“สมชัย” มอบนโยบาย “ปลัดอำเภอ-ผช.จ่าจังหวัด” ย้ำประชามติสำเร็จได้ต้องร่วมมือกัน รับไม่รับคือจบอย่าป่วน ชูยุทธศาสตร์ 3 ป. ปชช.สะดวก ประชามติเที่ยงธรรม ปชต.คุณภาพ รับเพื่อไทยโพสต์ไม่รับร่างฯ ไม่ผิด แต่อาจผิดคำสั่ง คสช. โทษหนักถึงยุบพรรค ยังไม่เอาผิดแกนนำ ปชต.ใหม่ ให้โอกาสทบทวนตัวเอง สอนเคลื่อนไหวต้องไม่ละเมิดสิทธิฯ ขอคุยด้วยเหตุผล อย่าทำวุ่นวายเหมือนที่บุก กกต.วานนี้
วันนี้ (16 มิ.ย.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเป็นประธานเปิดการประชุมสัมมนาชี้แจงขั้นตอนการออกเสียงประชามติ และมอบนโยบายการสนับสนุนการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ให้กับปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบการออกเสียงประชามติทุกอำเภอและผู้ช่วยจ่าจังหวัดทุกจังหวัด รวม 954 คนของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ว่าภารกิจการจัดการออกเสียงประชามติในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ไม่ใช่เรื่องที่ กกต.จะสามารถทำสำเร็จได้เพียงลำพัง แต่ความสำเร็จขึ้นอยู่กับหลายภาคส่วนมาร่วมมือกัน กลไกของกรมการปกครองนับว่ามีความหมายที่จะช่วยให้การทำประชามติเกิดความสำเร็จ โดยหน้าที่ของฝ่ายจัดการออกเสียงเราไม่สนใจว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่ผ่านแต่ต้องการให้เกิดข้อยุติว่าสังคมคิดอย่างไรกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ หากผลออกมารับคือจบ ออกมาไม่รับก็คือจบ ไม่ใช่มาก่อกวนหรือเป็นปัญหาต่อกันจึงขอให้ทุกคนวางตัวเป็นกลาง ไม่ชี้นำ เน้นอธิบายให้เข้าใจขั้นตอนการออกเสียงประชามติ เพื่อให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิมากที่สุด และไม่ว่าผลของการทำประชามติจะออกมาในแนวทางใดก็ขอให้สบายใจได้ว่าการเลือกตั้งทั่วไปจะเกิดขึ้นในปี 2560 แน่นอน
นายสมชัยกล่าวว่า หลักการออกเสียงประชามติ กกต.เราชูคำว่า “ยุทธศาสตร์ 3 ป.” ประกอบด้วย ป.ที่ 1 ประชาชนสะดวก มีการขยายเวลาการลงคะแนนออกเสียงประชามติไปจนถึงเวลา 16.00 น. เปิดช่องทางการลงทะเบียนขอใช้สิทธินอกเขตจังหวัดผ่านระบบอินเทอร์เน็ต มีแอปพลิเคชันดาวเหนืออำนวยความสะดวกประชาชนเดินทางไปยังหน่วยออกเสียงประชามติ แอปตัวนี้ กกต.ไทยทำเป็นที่แรกของโลก รวมทั้งแก้ไขกฎหมายเพื่อให้ผู้พิการ ผู้สูงอายุ สามารถพาคนที่ไว้ใจเข้าไปยังหน่วยออกเสียงได้ 1 คน จัดหน่วยลงคะแนนเคลื่อนที่อำนวยความสะดวกแก่ผู้สูงอายุและผู้พิการ
ส่วน ป.ที่ 2 ประชามติเที่ยงธรรม คือทำให้ฝ่ายที่เห็นเหมือนเห็นต่างมีความเท่าเทียมกันให้มากที่สุด ขณะเดียวกัน กฎ กติกาของการจัดการออกเสียงต้องถูกรักษาไว้อย่างเที่ยงธรรม ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ การแสดงความคิดเห็นต่างๆสามารถทำได้บนพื้นฐานของการไม่พูดเท็จ ไม่หยาบคาย และไม่ปลุกระดม และ ป.ที่ 3 คือ ประชาธิปไตยคุณภาพ เป็นโจทย์ที่ยากที่สุด เพราะคือการทำให้ประชาชนรู้สาระร่างของรัฐธรรมนูญอย่างเพียงพอต่อการตัดสินใจไปหย่อนบัตรเพื่อลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ดังนั้นหวังว่าทุกคนจะเป็นกลไกสำคัญช่วยประเทศในการเดินสู่ทางออกของประเทศที่เหมาะสม ทุกอย่างอยู่ในมือทุกคนถ้าทำเต็มที่ความสำเร็จเกิดขึ้นแน่นอน
นายสมชัยยังกล่าวกรณีที่สมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กพร้อมกันว่าไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ว่าการแสดงความเห็นของประชาชนไม่ว่าบุคคลเหล่านั้นจะมีฐานะเป็นผู้บริหารของพรรคการเมืองหรือเป็นบุคคลทั่วไป หากดำเนินการโดยสุจริต มีเหตุมีผล ไม่ใช้ถ้อยคำเท็จ ไม่หยาบคาย หรือไม่ปลุกระดม สามารถทำได้ตามปกติ ซึ่งถ้อยคำต่างๆ ที่ปรากฏออกมาก็พบว่ายังอยู่ในขอบเขตที่รับได้ แต่จะต้องพิสูจน์ว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการกระทำโดยตัวบุคคลหรือไม่หากทำโดยบุคคลโดยไม่ใช้ข้อความที่เท็จหยาบคายหรือปลุกระดม ก็ไม่ถือว่าผิด แต่ถ้าทำกันเป็นขบวนการซึ่งโดยพรรคการเมืองหรือพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นผู้ดำเนินการภายใต้ผู้บริหารพรรค ไม่ถือว่าผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ แต่หากตรวจพิสูจน์ได้ว่ากรณีนี้มีความเชื่อมโยงกับพรรคเพื่อไทยก็จะผิดผิดคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมือง ประธาน กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมืองจะต้องเป็นผู้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงขั้นยุบพรรคการเมือง ส่วนที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมองว่าเนื้อหาที่โพสต์ของสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคนมีข้อความที่บิดเบือนเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญก็สามารถส่งเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบได้หรือจะไปแจ้งความดำเนินคดีเองก็สามารถทำได้
นอกจากนี้ นายสมชัยยังกล่าวด้วยว่า วันนี้ตนจะยังไม่ไปดำเนินคดีกับนายวรวุฒิ บุตรมาตร แกนนำกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ซึ่งพูดจาพาดพิงหมิ่นประมาทตนเองในระหว่างเดินทางไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพลเมืองโต้กลับที่สำนักงาน กกต. เนื่องจากต้องการให้บุคคลเหล่านั้นทบทวนการกระทำของตนเอง กรณีนี้เป็นบทเรียนที่สำคัญซึ่งต้องขอให้ผู้ที่เคลื่อนไหวกระบวนการประชาธิปไตยตระหนักว่าทุกคนสามารถนำเสนอความคิดเห็นทางการเมืองได้ทั้งเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญ หรือประเด็นทางการเมืองทั่วไป เพียงแต่ต้องไม่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ส่วนจะมีการดำเนินคดีเมื่อใดนั้นตนจะแจ้งให้สื่อมวลชนได้ทราบอีกครั้ง ทั้งนี้ เมื่อไปถึงสถานีตำรวจแล้วคงไม่ทำเพียงเรื่องเดียว คงจะมีการนำเรื่องอื่นๆ ไปดำเนินการพร้อมกัน เพราะตอนนี้ยังปรากฏเว็บไซต์และเพจที่เผยแพร่เพลงที่มีเนื้อหาหยาบคายและเป็นเท็จอยู่ ดังนั้นคงรอดูว่ามีการนำข้อความหรือเพลงออกจากหน้าเว็บหรือเพจแล้วหรือไม่ แต่หากยังไม่ดำเนินการก็คงต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มงวดต่อไป
เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มพลเมืองโต้กลับที่ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ ทำให้เกิดความวุ่นวาย ผิดกฎหมายหรือไม่ นายสมชัยกล่าวต่อว่า การเคลื่อนไหวทุกเรื่องเป็นสิทธิและเสรีภาพของประชาชน แต่ต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์บานปลายหรือทำให้การออกเสียงประชามตินำไปสู่ความวุ่นวาย ถ้านำไปสู่ความวุ่นวายก็จะเข้าสู่การบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ มาตรา 61 (1) ดังนั้นตนอยากให้ประชาชนทุกฝ่ายอยู่ในบรรยากาศของการพูดคุยด้วยเหตุผล ใช้ความเป็นสุภาพชนต่อกัน เพราะไม่อยากให้เกิดบรรยากาศที่ก้าวร้าวหรือรุนแรงเหมือนกับเหตุการณ์แบบเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา ดังนั้นจึงขอให้ทุกฝ่ายและทุกกลุ่มยุติการกระทำที่จะนำไปสู่ความวุ่นวายทั้งหมด เพื่อสร้างบรรยากาศการทำประชามติให้เป็นประชาธิปไตย