สวัสดีครับผม Mr.Leon มาแล้วครับ วันนี้ผมคิดว่าจะเล่าเรื่องอิงประวัติศาสตร์เมื่อประมาณ 400 ปีที่แล้ว ที่ถ่ายทอดผ่านการ์ตูนมังงะสักหน่อยครับ ก่อนอื่นผมขออธิบายการ์ตูนมังงะเรื่องที่จะยกมาเล่าสักหน่อยครับ เป็นมังงะที่เขียนโดยนักเขียนคนเดียวกับคนที่เขียนเรื่อง 北斗の拳 Hokuto no Ken (ฤทธิ์หมัดดาวเหนือ) คือ คุณ 原哲夫 Tetsuo Hara ส่วนเรื่องนี้ ชื่อเรื่อง 花の慶次 Hana no Keiji (เคย์จิ บุรุษอหังการ) ผมอ่านมังงะเรื่องนี้ครั้งแรกสมัยเด็ก ๆ น่าจะเป็นช่วงเดียวกับการ์ตูนดังเรื่อง Slam dunk (スラムダンク), Dragon ball(ドラゴンボール) กำลังดังมาก นั่นแสดงว่า มังงะเรื่องที่ผมพูดถึงนี้ก็ดังที่ญี่ปุ่นเช่นกัน คนญี่ปุ่นอายุรุ่นเดียวกันกับผมนี้อย่างน้อยต้องเคยอ่านเรื่องนี้เช่นกัน ตอนที่ผมอ่านยังเป็นเด็กมาก เรื่องก็อิงประวัติศาสตร์บอกเลยว่า ตอนนั้นผมไม่เข้าใจความหมายเลย คิดแค่ว่าเป็นเรื่องสงครามซามูไร และวาดรูปสวยมาก ..
เรื่องนี้เกี่ยวกับญี่ปุ่นเมื่อ 400 ปีก่อน ช่วงที่ยังเป็นยุคซามูไร ตัวเอกชื่อ 前田慶次 Maeda Keiji(มาเอดะ เคย์จิ) เขาเป็นซามูไร (สมัยก่อนซามูไรคืออาชีพ เปรียบไปก็คล้าย ๆ กับ Salaryman สมัยนี้) เขาเกิดเบื่อการเป็นซามูไรก็เลยลาออกแล้วใช้ชีวิตเป็น Freeter เป็น かぶき者、傾奇者 Kabuki-mono คล้าย ๆ หนุ่มเพลย์บอย กินเที่ยว ไม่ทำงาน แต่ต่อสู้เก่ง รบราฆ่าฟันเก่ง พูดไปก็คล้าย ๆ นักเลงอ่ะครับ ผมขอยกตัวอย่างหนึ่งตอน ครั้งแรกที่ผมอ่านบรรยายออกมาได้แบบนี้ครับ
มาเอดะ เคย์จิ คือ ซามูไรเก่งที่ผมเล่าว่าลาออกมาเป็นนักเลง ก่อนนี้เขาทำงานที่คานาซาวา ที่จริงเขาไม่ค่อยอยากจะทำงานแล้วล่ะ แต่รักและเกรงใจพ่อจึงออกจากงานไม่ได้ เพราะพ่อเขาไม่สบายอยากเห็นเขามีการมีงานทำดี ๆ จะได้หมดห่วง แต่เมื่อพ่อเขาเสียชีวิต เขาก็รู้สึกอิสระขึ้น อยากลาออกไปเที่ยว อยากค้นหาสิ่งที่ตัวเองชอบ จึงตัดสินใจจะลาออก พอพ่อเสียลุงก็จะขึ้นเป็นเจ้าสำนัก แต่เดิมเขาไม่ค่อยถูกกับลุงเขาเท่าไหร่นัก ทะเลาะกันตลอด แต่พอพ่อเสียเขาก็ทำเป็นดีกับลุง ลุงดีใจมากที่เขามาดีด้วยคิดว่าเขาคงละพยศได้แล้วจึงยอมทำดีกับลุง ..ช่วงนั้นเป็นช่วงฤดูหนาว อากาศหนาวมาก เขาเปิดประตูหน้าต่างทุกบานให้ลมเข้ามาเต็ม ๆ ทำให้ในห้องยิ่งหนาวเข้าไปอีก เมื่อลุงเข้ามาในห้อง ก็ถามว่าทำไมห้องมันหนาวแบบนี้ เขาจึงรีบเอาชาร้อน ๆ มาให้ แล้วบอกว่าผมทำอะไรไม่ค่อยเป็น หนาว ๆ แบบนี้เชิญลุงลงโอฟุโระก่อนแล้วค่อยกลับครับ ลุงเขาดีใจมาก ลุงหนาวมาก ๆ อยู่แล้วรีบกระโดดลงอ่างน้ำร้อน แต่ที่จริงเป็นบ่อน้ำแข็งที่เขาเตรียมไว้ ลุงร้องจ๊ากเลยทีเดียว แล้วเขาก็ขี่ม้าหนีออกไปเลย ตอนนั้นผมคิดว่า Maeda Keiji เกลียดลุงจึงแกล้งลุง เเค่นั้น ...
แต่พอผมโตขึ้น ผมกลับไปอ่านเรื่องนี้อีกครั้งผมจึงเข้าใจความหมายที่มังงะต้องการสื่อ คือ เขาต้องการหนีออกไปอยู่แล้วแต่ถ้าออกไปเฉย ๆ จะเท่ากับว่า ลุงซึ่งเป็นหัวหน้าเอาเขาไม่อยู่จะทำให้เสียหน้าตา เสียเครดิตลุงมาก แต่วันนั้นเขาตั้งใจทำให้คนอื่นคิดว่าเขาไม่ปกติ เพื่อรักษาหน้าตาลุง ผมเพิ่งเข้าใจเมื่อผมอยู่ในสังคมมากขึ้นเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นนี่เอง ถ้าท่านใดกำลังเรียนเกี่ยวกับญี่ปุ่นอยู่ลองหามาอ่านนะครับ
แล้วเรื่องนี้เกี่ยวกับญี่ปุ่นสมัยนี้อย่างไรหนอ ก่อนอื่นขอยกตัวอย่างอีกหนึ่งซีนจากมังงะเรื่องนี้ครับ ซึ่งถูกทำเป็นละครทางช่อง NHK ด้วยครับ มีซามูไรที่มีชื่อเสียงมาก 5 คน กำลังคุยกันที่บ่อออนเซน ขณะนั้นมีซามูไรผู้ใหญ่ที่สุด คือ 豊臣秀吉 Toyotomi Hideyoshi (ฮิเดะโยะชิ) หรือคนอื่น ๆ แอบเรียกเขาเล่น ๆ ว่า “ซารุ” เดินมาร่วมวงที่บ่อออนเซนด้วย มีซามูไรหนึ่งในบ่อออนเซนไม่รู้จักความยิ่งใหญ่ของ ฮิเดะโยะชิ พูดแซวขึ้นมาว่า ลุงดูกล้ามใหญ่แข็งแรงดีจัง !! ซามูไรคนอื่น ๆ อึ้งเพราะรู้ว่า ฮิเดะโยะชิคือใคร แล้วก้มหน้าก้มตาหลบกันจ้าละหวั่น
ฮิเดะโยะชิชูหนึ่งนิ้ว ไปทางเคย์จิ (Maeda Keiji ) : มาทำงานกับข้ามั้ย ( ตอนนั้นเคย์จิหนีออกมาจากลุงของเขาแล้ว คือไม่ได้ทำงานอะไร)
คนอื่น ๆ เข้าใจว่า ชูหนึ่งนิ้ว แปลว่า ชวนเคย์จิมาคุมคนในปกครอง 500 คน แต่ทั้ง ฮิเดะโยะชิ และเคย์จิรู้ทันกัน ชูหนึ่งนิ้วตอนนั้นหมายถึงชวนให้มาทำงานคุมคนทั้งจังหวัด นั้นหมายถึงคุมคนประมาณ 50,000 คน ถือว่าตำแหน่งสูงมาก ๆ
เคย์จิ : ผมชอบอิสระ อยากเป็นอิสระ มีแค่ข้าวจานหนึ่งกะที่นอนเล็ก ๆ ผมก็อยู่ได้แล้ว
เคย์จิ : รินเหล้าให้หน่อย
ฮิเดะโยะชิ : รินเหล้าให้แล้วบอกว่า ..เหล้านี้เท่ากับน้ำใจที่ชวนมาคุมคนตั้งห้าหมื่นคนเชียวนะ
เคย์จิ : ผมไม่รับการคุมคน แต่ผมรับน้ำใจจากการเสิร์ฟเหล้าของคุณ
ซามูไรคนอื่น ๆ ตกใจบทสนทนามากที่เคย์จิกล้าพูดขนาดนั้น
..... เรื่องนี้ถูกนำมาทำเป็นละครทีวี ทำไมถูกนำมาสร้างเป็นละครทีวีครับเพื่อน ๆ รู้ไหม?
ก่อนอื่นประเด็นที่น่าสนใจอยู่ตรงที่ว่า
* เคย์จิกล้าลาออกจากงานมาเป็นฟรีแลนซ์
* ฮิเดะโยะชิ ผู้ยิ่งใหญ่เปรียบได้กับประธานบริษัทมาอ้อนวอนขอให้คนเก่งที่ตกงานมาทำงาน
ทั้งสองประเด็นนี้ไม่มีทางเกิดได้ง่าย ๆ ในสังคมญี่ปุ่นแน่นอน คนญี่ปุ่นที่ทำงานบริษัทเอกชนกว่า 90% จะทำที่เดิมไปเกือบตลอดอายุการทำงาน ไม่มีการลาออกมาแน่ ๆ ถึงจะขมขื่นกล้ำกลืนฝืนทนก็ต้องอดทนทำ ถูกกดดันอย่างไรก็ต้องจำใจทำ และคนระดับผู้ใหญ่เช่นประธานบริษัทก็ไม่มีทางลงมาอ้อนวอนใครไปช่วยทำงานแน่ ๆ มังงะซีนนี้เป็นซีนไอเดียในฝันที่ปลดปล่อยสิ่งที่ญี่ปุ่นเป็นมาก ๆ ดังนั้น ทุกคนจึงชื่นชมกันอย่างมาก คล้าย ๆ กับการ์ตูนจินตนาการพวกโดราเอม่อนที่เด็ก ๆ ชอบมากเพราะดูไปได้ปลดปล่อยจินตนาการ ได้เห็นในสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้ เป็นความสุขเล็ก ๆ เรื่องที่ว่าก็เช่นกันเป็นความสุขเล็ก ๆ ของคนทำงานในสังคมญี่ปุ่นทีเดียวเชียว
กลับไปฉากที่ผมเล่าไปข้างบน ค่อนข้างเป็นซีนในฝันปลดปล่อยสิ่งที่คนญี่ปุ่นคิด ซึ่งละครทำออกมาได้กินใจมาก นี่คือ เรื่องที่แฝงให้เห็นแง่คิดมุมมองลักษณะวัฒนธรรมญี่ปุ่น คราวหน้าผมจะมาเล่าต่อว่าแล้วเหตุผลแฝงที่ญี่ปุ่นมาตั้งโรงงาน หรือบริษัทที่ต่างประเทศเพราะเหตุใด วันนี้สวัสดีครับ