ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ตร.กองปราบจับกุม “โจรลงพุง” ได้แล้ว หลังตระเวนก่อเหตุหลอกเงินเหยื่อตามร้านค้าต่างๆ เกือบทุกภาคทั่วประเทศ โดยหลอกว่าเจ้าของร้านใช้ให้มาเก็บเงินค่าสินค้า และบางครั้งก็ยังปลอมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐอีกด้วย
วันนี้ (8 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ ผกก.6 บก.ป และ พ.ต.ท.วชิรศักดิ์ ขาวนวล รอง สว.กก.6 พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราบ กก.6 บก.ป จับกุม นายเศรษฐา บัวงาม อายุ 44 ปี ชาวกรุงเทพฯ ฉายา “โจรลงพุง” ผู้ต้องหาคนสำคัญที่มีหมายจับติดตัว 8 หมายจับ ในคดีฉ้อโกง ซึ่งตำรวจกองปราบติดตามไปจับกุมได้ที่ห้องพักอัมพรเพลส เลขที่ 145 หมู่ 10 ต.ธงชัยเหนือ อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นพื้นที่ก่อเหตุครั้งล่าสุดในปีนี้
ก่อนที่จะควบคุมตัวกลับมาสอบสวนที่ศูนย์ประสานงานกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม จ.สงขลา โดยมีกลุ่มผู้เสียหายทั้งใน อ.หาดใหญ่ และจาก จ.กระบี่ เดินทางมาชี้ตัวยืนยัน ซึ่งพฤติกรรมของโจรลงพุงรายนี้ จะใช้กลอุบายเข้าไปในร้านค้า และอ้างต่อพนักงานว่าเจ้าของร้านให้มาเก็บเงินค่าสั่งซื้อสินค้า ค่าประกัน ค่าจ้างต่างๆ และบางครั้งยังอ้างเป็นเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน เพื่อเรียกเก็บเงินค่าหนังสือที่ดิน แล้วแต่จะแต่งเรื่องขึ้นมา โดยส่วนใหญ่จะเรียกเก็บเงินต่ำสุดหลักพัน ไปจนถึงประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท
จากการตรวจสอบประวัตพบว่า เคยตระเวนก่อเหตุหลอกเงินเหยื่อมาแล้วในหลายจังหวัดเกือบทุกภาคของประเทศ เช่น อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จ.กระบี่ จ.นครศรีธรรมราช จ.ชลบุรี จ.นครราชศรีมา และในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งมีทั้งที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ และไม่ได้แจ้งความ
และจากการสอบสวน นายเศรษฐา ก็ยอมรับผิดแต่โดยดี และบอกว่า มีอาชีพรับจ้างทำกระจกและงานอะลูมิเนียม ก่อเหตุในลักษณะนี้มานับไม่ถ้วน ทำมาหลายปีช่วงที่เงินขาดมือ และพร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้เสียหายทุกคน หลังจากนี้ จะยอมปรับตัวเป็นคนดี และช่วยงานเจ้าหน้าที่ พร้อมกับเตือนให้ประชาชนระวังผู้ที่มีพฤติกรรมลักษณะเดียวกับตน
สำหรับหนึ่งในผู้เสียหายที่ถูก นายเศรษฐา หลอกเงินคือ น.ส.กนกวรรณ เพชรณรงค์ อายุ 25 ปี ซึ่งเป็นพนักงานในร้านต้นอ้อโมบาย ภายในห้างบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า หาดใหญ่ บอกว่า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2559 ถูก นายเศรษฐา เข้ามาเก็บค่าประกัน ค่าเครม เป็นเงิน 21,300 บาท และทำทีโทรศัพท์คุยกับเจ้าของร้านเพื่อให้เชื่อใจ แต่ในขณะนั้นเงินไม่พอ มีเงินสดอยู่เพียง 7,300 บาท และนายเศรษฐา ก็บอกว่า เอาเท่าที่มีมาก่อน ตนจึงให้ไป
แต่เมื่อโทร.ถามเจ้าของร้านกลับไม่รู้เรื่อง จึงรู้ว่าถูกหลอก และได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.หาดใหญ่ และขณะที่ น.ส.กนกวรรณ มาเห็นหน้า นายเศรษฐา ถึงกับเก็บอารมณ์ไม่อยู่ชี้หน้าด่าและตบหน้าไป 1 ครั้ง เพราะต้องนำเงินเดือนมาชดใช้ให้แก่ทางร้าน ซ้ำร้ายยังมีบางคนเข้าใจผิดว่าตนร่วมมือกับผู้ต้องหาหลอกเอาเงินทางร้านไป ซึ่งเสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก
ส่วนอีกกรณี นายเศรษฐา ได้อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ที่ดิน ไปเรียกเก็บเงินค่าหนังสือที่ดิน จำนวน 28,600 บาท จากร้านนวดแผนโบราณแห่งหนึ่งบนเกาะสมุย ซึ่งเป็นของชาวต่างชาติ และใช้วิธีเดียวกัน คือ ทำทีติดต่อโทรศัพท์พูดคุยกับเจ้าของร้าน และพนักงานจึงยอมจ่ายเงินไป เช่นเดียวกับในจังหวัดอื่นๆ ซึ่งทำทีเข้าไปติดต่อพนักงานในร้าน อ้างว่ามาเก็บเงินค่าสินค้า ค่าประกัน และค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามแต่จะคิดเอาในขณะนั้น ซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่จะหลงเชื่อ และจ่ายเงินไป