MGR Online - 3 พันธมิตรเหนือ ตะอั้ง โกก้าง อาระกัน บุกโจมตีสถานีตำรวจในล่าเสี้ยว เจ้าหน้าที่ดับ 14 สูญหายอีก 2 เผยทัพพม่างง หลังเผชิญสถานการณ์ที่ซับซ้อนในรัฐชานที่มีกองกำลังหลายกลุ่ม ส่งมือเจรจาพบผู้นำว้าและกองทัพบ้านไฮหวังสร้างสันติ แต่หลังคุยเสร็จ ฮ.ถูกยิงกลางอากาศ ส่วนเพจว้ากลับแพร่ภาพทหารชู 3 นิ้ว
สถานการณ์สู้รบในรัฐกะเหรี่ยงและคะฉิ่น แม้มีความตึงเครียดแต่ไม่ซับซ้อน เพราะคู่สงครามใน 2 รัฐนี้มีความชัดเจน ในรัฐคะฉิ่นเป็นการสู้รบระหว่างกองทัพพม่ากับกองทัพเอกราชคะฉิ่น (KIA) ขณะที่รัฐกะเหรี่ยงเป็นการสู้รบของกองทัพพม่ากับกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNLA) แตกต่างจากในรัฐชานซึ่งมีกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์เคลื่อนไหวอยู่ไม่น้อยกว่า 7 กลุ่ม และความสัมพันธ์ที่แต่ละกลุ่มมีต่อกองทัพพม่าก็ไม่เหมือนกัน (ดูแผนที่ตั้งกองกำลังต่างๆ ในรัฐชานประกอบ)
เวลา 05.00 น. วานนี้ (10 เม.ย.) 3 กองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่รวมตัวกันในนามพันธมิตรภาคเหนือ ประกอบด้วย กองทัพตะอั้ง (TNLA) กองทัพโกก้าง (MNDAA) และกองทัพอาระกัน (AA) สนธิกำลังเข้าโจมตีสถานีตำรวจประจำเมืองหนองมอน อำเภอล่าเสี้ยว จังหวัดล่าเสี้ยว ในภาคเหนือของรัฐชาน
การสู้รบดำเนินต่อเนื่องจนถึงเวลา 07.00 น. เสียงปืนจึงสงบ ฝ่ายตำรวจพม่าเสียชีวิต 14 นาย รวมถึงนายตำรวจยศร้อยเอกซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาของที่นี่ มีตำรวจสูญหาย 2 นาย นอกจากนี้ ยังมีครอบครัวตำรวจที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่ตั้งสถานีได้รับบาดเจ็บอีก 7 คน ส่วนอาคารสถานีตำรวจถูกเผาจนราบเรียบ
การโจมตีสถานีตำรวจหนองมอนครั้งนี้ สร้างความเสียหายอย่างหนักแก่กองทัพพม่าได้อีกครั้งหนึ่ง นับแต่เกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์เป็นต้นมา หลังถูกโจมตี กองทัพพม่าได้เสริมกำลังลาดตระเวนเข้มตลอดแนว ตั้งแต่เมืองหนองมอนขึ้นไปถึงเมืองล่าเสี้ยว พร้อมส่งเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบินว่อนตลอดทั้งวัน
พันธมิตรภาคเหนือเป็นการรวมตัวกันของกองกำลังติดอาวุธ 4 กลุ่ม นอกจากกองทัพตะอั้ง โกก้าง และอาระกันแล้ว กองทัพเอกราชคะฉิ่นก็รวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ในระยะหลัง ปฏิบัติการที่ทำในนามพันธมิตรภาคเหนือมักมีเพียง 3 กลุ่มแรกเป็นหลัก
การโจมตีสถานีตำรวจหนองมอนครั้งนี้ คล้ายคลึงกับสถานการณ์เมื่อกลางเดือนสิงหาคม 2562 ที่พันธมิตรภาคเหนือเปิดฉากยิงจรวจถล่มโรงเรียนนายร้อยเทคนิคทหารในเมืองปินอูลวิน ภาคมัณฑะเลย์ จนมีนายทหารเสียชีวิตหลายนาย จากนั้นได้วางระเบิดสะพานก๊กตวิน ในหุบเขาก๊กเทค เพื่อตัดการขนส่งสินค้าที่พม่าซื้อขายกับจีน
การสู้รบระหว่างกองทัพพม่ากับพันธมิตรภาคเหนือครั้งนั้น ดำเนินอย่างรุนแรงต่อเนื่องไปอีก 3 เดือน พื้นที่ปะทะขยายออกไปเป็นวงกว้าง ตั้งแต่จังหวัดจ๊อกแม ล่าเสี้ยว ขึ้นไปถึงหมู่เจ้ จนในปลายเดือนตุลาคมจึงเริ่มมีกระบวนการเจรจาสงบศึก แต่ยังไม่ทันได้บรรลุผล เกิดการระบาดของโควิด-19 ขึ้นมาเสียก่อน ทำให้การเจรจาต้องยุติไปโดยปริยาย
สำหรับเมืองหนองมอนซึ่งเป็นเป้าหมายโจมตีครั้งใหม่เมื่อวานนี้ ตั้งอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 3 หมู่เจ้-ล่าเสี้ยว-มัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมและขนส่งสินค้าที่สำคัญของรัฐชาน และอยู่ในแนวเดียวกับพื้นที่สู้รบที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน (ดูแผนที่เมืองหนองมอนประกอบ)
ทั้งกองทัพตะอั้ง โกก้าง อาระกัน และคะฉิ่น อยู่ในกลุ่มซึ่งเรียกตัวเองว่า Myanmar Peace Commission and Federal Political Negotiation Consultative Committee : FPNCC ที่มีสมาชิกเป็นกองกำลังติดอาวุธ 7 กลุ่ม นอกจาก 4 กลุ่มข้างต้นที่รวมกันเป็นพันธมิตรภาคเหนือแล้ว ยังมีกองทัพสหรัฐว้า (UWSA) พรรคก้าวหน้ารัฐชาน (SSPP/SSA) และกองทัพเมืองลา (NDAA)
FPNCC เป็นกองกำลังติดอาวุธที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาหยุดยิงทั่วประเทศ (NCA) กับรัฐบาลพม่า มีกองทัพสหรัฐว้าเป็นแกนนำ ต่างจากกองกำลังติดอาวุธอีก 10 กลุ่ม ที่ได้เซ็น NCA แล้ว และรวมตัวกันในนามคณะทำงานกระบวนการสันติภาพ (PPST : Peace Process Steering Team) นำโดยกองทัพสภาเพื่อการกอบกู้รัฐชาน (RCSS/SSA)
หลังกองทัพพม่าทำรัฐประหาร PPST ได้จัดประชุมกัน 3 ครั้ง ยืนยันท่าทีคัดค้านการยึดอำนาจ และเห็นด้วยกับแนวทางเคลื่อนไหวของสมาชิกพรรค NLD ที่รวมตัวกันเป็นคณะกรรมการตัวแทนรัฐสภา (CRPH) เคลื่อนไหวต่อต้านกองทัพพม่าด้วยปฏิบัติการอารยะขัดขืน (CDM) และประกาศจะยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2008
ขณะที่สภาเพื่อการกอบกู้รัฐชาน (RCSS) ในฐานะประธาน PPST ได้แสดงจุดยืนตั้งแต่วันแรกที่กองทัพพม่าเข้ายึดอำนาจว่า ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารครั้งนี้ และขอยืนอยู่ข้างประชาชน ทำให้กองทัพพม่าประกาศว่าในเร็วๆ นี้ อาจมีการโจมตีที่มั่นทางทหารของ RCSS ที่มีอยู่หลายพื้นที่ในรัฐชาน โดยเฉพาะที่จังหวัดจ๊อกแมในภาคเหนือ และตามแนวชายแดนไทยในภาคใต้
มีรายงานว่า ระหว่างวันที่ 7-8 เมษายนที่ผ่านมา พล.ท.ยะ ปยี ประธานคณะกรรมการเจรจาสันติภาพ กองทัพพม่า และ พล.ท.อ่อง ส่อ เอ ได้เดินทางไปยังเมืองมัตหม่าน ในพื้นที่เขตพิเศษหมายเลข 2 สหรัฐว้า (UWSA) และที่บ้านไฮ อำเภอเกซี จังหวัดดอยแหลม ซึ่งเป็นฐานบัญชาการใหญ่ของพรรคก้าวหน้ารัฐชาน (SSPP)
ตามข่าวที่ The Irrawaddy เสนอเมื่อวานนี้ ระบุว่า พล.ท.ยะ ปยี ไปยังฐานบัญชาการของ 2 กองทัพชาติพันธุ์ในรัฐชานครั้งนี้ เพื่อต้องการอธิบายเหตุผลในการทำรัฐประหารของกองทัพพม่า พร้อมเสนอแนวทางพูดคุยสันติภาพ และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 กองทัพชาติพันธุ์กับกองทัพพม่า โดยเฉพาะกองทัพสหรัฐว้า ซึ่งเป็นกองกำลังชาติพันธุ์ที่ใหญ่และมีอาวุธที่ทันสมัยที่สุด
พล.ท.ยะ ปยี เดินทางไปพบกับ จ่าว ก่อ อาง รอง ผบ.กองทัพสหรัฐว้า ในวันที่ 7 เมษายน The Irrawaddy ได้สอบถามไปยัง อู ญี ราน โฆษก UWSA แต่ อู ญี ราน ไม่สามารถให้รายละเอียดการพูดคุยระหว่างประธานคณะกรรมการเจรจาสันติภาพของกองทัพพม่า กับรอง ผบ.กองทัพสหรัฐว้าได้ โดยให้เหตุผลว่าเขาไม่ได้เข้าประชุมด้วย
ก่อนหน้า พล.ท.ยะ ปยี จะเดินทางไปยังฐานบัญชาการของกองทัพสหรัฐว้า ในวันที่ 5 เมษายน เว็บไซต์กองทัพพม่าได้เผยแพร่กิจกรรมของ บก.ภาคสามเหลี่ยม ซึ่งมีกองบัญชาการอยู่ในจังหวัดเชียงตุง ที่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปให้การอบรมเกี่ยวกับสุขภาพ และการดูแลรักษาผู้ป่วยให้แก่หน่วยทหารของกองทัพสหรัฐว้า และครอบครัวของเหล่าทหาร ที่โรงพยาบาลบ้านฮุง ใกล้กับเมืองลา ในรัฐชานภาคตะวันออก
หลังจาก พล.ท.ยะ ปยี กลับจากการพูดคุยกับ รอง ผบ.กองทัพสหรัฐว้าแล้ว ปรากฏว่าในวันที่ 9 เมษายน เพจ Wa Nation society lifestyle ซึ่งเป็นเพจที่มักถูกใช้เผยแพร่กิจกรรมของกองทัพสหรัฐว้า ได้เผยแพร่ภาพนายทหารว้าผู้หนึ่งกำลังยืนชู 3 นิ้ว พร้อมเขียนคำบรรยายสั้นๆ ว่า การเข้าร่วม “ต่อต้านฤดูใบไม้ผลิ” ซึ่งเป็นคำที่ฝ่ายต่อต้านรัฐประหารใช้เรียกความเคลื่อนไหวของพวกตน
ในวันที่ 8 เมษายน ซึ่ง พล.ท.ยะ ปยี เดินทางไปยังบ้านไฮ เพื่อเจรจากับเจ้าป่างฟ้า ประธานพรรคก้าวหน้ารัฐชาน ปรากฏว่าขณะที่เฮลิคอปเตอร์ของ พล.ท.ยะ ปยี กำลังบินวนอยู่เหนือบริเวณบ้านไฮ มีทหารของพรรคก้าวหน้ารัฐชานนายหนึ่งใช้อาวุธยิงใส่เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าว ทำให้มีนายทหารที่ร่วมเดินทางไปด้วย 1 นาย ได้รับบาดเจ็บ ต้องรีบบินกลับเมืองล่าเสี้ยว เพื่อพาตัวไปรักษาในโรงพยาบาล
พ.อ.จาย พน หาญ โฆษกกองทัพพรรคก้าวหน้ารัฐชาน อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ทหารภาคพื้นดินเกิดความเข้าใจผิด เมื่อเห็นเฮลิคอปเตอร์บินวนอยู่หลายรอบ จึงได้ใช้อาวุธยิงใส่ขึ้นไปยังเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นจนได้รับความเสียหาย.