กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติชุดใหม่ของญี่ปุ่นมีผลบังคับใช้แล้ว หลังจากผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาเมื่อเดือนกันยายน ปีที่แล้ว ขณะที่เพื่อนบ้านอย่างจีนและเกาหลีใต้เตือนญี่ปุ่นอย่าลืมคำมั่นในการรักษาสันติภาพ
ชุดกฎหมายความมั่นคงแห่งชาตินี้จะอนุญาตให้ญี่ปุ่นใช้กองกำลังป้องกันตนเองในการใช้สิทธิ์ในการป้องกันตนเองร่วมกัน โดยญี่ปุ่นจะสามารถปกป้องประเทศอื่นๆ ที่ญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดหากความอยู่รอดของญี่ปุ่นถูกคุกคาม
นอกจากนี้ กองกำลังป้องกันตนเองซึ่งปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติจะสามารถใช้อาวุธของตนเองได้ เพื่อช่วยเหลือกองกำลังต่างชาติที่ถูกกลุ่มติดอาวุธโจมตี
สถานีโทรทัศน์ NHK ยกตัวอย่าง “ปฏิบัติการในซูดานใต้” ที่กองกำลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่นปฏิบัติงานร่วมกับสหประชาชาติ โดยสมมุติว่าเกิดมีกองกำลังบุกโจมตีเจ้าหน้าที่ของสหประชาชาติ
ก่อนหน้าที่จะมีกฏหมายชุดนี้ กองกำลังของญี่ปุ่นสามารถใช้อาวุธได้เฉพาะการป้องกันตัวเท่านั้น แต่ถ้าการโจมตีเกิดขึ้นนอกบริเวณที่กองกำลังของญี่ปุ่นปฏิบัติงานอยู่ พวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้อาวุธช่วยกองกำลังประเทศอื่น แต่ตามกฏหมายชุดใหม่นี้ เจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นสามารถรีบรุดไปยังพื้นที่เกิดเหตุและช่วยเหลือพันธมิตรได้
กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติชุดใหม่นี้นับเป็นกฎหมายที่สร้างความขัดแย้งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรีชินโซ อะเบะ อ้างว่ากฎหมายนี้มีความจำเป็นต่อการเป็นพันธมิตรระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯ และเพื่อรับมือกับการขยายอิทธิพลของประเทศจีน
หากแต่พรรคฝ่ายค้าน,นักวิชาการ และประชาชนจำนวนมากคัดค้านกฎหมายนี้ โดยระบุว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ และอาจนำไปสู่การเสริมสร้างกองทัพญี่ปุ่น จนถูกเรียกว่าเป็น “กฎหมายสงคราม”
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของนายอะเบะสามารถผลักดันกฎหมายจนผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาได้อย่างทุลักทุเล ท่ามกลางการประท้วงวุ่นวายทั้งภายในรัฐสภาและสังคมวงกว้าง
จีน เกาหลีจับตาญี่ปุ่นขยายบทบาทกองทัพ
กฎหมายความมั่นคงของญี่ปุ่นจะทำให้ “ทหารญี่ปุ่น” สามารถมีบทบาทมากกว่า “ป้องกันตนเอง” แต่ยังสามารถช่วยเหลือและร่วมยุทธการกับประเทศพันธมิตรได้ ซึ่งเพื่อนบ้านอย่างจีนและเกาหลีที่เคยถูกญี่ปุ่นรุกราน ต่างจับตาการขยายบทบาทของกองทัพญี่ปุ่น
นายหง เหล่ย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ระบุว่า ชาติเอเชียและประชาคมนานาชาติกำลังจับตามองความเคลื่อนไหวด้านการทหารและความมั่นคงของญี่ปุ่น จีนหวังว่าญี่ปุ่นจะเรียนรู้จากประวัติศาสตร์และยึดเส้นทางการพัฒนาโดยสันติ
ขณะที่นายโช จุน-ฮัก โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ กล่าวว่า เกาหลีใต้จะจับตาดูต่อไปว่านโยบายการป้องกันประเทศของญี่ปุ่นจะได้รับการยึดถือปฏิบัติในลักษณะที่สอดคล้องกับเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญใฝ่สันติของญี่ปุ่นหรือไม่.