สมองเป็นอวัยวะสำคัญในการควบคุมการทำงานทุกส่วนของร่างกาย หากสมองได้รับการกระทบกระเทือนจะทำให้ร่างกายไม่สามารถทำงานได้อย่างปกติ เราจึงควรรักษาสมองให้คงอยู่ในสภาพดีและฝึกฝนให้สมองฉลาดอยู่เสมอ เพื่อชีวิตที่มีความสุข ดังนั้นวันนี้ผู้เขียนขอเขียนเรื่อง 8 ลักษณะนิสัยที่ไม่ควรกระทำเพราะจะทำลายสมองดังนี้
1.ขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ หลายครั้งที่เราติดเป็นนิสัยไม่ดีที่เป็นตัวทำลายสมอง ยกตัวอย่างเช่น การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เป็นโรคขี้หลงขี้ลืมจำไม่ได้ รวมทั้งเป็นโรคอัลไซเมอร์ ดังนั้นทางที่ดีที่สุดคือควรนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ และหากเรามีปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน อีกทั้งควรปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดเพื่อไม่ให้มีแสงไปรบกวนในขณะที่เรานอนหลับ
2. ใช้เวลาอยู่คนเดียวนานเกินไป มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อที่จะมีความสัมพันธ์ทางสังคม ไม่ได้ขึ้นอยู่ว่าเรามีจำนวนเพื่อนใน Facebook มากขนาดไหน แต่เราควรมีความสัมพันธ์ที่แสดงออกเป็นการกระทำ เช่น นัดพบเพื่อน ไปไหนมาไหนด้วยกัน พูดคุย เล่าเรื่องราวต่างๆให้กันและกันฟัง คนที่มีเพื่อนสนิทสองสามคน จะมีความสุขและทำงานที่เกิดผลมากกว่าคนที่มีเพื่อนมากมายที่ไม่รู้จักตัวตนกันจริงๆในfacebook ดังนั้นถ้าเราอยู่เพียงลำพังเสมอและปล่อยให้ตัวเองเหงา จะเป็นผลร้ายต่อสมอง ดังนั้นเราควรโทรศัพท์ถึงเพื่อนและหากิจกรรมทำร่วมกัน เช่นไปออกกำลังกายด้วยกัน ไปเต้นรำด้วยกัน เพื่อพัฒนาสมองเป็นต้น
3. รับประทานอาหารขยะมากเกินไป หน้าที่ส่วนหนึ่งของสมองนั้นคือการเชื่อมโยงความจำและการเรียนรู้ สุขภาพจิตของคนที่ทานอาหารขยะ เช่น แฮมเบเกอร์ มันทอด เครื่องดื่มโซดาต่างๆจะทำลายสมองได้มากกว่าคนที่รับประทานอาหารสุขภาพ เช่น ข้าวสาลี ถั่ว พืชผักใบเขียว เป็นต้น ดังนั้นหากเราต้องการให้สมองได้รับการพัฒนาและใช้งานอยู่คู่กับเราไปนานๆ เราควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
4. ใส่หูฟังตลอดเวลา เมื่อเราใส่หูฟังแล้วเปิดเสียงดังเต็มที่ เสียงนั้นจะเข้าไปทำลายสมองได้ภายในเวลาเพียง 30 นาที ไม่เพียงแต่หูของเราเท่านั้นที่ถูกทำลาย แต่เสียงที่ดังมากจะทำลายสมองด้วย อีกทั้งทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์หรือสูญเสียเซลต่างๆในสมอง สาเหตุอาจเป็นเพราะว่าสมองทำงานหนักมากเกินไปเพราะต้องเข้าใจคำต่างๆพร้อมกับแปลความหมายในขณะที่มีเสียงดัง ดังนั้นให้เราลดระดับเสียงเพลงลงไม่ควรเกิน 60% ของคลื่นความถี่ในระดับสูงสุด และไม่ควรฟังเสียงเพลงดังๆเป็นเวลานานหลายๆชั่วโมง
5. ชอบนั่งนิ่งๆโดยไม่เคลื่อนไหวร่างกาย หากเราไม่เคลื่อนไหวร่างกายอย่างเพียงพอจะทำให้เราเป็นโรคความจำเสื่อมและมีโรคอื่นที่จะตามมาอีกมากมาย เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง ซึ่งโรคต่างๆเหล่านี้สามารถจะเชื่อมโยงให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ ซึ่งการเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องไปวิ่งแข่งมาราธอน แค่เพียงการเดินเล่นในสวนหรือรอบๆบ้านเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างน้อยสามวันต่อหนึ่งสัปดาห์
6. สูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ทำให้สมองถูกทำลาย และทำให้ความจำเสื่อมลง อีกทั้งทำให้เป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ถึงสองเท่าเทียบกับคนที่ไม่ได้สูบ นอกจากนี้การสูบบุหรี่ยังเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคเส้นเลือดในสมองแตก และโรคความดันโลหิตสูงอีกด้วย
7. ทานอาหารมากเกินไป หากเราทานอาหารมากเกินไปแม้ว่าจะเป็นอาหารที่ดี แต่จะส่งผลเสียต่อสมองมากกว่าส่งผลดี เพราะสมองไม่สามารถจะสร้างเครือข่ายในการเชื่อมโยงด้านความคิดและความจำได้ การรับประทานอาหารที่มากเกินไปจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ เพราะการมีน้ำหนักเกินทำให้เป็นโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคต่างๆเหล่านี้จะเชื่อมโยงต่อปัญหาทางด้านสมองและโรคอัลไซเมอร์
8. อยู่ในความมืดมากเกินไป หากเราไม่ได้รับแสงจากธรรมชาติเราจะรู้สึกเครียดและทำให้สมองทำงานช้าลงนักวิจัยค้นพบว่าแสงอาทิตย์สามารถจะช่วยให้สมองของเราทำงานได้ดี
หากเรารู้เช่นนี้แล้วเราจึงควรหลีกเลี่ยงลักษณะนิสัยต่างๆที่กล่าวมาซึ่งเป็นตัวการทำลายสมอง หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านไม่มากก็น้อยเป็น กำลังใจให้ผู้อ่านเสมอค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง
Webmd.com