รอยเตอร์ - รัฐบาลทหารพม่าประกาศเคอร์ฟิวในเมืองซิตตเว (Sittwe) ทางตะวันตกของประเทศ ตามที่ระบุในเอกสารของรัฐบาลและรายงานของสื่อ ท่ามกลางการสู้รบที่รุนแรงขึ้นในหลายแนวรบระหว่างทหารและกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์
ชาวเมืองซิตตเวในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของประเทศ ได้รับคำสั่งห้ามไม่ให้ออกจากเคหสถานหลัง 21.00 น. และธุรกิจต่างๆ จะต้องปิดทำการภายในเวลา 20.30 น. ไม่เช่นนั้นจะเผชิญกับการดำเนินการทางกฎหมาย ตามประกาศที่ออกโดยหน่วยงานปกครองท้องถิ่นลงวันที่ 13 พ.ย.
Narinjara News และ Western News ที่เป็นสื่อท้องถิ่น รายงานถึงการประกาศใช้เคอร์ฟิวเช่นกัน
แต่โฆษกของรัฐบาลทหารไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นจากรอยเตอร์ในเรื่องนี้
การสู้รบเกิดขึ้นทั่วรัฐยะไข่ ตามการเปิดเผยของชาวบ้านและโฆษกของกองทัพอาระกัน (AA) กลุ่มติดอาวุธที่ต่อสู้เรียกร้องสิทธิในการปกครองตนเอง ที่ได้เข้ายึดฐานทหารในเมืองระเตะด่อง และเมืองมินบยา
ชาวเมืองระเตะด่องกล่าวกับรอยเตอร์ว่าเมืองถูกระดมยิงด้วยปืนใหญ่และทหารเข้ามาในเมืองแล้ว
“ลูกปืนใหญ่ตกลงบนถนนในเมืองระเตะด่องเมื่อคืนนี้ ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต” ชาวเมืองรายหนึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย กล่าว
“ผู้คนเริ่มหลบหนีออกจากเมือง ทหารอยู่ในเมืองตอนนี้” ชาวเมืองกล่าว
ผู้นำทหารของพม่ากำลังเผชิญกับการทดสอบครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เข้ายึดอำนาจในการรัฐประหารปี 2564 หลังจากกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ 3 กลุ่ม เปิดฉากประสานงานโจมตีในปลายเดือน ต.ค. เข้ายึดเมืองและฐานทหารได้หลายแห่ง
ประธานาธิบดีกล่าวเมื่อสัปดาห์ก่อนว่าพม่าอาจแตกเป็นเสี่ยง จากการตอบโต้ที่ไม่มีประสิทธิภาพต่อกลุ่มกบฏ ที่นายพลระบุว่าเป็นผู้ก่อการร้าย
การโจมตีประสานงานต่อต้านรัฐบาลทหารเริ่มขึ้นในวันที่ 27 ต.ค. ในรัฐชาน ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ บริเวณชายแดนจีน ซึ่งกลุ่มติดอาวุธสามารถยึดเมืองได้จำนวนหนึ่งและฐานทหารมากกว่า 100 แห่ง และเมื่อต้นสัปดาห์ รัฐบาลทหารได้ประกาศเคอร์ฟิวในรัฐชาน
การสู้รบปะทุขึ้นใน 2 แนวรบใหม่ในสัปดาห์นี้ ที่รัฐยะไข่ และรัฐชิน ทางตะวันตกของประเทศ ที่ทำให้ประชาชนราว 5,000 คน ต้องอพยพหนีภัยเข้าไปในอินเดีย
รัฐชิน ที่สงบสุขมานานหลายปี ต้องเผชิญกับการต่อสู้อย่างดุเดือดหลังการรัฐประหารปี 2564 โดยชาวบ้านหลายพันคนลุกขึ้นจับอาวุธต่อต้านการปกครองของทหาร.