ชาวญี่ปุ่นนับถือเทพเจ้าหลากหลายองค์ โดย “เอบิสุ” คือเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่ได้รับการสักการะมากที่สุด และศาลเอบิสุยังเป็นสถานที่ที่มีสาวสวยมากมายเป็นเหมือน“พริตตี้ศาลเจ้า” คอยต้อนรับผู้มาขอพร
เทศกาลโทกะ เอบิสุ 十日えびす ซึ่งจัดขึ้นหลังปีใหม่ และชาวญี่ปุ่นเดินทางไปขอพรมากมายถึงขนาดที่ต้องเบียดเสียดต่อแถวนานนับชั่วโมง แสดงให้เห็นว่าเทพแห่งโชคลาภองค์นี้ได้รับความนิยมอย่างมากจากชาวญี่ปุ่นที่เชื่อว่าจะดลบันดาลให้ทำมาค้าขึ้น การงานรุ่งเรือง
ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเอบิสุเป็น 1 ใน7เทพแห่งโชคลาภ และเป็นเทพแห่งท้องทะเล รูปลักษณ์ของเอบิสุเป็นชายอ้วนลงพุง ถือเบ็ดตกปลาหรือข้องจับปลา ใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มตลอดเวลา ชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะแถบคันไซ คือ นครโอซากาและเมืองโกเบ นิยมสักการะเอบิสุมากที่สุด เนื่องจากใกล้ชิดกับท้องทะเลซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักมาแต่อดีต และได้พัฒนาเป็นพื้นที่การค้าอันรุ่งเรืองต่อมา
เทศกาลโทกะ เอบิสุ จึงเป็นงานสำคัญที่สุดหลังปีใหม่ ศาลเอบิสุหลายแห่งจะจัดงาน 3วัน3คืน ตั้งแต่วันที่ 9-11 มกราคม และมีผู้คนมาสักการะอย่างเนืองแน่นตลอด 24 ชั่วโมงของทุกวัน
ผู้ที่มาขอพรเทพเอบิสุจะมักนิยมนำ “กิ่งไม้ศักดิ์สิทธิ์” ที่ทางศาลเจ้าแจกให้ไปตกแต่งด้วยเครื่องรางนำโชคต่างๆ โดยจะมีสาวสวยนับร้อยคนที่เรียกว่า “ฟุคุ มุสึเมะ” 福娘 หรือ เทพธิดานำโชค คอยจำหน่ายเครื่องนำโชคพร้อมอวยพรให้ “ทำมาค้าขึ้น”
เทศกาลนี้ยังถือเป็นการเริ่มต้นการทำงานหลังวันหยุดปีใหม่ ในบางศาลเจ้าจึงมีการตั้งแผงจำหน่ายพืชผักและปลาเพื่อเอาฤกษ์เอาชัยด้วย นอกจากนี้ยังมีการนำอาหารและเหล้าที่ทางศาลเจ้าได้รับบริจาคมาให้ผู้ที่มาสักการะได้กินดื่ม โดยสามารถทำบุญบริจาคตามจิตศรัทธา
ไฮไลท์ที่สำคัญอย่างอย่างหนึ่ง คือ การรอรับแป้งโมจิที่เทพธิดานำโชคจะปาให้กับผู้ที่มาศาลเจ้า เชื่อกันว่าโมจินี้คือของนำโชคที่จะทำให้กินดีอยู่ดีตลอดทั้งปี
ศาลเจ้าบางแห่งยังจำหน่ายแผ่นไม้สะเดาะเคราะห์ ซึ่งจะมีคำอวยพรต่างๆทั้ง การงานราบรื่น การค้ารุ่งเรือง ความรักสมหวัง พานพบเนื้อคู่ สุขภาพแข็งแรง ครอบครัวปลอดภัย รวมทั้ง คำอวยพรเรื่องการเรียนและการสอบแข่งขัน เป็นต้น
ผู้ที่จะขอพรสามารถเลือกซื้อแผ่นไม้นี้ได้ตามประสงค์ จากนั้นก็เขียนชื่อพร้อมอายุ (อายุจริง+ 2ปี) ลงบนแผ่นไม้ ซึ่งทางศาลเจ้าจะรวมรวมแผ่นไม้นี้ไปเผาภายในวันที่ 15 มกราคม โดยเชื่อกันว่าควันไฟจะนำคำขอพรไปยังเทพเจ้า
นอกจากเทศกาลโทกะ เอบิสุในเดือนมกราคมแล้ว ชาวญี่ปุ่นยังนิยมสักการะเอบิสุในช่วงต้น ตุลาคมด้วย เนื่องจากเชื่อกันว่าในช่วงนั้นเทพเจ้าทั่วญี่ปุ่นจะเดินทางไปประชุมที่ศาลเจ้าอิสุโม จนเดือนตุลาคมถูกเรียกกันว่า “เดือนไร้เจ้า” หากแต่เอบิสุหูตึงจึงไม่ได้ยินเสียงเรียกให้ไปประชุม และเป็นเทพองค์เดียวที่เหลืออยู่ให้สักการะในช่วงนั้น
จากเทพแห่งโชคลาภกลายเป็นเครื่องหมายการค้า
ความนิยมในเทพเอบิสุทำให้บริษัทต่างๆต้องการใช้เป็นเครื่องหมายการค้า ที่โด่งดังที่สุดคือ เบียร์เอบิสุ Yebisu ที่ผลิตโดยบริษัทซับโปโรเบียร์
นอกจากนี้ยังมีสถานีรถไฟเจอาร์ที่ใช้ชื่อสถานี “เอบิสุ” ตั้งอยู่ที่เขตชิบุยะ ในกรุงโตเกียว และอีกแห่งหนึ่งอยู่ที่เมืองมิกิ จังหวัดเฮียวโกะ.
ยลโฉมสาวๆ "เทพธิดานำโชค" ในเทศกาลสักการะเอบิสุ