ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวที่จังหวัดคุมะโมะโตะต้องเข้าแถวนานกว่า 4 ชั่วโมงเพื่อรอรับสิ่งของบรรเทาทุกข์ เนื่องระบบคมนาคมยังเสียหายหนัก ไม่สามารถส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปในพื้นที่ประสบภัยได้ทั่วถึง
หนังสือพิมพ์โยมิอุริ ชิมบุน พาดหัวข่าวในรายงานพิเศษเหตุแผ่นดินไหวจังหวัดคุมะโมะโตะว่า "มีอาหารแต่ส่งไปไม่ถึง ของบรรเทาทุกข์กองเป็นภูเขาเลากา ผู้ประสบภัยต่อแถวรอ4ชั่วโมง"
ถึงแม้รัฐบาลญี่ปุ่นจะเร่งฟื้นฟูระบบคมนาคมที่เสียหายจากแผ่นดินไหว ทั้งรถไฟความเร็วสูงชินคันเซน, ถนน และสนามบิน หากแต่จนถึงขณะนี้สิ่งของบรรเทาทุกข์ยังคงลำเลียงไปไม่ถึงมือของผู้ประสบภัย โดยที่ศูนย์กระจายสินค้ามีสิ่งของที่ประชาชนและหน่ายงานต่างๆบริจาคช่วยเหลือตกค้างอยู่จำนวนมาก ขณะที่ผู้ประสบภัยกว่า 1แสนคนยังคงรอคอยสิ่งของช่วยเหลือ
มีผู้เสียชีวิตแล้ว 49 คนในเหตุแผ่นดินไหวที่จังหวัดคุมะโมะโตะ และมีผู้เสียชีวิตในเวลาต่อมาอีก 13 คนจากสภาพร่างกายอ่อนล้าจากการอพยพหนีภัย หรืออาการป่วยไข้
ศูนย์อพยพแทบทุกแห่งมีผู้พักอาศัยหนาแน่น ทำให้มีคนที่จำต้องใช้รถยนต์เป็นที่พักมากกว่า 53,000 คน
การที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้มากนักภายในรถยนต์กำลังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคนเหล่านั้น โดยก่อเกิดอาการที่เรียกกันว่า Economy Class Syndrome ทำให้เกิดลิ่มเลือดในร่างกาย รวมทั้งส่งผลต่อระบบหายใจ จนอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ โดยมีผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาจากอาการนี้แล้วอย่างน้อย 35 คน
แผ่นดินไหวคุมะโมะโตะเป็น “ภัยพิบัติร้ายแรง”
รัฐบาลญี่ปุ่นกำหนดให้เหตุแผ่นดินไหวที่จังหวัดคุมะโมะโตะเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติร้ายแรง เพื่อจัดสรรงบประมาณช่วยเหลืออย่างเต็มที่
การกำหนดสถานะ “ภัยพิบัติร้ายแรง”จะเปิดทางให้รัฐบาลสามารถจัดสรรเงินช่วยเหลือมากขึ้นให้แก่เทศบาลท้องถิ่นในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ เพื่อการฟื้นฟูบูรณะ รวมถึงสามารถให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้
สำนักคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้ประเมินความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นจนถึงวันพุธที่ 20 เมษายนไว้ที่ประมาณ 280,000 ล้านเยนหรือประมาณ 89,000 ล้านบาทสำหรับสาธารณูปโภคพื้นฐาน เช่น ถนน 5,000 ล้านเยนหรือประมาณ 1,500 ล้านบาทสำหรับที่ดินเพื่อการเกษตร และประมาณ 160,000 ล้านเยน หรือราว 50,000 ล้านบาทสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
บ้านเรือนกว่า 4,000 หลังในคุมะโมะโตะเสี่ยงพังถล่ม
ผู้เชี่ยวชาญได้สำรวจบ้านเรือนและอาคารรวมทั้งสิ้น 11,300 หลังในเมืองใหญ่และเมืองขนาดเล็ก 7 เมืองซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนักจากเหตุแผ่นดินไหวหลายระลอกเมื่อไม่นานมานี้
ผลการสำรวจพบว่า โครงสร้างอาคารบ้านเรือนจำนวน 4,062 หลังหรือร้อยละ 36 ของทั้งหมด อาจถล่มลงมาได้ทุกเมื่อหากเกิดแผ่นดินไหวหรือเกิดภัยพิบัติอื่นๆ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังเตือนให้ระวังอันตรายเมื่อเข้าไปยังอาคารอีก 3,500 หลัง
ที่เมืองมะชิกิ บ้านเรือนและอาคารประมาณ 2,500 หลังหรือครึ่งหนึ่งของทั้งหมด เสี่ยงที่จะพังถล่มลงมา เมืองนี้เผชิญแผ่นดินไหวสองระลอกซึ่งมีความรุนแรงที่ระดับ 7 ซึ่งเป็นระดับความรุนแรงมากที่สุดตามมาตรวัดแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวของญี่ปุ่น.