เอเจนซีส์ - นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ประกาศในวันอังคาร (8 ก.ย.) หลังได้ครองเก้าอี้หัวหน้าพรรคแอลดีพีต่ออีกสมัย ว่าจะเดินหน้าเต็บสูบเพื่อฟื้นภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่พ้นขอบเหว รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นประชาชนมากขึ้นเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายเพื่อขยายบทบาทกองทัพญี่ปุ่น ซึ่งกำลังเป็น 2 ประเด็นที่ฉุดรั้งคะแนนนิยมในขณะนี้
อาเบะ นักการเมืองสายอนุรักษนิยมและชาตินิยมจัดวัย 60 ปี ได้รับเลือกโดยปราศจากคู่แข่ง ให้เป็นหัวหน้าพรรคลิเบอรัล เดโมเครติก ปาร์ตี้ (แอลดีพี) ต่ออีกสมัยหนึ่งเป็นระยะเวลา 3 ปี
ภายหลังการโหวตในวันอังคาร อาเบะประกาศเดินหน้าแผนการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โดยระบุว่า “อาเบะโนมิกส์” เพิ่งลุล่วงเพียงครึ่งทางเท่านั้น
คำประกาศคราวนี้มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากทางการญี่ปุ่นแถลงทบทวนตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ที่ระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นไตรมาสสองของปีนี้หดตัวลง 0.3% ถึงแม้ตัวเลขนี้ดีกว่าเล็กน้อยจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าลดลง 0.4% แต่ก็ยังคงตอกย้ำให้เห็นว่า ความพยายามของอาเบะในการเอาชนะภาวะเงินฝืดและการเติบโตอย่างเชื่องช้าของเศรษฐกิจ ยังคงอยู่ในสภาพล้มลุกคลุกคลาน
ทั้งนี้นับจากอาเบะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีรอบนี้ซึ่งเป็นรอบที่ 2 โดยประกาศผลักดันมาตรการ “อาเบะโนมิกส์” ทำให้เงินเยนอ่อนค่าลงกว่า 30% เมื่อเทียบดอลลาร์ ขณะที่ราคาหุ้นในตลาดโตเกียวและผลกำไรภาคธุรกิจก็เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าตัว อย่างไรก็ดี จนถึงวันนี้การลงทุนภาคเอกชนยังคงซบเซา และการขึ้นค่าแรงยังล้าหลังราคาสินค้าทำให้การจับจ่ายใช้สอยของครัวเรือนต่างๆ ยังซึมเซาเช่นเดิม
นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า อาเบะควรต้องเดินหน้าเรื่องการปฏิรูปเชิงโครงสร้างด้านต่างๆ เช่น การเปิดตลาดแรงงานเพื่อกระตุ้นความสามารถผลิต จึงจะสามารถทำให้เศรษฐกิจของประเทศหลุดพ้นจากปัญหาเก่าๆ เดิมๆ ได้จริงจังและมีการเจริญเติบโตได้อย่างยืนยาว แต่เป็นที่คาดหมายกันว่า ผู้นำญี่ปุ่นผู้นี้น่าจะเลือกแนวทางที่หวังผลทางการเมืองเฉพาะหน้ามากกว่า เช่น การออกงบประมาณพิเศษสำหรับปีงบประมาณปัจจุบัน ตลอดจนการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินการคลังเพิ่มขึ้นอีก
ก่อนการลงมติเลือกหัวหน้าพรรคของแอลดีพีคราวนี้ อาเบะแถลงว่า เรื่องการจ้างงานและรายได้กำลังเติบโตไปอย่างแข็งแกร่ง แต่ภารกิจที่คั่งค้างอยู่คือการยุติวงจรอุบาทว์เพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนได้รับส่วนแบ่งของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และการหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด อันจะช่วยผลักดันการเติบโตต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ หากเขาสามารถกุมอำนาจรัฐบาลได้จนถึงสิ้นวาระการเป็นหัวหน้าพรรคแอลดีพี นั่นคือถึงเดือนกันยายน 2018 อาเบะจะกลายเป็นนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่อยู่ในตำแหน่งยาวนานที่สุดนับจาก เอสึเกะ ซาโตะ ที่บริหารประเทศระหว่างปี 1967-1974
อาเบะเคยเป็นนายกรัฐมนตรีเพียงแค่ปีเดียวเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะลาออกโดยอ้างปัญหาสุขภาพ ท่ามกลางเรื่องอื้อฉาวมากมายในพรรคแอลดีพี และนับแต่นั้นมา ญี่ปุ่นก็ไม่มีผู้นำที่ครองอำนาจยาวนานอีกเลยกระทั่งเขาได้รับเลือกตั้งอีกรอบเมื่อปลายปี 2012
กระนั้น คะแนนนิยมของอาเบะในขณะนี้กำลังหล่นร่วง เนื่องจากประชาชนไม่พอใจที่เขาผลักดันร่างกฎหมายที่จะเปิดโอกาสให้กองทัพญี่ปุ่นออกไปรบนอกประเทศครั้งแรกนับจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2
หลักหมายสำคัญซึ่งอาจเป็นตัวตัดสินว่าอาเบะจะนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีไปได้ยาวนานแค่ไหน ได้แก่ การเลือกตั้งสภาสูงซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในปีหน้า นอกจากนั้น ยังคาดหมายกันว่า อาเบะอาจตัดสินใจประกาศจัดการเลือกตั้งสภาล่างก่อนกำหนด ในช่วงใดช่วงหนึ่งตั้งแต่เวลานี้ไปจนถึงก่อนที่วาระการเป็นหัวหน้าพรรคแอลดีพีของเขาสิ้นสุดลงในปี 2018
ขณะที่ความท้าทายอันดับแรกซึ่งอาเบะต้องเผชิญ หลังได้นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคต่ออีกสมัยคราวนี้ก็คือ การผลักดันกฎหมายความมั่นคงให้ผ่านความเห็นชอบของสภา โดยคาดกันว่าอย่างเร็วที่สุดจะเป็นในสัปดาห์หน้า
การพยายามแก้ไขกฎหมายนี้นำไปสู่การประท้วงของประชาชนนับหมื่นคน รวมถึงการอดอาหารของกลุ่มนักศึกษา
ล่าสุด อาเบะแถลงว่า จะรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในประเด็นเรื่องความมั่นคงของประเทศให้มากขึ้น