xs
xsm
sm
md
lg

สะดุดคำ "นางหิมะ"

เผยแพร่:   โดย: ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์


ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์
Tokyo University of Foreign Studies


สะดุดคำ คือ มุมพิเศษซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคอลัมน์ญี่ปุ่นมุมลึกที่ลงทุกวันจันทร์ มุมนี้จะเป็นการบอกเล่า ‘ความเคลื่อนไหว’ หรือ ‘สิ่งที่อยู่ในความสนใจ’ ของคนญี่ปุ่นตามโอกาสพิเศษผ่าน ‘คำสำคัญ’ หรือ ‘คำเด่น’ ในช่วงเวลาหรือฤดูกาลนั้น มีกำหนดนำเสนอเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อให้ผู้อ่านสามารถติดตามสิ่งที่เป็นปัจจุบันหรือร่วมสมัยได้ในเวลาใกล้เคียงกับคนญี่ปุ่น อีกทั้งยังต้องการให้ผู้ที่เรียนหรือสนใจภาษาญี่ปุ่นได้นำคำหลักและคำที่เกี่ยวข้องไปใช้พูดคุยกับคนญี่ปุ่นหากมีโอกาสเพื่อให้บทสนทนาน่าสนใจและมีชีวิตชีวา โดยได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับชื่อคนหรือคำญี่ปุ่นไว้ในระดับหนึ่งเพื่ออำนวยประโยชน์แก่ผู้ที่ต้องการค้นคว้าเพิ่มเติม อนึ่ง การถ่ายเสียงจากภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาไทยในทุกบทความอิงหลักการเขียนคำทับศัพท์ภาษาญี่ปุ่นของราชบัณฑิตยสถานเป็นหลักแม้ไม่ทั้งหมดก็ตาม โดยเฉพาะเรื่องการใช้เสียงสั้นและเสียงยาวตามหลักภาษาญี่ปุ่น

เกริ่นนำ

หิมะ คือ ละอองน้ำในอากาศที่แปรสภาพเป็นของแข็งเพราะอุณหภูมิต่ำ ลักษณะฟูเป็นปุยลอยลงมาจากท้องฟ้า (ราชบัณฑิตยสถาน) คงเพราะลักษณะที่แลดูนุ่มนวลและสีขาวสะอาดตาของหิมะ คนไทยจำนวนไม่น้อยจึงอยากเห็นด้วยตาตัวเอง อยากสัมผัสจริง หรือบางคนถึงขนาดอยากลองชิมจริงๆ ให้รู้รสเสียเลยว่าจะอร่อยเหมือนน้ำแข็งไสหรือไม่ หิมะคือสิ่งหนึ่งที่คนไทยอยากเห็นเมื่อไปญี่ปุ่น ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เพราะไทยไม่มีหิมะตามธรรมชาติ


หิมะแลดูสวยงาม แต่ก็สร้างความทุกข์ได้เช่นกัน ในปัจจุบัน บอกได้เลยว่ากรุงโตเกียวไม่ถูกกับหิมะ และคนโตเกียวมากมายก็ไม่อยากให้หิมะตก เพราะถ้าตกเมื่อไร มีความเป็นไปได้สูงว่าตารางรถไฟจะรวนและอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนที่ต้องเดินทาง และแล้วเหตุเช่นนั้นก็เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 มกราคมเมื่อหิมะตกหนัก ลูกศิษย์ผมส่งข้อความมาทางไลน์ “อาจารย์ช่วยด้วย รถไฟไม่วิ่งครับ แต่วันนี้สอบไล่ ทำยังไงดี” แต่กว่าผมจะเห็นข้อความนั้น เวลาก็ผ่านไป 8 ชั่วโมงแล้ว โชคดีที่มหาวิทยาลัยอนุโลมให้เพราะหิมะตกเป็นเหตุสุดวิสัย

นั่นคือตัวอย่างหนึ่งของความทุกข์จากหิมะ ระยะนี้ เกิดหิมะตกหนักในหลายภูมิภาคของญี่ปุ่น พลอยทำให้นึกถึงเรื่อง “นางหิมะ” ขึ้นมา และรู้สึกว่าความทุกข์ของผู้คนในแถบที่หิมะตกนั้นคงไม่ใช่เพิ่งเกิด ทว่ามีมาแต่โบราณ กลายเป็นเรื่องเล่าขานที่คนญี่ปุ่นทุกคนรู้จักในชื่อว่า “ยุกิ-อนนะ” (雪女;Yuki-onna) คำว่า “ยุกิ” แปลว่า หิมะ และคำว่า “อนนะ” แปลว่า ผู้หญิง เรื่องนี้จึงแปลตรงตัวได้ว่า “หญิงหิมะ” หรือ “นางหิมะ” นางหิมะเป็นผู้หญิงสวย แต่นางมาพร้อมกับอันตราย ก็คงเหมือนกับหิมะที่แลดูสวยงาม แต่ในความงามนั้นก็มีอันตรายแฝงอยู่ ดังที่โคะอิซุมิ ยะกุโมะ (小泉八雲; Koizumi, Yakumo) บันทึกเป็นเรื่องราว และผมประมวลมาให้อ่านกันดังนี้

นางหิมะ

ชายตัดฟืน 2 คนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง คนหนึ่งชื่อโมะซะกุ ส่วนอีกคนชื่อมิโนะกิชิ โมะซะกุเป็นชายชรา และมิโนะกิชิเป็นผู้ช่วยของเขา อายุ 18 ปี ทุกวันพวกเขาจะพากันไปที่ป่า ระหว่างทางสู่ป่า มีแม่น้ำกว้างขวางกั้น มีการสร้างสะพานมาหลายครั้งแล้ว ทว่าทุกครั้งสะพานจะถูกน้ำท่วมพัดพา ไม่มีสะพานธรรมดาๆ ที่จะทานกระแสน้ำที่นั่นได้ยามน้ำหลาก ตรงนั้นจึงมีเรือข้ามฟาก

เย็นวันที่มีอากาศหนาวจัดวันหนึ่ง โมะซะกุกับมิโนะกิชิติดพายุหิมะลูกใหญ่ขณะกำลังกลับบ้าน พวกเขาไปถึงเรือ พบว่าคนเรือไม่อยู่เสียแล้วและทิ้งเรือของเขาไว้ที่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ วันนั้นไม่ใช่วันที่จะว่ายน้ำข้ามฟากได้ ชายตัดฟืนทั้งสองจึงเข้าไปหลบในกระท่อมของคนเรือ พลางคิดว่าโชคดีที่ยังมีที่กำบังอยู่บ้าง

ในกระท่อมไม่มีเตาผิง ไม่มีที่ที่จะก่อไฟได้เลย เป็นเพียงกระท่อมแคบๆ มีประตูเดียว ไม่มีหน้าต่าง โมะซะกุและมิโนะกิชิหับประตู แล้วเอนตัวลงนอนพักผ่อน โดยมีเสื้อกันฝนที่ทำจากฟางห่มตัว ชายชราเกือบจะหลับในทันที แต่ชายหนุ่มมิโนะกิชินอนตาโพลงอยู่นาน ฟังเสียงลมที่ร้ายกาจและเสียงหิมะที่ตกกระทบประตูไม่ขาดช่วง แม่น้ำกำลังเชี่ยวกราก กระท่อมสั่นไหวและมีเสียงเสียดแทรกราวกับเรือสำเภากลางทะเล พายุช่างหนักหน่วง อากาศก็เย็นลงทุกขณะ มิโนะกิชิสั่นเทิ้มอยู่ภายใต้เสื้อกันฝนของตน แต่ในที่สุดก็หลับไปเช่นกันแม้ว่าจะหนาวเหน็บ

เขาตื่นขึ้นเพราะละอองหิมะปะทะหน้า ประตูกระท่อมถูกงัดเปิดออก และด้วยแสงสะท้อนของหิมะ เขาเห็นหญิงคนหนึ่งอยู่ในห้อง...เป็นผู้หญิงที่ขาวโพลนไปทั้งตัว

นางกำลังค้อมตัวเหนือโมะซะกุ และกำลังเป่าลมไปบนตัวเขา ลมที่นางเป่าแลดูคล้ายควันสีขาวกระจ่าง เกือบจะเวลาเดียวกัน นางหันมาทางมิโนะกิชิและก้มลงเหนือตัวเขา เขาพยายามร้อง แต่ก็ไม่มีเสียงอันใดเล็ดลอดออกมา

สตรีขาวโพลนเอนตัวเข้าหาเขา ต่ำลง ต่ำลง กระทั่งใบหน้าของนางเกือบจะสัมผัสเขา แล้วเขาก็ได้เห็นว่าหญิงนางนี้งามมากแม้ว่าดวงตาของนางทำให้เขากลัวก็ตาม นางยังคงมองเขาต่อไปครู่หนึ่ง นางยิ้ม แล้วกระซิบว่า
ภาพ “นางหิมะ” โดยซูชิ ซะวะกิ (佐脇嵩之; Sawaki, Sūshi;1707-1772)
“ข้าตั้งใจจะปฏิบัติกับท่านหมือนที่ทำกับชายอื่น แต่ข้าอดสงสารท่านอยู่บ้างไม่ได้เพราะท่านยังหนุ่มนัก ท่านเป็นชายหนุ่มรูปงาม มิโนะกิชิ ข้าจะไม่ทำร้ายท่านตอนนี้ แต่ถ้าท่านเล่าให้คนอื่นฟังว่าท่านได้เห็นอะไรในคืนนี้ แม้แต่กับแม่ของท่านก็ตาม ข้าก็จะล่วงรู้และจะฆ่าท่านเสีย ท่านจำเรื่องที่ข้าพูดเอาไว้นะ”

พอเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้แล้ว นางก็หันออกจากเขา และผ่านประตูออกไป ต่อมาเขาก็พบว่าตัวเองขยับเขยื้อนได้ เขาเด้งตัวขึ้นและมองออกไป แต่ไม่เห็นหญิงผู้นั้นเลยไม่ว่าที่ใด หิมะยังคงกระหน่ำอย่างโกรธเกรี้ยวเข้ามาในกระท่อม มิโนะกิชิปิดประตูและทำให้แน่นโดยใช้ท่อนไม้หลายท่อนยันไว้ เขาสงสัยว่าเมื่อครู่นี้ลมพัดประตูเปิดออกหรือ เขาคิดว่าตัวเองอาจเพียงฝันไปและอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าแสงหิมะจากทางประตูหลอกตาให้มองเห็นเป็นตัวตนของสตรีสีขาว แต่เขาก็ไม่อาจแน่ใจ เขาเรียกโมะซะกุและตกใจที่ชายชราไม่ตอบ เขายื่นมือออกไปในความืด สัมผัสหน้าของโมะซะกุ และพบว่ามันกลายเป็นน้ำแข็งไปเสียแล้ว โมะซะกุแข็งทื่อ เขาตายแล้ว

พายุสงบช่วงรุ่งสาง พอคนเรือกลับมาที่จุดพักของตนหลังจากพระอาทิตย์ขึ้น เขาก็พบมิโนะกิชินอนหมดสติอยู่ข้างร่างที่เย็นเยียบแข็งทื่อของโมะซะกุ มิโนะกิชิได้รับการช่วยเหลือทันที และไม่ช้าก็ได้สติ แต่เขาป่วยอยู่นานจากผลของความหนาวในคืนเลวร้ายนั้น ทั้งยังตื่นกลัวอย่างมากจากการตายของชายชราด้วย แต่เขาก็ไม่ปริปากพูดอะไรเกี่ยวกับภาพสตรีสีขาวที่เห็น ทันทีที่ดีขึ้นอีกครั้ง เขาก็กลับไปทำอย่างเดิมอีก เข้าป่าเพียงลำพังทุกเช้าและกลับมาตอนย่ำค่ำพร้อมกับมัดไม้ที่แม่ของเขาช่วยขาย

เย็นวันหนึ่งในฤดูหนาวของปีต่อมา ขณะที่มิโนะกิชิกำลังกลับบ้าน เขาเจอเด็กสาวซึ่งบังเอิญเดินทางบนถนนเส้นเดียวกันพอดี เธอเป็นหญิงที่สูง ผอม และหน้าตาสะสวยมาก เธอทักตอบคำทักทายของมิโนะกิชิด้วยน้ำเสียงรื่นหูดุจเสียงนกร้องเพลง จากนั้นเขาก็เดินข้างๆ เธอและเริ่มพูดคุย หญิงสาวบอกว่าเธอชื่อโอะยุกิ และบอกว่าเมื่อไม่นานมานี้เธอสูญเสียทั้งพ่อและแม่ เธอกำลังจะไปเอะโดะ

ไม่ช้า มิโนะกิชิก็รู้สึกชอบพอเด็กสาวแปลกหน้าคนนี้ และยิ่งเขามองเธอ เธอก็ยิ่งดูสวยขึ้น เขาถามเธอว่ามีคู่หมั้นคู่หมายหรือยัง เธอตอบเศร้าๆ ว่ายังไม่มีพันธะใด

แล้วเธอก็ถามมิโนะกิชิกลับบ้างว่าแต่งงานหรือยัง หรือมีกำหนดจะแต่งงานหรือยัง เขาตอบเธอว่า เขามีแม่ที่เป็นม่าย แต่ก็ยังไม่ได้คิดถึงเรื่องลูกสะใภ้ของแม่ เพราะตัวเขายังอายุน้อยอยู่ หลังจากพูดคุยเรื่องส่วนตัวกันแล้ว ทั้งสองก็เดินไปเป็นเวลานานโดยไม่ได้พูดอะไร แต่ดังที่สุภาษิตว่าไว้ “หากมีใจให้กัน ดวงตาก็สื่อภาษาได้ราวกับถ้อยคำ” เมื่อเขาทั้งสองไปถึงหมู่บ้าน ต่างฝ่ายต่างก็พอใจซึ่งกันและกันมาก จากนั้นมิโนะกิชิก็ชวนให้โอะยุกิไปพักผ่อนสักครู่ที่บ้านของเขา เธอเขินอายลังเลอยู่หน่อยหนึ่ง แล้วจึงไปที่บ้านกับเขา แม่ของเขาต้อนรับเธอและเตรียมอาหารอุ่นๆ ให้ โอะยุกิปฏิบัติตัวอย่างดีเสียจนแม่ของมิโนะกิชิบังเกิดความคิดเกี่ยวกับเธอขึ้นโดยพลัน แล้วก็ชักชวนให้เธอเลื่อนการเดินทางไปเอะโดะ เรื่องก็ลงเอยอย่างธรรมดาว่า โอะยุกิไม่ได้ไปเอะโดะเลย เธอยังคงอยู่ในบ้าน ในฐานะลูกสะใภ้

โอะยุกิพิสูจน์ให้เห็นว่าตนเป็นลูกสะใภ้ที่ดีมาก ตอนที่แม่ของมิโนะกิชิตายเมื่อเวลาผ่านไปห้าปีกว่า ถ้อยคำสุดท้ายคือคำพูดแห่งความรักและความชื่นชมเมียของลูกชาย โอะยุกิมีลูกให้มิโนะกิชิ 10 คน ทั้งหญิงและชาย ทุกคนต่างรูปงามและมีผิวขาวกันทั้งนั้น คนในหมู่บ้านคิดว่าโอะยุกิเป็นหญิงที่วิเศษด้วยมีลักษณะที่แตกต่างจากพวกตน หญิงชาวนาส่วนใหญ่แก่เร็ว แต่โอะยุกิดูสาวและสดชื่นเหมือนกับวันที่เธอมาที่หมู่บ้านทีแรก ถึงแม้เป็นแม่ลูกสิบแล้วก็ตาม

คืนหนึ่ง หลังจากที่เด็กๆ เข้านอนกันแล้ว โอะยุกิกำลังเย็บผ้าโดยมีโคมกระดาษให้แสง และมิโนะกิชิซึ่งกำลังมองเธอ เอ่ยว่า

“พอมองดูเจ้าตอนที่กำลังเย็บผ้าอยู่ตรงนั้นแล้วมีแสงส่องหน้า ทำให้ข้าคิดถึงเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นตอนที่เป็นหนุ่มอายุ 18 ตอนนั้นข้าเห็นคนคนนึง สวยแล้วก็ขาวเหมือนเจ้าตอนนี้เลย จริงๆ นะ นางคนนั้นเหมือนเจ้ามาก”

โอะยุกิตอบโดยไม่ละสายตาขึ้นจากงาน

“เล่าเรื่องหญิงผู้นั้นให้ฟังหน่อยสิ ท่านเห็นนางที่ไหน”

แล้วมิโนะกิชิก็เล่าถึงคืนเลวร้ายในกระท่อมคนเรือ เขาเล่าเรื่องสตรีขาวโพลนที่ก้มลงมาเหนือเขา ยิ้ม และกระซิบ และเล่าเรื่องการตายอย่างเงียบเชียบของชายชราโมะซะกุ แล้วเขาก็บอกว่า

“ไม่ว่าตอนหลับหรือตอนตื่น นั่นเป็นแค่ครั้งเดียวที่ข้าได้เห็นผู้ที่งามเหมือนเจ้า แน่นอน นางไม่ใช่คน และข้าก็กลัวนาง กลัวมากๆ แต่ว่านางช่างขาวนัก ที่จริง ข้าไม่เคยแน่ใจเลยว่า สิ่งที่ข้าเห็นนั้น มันเป็นความฝัน หรือว่าเป็นนางหิมะ”

โอะยุกิเขวี้ยงผ้าที่กำลังเย็บ ผุดลุกขึ้น ก้มไปหามิโนะกิชิตรงที่เขากำลังนั่งอยู่ แล้วก็กรีดร้องใส่หน้า

“มันคือข้า ข้า ข้านี่แหละ ยุกิคนนี้แหละ ตอนนั้นข้าบอกแล้วใช่ไหมว่า ข้าจะฆ่าเจ้าซะถ้าหากเจ้าเอ่ยเกี่ยวกับเรื่องนั้นแม้แต่คำเดียว แต่เพื่อเห็นแก่เด็กๆ ที่กำลังหลับอยู่ตรงโน้น ข้าจะไม่ฆ่าเดี๋ยวนี้ และตอนนี้เจ้าควรจะดูแลพวกแกให้ดียิ่ง เพราะไม่งั้น ถ้าหากพวกแกมีเรื่องบ่นว่าเกี่ยวกับเจ้าละก็ ข้าจะทำกับเจ้าอย่างที่เจ้าจะควรจะได้รับ”
ภาพ “นางหิมะ” โดยเซะกิเอ็ง โทะริยะมะ (鳥山石燕; Toriyama, Sekien; 1712-1788)
ขณะที่กรีดร้อง เสียงของเธอเล็กลง ฟังราวกับลมหวีดหวิว จากนั้นเธอก็ละลายกลายเป็นหมอกขาวกระจ่างลอยขึ้นสู่หลังคาเรือน ก่อนจะไหวพะเยิบแล้วสลายผ่านออกไปทางช่องควัน และไม่ปรากฏตัวให้เห็นอีกเลย

**********
คอลัมน์ญี่ปุ่นมุมลึก โดย ดร.โฆษิต ทิพย์เทียมพงษ์ แห่ง Tokyo University of Foreign Studies จะมาพบกับท่านผู้อ่านโต๊ะญี่ปุ่น ทุกๆ วันจันทร์ ทาง www.manager.co.th

กำลังโหลดความคิดเห็น