เอเอฟพี - กลุ่มพันธมิตรของ 3 กลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ในพม่า กล่าวว่ากลุ่มได้เปรียบมากขึ้นในการต่อสู้กับรัฐบาลทหารในวันนี้ (3) ที่รัฐบาลทหารได้ให้คำมั่นว่าจะตอบโต้ความท้าทายทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดที่พวกเขาเผชิญนับตั้งแต่ยึดอำนาจ
การสู้รบดำเนินมาเป็นเวลา 1 สัปดาห์ในพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐชานใกล้ชายแดน ที่ส่งผลให้ผู้คนมากกว่า 23,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนตนเอง ตามการระบุของสหประชาชาติ
กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติพม่า (MNDAA) กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (TNLA) และกองทัพอาระกัน (AA) ระบุว่าพวกเขายึดฐานทหารได้หลายสิบแห่ง ยึดเมือง 4 แห่ง และปิดกั้นเส้นทางการค้าสำคัญที่มุ่งไปจีน
TNLA เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า นักสู้ของกลุ่มได้เข้ายึดฐานทหารใกล้เมืองน้ำคำที่อยู่ใกล้กับชายแดนจีนในวันนี้ (3) และโฆษกของ TNLA ระบุว่ากองทัพได้สั่งการโจมตีทางอากาศและการโจมตีด้วยปืนใหญ่
ส่วน MNDAA ระบุในช่องทางสื่อของตนเองว่านักสู้ของกลุ่มได้รับชัยชนะจากการต่อสู้ในเขตโกก้าง ที่อยู่ห่างออกไปทางตะวันออกราว 100 กิโลเมตร
เมื่อวันพฤหัสฯ (2) โฆษกของรัฐบาลทหารระบุว่า คำกล่าวอ้างที่ว่ากลุ่มพันธมิตรชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ยึดเมืองหลายเมืองในรัฐชานเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ ขณะที่ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารกล่าวว่ากองทัพจะดำเนินการโจมตีตอบโต้กลุ่มติดอาวุธ ความคิดเห็นที่ถูกนำออกเผยแพร่โดยหนังสือพิมพ์โกลบอล นิว ไลท์ ออฟ เมียนมาร์ ในวันศุกร์ (3)
โฆษกของรัฐบาลทหารกล่าวเมื่อวันพุธว่ากองทัพสูญเสียการควบคุมเมืองชินชเวห่อ ศูนย์กลางการค้าสำคัญบริเวณชานแดนติดกับมณฑลหยุนหนานของจีน
รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยฮ่องกงกล่าวกับเอเอฟพีว่า การสูญเสียเมืองชินชเวห่อ และการปิดกั้นถนนสายหลักที่มุ่งสู่จีนนั้น ‘อย่างน้อยที่สุดในตอนนี้คือการค้าชายแดนทวิภาคีระหว่างจีนและพม่าจะหยุดลง’
ทั้งนี้ การค้าชายแดนทวิภาคีระหว่างสองประเทศระหว่างเดือน เม.ย. ถึงเดือน ก.ย. ปีนี้ มีมูลค่ามากกว่า 1,800 ล้านดอลลาร์ สื่อของรัฐรายงานในเดือน ก.ย. ซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญสำหรับรัฐบาลทหาร.
