กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นแจ้งให้ชาวญี่ปุ่นที่จะเดินทางมายังประเทศไทยเพิ่มความระมัดระวัง หลังเกิดเหตุระเบิด 2 ครั้งที่กรุงเทพฯ ขณะที่นักวิชาการคาดหวัง คสช. เร่งฟื้นคืนความเชื่อมั่น ก่อนสะเทือนความมั่นคงทางการเมือง
กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น และสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ประจำประเทศไทย แจ้งข่าวแก่ชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไทย และนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมายังประเทศไทย โดยได้ปรับระดับเพิ่มระดับคำเตือนความปลอดภัยใน กทม. จากที่ไม่มีคำเตือนใดๆ เลยเป็นระดับสีเหลือง คือ "ให้ใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง"
คำเตือนระดับสีเหลืองเป็นระดับต่ำที่สุด จากทั้งหมด 4 ระดับ โดยนักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางมายังประเทศได้ และใช้ชีวิตได้ตามปกติเพียงแต่ให้เพิ่มความระมัดระวัง โดยพื้นที่ในประเทศไทยที่ทางการญี่ปุ่นมีคำเตือนมาก่อนหน้านี้ ได้แก่ ชายแดนด้านปราสาทพระวิหาร และ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีคำเตือนระดับสีส้ม คือ “ให้ทบทวนการเดินทาง”
ชาวญี่ปุ่นเจ็บสาหัส มาไทยเตรียมสำรวจงานสร้าง “รถไฟความเร็วสูง”
สื่อมวลชนญี่ปุ่นยังคงติดตามข่าวเหตุระเบิดครั้งรุนแรงที่สุดในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีชาวญี่ปุ่น 1 รายได้รับบาดเจ็บสาหัส คือ “นายอันโด โคตะ” วัย 31 ปี ที่ขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ในห้อง ICU
ทั้งนี้ นายโคดะเป็นพนักงานของบริษัทเจอาร์ อีสต์ เดินทางมาประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1กรกฎาคม เพื่อทำงานด้านกฎหมายในการสำรวจการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ที่รัฐบาลไทยร่วมมือกับรัฐบาลญี่ปุ่น นายโคดะถูกสะเก็ดระเบิดขณะกำลังเดินทางกลับที่พัก และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยอาการสาหัส
ระเบิด 2 ลูก สะเทือนความเชื่อมั่น
สถานทูตญี่ปุ่น ระบุในเอกสารที่แจกจ่ายให้กับชาวญี่ปุ่นในประเทศไทยว่า “ทางการได้กำลังเร่งคลี่คลายเหตุระเบิดครั้งใหญ่ หากแต่มีความเป็นไปได้ที่อาจเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นอีก จึงขอให้ชาวญี่ปุ่นใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด”
ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ยอมรับกับสถานีโทรทัศน์ของญี่ปุ่นว่า ค่อนข้างกังวลกับเหตุที่เกิดขึ้น เพราะเป็นย่านที่ชาวญี่ปุ่นใช้ชีวิตประจำวัน และจับจ่ายซื้อสินค้าอยู่เป็นประจำ
ด้านสถานีวิทยุ NHK ได้สัมภาษณ์ศาตราจารย์ยะซุฮิโตะ อะซะมิ จากมหาวิทยาลัยโฮเซ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองไทยเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ โดยระบุว่า ในช่วงไม่กี่ปีมานี้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นหลายอย่าง และเกิดเหตุระเบิดค่อนข้างบ่อยในประเทศไทย แต่ไม่เคยมีครั้งใดที่มีผู้เสียชีวิตเพราะการระเบิดคราวเดียวมากเท่าครั้งนี้ และไม่เคยมีครั้งใดที่เกิดในพื้นที่ที่คนต่างชาติจำนวนมากได้รับผลกระทบ
อาจารย์กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดออกมาอ้างความรับผิดชอบ เบื้องหลังเหตุครั้งนี้จึงไม่ชัดเจน แต่ช่วงนี้ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม เนื่องจากภายหลังการก่อรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วเป็นต้นมา เมื่อมองเผินๆ การประท้วงก็ไม่มีและเหตุก่อความไม่สงบก็น้อยลง รัฐบาลจึงได้รับความชื่นชมในระดับหนึ่ง แต่เมื่อเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นจึงมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเกิดความไม่พอใจต่อมาตรการด้านความมั่นคงปลอดภัย สถานการณ์การเมืองของไทยจึงไม่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ชาวญี่ปุ่นได้แสดงความห่วงใยและกำลังใจมายังชาวไทย พร้อมคาดหวังว่า รัฐบาลไทยจะเร่งฟื้นคืนความเชื่อมั่น ก่อนที่สถานการณ์จะบานปลายจนสะเทือนความมั่นคงทางการเมืองของรัฐบาล และเศรษฐกิจของประเทศไทย.
