xs
xsm
sm
md
lg

Exclusive! สุดยอดแผนการท่องเที่ยวญี่ปุ่น เปลี่ยนเมืองหลังเขาเป็นมรดกโลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ความสำเร็จของการส่งเสริมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ไม่ใช่เพียงเพราะมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม แต่เกิดจากการวางแผนแบบบูรณาการ ที่ทำให้เมืองในหุบเขากลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมได้อย่างน่าอัศจรรย์

ภูมิภาคโฮคุริคุเคยได้ชื่อว่าเป็น “เมืองหลังเขา” เนื่องจากอยู่ถูกโอบล้อมด้วยทะเลญี่ปุ่นและภูเขาทาเทะยะมะ ซึ่งสูงตระหง่านกว่า 3,000 เมตรจนมีน้ำแข็งปกคลุมเกือบตลอดปี ภูมิประเทศเช่นนี้ทำให้จังหวัดอิชิคาวะ, ฟุคุอิ, นีกาตะ, โทะยะมะ และกิฟู เป็นหนึ่งในพื้นที่ถูกลืม ทั้งๆที่เป็นพื้นที่ที่มีทิวทัศน์งดงามและอุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น

ภูมิภาคโฮคุริคุถูกปลุกให้มีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง หลังจากรถไฟความเร็วสูงชินคันเซนขยายเส้นทางมาเมืองโทะยะมะและคะนะซะวะเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ทำให้สามารถเดินทางจากกรุงโตเกียวโดยใช้เวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมง 30นาทีเท่านั้น ส่งผลให้ภูมิภาคโฮคุริกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา

“ชินคันเซน โฮคุริคุ” สุดยอดความสำเร็จเกินคุ้มค่า

รถไฟด่วนชินคันเซน โฮคุริคุ ทำสถิติมีผู้โดยสารมากกว่า 10ล้านคนหลังเปิดให้บริการเพียงแค่ 1ปีกว่า ประสบความสำเร็จรวดเร็วกว่าที่ทางบริษัทรถไฟ เจอาร์ คาดการณ์ไว้ถึง 5เดือน ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าแม้แต่รถไฟชินคันเซน สายฮอกไกโด ที่เพิ่งเปิดให้บริการไปก็ไม่อาจสร้างความสำเร็จได้รวดเร็วเช่นนี้

รถไฟชินคันเซนเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่เปิดเส้นทางเข้าสู่ภูมิภาคโฮคุริคุ และอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวญี่ปุ่นและต่างชาติ


การท่องเที่ยวภูมิภาคโฮคุริคุยังถูกผลักดันอย่างแข็งขันจากทั้งรัฐบาลท้องถิ่น,บริษัทรถไฟ, บริษัทท่องเที่ยว รวมทั้งสื่อมวลชนทุกแขนง สถานีรถไฟแทบทุกแห่งในญี่ปุ่นมีป้ายโฆษณาโปรแกรมท่องเที่ยวโฮคุริคุ, บริษัททัวร์ต่างๆจัดโปรแกรมในราคาประหยัดทั้งทางรถไฟและรสบัส ขณะที่รายการโทรทัศน์และนิตยสารก็ร่วมแรงสนับสนุนเต็มที่

เปิดทาง+สร้างเรื่อง+ผลักดันสู่เวทีโลก

เมื่อการเดินทางสะดวกก็ต้องสร้างแรงจูงใจให้คนมาเที่ยว ซึ่งญี่ปุ่นชำนาญอย่างยิ่งในการ “สร้างเรื่องราว” เพื่อการท่องเที่ยว

ลักษณะทางภูมิศาสตร์ทำให้ภูมิภาคโฮคุริคุค่อนข้างพัฒนาน้อยกว่าพื้นที่อื่น เศรษฐกิจในพื้นที่อาศัยการประมง,การเกษตรและอุตสาหกรรมเป็นหลัก แต่ญี่ปุ่นพลิก “จุดด้อย”นี้ เป็น “จุดขาย” ว่าโฮคุริคุมีบรรยากาศญี่ปุ่นโบราณในสมัยเอโดะ ไม่แตกต่างจากนครเกียวโต เมืองหลวงเก่า สถาปัตยกรรมดั้งเดิมและบรรยากาศย้อนยุคถูกอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี

คะนะซะวะชูจุดขายเรื่องฝีมือการทำทอง ในพื้นที่จึงเต็มไปด้วยร้านขายเครื่องประดับและของใช้ที่ประดับด้วยทองคำ แม้แต่ไอศกรีมที่ปิดด้วยแผ่นทองคำเปลวก็ได้รับความนิยมอย่างมากจนต้องต่อคิวซื้อ


โทะยะมะชูจุดขายที่ภูเขาทะเทะยะมะ ซึ่งเป็นภูเขาที่มีธารน้ำแข็งหรือ glaciers เพียงแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกจนได้ชื่อว่าเป็น “เทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่น” กำแพงหิมะที่นี่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดในรอบหลายปีนี้

ญี่ปุ่นยังประสบความสำเร็จในการผลักดันสถานที่ท่องเที่ยวในพื้นที่นี้ให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “มรดกโลก” โดยองค์การยูเนสโก ทำให้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก เช่นที่ หมู่บ้านชิระคะวะ เปลี่ยนจากหมู่บ้านกลางท้องนาที่มีประชากรเพียงแค่ 1,700 คน กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนปีละนับล้านคน

“ต้นทุนสร้างได้”
รัฐบาลญี่ปุ่นรู้ดีว่าเส้นทาง “โตเกียว-เกียวโต” คือโปรแกรมยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่เส้นทางนี้ถูกใช้มานานกว่า 20ปี จึงจำเป็นต้องบุกเบิกแหล่งท่องเที่ยวใหม่

เมื่อเทียบกับนครเกียวโตที่มีวัดและวังสวยๆมากมาย หรือกรุงโตเกียวที่เต็มเปี่ยมด้วยความทันสมัย ภูมิภาคโฮคุริคุก็คือ “เมืองหลังเขา” แต่เมื่อการคมนาคมสะดวกบวกกับเรื่องราวที่ถูกผูกโยงขึ้นเป็น “ต้นทุนทางการท่องเที่ยว” ทำให้ทุกวันนี้ที่นี่คึกคักด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ตามถนนหนทางได้ยินเสียงสนทนาภาษาต่างชาติมากยิ่งกว่าภาษาญี่ปุ่น.... นี่ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็น “แผนชั้นเซียน” ที่ทุกภาคส่วนของญี่ปุ่นวางแผนมาเป็นอย่างดี.

กำลังโหลดความคิดเห็น