xs
xsm
sm
md
lg

ภาคกลางป่วยหลอดเลือดหัวใจมากสุด อีสานมีปัญหาไต เหตุพฤติกรรมการกิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

กรมควบคุมโรคสำรวจพบภาคกลางพบป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจมากสุด ด้านภาคอีสานมีปัญหาโรคไต ส่วน กทม. คาดแหล่งรวมทุกโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เหตุพฤติกรรมการกิน พบสูบบุหรี่ -ดื่มเหล้ามากขึ้น กินผลไม้เพียงพอลดลง แนะใช้หลัก 3 อ. 2 ส. ดูแล

วันนี้ (30 ก.ย.) นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) แถลงข่าวผลการสำรวจพฤติกรรมเสี่ยงโรคไม่ติดต่อ ว่า ประเทศไทยมีคนเสียชีวิตราว 430,600 คน จำนวนนี้ร้อยละ 70 หรือประมาณ 314,000 คน เสียชีวิตด้วยโรคไม่ติดต่อ คร. จึงดำเนินการสำรวจพฤติกรรมเสี่ยง โรคไม่ติดต่อและการบาดเจ็บ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน พฤติกรรมการสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น ในประชากรอายุ 15-79 ปี จำนวน 22,502 คน จาก 12 เขตสุขภาพ ช่วง ก.พ.- ก.ค. 2558 พบว่า ประชาชนทราบว่าตนเองเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากที่สุดถึงร้อยละ 15.3 หรือประมาณ 5.7 ล้านคน ซึ่งมากกว่าปี 2553 ที่พบร้อยละ 9.1 หรือประมาณ 4.1 ล้านคน ขณะผู้ที่ทราบว่าตนป่วยเป็นโรคเบาหวานพบร้อยละ 8.3 หรือประมาณ 2.4 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่พบร้อยละ 4.2 หรือประมาณ 1.9 ล้านคน โดยการเพิ่มขึ้นนั้นอาจมาจากการตรวจสุขภาพมากขึ้น

ปัจจุบันประเทศไทยมีภาวะน้ำหนักเกินและอ้วน โดยผลสำรวจพบร้อยละ 30.5 มีภาวะน้ำหนักเกินที่ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 25 กิโลกรัมต่อตารางเมตรขึ้นไป และผู้ที่ถือว่าอ้วนลงพุงมีอยู่ร้อยละ 7.5 ซึ่งภาวะน้ำหนักเกินหรือภาวะอ้วนนี้ มีความสัมพันธ์และเกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยง ทั้งระดับไขมันในเลือดสูง หรือระดับน้ำตาลในเลือดสูง เป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน เป็นต้น” อธิบดี คร. กล่าว

นพ.อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดี คร. กล่าวว่า สำหรับพฤติกรรมเสี่ยงสุขภาพต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อ พบว่า มาจากการสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งการสำรวจปี 2558 พบว่า การสูบบุหรี่ในปัจจุบันสูงถึงร้อยละ 21.3 มากกว่าปี 2553 ที่พบร้อยละ 18.7 ส่วนการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใน 12 เดือนที่ผ่านมาพบร้อยละ 36.2 มากกว่าปี 2553 พบร้อยละ 29.5 ขณะที่เมื่อสอบถามว่าช่วง 7 วันที่ผ่านมามีการรับประทานผักและผลไม้น้อยกว่า 5 หน่วยมาตรฐานต่อวันพบร้อยละ 75.7 ลดลงจากปี 2553 ที่พบร้อยละ 78.5 อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ ยึดหลักง่ายๆ 3 อ. 2 ส. โดย 3 อ. ประกอบด้วย ออกกำลังกายให้เหมาะสมและเพียงพอ วันละ 30 นาที การบริโภคอาหารให้เหมาะสม ลดหวาน มัน เค็ม และปรับอารมณ์ให้ไม่เครียดมากเกินไป ขณะที่ 2 ส. คือ ลดการสูบบุหรี่ และลดการดื่มสุรา

ด้าน นพ.ภานุวัฒน์ ปานเกตุ ผู้อำนวยการสำนักโรคไม่ติดต่อ กล่าวว่า หากนับเป็นรายภาคจะพบว่า แต่ละภาคมีภาวะเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เฉลี่ยไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กลับพบปัญหาโรคไตมากกว่าภาคอื่น ๆ อาจเพราะพฤติกรรมการบริโภคเค็ม รวมทั้งมีปัจจัยด้านพันธุกรรม ขณะที่โรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง จะพบมากในภาคกลาง ซึ่งสัมพันธ์กับภาวะความอ้วน เนื่องจากวิถีชีวิตคนภาคกลาง การรับประทานผักและผลไม้น้อย ขณะที่พื้นที่ กทม. แม้ไม่ได้สำรวจในครั้งนี้ แต่จากข้อมูลที่ผ่านมาพบว่า กทม. เป็นพื้นที่ที่มีประชากรมาจากทุกภาคของประเทศ ถือเป็นแหล่งรวมของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง จึงทำให้พบได้ทั้งหมด ทั้งภาวะอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมอง

ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่


กำลังโหลดความคิดเห็น