผมคิดอย่างนั้น ตรีคิดเหมือนผมหรือเปล่า”
พยสพยายามสื่อสารความนัยอีก ตรีประดับเขินมาก เสนวดเนื้อนวดตัวเปลี่ยนเรื่อง
“ตรีปวดข้อเท้ามากหรือเปล่า ดูมันบวมขึ้นนิดๆ นะครับ”
“ไม่ปวดมากค่ะ ยังไหว เดี๋ยวทายาคงดีขึ้น”
“ผมนวดให้ดีกว่า”
“ไม่เป็นไรค่ะยส”
“ไม่เป็นไร แค่นี้เอง”
พยสยื่นมือมากำลังจะนวดให้ เสียงโทรศัพท์มือถือดังขัดขึ้น พยสหยิบมามองหน้าจออย่างขัดใจ แต่ต้องรับ
“ลูกค้า ขอโทษนะครับ” พยสลุกออกไปตรงระเบียงห้อง “ครับ คุณอนันต์”
ตรีประดับ คิดจะเข้านอน เห็นเทศราชนอนแผ่หลาอยู่ที่เก้าอี้นวม แก้วเหล้ายังคามือ ตรีประดับจะหยิบออกจากมือให้ เสียงเทศราชดังขึ้น
“น้ำแข็งสองก้อนพอนะ”
ตรีประดับซึ่งมองที่แก้วอยู่ ตกใจนิดๆ เงยหน้ามามอง เทศราชลืมตาใสแหนว ไม่ได้มีท่าทีง่วงหรือเมามายเลยสักนิด เทศราชมองนิ่ง จนตรีประดับไม่แน่ใจว่าเมื่อกี๊เขาหลับจริงมั้ย และได้ยินที่เธอกับพยสคุยกันหรือไม่
“เทศจะดื่มอีกหรือ”
เทศราชกลับบอกว่า “ข้อเท้าที่บวม ประคบน้ำแข็งสองก้อนก็พอ ไม่ต้องนวดเดี๋ยวไปกันใหญ่”
พยสคุยโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียงหันมามองตรีประดับ แต่เห็นเทศราชจับข้อเท้าตรีประดับอยู่ ดูเป็นห่วงเป็นใยมาก พยสอึ้งไปกับภาพตรงหน้า
ตรีประดับเองก็อึ้ง เทศราชลุกขึ้น ไม่มีท่าทีเมา เดินไปทางห้องตัวเอง
“หาอะไรรองขาเวลานอนด้วยนะ...” เขาบอกขณะจะเข้าห้อง มือค้างอยู่ที่ลูกบิด “ที่ๆ เราพาไปวันนี้ ถ้าตรีชอบ...เราก็ชอบ”
เทศราชเข้าห้องไปแล้ว
ปล่อยให้ตรีประดับครุ่นคิดด้วยสีหน้าสับสนหน่อยๆ พยสคุยโทรศัพท์เสร็จเดินกลับเข้ามา
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
พยสมองตรีประดับอยากรู้เอามากๆ
ตั้งแต่เข้าห้องพักมา พยสครุ่นคิดเรื่องตรีประดับ ทนายหนุ่มเปิดกล่องสร้อยเพชรที่เตรียมมามองนิ่ง นึกถึงเหตุการณ์วันนี้
ตอนสบตากับตรีประดับ จังหวะเดินเคียงกันมาตามทางจนมือโดนมือ แต่ก็จะมีเทศราชโผล่มาเป็นก้างหรือมาทำกวนใกล้ๆ ทุกครั้ง
พอนึกถึงความกวนตีนของเทศราชวันนี้ทั้งวัน พยสรู้สึกขัดเคืองใจ ระคายตาพิลึก
พยสกับเทศราชยืนคู่กัน
“แกทำอะไรอยู่เทศราช ตกลงแกจะยังไง”
“แกไม่รู้เหรอว่าฉันคิดยังไงกับตรี”
เทศราชกับพยสโอบคอกันอย่างเพื่อนซี้ สีหน้าต่างอารมณ์สิ้นเชิง พยสมองนิ่งอึ้ง เทศราชยิ้มกวนมองมา
ทางฝ่ายเทศราชมองรูปเดียวกันนี้ที่ตรีประดับถ่ายเขากับพยสจากกล้อง ด้วยสีหน้าหมกมุ่นครุ่นคิด
ในใจเทศราชว้าวุ่นหนัก เขารักตรีประดับเหลือเกินแต่ก็ไม่กล้าบอก และลึกๆ อยากรู้ใจตรีประดับเหมือนกัน และแววว่าถ้าบอกอาจจะเสียเพื่อนไป เพราะท่าทางตรีประดับเหมือนโอนเอนไปทางพยส และเห็นเขาเป็นเพียงเพื่อน
เทศราชกดเลื่อนไปดูภาพที่เขาแอบถ่ายตรีประดับคนเดียวในสวนญี่ปุ่น ภาพเหล่านั้นสวยงามมาก
ตรีประดับเตรียมจะนอน เอาหมอนมารองใต้ขา ตามคำแนะนำของเทศราชกำชับเรื่องขาบวม
“หาอะไรรองขาเวลานอนด้วยนะ”
ตรีประดับยิ้มบางๆ ขาที่บวมลดลงแล้วจริงๆ
“ขอบใจนะเทศ”
เสียงไลน์ดังขึ้น ตรีประดับหยิบมือถือขึ้นมากดดู มองหน้าจอยิ้มๆ เป็นข้อความและภาพที่พยสส่งมาให้
“ดูแล้ว...ฝันดีนะครับ”
พยสส่งภาพเซลฟี่กับตรีประดับมาให้หลายภาพ แต่ละภาพสองคนยืนชิดติดกัน ดูหวานมาก
ตรีประดับดูจนหมด หัวใจเต้นรัวเร็วขึ้นผิดสังเกต หน้าแดงนิดๆ รู้สึกหวั่นไหวบอกไม่ถูก นักแปลสาวเอนตัวลงนอน อดไม่ได้เปิดโทรศัพท์ดูภาพอีกที เขินจนต้องพลิกตัว เปลี่ยนท่านอน ขาที่พาดหมอนอยู่เลื่อนออกไปแล้ว
หมอนใบนั้นว่างเปล่า วางนิ่งอยู่เกือบปลายเตียง ส่วนตรีประดับนอนตะแคงมองรูปในโทรศัพท์ตาเป็นประกาย
อีกฟากหนึ่ง ทั้งห้องมืดสนิด มีเพียงแสงสว่างจากจอคอมพิวเตอร์พอให้เห็นบรรยากาศในห้องนอนพัดชา เสียงเดฟกับยูอิคุยกันดังเข้ามาในห้อง
“พัดจัง”
“เข้าห้องไปแล้ว คนช่างฝัน อยากเป็นนักเขียน”
พัดชานั่งคุดคู้อยู่อยู่หน้าจอโน้ตบุ๊กที่เปิดอยู่ ได้ยินเสียงพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยงคุยกันแต่ไม่ใส่ใจ
พัดชาคลิกเข้าเว็บชมรมนักเขียน-นักแปลภาษาญี่ปุ่นของคนไทย นัยน์ตาวาววับเมื่อเห็นมีการโพสต์กระทู้ใหม่ให้สมาชิกคลิกเข้าไปอ่าน
“นิยายแปลเรื่องใหม่ จากนักแปลชื่อดัง ตรีประดับ”
กองหนังสือเรียงเป็นชั้นใช้วางโน้ตบุ๊ก หากมองชัดๆ จะเห็นว่าเป็นหนังสือแปลของ ตรีประดับ ทั้งสิ้น บอกให้รู้ว่าเธอเป็นแฟนคลับตรีประดับมานาน
พัดชาคลิกเข้าไปอ่านนิยายแปล “ระบำแห่งความรัก” อย่างตื่นเต้น
“นานแล้วที่หัวใจฮารุมิไม่เคยโบยบินแบบนั้น...นานแล้วที่ผีเสื้อในหัวใจไม่ได้ขยับปีก”
พัดชาอ่านแค่นั้น ก็ตาลุกวาว ชอบใจ เลื่อนอ่านต่อไป
“นานมาแล้วที่เธอเคยพบเขา นานมาแล้วที่เขาก้าวเข้ามาในสวนแห่งหัวใจ พาผีเสื้อและฤดูใบไม้ผลิเบ่งบานในใจฮารุมิ ลมพัดอ่อนโยน ทุ่งโคลเวอร์สีเขียวกว้างสุดลูกหูลูกตา มุมใดมุมหนึ่งในของทุ่งโคลเวอร์นั้น อาจมีความรักและความหวังรออยู่ ฮารุมิสาวน้อย เธอมองหาโคลเวอร์พิเศษซึ่งมีสี่แฉกไม่พบ แต่แล้ว ชายหนุ่มยื่นสร้อยคอพิเศษนั้นให้ ฮารุมิหัวใจหวั่นไหว สิ่งที่ถวิลหาลอยอยู่ตรงหน้า อิซาโอะเฝ้าฝันว่าใบโคลเวอร์สี่แฉกนั้นจะนำพาความรักและความโชคดีมาให้”
พัดชาอ่านทวนข้อความนี้จนขึ้นใจ “เพราะเชื่อว่า การได้พบใบโคลเวอร์สี่แฉก จะได้พบรักแท้”
เสียงพ่อเลี้ยงฝรั่งขี้เมา ส่งเสียงร้องเรียกพัดชาดังลั่น พัดชาลุกไปเช็กประตูจนแน่ใจว่าล็อกแล้ว จึงเดินกลับมาจมในความเงียบคนเดียว
พัดชามองออกไปนอกหน้าต่างเล็กๆ เห็นดาวส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับบนท้องฟ้า ยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง
ท้องฟ้าสดใส แสงแดดสว่างจ้าส่องกระทบดอกซากุระที่ออกดอกงามสะพรั่ง ตามแนวถนนซากุระสตรีท อันเลื่องชื่อสายนี้
เห็นจักรยานสองคันแล่นตามกันมา คันหน้าเป็นตรีประดับ คันหลังตรงหัวโค้งเป็นพยส
เทศราชยืนรอเพื่อนอยู่มุมหนึ่ง มองตรีประดับที่กำลังขี่จักรยานตรงมาทางเขา พร้อมกับร้องให้หลบ
“เทศ หลบไปนะ เราขี่จักรยานไม่แข็ง”
เทศราชทำเป็นตั้งท่ารับรอขำๆ แต่แล้วตรีประดับซึ่งไม่มองทาง มัวแต่มองข้างทาง จอดรถซะดื้อๆ เทศราชงง
ตรีประดับลงไปที่ริมทาง มองทุ่งพืชคลุมดินเขียวขจี ตามรายทางอย่างสนใจ
พยสต้องจอดตาม พลางร้องถาม นึกว่าตรีประดับจะมาเพื่อถ่ายภาพซากุระ
“นี่ถนนสายซากุระนะครับ ตรีมองอะไรตามพื้นเหรอ”
“ต้นโคลเวอร์ค่ะ”
เทศราชซัก “หน้าตาเป็นยังไง ดอกมันสวยเหรอ”
“โคลเวอร์ ปกติจะมีใบสามแฉก แต่ที่ตรีมองหาคือ ใบโคลเวอร์สี่แฉก”
พยสเอาใจ “ถ้าตรีมองหา มันต้องพิเศษแน่ๆ”
ตรีประดับทำอะไร พยสเป็นเอออวยเห็นงามตามไปหมด จนเทศราชหมั่นไส้นิดๆ
“ในหนังสือที่ตรีกำลังแปล อิซาโอะ ตัวละครในเรื่องเชื่อว่า ถ้าได้พบใบโคลเวอร์สี่แฉกจะโชคดี...ได้พบรักแท้”
“ผมจะช่วยตรีหา”
พยสกุลีกุจอ จอดจักรยานลงมาช่วยหา เทศราชขำตรีประดับ แต่ก็ช่วยหาด้วย
สามคนกระจายตัวอยู่ริมทาง มองต้นโคลเวอร์ พบแต่แบบใบสามแฉกปกติ
พยส ค้นหาด้วยท่าทางมุ่งมั่นมาดหมาย
เทศราช ดูต้นโคลเวอร์ ยิงมุกงึมงำเอากับต้นไม้
“คุณครับ คุณโรแมนติกตรงไหนครับ ตอบ”
ในกลุ่มต้นโคลเวอร์ ที่ขึ้นอยู่ตามพื้นอีกมุม ใบส่วนใหญ่มีแต่ใบสามแฉก แต่มีใบหนึ่งแอบซ่อนอยู่ เป็นโคลเวอร์สี่แฉก
ตรีประดับเอื้อมมือไปถึงใบโคลเวอร์นั้นก่อน แต่ไล่ๆ กันนั้นก็มีอีกมือยื่นซ้อนเข้ามา ถึงใบโคลเวอร์สี่แฉกพร้อมๆกัน
ตรีประดับอุทาน “เจอแล้ว”
เจ้าของมืออีกข้างคือ พัดชา ที่ร้องขึ้น “โคลเวอร์สี่กลีบ”
สองสาว ต่างคนต่างมองโคลเวอร์สี่กลีบนัยน์ตาเป็นประกาย
พยสกับเทศราช มองไปเห็นตรีประดับยืนอยู่กับเด็กหญิงวัยรุ่นคนหนึ่ง ทั้งคู่เข้าใจว่าเป็นเด็กญี่ปุ่น
ส่วนตรีประดับและพัดชามองหน้ากัน ต่างคนต่างตื่นเต้น ทั้งเรื่องที่เจอคนไทยในต่างถิ่น และต่างมาหาโคลเวอร์เหมือนกัน
“พี่ มองหาโคลเวอร์สี่กลีบเหมือนกันเหรอคะ”
“น้อง มองหาโคลเวอร์สี่กลีบเหมือนกันเหรอคะ”
ทั้งคู่หัวเราะขัน ที่พูดพร้อมกัน และหาสิ่งเดียวกัน มิตรภาพเริ่มต้นขึ้น นำสู่บทสนทนาราวกับว่ารู้จักกันมาก่อน
พยสและเทศราชเดินเข้ามาสมทบ ได้ยินเสียงหัวเราะและรู้ว่าน้องที่พบเป็นคนไทย
“น้องพัดชาค่ะ อยู่ที่นี่กับพ่อแม่บุญธรรม”
เทศราชมองฉงน “รู้จักกันมาก่อน”
“เปล่าค่ะ พัดเพิ่งพบพี่ตรีครั้งแรกเมื่อครู่นี้เอง แต่บังเอิญเรามองหาสิ่งเดียวกัน” พัดชายิ้มชื่นด้วยกิริยาน่ารัก
“ที่บังเอิญกว่านั้น น้องพัดชาเป็นแฟนคลับหนังสือแปลของตรีด้วยค่ะ โคลเวอร์สี่กลีบ ทำให้เราได้เจอกัน”
ตรีประดับและพัดชามองจ้องโคลเวอร์สี่กลีบ ที่แทรกตัวอยู่กลางใบสามกลีบปกติ เทศราชและพยสมองตาม
“แล้วมันจะเป็นของใครล่ะครับ” พยสเอ่ยถาม
ตรีประดับกับพัดชายิ้มให้กัน ตัดสินใจอย่างเดียวกัน
โคลเวอร์สี่กลีบยังอยู่กับต้นของมัน ลมพัด โคลเวอร์ไหวตามลมอย่างแข็งแรง สวยงาม
“ตรีเชื่อว่า...ความสุขมีไว้แบ่งปัน ยังมีคนที่มองหาความโชคดีอยู่เหมือนเราสองคน”
ทั้งสี่คนเดินคุยกันมาตามทาง บนถนนซากุระอันสวยงาม
“ตรีกับน้องพัดเลยคิดว่าให้โคลเวอร์สี่กลีบอยู่กับต้นเค้าต่อไปอย่างนั้น รอให้คนโชคดีคนอื่นๆ ได้มาพบ”
“เพราะวันนี้พัดโชคดีแล้ว ได้พบโคลเวอร์เหมือนในนิยายแปลที่อ่าน ที่สำคัญได้พบนักแปลที่พัดเป็นแฟนคลับด้วย”
ตรีประดับและพัดชาต่างคนต่างปลื้มกันและกัน
“ถ้าภาษาหนังสือของตรีจะใช้คำว่าอะไรนะ...เป็นความบังเอิญที่สวยงาม
ตรีประดับพูดขึ้นพร้อมๆ กับเทศราช “เป็นความบังเอิญที่สวยงาม”
พยสได้ยินแล้วอึ้งไป เพราะเป็นความสนิทรู้ใจที่เขาไม่รู้
“ไหนยืนคู่กันซิ จะถ่ายรูปเป็นที่ระทึก” เทศราชว่า
“สวยๆ นะ ตรีจะเอาลงแฟนเพจ ชึ้นสเตตัสว่าได้พบแฟนคลับที่น่ารักที่สุด”
ตรีประดับจูงแขนพัดชาพากันไปหามุมสวยๆ ใต้ต้นซากุระถ่ายรูปด้วยกัน พัดชาตื่นเต้นและดีใจ เป็นครั้งแรกที่มีคนจูงมืออย่างจริงใจ รอยยิ้มอบอุ่นของตรีประดับที่ส่งมาให้ ทำให้พัดชารู้สึกอบอุ่นไปถึงหัวใจ
ตรีประดับกับพัดชาถ่ายรูปคู่กันหลายรูป แล้วกวักเรียกพยสมาถ่ายด้วยกัน
“ยส มาถ่ายด้วยกันสิคะ”
สามคน พยส ตรีประดับ พัดชา ถ่ายรูปด้วยกัน
ช็อตสุดท้าย กล้องวางอยู่บนขาตั้งกล้อง ถูกกดถ่ายอัตโนมัติ บันทึกภาพทั้งสี่คนยืนยิ้มแย้มอยู่ท่ามกลางดอกไม้บานสะพรั่งในแสงแดดอันอบอุ่น
หลังถ่ายรูปเสร็จเรียบร้อย ตรีประดับจับมือพัดชาไว้ ดีใจที่ได้พบคนไทย และยังเป็นแฟนคลับของหล่อน
“อยากชวนไปเที่ยวด้วยกันจังเลย แต่เกรงใจน้องพัดชา”
“น้องพัดมีทำอะไรรึเปล่าครับวันนี้”
“ไม่มีค่ะ แค่ไม่อยากอยู่บ้าน”
ทุกคนอึ้งไปนิดกับคำตอบ พัดชารีบปรับสีหน้า แก้ต่างกลบเกลื่อนเรื่องราวในใจ
“ถ้าคุณตรีกับเพื่อนๆ คุณตรีไม่รังเกียจ พัดขออาสาเป็นไกด์พาเที่ยวเมืองนาริตะดีไหมคะ”
“ไม่รังเกียจเลยค่ะ กลายเป็นโชคดีของพวกเราด้วยซ้ำ เนอะ” ตรีประดับหันไปพยักพเยิดกับสองหนุ่ม
“งั้นไปกันค่ะ พัดนำเอง”
“งั้นเดี๋ยวเอาจักรยานไปคืนคุณป้าที่ยืมมาก่อนนะ” ตรีประดับว่า
“เราไปด้วย” เทศราชบอก
“ไม่เป็นไร นายเดินตามไปกับน้องพัดชาแล้วกัน”
พยสเบียดเทศราชออกเอาดื้อๆ ตรีประดับกับพยสขี่จักรยานออกไป พัดชามองด้วยสายตาชื่นชม
“น่ารักจังนะคะ”
เทศราชมองตามตรีประดับที่ปั่นจักรยานออกไปกับพยส บนถนนซากุระแสนหวาน เจ็บจี๊ดในใจ
ขณะตรีประดับและพยสปั่นจักรยานมาด้วยกัน ตรีประดับคอยเหลียวมองหลัง เห็นว่าตนทิ้งห่างเพื่อนออกไป อดไม่ได้จึงขี่วนกลับมา
“ตรี...จะไปไหนครับ”
“เทศเค้าคงเหงาค่ะ เราค่อยๆ ขับไปด้วยกันดีกว่า”
เห็นตรีประดับขี่วกกลับมาหา เทศราชยิ้มกว้าง พัดชาลอบมอง
“เราไม่ทิ้งนายหรอกน่า”
เทศราชมีของเล่นเป็นกล้องโกโปรติดไม้ ถ่ายวิดีโอได้ เขาถ่ายให้ตรีประดับ มีหลายช็อตน่ารักมาก
พยสขี่จักรยานวกกลับตามมา สองหนุ่มมองหน้ากันนิดๆ
“นายถ่ายภาพเรากับตรีให้หน่อย” พยสบอก
พัดชายิ้ม มองความน่ารักของตรีประดับกับพยสอย่างเพลินตา
“คิดเหรอว่าชั้นจะถ่ายให้”
“ตรีครับ ไปทางโน้นกัน เดี๋ยวนายเทศจะถ่ายรูปมุมกว้างให้เรา”
“จริงเหรอ ดีสิ ขอสวยๆ นะเทศ”
พยสและตรีประดับปั่นจักรยานออกไปอีกครั้ง พยสชำเลืองมองมายังเทศราชอย่างเหนือกว่า
เทศราชกวนกลับ ไม่ยอมถ่ายภาพให้
พยสเลยเอาควักมือถือออกมาแล้วยกขึ้นเซลฟี่ ขณะขี่จักรยาน
พัดชาตกใจ ร้องเตือน “อุ๊ย แบบนั้นอันตรายนะคะ จริงๆ ผิดกฎหมายความปลอดภัยด้วยนะคะ”
“พยส ไม่ถ่ายแบบนั้น”
พร้อมกับว่า เทศราชรีบวิ่งตามพยสกับตรีประดับไปโดยไว
พยสมัวแต่เซลฟี่ บังคับจักรยานแค่มือเดียวเลยไม่ถนัด หัวจักรยานเบนไปทางหนึ่งชนรถตรีประดับ
“ว้าย”
จักรยานตรีประดับเสียหลัก เบนลงข้างทาง
เทศราชร้องลั่น “ตรีระวัง”
จักรยานสองคันพุ่งลงข้างทาง ร่างพยสและตรีประดับหล่นจากจักรยาน พยสโผเข้ากอดปกป้องตรีประดับก่อนที่ทั้งสองจะกลิ้งลงตามทางลาดลงมาแน่นิ่ง
ตรีประดับตกอยู่ในอ้อมแขนพยส ด้านหลังของสองคนแลเห็นต้นซากุระออกดอกบานสะพรั่ง ต่างฝ่ายต่างตกอยู่ในภวังค์
เทศราชและพัดชาวิ่งตามลงมาจากเนิน
เทศราชชะงักค้างอยู่กับที่ เมื่อเห็นตรีประดับอยู่ในอ้อมแขนพยส
พยสประคองใบหน้าตรีประดับอย่างสำนึกผิด
“ตรีครับ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ตรี...”
ตรีประดับค่อยๆ ลืมตาขึ้น พยสลูบหน้าหล่อนเบาๆ
เทศราชทนดูไม่ได้ เดินกลับไปเก็บจักรยานของพยส
พัดชามองผ่านๆ แล้วเดินเลี่ยงกลับไปสมทบเทศราช ช่วยเก็บกระเป๋าให้ตรีประดับกับพยส ปล่อยให้สองคนอยู่กันเพียง
ตรีประดับยังอยู่ในอ้อมแขนพยส ใบหน้าแนบชิดกันแค่คืบ
“ตรี ผมขอโทษ ผมทำคุณเจ็บหรือเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะยส ตรีไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นไรแน่นะ ไหนดูสิ มีแผลตรงไหนมั้ย”
พยสลูบผม จับหัว จับใบหน้าดู มือที่ไล้ใบหน้าเบาๆ สายตาพยสบอกความในใจชัดแจ้ง สร้างความหวั่นไหว จนตรีประดับเขิน มองข้ามไหล่พยสไป เห็นเทศราชจูงจักรยานขึ้นเนินไปแล้ว
“ตรีไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ...นายเทศรออยู่โน่นแล้ว”
พยสลุกออกจากตัวตรีประดับ ตรีประดับจะยันตัวเองลุกขึ้น แต่แอบเจ็บนิดๆ พยสยื่นมือให้
ตรีประดับตัดสินใจวางมือลงบนมือพยส
เทศราชกับพัดชามองมาจากอีกมุมไกลๆ เห็นพยสจูงมือตรีประดับลุกขึ้นยืน
“หวานกันจังเลยนะคะ”
เทศราชยิ้มขื่นๆ
สองคนเดินเกือบจะถึงเทศราชและพัดชาแล้ว ตรีประดับเขินปล่อยมือพยสออก
“เราไม่ควรแข่งอะไรแบบนี้ ถ้ามันจะทำให้ใครต้องเจ็บ” เทศราชบอก
“ตรีไม่เป็นไรหรอกเทศ ไม่ต้องกังวล”
พยสเดินผ่านเทศราชยิ้มมองมาด้วยสายตาผู้ชนะ เพราะรู้แล้วว่าตรีประดับมีใจให้ตน
พยสจูงจักรยานตรีประดับเดินเคียงข้างหวานเวอร์ออกไป เทศราชอึ้งๆ อึนในอกนิดๆ แต่พยายามปั้นหน้าร่าเริงชวนพัดชาคุย
ที่กรุงเทพฯ ซุปตาร์สวยเหวี่ยงผู้อื้อฉาว ชินานาง พาตัวเองมายืนพิงเคาน์เตอร์ตรงโถงล็อบบี้ในอาคารสำนักงานของพยส หล่อนสวมแว่นดำยังไม่เปิดเผยใบหน้า เจ้าหน้าที่รับรองลูกค้า แจ้งมาจากเคาน์เตอร์ว่า
“แผนกคดีฟ้องหย่า เชิญชั้น 15 ค่ะ”
ชินานางหมุนตัวมาทางเสียง ถอดแว่นตาดำ ใบหน้าสวยเป๊ะตวัดสายตามองอย่างฉุนเฉียวที่ให้รอนาน
เจ้าหน้าที่สองคนตะลึง เพราะจำได้
“คุณชินานาง ดาราช่อง 8 นี่” เจ้าหน้าที่คนแรกอุทาน
คนที่สองยิ้มพลางขอเขินๆ “ขอเซลฟี่ด้วยได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ แต่ชั้นต้องการพบพยสก่อน พยสอยู่ห้องไหน”
“คุณพยสอยู่แผนกคอนซัลท์ค่ะ ชั้น 32 ให้คำปรึกษาทางกฎหมายหรือการเงินกับบริษัทขนาดใหญ่ค่ะ ไม่ได้ทำคดีหย่าร้าง”
“ฉันจะให้พยสดูแลคดีให้ฉัน พยสอยู่ไหม”
“คุณพยสไม่อยู่ค่ะ”
“ไปไหน”
“ไปต่างประเทศค่ะ เห็นว่าไปหาแฟน” เจ้าหน้าที่คนแรกบอก
“แฟน พยสมีแฟนได้ยังไง ทำไมฉันไม่รู้”
ชินานางโวยวาย เหวี่ยงใส่ สองสาวยืนงงคาเคาน์เตอร์
พัดชาพสามคนมาเที่ยวที่ย่านร้านค้าของเมือง โทรศัพท์พยสดังขึ้น เป็นสายสำคัญที่พยสจำต้องรับ ตรีประดับเข้าใจ
“ผมขอเวลาแป๊บเดียวครับตรี”
พยสเดินออกมาอีกมุม กดรับคุยสายกับซุปตาร์คนดังของช่อง 8 เมืองไทย
“ว่าไงครับคุณชินานาง”
“คุณพยส มีแฟนทำไมไม่บอกนางก่อนล่ะคะ”
ยินน้ำเสียงกระเง้ากระงอดเชิงตัดพ้อของชินานางดังลอดออกมา พยสยิ้มขัน
ชินานางไขว่ห้างนั่งเก้าอี้ทำงานพยส มือเขี่ยรูปถ่ายพยสบนโต๊ะเล่นไปด้วย ดูออกว่านางอยากกินพยส
“นางไม่ยอมจริงๆ ด้วย”
พยสย้อนถามขำๆ ว่า “คุณชินานางไม่ยอม แล้วสามีคุณยอมหรือเปล่าครับ”
ชินานางหน้าเปลี่ยน เหม็นเบื่อขึ้นทันใด
“ถ้ามันยอมหย่าดีๆ นางจะแล่นมาปรึกษาคุณหรือคะ ช่วยนางนะคะ คดีก่อนๆ ทั้งคลิปโป๊หลุด ฟ้องหนังสือดาราถ่ายช้อนกระโปรง นางก็ชนะเพราะคุณแนะนำทนายให้ ครั้งนี้คุณทำคดีเองเลยได้ไหมคะ”
ชินานางวางสาย ลุกเดินออกจากห้องทำงานพยส ท่าทางสบายใจขึ้น
ทุกก้าวย่างที่ชินานางเดินผ่านไป มีรอยจารึกเป็นเสียงเมาท์มอยลับหลังตามมาไม่ขาดปาก
ชินานางเดินผ่านเลขาหน้าห้องออกไป เลขาจะเซลฟี่ ก็ยังไม่ทัน เลยแอบถ่ายไว้ แล้วซุบซิบกัน
“ชินานางจะหย่า”
ชินานางก้าวผ่านพนักงานอีกกลุ่ม พนักงานทำปากขมุบขมิบ
“นางหย่าครั้งที่เท่าไหร่เนี่ย”
“ครั้งแรก นางเพิ่งแต่งเมื่อปีที่แล้วนี้เอง”
ชินานางไม่แคร์เวิลด์ เดินเลี้ยวปาดหน้าพนักงานกลุ่มนั้น ลงลิฟต์มาถึงบันไดเลื่อนทางลงไปยังโถงล็อบบี้ แน่นอนมี พนักงานเงยหน้ามามอง แล้วหันไปซุบซิบสนุกปาก
“ฮึ้ย แล้วคนก่อนหน้านั้นที่มีคลิปหลุดด้วยกัน”
“นั่นผัวกินเล่น ไม่ต้องนับ มันนับไม่ถ้วน”
ชินานางลงบันไดเลื่อนมา มองดูนิ้วมือตัวเองคิดในใจว่าจะเปลี่ยนสีเล็บดีไหมนะ
เมื่อลงมายังโถงล็อบบี้ พนักงานอีกกลุ่มใกล้ประตูทางออกเมาท์ชินานางอยู่อย่างออกรส
“ไม่น่าเชื่อเนอะ จากนางงามเดินสาย ได้มงฯ เต้าไต่เป็นดารา หาผัวรวย”
“นางมาถึงนี่ คงลงทุนไปเยอะ”
“หย่าเสี่ยน็อตรอบนี้ คงได้ทั้งเงิน ได้ทั้งข่าว ดังระเบิด”
“นางจะให้คุณพยสว่าความให้เหรอ เอ๊ะ ยัยชินานางนี่เคยกินกับคุณพยสมั้ย”
ชินานางเดินมาหยุดที่หน้าประตูทางเข้าออกตึก เหลียวกลับไปมองขาเม้าท์ดาราในอาคารนิดๆ อย่างไว้ตัวแจกยิ้มหวานให้ ไม่แคร์สื่อ ไม่แคร์โลก ก่อนจะสวมแว่นดำทรงโตแล้วเดินนวยนาดออกจากตึกไป
พยสวางสาย ยิ้มนิดๆ แล้ววิ่งกลับไปหาตรีประดับกับเทศราช แต่ไม่เจอ เลยออกเดินหา
พัดชาเดินทอดน่องมาตามสะพานข้ามคลองเล็กๆ หันไปเห็นพยสเดินมาจากอีกทางคล้ายมองหาใครอยู่ กระทั่งพยสหันมาเห็น เขายิ้มกว้างเดินตรงเข้ามา
พัดชามองใบหน้าและรอยยิ้มของพยส แทบจะลืมหายใจ ในชีวิตไม่เคยมีใครยิ้มสดใสให้อย่างนี้มาก่อน
“น้องพัด เห็นตรีกับนายเทศไหมครับ”
พัดชาตั้งสติ เก็บภาพรอยยิ้มไว้ในใจ ปรับสีหน้าเป็นปกติ
“พัดแยกมาเข้าห้องน้ำค่ะ ไม่ทราบว่าคุณตรีกับคุณเทศไปไหน น่าจะอยู่แถวๆ นี้นะคะ เดี๋ยวพัดช่วยหาค่ะ”
“คนเราเวลากำลังหลงทางหรือร้อนใจนี่ ถ้าได้เจอคนที่ทำให้เราอุ่นใจขึ้นก็จะดีมากนะครับ”
พยสชมตรงๆ เพราะรู้สึกโปร่งใจจริงๆ
“ผมโชคดีจริงๆ ที่ได้เจอน้องพัดตอนนี้ ขอบคุณน้องพัดมากนะครับ”
พัดชายิ้มเขิน ความรู้สึกประทับใจในตัวพยสค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในใจ
“เอ้อ พัดไม่ได้มีความหมายขนาดนั้นหรอกค่ะ พัดแค่ผ่านมาพบคุณพยส”
พยสสังเกตเห็นว่าพัดชาดูถ่อมตัว จนบางครั้งเหมือนคนน้อยเนื้อต่ำใจนิดๆ
“น้องพัดอย่าคิดว่าตัวเองไม่มีความหมายหรือไม่มีคุณค่ากับใครสิครับ อย่างน้อย น้องพัดควรภูมิใจ น้องพัดมีค่าสำหรับตัวเอง น้องพัดมีดีพอ ที่ไม่ใช่แค่คนที่เดินผ่านมา”
พัดชาตะลึง มองหน้าพยส เห็นสีหน้าจริงใจของเขาแล้วได้แต่พยักหน้า
“โอเคนะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณคุณพยสมาก พัดจะตอบแทนคำแนะนำดีๆ ของคุณพยสยังไงดีเนี่ย”
พยสมองหน้าพัดชา ยิ้มเจ้าเลห์ เขามีไอเดียบางอย่าง
สร้อยรูปใบโคลเวอร์แขวนอยู่ในที่ตั้งโชว์ในร้านขายของของที่ระลึกริมทาง ตรีประดับมองผ่านกระจกด้วยแววตาชื่นชม
เทศราชมองตามแล้วส่ายหัว “มันพิเศษตรงไหน เราว่าคล้ายๆ ใบถั่วบ้านเรา”
“ถั่วบ้านแกอ่ะดิ” ตรีประดับถอนสายตาจากสร้อยโคลเวอร์ หันไปมองค้อนเทศราชที่หน้ามึนอยู่ใกล้ๆ
“หมดกัน ความหมาย ความโรแมนติกของโคลเวอร์ แล้วมันก็คนละชนิดกับถั่วด้วย”
“เหรอ...”
“ใบโคลเวอร์สี่แฉกหรือสี่กลีบ จะเจอเพียงแค่หนึ่งในพันเท่านั้น”
“เป็นอัตราส่วนที่มากอยู่นะ เราว่าหาไม่ยากเท่าไหร่...ดูสิ ทำขายเต็มเลย”
ตรีประดับเกือบฉุน แต่เห็นเทศราชหัวเราะร่วน นางจึงอธิบายต่อ
“ที่เขาทำขายกันเยอะเพราะเขาเชื่อว่าใบโคลเวอร์สี่แฉกจะเป็นเครื่องรางที่นำความโชคดี ความหวัง ความศรัทธาและความรักมาให้”
“ตรีอยากได้เหรอ”
“ใครจะไม่อยากมีความสุขแบบนั้นบ้าง”
เทศราช ครุ่นคิดไปนิดหนึ่ง ตรีประดับหันทางหนึ่งเห็นพยสเดินมาแต่ไกลและกำลังโบกมือให้ ตรีประดับสะกิดเทศราช
“ยสมาแล้ว”
ตรีประดับเดินออกไปเลย เทศราชยังมองจ้องสร้อยใบโคลเวอร์นิ่งอยู่
ไม่นานต่อมาพัดชาเดินนำสามคนมาตามทางเดินเลียบแม่น้ำโอโนะ ตรงมาทางท่าเรือ
“ที่เมืองซาวาระ เรายังพอเห็นกลิ่นอายของสมัยเอโดะที่นี่ค่ะ เราล่องเรือในแม่น้ำโอโนะเพื่อชมบรรยากาศได้นะคะ”
ตรีประดับยิ้มชม “คล่องจังค่ะน้องพัด ใครอยากไปไหน น้องพัดก็รู้จักหมดเลยหรือเปล่า”
พัดชาถ่อมตัว “พัดไม่เก่งขนาดนั้นค่ะ แค่พอรู้บ้าง เคยรับทัวร์แบบที่ลูกทัวร์บอกเลยว่าอยากไปไหน ทัวร์ช็อป ทัวร์กิน ทัวร์คู่รักโรแมนติกก็มีนะคะ คล้ายๆ แบบนี้”
พัดชาพูดพลางมองตรีประดับกับพยส แววตาเป็นประกายยิ้มยินดี แต่ในใจกลับโหวงเหวงประหลาด อยากมีความรักแบบนี้บ้าง
“ไม่มีแบบที่แต่งตัวซามูไรเอาดาบฟันกันบ้างเหรอ หวานใสดอกไม้บาน...ไม่ใช่แนว” เทศราชว่า
“มี เดี๋ยวให้น้องพัดพาไป” พยสบอก
เทศราชเอะใจขึ้นมาแว่บหนึ่ง คำพูดพยสดูหวังดีกับตนมาก
“เรือมาแล้วค่ะ ลงเรือระวังด้วยนะคะ”
ตรีประดับไม่รู้จะลงเรือยังไง พยสก้าวลงก่อน แล้วยื่นมือมาให้ตรีประดับจับคอยประคอง
“เชิญค่ะคุณตรี”
ตรีประดับขัดเขิน แต่ยอมจับมือพยสแต่โดยดี ตรีประดับลงไปในเรือ หันมากวักมือเรียกเทศราช
“เทศ”
พยสรีบกันท่า “ตรีครับ นั่งลงก่อนครับ”
พัดชาร้องบอกคนขับให้ออกเรือไปเลย คนขับค้ำถ่อเบนหัวเรือออกไป เทศราชยืนอึ้งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้น
“เรือนี่ เค้าให้ลงลำละสองคนเหรอ”
“เฉพาะเรือลำนี้ค่ะ ลงได้สองคนเท่านั้น เพราะคุณพยสกำลังจะขอคุณตรีประดับแต่งงาน”
พัดชายิ้มระรื่นบอก พลางมองตามโบกไม้โบกมือให้พยสกับตรีประดับอย่างกับมีความสุขเสียเต็มประดา
เทศราชยืนอึ้ง มองตามเรือที่แล่นพาตรีประดับนั่งเคียงพยสห่างออกไปเรื่อยๆ เจ็บปวดหัวใจสุดจะประมาณ
อ่านต่อตอนที่ 3